หมอดูยอดอัจฉริยะ 270 ขาดทายาท (2)

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 270 ขาดทายาท (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 270 ขาดทายาท (2)

หลังตามลูกชายเข้าไปในห้อง เยี่ยตงผิงพูดอย่างไม่พอใจว่า “เหล่าถังนั้นมีอายุมากแล้ว พ่อว่าแกพูดดีๆ กับเขาหน่อยไม่ได้หรือ”

แม้ว่าไม่ได้รู้สถานะของชายชรา แต่อายุขนาดนี้ก็ควรให้ความเคารพ คนที่รู้นิสัยของเยี่ยเทียนก็คงจะไม่ว่าอะไร แต่คนที่ไม่รู้ก็จะคิดว่า บ้านเหล่าเยี่ยไม่มีการสั่งสอนอบรมภายในครอบครัว

“พ่อ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปให้ความเคารพคนอื่น เมื่อเหล่าถังคนนี้เริ่มต้นทำธุรกิจของเขา ก็มีเลือดเปื้อนอยู่ในมือเขาไม่น้อย   ทำไมผมต้องเคารพเขาด้วยล่ะ?”

เยี่ยเทียนเบ้ปาก แม้ว่าเขาจะไม่ทราบประวัติการตั้งตัวของถังเหวินหย่วน แต่ดูจากโฉมหน้าของถังเหวินหย่วนในช่วงแรกก็สามารถเห็นได้ว่า ชายชราคนนี้ไม่ใช่คนดี

แต่เพียงแค่หลังจาากเขากลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงแล้ว ถังเหวินหย่วนเชื่อในเทพเจ้าก็เลยทำบุญเยอะแยอะมากมาย มันก็ทำให้กระแสพลังพิฆาตหยินสลายไปไม่น้อย

“เออ ฉันพูดอะไรกับแกได้ซะที่ไหนกัน แล้วนี่เรียกฉันมาทำอะไร?” เยี่ยตงผิงทำอะไรไม่ได้กับลูกชายคนนี้จริงๆ ทุกๆ วันเต็มไปด้วยการพูดแปลกเพี้ยน

“พ่อ ฉันจ้างคนงานคนหนึ่งมาให้ทำงานที่ร้านชื่อ โจวเซี่ยวเทียน  เป็นคนที่ขายโคมไฟจูเชวี่ยให้ฉันในตลาดมืดจี่เหรินครั้งที่แล้ว… “

เยี่ยเทียนก็ไม่ได้พูดถึงความเป็นมาง้าวเล่มนี้ เขาบอกพ่อแค่เรื่องโจวเซี่ยวเทียนจะมาทำงานก่อน เพราะมันไม่ใช่ร้านของเขา เยี่ยเทียนก็แค่ถือได้ว่าเป็นแค่เพียงหุ้นส่วน

“แล้วจะติดต่อกับเขาได้ยังไง?”

หลังจากได้ยินคำพูดของลูกชายแล้ว เยี่ยตงผิงก็ดูประหลาดใจและพูดว่า “มันก็ต้องลองดูก่อน ในอาชีพธุรกิจวัตถุโบราณที่มีความซับซ้อน และเป็นที่จับตามอง คนที่เข้ามาทำธุรกิจนี้ได้ การรักษาความลับเป็นสิ่งสำคัญ ความประพฤติต้องไม่ด่างพร้อย คนนั้นเป็นโจรปล้นสุสาน เชื่อได้หรือเปล่า”

ถึงแม้ว่าในร้านจะไม่มีวัตถุโบราณที่มีค่ามากนัก แต่การดูแลลูกค้าที่หน้าร้านจะต้องให้ความเป็นส่วนตัวมาก ถ้าหากว่าได้คนปากมาก คอยแต่ส่งเสียงบอกชาวบ้านว่าเจ้านายฝั่งนี้เพิ่งได้ของดีมา คนแบบนี้ก็ไม่เอา

“พ่อ คนนี้ไม่เหมือนกัน  อย่ามองเขาเหมือนผู้ใหญ่จริงๆ แล้วเขาอายุน้อยกว่าฉันหนึ่งปี และเขาเป็นลูกกตัญญูมาก เขาไปปล้นหลุมฝังศพก็เพื่อหาเงินพาแม่ไปหาหมอ…”

เพื่อที่จะกำจัดความกังวลของพ่อ เยี่ยเทียนเล่าถึงความประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับโจวเซี่ยวเทียนอย่างรายละเอียด นี้แม้แต่เรื่องที่เขาขอความช่วยเหลือจากตนก็พูดออกมา แต่เรื่องที่เกี่ยวกับฮวงจุ้ยในการฝังศพแล แต่เรื่องตระกูลโจวแห่งฉีเหมินพูดน้อยมาก

“เฮ้ นี่เป็นเด็กดี แต่ก็เป็นเด็กโชคร้าย แต่ว่าเยี่ยเทียน สมัยนี้มีผู้คนที่น่าสงสารเยอะแยอะมากมาย คนเดียวแกช่วยได้ แต่แกจะช่วยคนทั้งหมดได้หรือ”

เยี่ยตงผิงเห็นด้วยกับความตั้งใจของลูกชายที่อยากช่วยเหลือผู้อื่น แต่ในสังคมแบบนี้ผู้ที่โชคร้ายกว่าโจวเซี่ยวเทียนมีเยอะแยะ เยี่ยตงผิงก็ไม่เห็นด้วยหรอก ถ้าลูกชายเขาอยากเป็นคนดีที่ไร้เงื่อนไข

“พ่อ พ่อดูผมเหมือนคนที่ว่างมากหรือ พบเจอใครก็ไปช่วยเขาหมด”

เยี่ยเทียนฟังแล้วเบ้ปาก กล่าวว่า “สำนักของโจวเซี่ยวเทียนกับอาจารย์ของผมมีความสัมพันธ์กันเล็กน้อย ก็เป็นคนในยุทธภพ  ยังไงพบกันแล้วก็จำเป็นต้องช่วยเหลือ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาจะตายหรือเป็น ผมก็ไม่สนหรอก”

เยี่ยเทียนพูดความจริง เมื่อหลี่ซั่นหยวนเพิ่งออกท่องเที่ยวในยุทธภพ มีการสัมผัสกับคนตระกูลโจวจริงๆ ไม่ยังงั้นเยี่ยเทียนก็จะไม่ได้ยินเรื่องที่เกี่ยวกับตระกูลโจวจากปากอาจารย์หรอก

“ตกลง ถึงเวลานั้นก็ปล่อยให้แม่และลูกสองคนนั้นมาอยู่ที่บ้านเราเถอะ ถ้าเขามีความสามารถจริงๆ พ่อก็จะไม่เอาเปรียบเขาหรอก”

หลังจากได้ยินคำพูดของลูกชาย เยี่ยตงผิงรู้สึกวางใจและหยิบบัตรธนาคารสามใบออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วยื่นไปให้เยี่ยเทียน พูดว่า “ฉันทำบัตรหนึ่งล้านหยวนไว้สามใบ แกเอาไปเถอะ เงินที่เหลือก็ไปฝากไว้ที่ธนาคารทั้งหมด เมื่อแกต้องการจะถอนเงินก็มาบอกพ่อหน่อยก็แล้วกัน”

ในโลกนี้การที่ลูกจะใช้เงินพ่อเป็นเรื่องปกติ แต่พ่อใช้เงินลูกคงมีไม่กี่คนหรอก เยี่ยตงผิงก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน เขายอมให้ถังเหวินหย่วนโอนเงินให้เขา เพียงเพราะว่ากลัวเยี่ยเทียนใช้เงินฟุ่มเฟือยเท่านั้นเอง

“ผมเอาหนึ่งล้านหยวนก็พอ…”

เยี่ยเทียนส่ายหัว หลังจากดึงบัตรใบหนึ่งออกมา และคืนอีกสองใบกลับไป “พ่อ หนึ่งล้านนี้พ่อเอาไปซื้อของเก่าเถอะ ส่วนอีกหนึ่งล้านก็ถือว่าลูกส่งให้พ่อ”

เมื่อตอนที่เขาซื้อยาที่เหอเป่ย เขาใช้เงินในบัญชีของพ่อจนเกือบหมด แต่พ่อก็ไม่ได้บ่นสักคำมันก็ทำให้เยี่ยเทียนรู้แล้วว่าความรักของพ่อที่มีต่อเขาเหมือนภูเขา

“ก็ได้ งั้นพ่อจะเอาไปซื้อรถคันใหม่” เยี่ยตงผิงรับรู้ความตั้งใจของลูกก็พยักหน้าตกลงอย่างดีใจ

“พ่อ ตามความประสบการณ์ของพ่อ หลุมฝังศพนั้นเป็นของยุคไหนอะ”

หลังจากแก้ไขเรื่องของโจวเซี่ยวเทียนแล้ว เยี่ยเทียนก็ดึงหัวข้อไปที่สุสานโบราณ เยี่ยเทียนนั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับฐานะของเจ้าของหลุมฝังศพโบราณและสิ่งที่เกิดขึ้นในหลายพันปีที่แล้ว

หลุมฝังศพอิฐส่วนใหญ่ปรากฏในเวลาระหว่างปลายราชวงศ์ถังและราชวงศ์ซ่งโดยทั่วไป หลังจากขุดสถานที่บนพื้นดินแล้ว   หลุมฝังศพที่ถูกสร้างขึ้นด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมของสังคมยุคนั้น แล้วก็ใช้ดินฝังปิด…

ตั้งแต่ทำธุรกิจโบราณวัตถุนี้ เยี่ยตงผิงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และรูปแบบทางสังคมของราชวงศ์ต่าง ๆ จากคำอธิบายของลูกชาย เขาก็สามารถประเมินอายุของสุสานแห่งนั้นได้

“อย่างไรก็ตามจักรพรรดิราชวงศ์ถังส่วนใหญ่ถูกฝังในมณฑลส่านซี ส่วนเหอเป่ยเป็นเขตแดนของโยวโจว อำนาจของอาณาจักรราชวงศ์ซ่งที่นั่นอ่อนแอมากก็ยิ่งไม่มีจักรพรรดิอะไรอยู่ที่นี่เลย ขนาดและระเบียบของหลุมฝังศพแห่งนี้จึงแปลกไปเล็กน้อย

เยี่ยตงผิงไม่ได้เห็นการจัดเรียงในหลุมฝังศพด้วยตา เขาจึงไม่สามารถบอกได้ว่าหลุมฝังศพเป็นของใครเพียงแค่ตามคำพูดของลูกชาย โดยเฉพาะมันสร้างขึ้นตามสเปคของจักรพรรดิ ซึ่งก็ทำให้เขายิ่งงงขึ้น

“พ่อ เหอเป่ยน่าจะเป็นฐานของกบฏอันลู่ซันมาก่อนหรือเปล่า อันลู่ซันเคยได้เป็นจักรพรรดิหรือว่าจะเป็นหลุมฝังศพของเขาหรือเปล่านะ”

เยี่ยเทียนคิดเรื่องนี้มาตลอด เขาคิดว่าราวกับว่าระหว่างราชวงศ์ถังและราชวงศ์ซ่ง มีเพียงอันลู่ซันเท่านั้นที่เป็นจักรพรรดิที่ครอบครองเหอเป่ย

เยี่ยตงผิงส่ายหัวและพูดว่า “เป็นไปไม่ได้ อันลู่ซันถูกลูกชายของเขาฆ่าตาย ในเวลานั้นเขาพ่ายแพ้และทุกคนตื่นตระหนก  เพียงแค่ขุดหลุมใต้เตียงเพื่อฝังเขาแต่ต่อมาถึงได้มีคนอื่นขุดศพเขาออกมาภายหลัง…”

เยี่ยตงผิงรู้ดีมากเกี่ยวกับช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ช่วงนี้ อันลู่ซันป่วยเป็นโรคตา ตั้งแต่เริ่มยกทัพต่อสู้กัน การมองเห็นของเขาค่อยๆ จางลง ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ตาบอดทั้งสองข้าง และมองไม่เห็นอะไรเลย

ทำให้เขากลายเป็นคนนิสัยหงุดหงิดมาก มักไม่พอใจการทำงานของข้าราชบริพาลทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ถ้าไม่พอใจก็ลงโทษทันที่ด้วยการทุบตีหรือก่นด่า และถ้าทำผิดก็จะถูกประหารทันที โดยเฉพาะขันทีหลี่จูเอ้อร์ ที่ถูกลงโทษบ่อยที่สุด จนทำให้เขาไม่พอใจ

ในตอนนั้น “พระสนมต้วน” ผู้ได้รับการโปรดปรานจากอันลู่ซันได้ให้กำเนิดลูกชายชื่อ  “อันชี่งเอิน”  ซึ่งเป็นที่รักของอันลู่ซันมาก

ดังนั้น ขุนพลเหยียนจวงจึงร่วมมือกับอันชี่งซวี่ บุตรชายของอันลู่ซันและขันทีหลี่จูเอ้อร์ ก่อกบฏและฆ่าอันลู่ซัน ในวันที่ก่อกบฏพวกเขาเอาศพของอันลู่ซันฝังไว้ที่ใต้เตียงอย่างรีบร้อน เพราะในเวลานั้นพวกเขาถูกล้อมรอบด้วยกองทัพราชวงศ์ถัง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างหลุมฝังศพเพื่ออันลู่ซันแน่นอน

เยี่ยตงผิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ง้าวเล่มนี้เป็นของที่เกิดในสมัยราชวงศ์ถัง พ่อจำได้ว่าเคยมีคนใช้มัน แกรอสักครู่พ่อจะกลับไปที่เรือนเก่าไปค้นหาข้อมูลก่อน”

สิ่งที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับการเก็บของเก่าคือการสืบทอดอย่างเป็นระเบียบ ดังนั้นเยี่ยตงผิงจึงไม่จำเป็นต้องรู้จักคนมีชื่อเสียงทุกคนในประวัติศาสตร์ แต่เขาก็ยังมีความประทับใจในสิ่งของที่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์

คนที่สามารถใช้อาวุธชนิดนี้ได้คงเป็นขุนพลที่กล้าหาญคนหนึ่งในสมัยนั้นด้วยเช่นกัน เมื่อเห็นพ่อของเขารีบออกไปค้นหาข้อมูล เยี่ยเทียนก็ส่ายหัว สายตาจ้องมองไปที่กล่องไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะ

มีการเขียนลายมือบนเสื้อคลุมแบบนักบวชเต๋าที่ขาดแล้วในกล่องไม้นี้ ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงไม่กล้าที่จะแตะต้องมันแม้แต่น้อยและตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เบาะแสอะไรจากพ่อ ผู้ซึ่งเป็นความหวังทั้งหมด

หลังจากคิดครู่หนึ่ง เยี่ยเทียนเอื้อมมือคว้าเจ้าเหมาโถวที่กำลังกอดง้าวขึ้นมา แล้วก็โยนมันออกไปข้างนอกพูดว่า “ ไปเล่นข้างนอกเถอะ แกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในบ้านหลังนี้ภายในครึ่งชั่วโมง”

“จีจี…จีจี” เหมาโถวยืนตัวตรง โบกสองอุ้งเท้าหน้าอยู่ตลอดเวลาราวกับว่าจะประท้วงความโหดเหี้ยมของเยี่ยเทียน

“กล้าไม่เชื่อฟังหรอ งั้นปล่อยให้แกไปอยู่ที่เรือนเก่าสักสองสามวันเป็นไง?” เยี่ยเทียนจ้องมองเหมาโถวที่ใช้สองอุ้งขาหน้าปิดตาและหลบหนีอย่างรวดเร็ว มันยังสนุกไปกับกระแสพลังฟ้าดินที่นี่ ไม่ว่ายังไงมันก็จะไม่ไปเรือนเก่าหรอก

“แกนี่ รู้วิธีหลีกเลี่ยงความชั่วร้ายดีนัก…”

เยี่ยเทียนหัวเราะอย่างสนุกสนานด้วยท่าทางที่ตลกของเจ้าเหมาโถว เจ้าตัวเล็กนี้แสนรู้มากมันสามารถเข้าใจได้ทุกประโยคที่เขาพูด ในช่วงเวลาที่เยี่ยเทียนปิดประตูฝึกฝนวิชามันก็ช่วยเขาแก้ความเหงาได้ไม่น้อย

หลังจากไล่เหมาโถวออกไป เยี่ยเทียนเปลี่ยนที่วางของง้าวที่อยู่บนโต๊ะเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบมีดสั้น “อู๋เหิน” ออกมาวางบนโต๊ะ ส่วนกล่องไม้นั้นวางอยู่ที่ตรงกลางของของขลังสองชิ้นนั้น

“เยี่ยเทียนยืนอยู่หน้าโต๊ะและบีบนิ้วมือมนต์เพื่อนำกระแสพลังพิฆาตหยินในง้าวและมีดสั้น “อู๋เหิน” ออกมา ทันใดนั้นอุณหภูมิในบ้านก็ลดลงอย่างรวดเร็ว กระแสพลังหยินแบบนั้นก็ไล่กระแสพลังหลิงที่อยู่เต็มห้องออกไป

“รวม!!” เยี่ยเทียนตะโกน สองมือของเขาพับ กระแสพลังพิฆาตหยินที่เต็มอยู่ทั่วห้อง ดูเหมือนจะทำตามคำสั่งของเขา ทั้งหมดก็รวมกันขึ้นมา ลอยอยู่บนโต๊ะสี่เหลี่ยมที่เดียวเท่านั้น

หลังจากตั้งค่ายกลกระแสพลังพิฆาตหยินขนาดเล็กนี้สำเร็จ เยี่ยเทียนจึงเปิดกล่องไม้ เหยียดสองนิ้วจับที่มุมหนึ่งของเสื้อคลุมนักเต๋าที่ขาดแล้วยกขึ้นอย่างเบาๆ

“ไม่เป็นไรน่า วิธีที่อาจารย์สอนใช้งานได้ดีจริงๆ”

เมื่อเห็นผ้าขาดในมือไม่ได้สลายกลายเป็นฝุ่น เยี่ยเทียนดีใจมากแต่การเคลื่อนไหวในมือของเขายังคงอ่อนโยนมาก เขาค่อยๆหยิบผ้าผืนนี้ออกมาแล้ววางราบบนโต๊ะสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยกระแสพลังหยิน

ผ้าผืนนี้มีขนาดเท่ากับสองฝ่ามือของเยี่ยเทียน ข้างบนนั้นเต็มไปด้วยตัวอักษรจ้วนที่ผนึกแน่น เยี่ยเทียนมองดูอย่างตั้งใจและถอนหายใจเย็นๆอย่างอดทน นี่มัน…เขียนด้วยเลือด

ถึงแม้ว่าสีของตัวอักษรบนผ้าจะกลายเป็นสีดำมืดแต่สำหรับเยี่ยเทียนที่มีความสัมผัสไวต่อกระแสเลือด ก็สามารถมองออกได้อย่างรวดเร็ว คำร้อยคำทั้งหมดนั้น ถูกเขียนด้วยเลือด

“ข้าคือหลี่ไท่ซวี ผู้สืบทอดเชื้อสายที่แท้จริงจากหลี่ฉุนเฟิง ข้าได้เรียนรู้คัมภีร์โจวอี้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และรู้ความลับมากเกินไปรู้ตัวดีว่าคงจะไม่ได้พบจุดจบที่ดี ข้าจะไม่ยอมได้รับการดูถูกจาก “เสี้ยว เสี้ยว” ด้วยหัวใจที่ไม่ยินยอมของข้า ต่อจากนี้ไปตระกูลหลิว จะไร้ผู้สืบสกุล ไม่มีลูกไม่มีหลาน ไม่มีทายาทตลอดไป…”

แม้ว่าราชวงศ์ถังจะมีตัวอักษรไข่แล้ว แต่ตัวอักษรทั้งหมดนี้เขียนด้วยอักษรจ้วน สำหรับเรื่องนี้เยี่ยเทียนไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่ยิ่งเขาอ่านมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เขาตกใจมากขึ้นเท่านั้น

……

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด