หมอดูยอดอัจฉริยะ 269 ขาดทายาท (1)

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 269 ขาดทายาท (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 269 ขาดทายาท (1)

“พี่เยี่ย ถ้าเราเขียนจดหมายรายงาน ตำรวจจะตามมาหาแล้วตรวจสอบอีกหรือเปล่า”

โจวเซี่ยวเทียนยังคงเป็นกังวลอยู่ในใจ เนื่องจากขนาดของสุสานนี้ใหญ่มาก ถ้าหากว่าถูกกรมส่งเสริมวัฒนธรรมรู้ ก็จะทำให้เกิดข่าวครึกโครม สำนักงานที่เกี่ยวข้องก็จะมาตรวจสอบถึงที่สุด มันจะเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่

หลังจากได้ยินคำพูดของโจวเซี่ยวเทียน เยี่ยเทียนหัวเราะขึ้น ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่เป็นไร แกคิดว่าไม่ว่าคดีอะไร ตำรวจจะถอดรหัสได้ทั้งหมดหรือไง ไม่มีเบาะแสให้ติดตามมาถึงพวกเราหรอก ไม่ต้องห่วง”…

เนื่องจากความสัมพันธ์กับลู่เชิน เยี่ยเทียนมักจะได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวน ตามที่เขารู้มาคดีที่ไม่สามารถสืบสวนได้ของทุกปี สำนักงานตำรวจน่าจะเต็มไปด้วยห้องเก็บเอกสารหลายห้อง คดีที่สืบสวนไม่ได้มีเยอะแยอะมากมาย

และเขากับโจวเซี่ยวเทียนก็ไม่มีคดีใดๆ ติดตัว ครั้งนี้มาชู่หยางก็เปลี่ยนป้ายทะเบียนรถ พักอยู่ที่โรงแรมไม่มีใบอนุญาต จึงไม่กลัวตำรวจไปตรวจสอบ

“ไปเถอะ ไปเอาจดหมายนี้ใส่ในกล่องจดหมายซะ” หลังจากเยี่ยเทียนเขียนจดหมายรายงานเสร็จ ใส่ในซองจดหมาย และพูดกับโจวเซี่ยวเทียนเมื่อยื่นให้เขาว่า “ระวังลายนิ้วมือและอย่าทิ้งไว้ข้างบน”

“ได้ครับ” เมื่อเห็นเยี่ยเทียนยืนยัน โจวเซี่ยวเทียนพยักหน้า จับซองด้วยสองปลายนิ้วและลงจากรถ เห็นกล่องส่งจดหมายสีเขียวอยู่ไม่ไกลจากริมถนน

จริงๆ แล้วโจวเซี่ยวเทียนไม่รู้ เยี่ยเทียนที่ยืนยันรายงานเรื่องสุสานใหญแห่งนี้ อย่างแรกก็คือไม่อยากให้เจ้าของสุสานนั้นถูกทิ้งกระดูกไว้อย่างนั้น สิ่งของที่ฝังมาพร้อมกับศพจะได้รับการรักษาอย่างเรียบร้อย

อย่างที่สองก็คือเยี่ยเทียนก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถหาเบาะแสจากกล่องไม้นั้นได้หรือเปล่า ดังนั้นเขาจึงต้องการทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเจ้าของสุสานผ่านทางการ โดยทั่วไปแล้วการค้นพบทางโบราณคดีที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ มักจะเปิดเผยต่อสาธารณชน

หลังจากโจวเซี่ยวเทียนขึ้นรถ เยี่ยเทียนถามว่า “ให้ฉันส่งแกไปที่ถางซานหรือเปล่าแล้วรับแม่แกไปปักกิ่งด้วยกันดีไหม”

“ไม่…ไม่ต้องแล้วพี่เยี่ย ไม่ต้องรบกวนพี่แล้ว ผมพาแม่ไปหาพี่เองดีกว่า” โจวเซี่ยวเทียนโบกมืออย่างต่อเนื่อง เขาลังเลสักพักแล้วพูดว่า “พี่เยี่ย ผม…แม่ผมยังไม่รู้เรื่องของผมที่ไปปล้นสุสาน”

โจวเซี่ยวเทียนเป็นลูกกตัญญู ตอนที่พ่อและปู่ของเขายังอยู่ต่างก็เป็นนักวิชาการท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง ถ้าแม่ของเขารู้ว่าเขาได้ทำเรื่องแบบนี้ โจวเซี่ยวเทียนคาดว่าแม่ของเขาคงจะโกรธจนตาย

“ได้ ฉันรู้แล้ว”

เยี่ยเทียนพยักหน้า เอาเงินกองหนึ่งออกมาจากระเป๋า เงินมีประมาณหนึ่งพันหยวนกว่าๆ แล้วยื่นให้โจวเซี่ยวเทียนแลกล่าวว่า “บอกแม่แกว่าได้เจ้านายที่ดีในปักกิ่ง เจ้านายเป็นคนดี ที่อยู่ในบ้านก็กว้างขวางให้แกมาได้อย่างวางใจก็แล้วกัน”

เรือนใหม่ของเยี่ยเทียนไม่เหมะสำหรับโจวเซี่ยวเทียนกับคุณแม่พักอยู่ แต่เรือนเก่าของเยี่ยเทียนก็เป็นเรือนสี่ประสานเหมือนกัน ข้างในยังมีห้องว่างเยอะแยอะมากมาย ไม่ว่าโจวเซี่ยวเทียนและแม่ของเขามาอีกหลายครอบครัว เข้ามาพักก็ไม่แออัดเลย

“ขอบ…ขอบคุณพี่เยี่ย”

ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน น้ำตาของโจวเซี่ยวเทียนไหลออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาใช้มือเช็ดน้ำตา “พี่เยี่ย ผมไปแล้วนะ พี่วางใจได้ ผมจะไปปักกิ่ง จะพยายามทำงานแน่ๆ ครับ”

เมื่อมองโจวเซี่ยวเทียนลงจากรถเดินเข้าสู่สถานีรถโดยสารทางไกล เยี่ยเทียนก็ขับรถไปยังปักกิ่ง หลังจากที่เขาลงจากทางด่วนและเข้าสู่ดินแดนปักกิ่งแล้ว เยี่ยเทียนจึงหาสถานที่ห่างไกลและไร้ผู้คน เปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนให้เรียบร้อย

“พ่อ วันนี้ไม่ได้ไปพานเจียหยานหรือ”

เยี่ยเทียนไม่ได้กลับไปที่เรือนเก่าแต่ขับรถตรงเข้าไปในโรงรถของเรือนสี่ประสาน ใครจะรู้ว่าเพิ่งเปิดประตูด้านในของลานหลัง ก็เห็นพ่อยืนอยู่หน้าประตูโดยสีหน้าไม่ดี

“ไอ้ลูกเลว ทิ้งคนป่วยไว้ที่บ้านสี่ห้าวัน ไม่คิดจะกลับมาเยี่ยมหน่อยหรือ”

หลังจากสั่งสอนลูกชายสักพัก เยี่ยตงผิงเห็นรถรักของเขาเหมือนไปลุยน้ำลุยโคลนมา ดวงตาของเขาก็จ้องเขม็ง “แกเอารถฉันไปทำอะไรมา ทำไมรถกลายเป็นอย่างนี้!?”

เยี่ยตงผิงเคยเป็นคนจน ที่เป็นหน้าเป็นตาของเขาเมื่อออกไปข้างนอก ก็คือรถคันเก่านี้ซึ่งขับมาสามหรือสี่ปีแล้ว โดยปกติมันได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เมื่อเห็นลูกชายทำให้รถเป็นอย่างนี้ ก็รู้สึกโกรธมาก

“พ่อ เงินที่อยู่ในบัญชีของพ่อไง เอาไปซื้อรถคันใหม่เถอะ รถคันนี้ก็ขายไปเถอะนะ”

เยี่ยเทียนตั้งแต่เด็กไม่กลัวที่จะถูกตี เขาไม่สนใจแม้แต่ความโกรธของพ่อ มัวแต่เปิดกระโปรงหลังรถ ยื่นมือไปจับด้ามของง้าว  ดึงด้วยแรง ง้าวของขลังที่เปล่งแสงเย็นในความเรียบง่ายปรากฏขึ้นตรงหน้าเยี่ยตงผิง

“นี่…นี่แกไปได้มาจากไหน?”

เมื่อเห็นว่าในมือของลูกชายมีง้าวขึ้นมาเหมือนเล่นกล ตาของเยี่ยตงผิงก็ลุกวาวตรงเข้าไปและเอื้อมมือออกไปคว้าด้าม อยากจะเล่นกับมัน

“พ่อ ระวังนะ นี่มันหนักประมาณเจ็ดสิบหรือแปดสิบกิโล ระวังเท้าด้วย” เยี่ยเทียนเตือนพ่อของเขาและวางง้าวลงบนพื้น

“หนักขนาดนี้หรือ?”

เยี่ยตงผิงพยายามยกง้าวขึ้น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีทันทีเขาเป็นชายในวัยสี่สิบปีเพียงแค่สามารถยกง้าวนี้ได้นิดหน่อย ถ้าหากว่าการถือให้มั่น นั่นก็อย่าแม้แต่คิดเลย

“ของดีอะ หัวเสือคายออกมาเป็นด้ามจับส่วนมังกรเป็นกก้านให้หัวเสือ มันเป็นของขลังครับพ่อ”

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถสัมผัสถึงกระแสพลังฟ้าดินได้เหมือนลูกชาย แต่เยี่ยตงผิงยังสามารถรับรู้ถึงความหนาวเย็นจากอาวุธร้ายเล่มนี้

หลังจากดูรายละเอียดใกล้ๆ แล้วเยี่ยตงผิงมองไปที่ลูกชาย แล้วถามว่า “เยี่ยเทียน ง้าวนี้มีมาหลายปีแล้ว มันควรจะเป็นง้าวขนาดใหญ่ในราชวงศ์ถัง สิ่งของลักษะณะแบบนี้ แกไปได้มาจากไหน?”

ลักษณะที่ปรากฏเป็นมาตรฐานที่ใช้ในการตัดสินวัตถุโบราณ ว่าสิ่งของได้รับการเก็บรักษาไว้ดีเพียงใด ที่ปรากฏต่อสายตาของเยี่ยตงผิงคือ มันเป็นสิ่งของที่สมบูรณ์แบบและไม่มีข้อบกพร่อง

เยี่ยเทียนก็ไม่อยากปิดบังพ่อของเขา เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันนขโมยมาจากหลุมฝังศพหน่ะพ่อ  แต่นี่คือง้าวปกป้องเรือน วางมันไว้ที่บ้าน ในภายหลังจะไม่มีอะไรกล้าเข้าประตูเลย…”

“ไร้สาระ!” แกคิดว่าพ่อไม่เคยลงหลุมฝังศพหรือไง สิ่งของที่ขุดออกมาจากหลุมฝังศพจะมีลักษณะแบบนี้ได้ยังไง บอกมาตรงๆเถอะว่าซื้อมาในราคาเท่าไหร่”

เยี่ยตงผิงไม่สนคำพูดของลูกชาย เพราะถึงแม้ว่าหลุมฝังศพโบราณถูกรักษาไว้ดีแค่ไหน แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ถูกกัดเซาะด้วยน้ำและโคลน ประกอบด้วยเวลาและอากาศ จะมีลักษณะแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด

ดังนั้นในมุมมองของเยี่ยตงผิง สิ่งนี้ควรเป็นมรดกสืบทอดของใคร ที่ถูกลูกเขาหลอกลวงมา

“จีจี…จีจี!”

ในขณะที่เยี่ยตงผิงถามลูกชายของเขา เหมาโถวไม่รู้ว่าออกมาจากไหน พอเห็นเยี่ยเทียนก็คลานขึ้นไปบนหัวของเขาทันทีและคว้าผมของเยี่ยเทียนด้วยสองอุ้งเท้าอย่างแรง

เยี่ยเทียนเอื้อมมือไปคว้าเหมาโถวลงมา และยิ้มว่า “ปลาในบ้าน แกกินหมดแล้วหรือ”

จีจี!

เหมาโถวส่ายหัวเล็กๆ อย่างแรง ราวกับว่ามันไม่อยากตอบคำถามนี้ หลังจากหลุดจากมือของเยี่ยเทียน มันเห็นง้าวขนาดใหญ่วางอยู่บนพื้น ดวงดาสีดำๆ เหมือนอัญมณีก็สว่างขึ้น

แม้ว่ากระแสพลังพิฆาตหยินของง้าวนั้นถูกจำกัดไว้ข้างในทั้งหมด แต่แรงสัมผัสของเหมาโถวนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ตั้งเยอะ และมันก็ชอบที่ที่มีกระแสพลังพิฆาตหยินอยู่อยู่แล้ว

มันสามารถสัมผัสได้ว่ามีกระแสพลังพิฆาตหยินในง้าวนี้มากกว่าโคมไฟไฟจูเชวี่ยเล่มนั้น มันผละออกกจากเยี่ยเทียนแล้วก็ปีนขึ้นไปตามด้ามง้าว ไม่ยอมที่จะคลายกรงเล็บของมัน

“เจ้านี่…”

เยี่ยเทียนยิ้มแล้วส่ายหัว เขาหันหลังกลับเพื่อไปเปิดประตูด้านหลัง และหยิบกระดูกออกมาเขาพูดกับเยี่ยตงผิงว่า “พ่อ กลับไปคุยต่อที่บ้านเถอะ ครั้งนี้ผมปล้นสุสานจริงๆ ข้างในของกระเป๋านี้ก็คือโครงกระดูกศพของผู้อาวุโสท่านนั้น”

“กระดูกคนตายหรือ? แกเอาสิ่งนี้กลับบ้านทำไม?” เยี่ยตงผิงที่กำลังอยากถามสิ่งที่เยี่ยเทียนถืออยู่นั้นเป็นอะไร กลับตื่นตระหนกโดยคำพูดของลูกชาย รีบถอยหลังออกมาสองสามก้าว

เยี่ยเทียนบุ้ยปากและกล่าวว่า “หากไม่มีผู้อาวุโสคนนี้ ผมก็ไม่สามารถได้ง้าววิเศษเล่มนี้เลยนะ”

“แกมีกลิ่นโคลนนี่ นี่ไปปล้นสุสานมาจริงๆ หรือ?” เยี่ยเทียนไม่ได้อาบน้ำหลังจากออกมาจากสุสานโบราณเมื่อเช้านี้ เมื่อขับรถตรงกลับบ้านทำให้กลิ่นของร่างกายนั้นไม่สามารถปกปิดได้

“เมื่อครู่บอกพ่อ พ่อก็ไม่เชื่อนี่” เยี่ยเทียนเกลียดกับกลิ่นตัวของเขามาก และเอ่ยปากพูดว่า “พ่อ ปิดรถให้ดีๆ นะ ผมยังมีบางสิ่งบางอย่างอยากจะถามพ่อ”

เยี่ยเทียนอยากรู้ประวัติ อายุของง้าว และเสื้อคลุมแบบนักบวชเต๋าในกล่องไม้นั้นมาก เขาจึงต้องการให้พ่อเขามาสำรวจหน่อย

เยี่ยเทียนมือข้างหนึ่งถือกระเป๋ากระดูกศพ เดินข้างหน้าก้าวหนึ่ง แล้วอีกหนึ่งมือหิ้วง้าวที่วางบนพื้น แต่เหมาโถวกอดง้าวด้วยสี่อุ้งเท้าอย่างแน่นๆ ยังไงก็ไม่ยอมลง

“แกเนี่ยนะ หยุดเดี๋ยวนี้เลย…”

“ทำไมรถเป็นอย่างนี้ล่ะ”

เยี่ยเทียนเพิ่งเดินออกจากโรงรถ เสียงของเยี่ยตงผิงก็ออกมาจากข้างหลัง ใบของง้าวเล่มนี้มีความหนามาก จนเกือบจะตัดเหล็กทั้งชิ้นของกระโปรงหลังรถออกมาได้

หลังจากได้ยินเสียงตะโกนของพ่อ เยี่ยเทียนก็เร่งฝีเท้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อหนีกลับไปที่ห้องของตน เอาสิ่งของทั้งหมดที่อยู่บนตัวเขาวางลง แล้วก็เข้าไปห้องอาบน้ำอย่างรวดเร็ว

หลังจากอาบน้ำนานกว่าครึ่งชั่วโมง โดยถูขี้เถ้าสองชั้นบนร่างกายของเขา เยี่ยเทียนถึงออกมาจากห้องอาบน้ำ และสวมชุดฝึกซ้อมตามปกติ แล้วถึงไปที่ลานกลาง

“ เฮ้ เป็นไงบ้าง หนึ่งล้านหยวนต่อวันไม่เสียหายใช่ไหม?”

เพิ่งเข้าสู่ลานกลาง ก็มองเห็นถังเหวินหย่วนนั่งอยู่บนเก้าอี้หินและพูดคุยกับเยี่ยตงผิง เยี่ยเทียนหัวเราะขึ้นอย่างอดไม่ได้ ถังเหวินหย่วนเพียงแค่พักอยู่ที่นี่สามหรือสี่วัน ไฝผู้สูงอายุบนใบหน้าเขาก็จางจืดไม่น้อย

“เยี่ยเทียน ฉันไม่เคยเห็นคุณอยู่ที่นี่เลย อย่างที่คุณพูด ฉันมาที่นี่ทุกๆ สองวันนะ” ถังเหวินหยวนกลัวเด็กคนนี้ที่ชอบเอาเงิน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ขาดเงินและมีเงินเยอะ แต่รสชาติที่ถูกคนรีดไถ รสชาตินั้นไม่สบายใจเลย

“ไม่เป็นไร พักอยู่อีกหนึ่งหรือสองวันก็ไม่เป็นไรนะ ผมจะให้คุณราคาพิเศษ”

เยี่ยเทียนโบกมืออย่างใจกว้างแล้วมองพ่อที่สีหน้าไม่ดี “พ่อ มาลานหลังหน่อยนะ ผมมีเรื่องอยากถามพ่อ”

“ เฮ้ เยี่ยเทียน โรคของเสวียเสวี่ยนั้น? ถึงแม้ว่าไม่กี่วันมานี้อาการของหลานสาวจะดีขึ้นมาก แต่เยี่ยเทียนไม่ได้ให้ยา และไม่ไปดูอาการเขา ในใจของถังเหวินหยวนยังคงมีความกังวล

“ไม่เป็นไร ผมจะต้มยาให้เสวียเสวี่ยตอนกลางคืนนะ คุณวางใจได้เลย”

ตอนนี้เยี่ยเทียนกำลังคิดถึงฐานะของเจ้าของสุสานโบราณแห่งนั้นอยู่ จะมีเวลาไหนมาคุยกับชายชราคนนี้เล่า พูดเสร็จก็ลากพ่อของเขาเข้าห้องตนอย่างรวดเร็ว

……

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด