หมอดูยอดอัจฉริยะ 272 ซุปเครื่องยาจีน

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 272 ซุปเครื่องยาจีน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 272 ซุปเครื่องยาจีน

เมื่อนึกถึงหลี่ไท่ซวี เยี่ยเทียนก็รู้สึกปวดใจราวกับถูกบีบคั้น ภาพลับด้านหลังคัมภีร์ อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้วแท้ๆ แต่กลับหลุดมือไปได้ แล้วเมื่อไรถึงจะได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับภาพลับด้านหลังคัมภีร์อีกครั้ง?

“หรือว่า…ตัวเองจะไปหาสุสานของหลี่ฉุนเฟิงหรือไม่ก็หยวนเทียนกังเลยดีล่ะ?”

ความคิดนี้เกิดขึ้นในใจของเยี่ยเทียน แต่แล้วเขาก็ต้องล้มเลิกความคิดไปทันที พูดเป็นเล่นไปได้ สุสานของคนเก่งๆ อย่างสองคนนั้นต่อให้หาเจอ หากเข้าไปแล้วก็คงมีแต่ตายสถานเดียว

“เยี่ยเทียน เป็นอะไร? มัวเหม่ออะไรอยู่น่ะ?” ระหว่างที่เยี่ยเทียนกำลังขบคิดจนฟุ้งซ่าน เสียงของเยี่ยตงผิงก็ดังขึ้นที่ข้างหู

“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ แค่ใจลอยเฉยๆ”

เยี่ยเทียนส่ายหน้า เก็บบันทึกนั้นลงในกล่องไม้และปิดฝาไว้ดังเดิม แล้วหันไปพูดกับเยี่ยตงผิงว่า “พ่อ เดี๋ยว พ่อช่วยทำหิ้งวางของให้ผมหน่อยสิครับ ง้าวเล่มนี้น่ะเอาไปตั้งบูชาไว้ในห้องด้านข้างที่เรือนกลางนั่นแหละ!”

“เจ้าลูกบ้า ฮุบของดีๆ ไว้เองหมดเลยนะแก คราวหน้าถ้าไปเจออีกละก็ ต้องเหลือไว้ให้พ่อแกบ้างล่ะ!”

เยี่ยตงผิงบ่นพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วพูดต่อว่า “ถ้าเสร็จธุระแล้ว ก็ตั้งใจจัดการเรื่องของผู้เฒ่าถังเขาให้ดีๆ หน่อย หนูเสวียเสวี่ยคนนั้นน่ะน่าสงสารออก แกเห็นไหมผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้ว…”

ถังเสวียเสวี่ยถึงจะเกิดในครอบครัวเศรษฐี แต่ก็ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี จึงเป็นเด็กสาวที่น่ารักและอัธยาศัยดี ปกติเวลาพูดกับพวกผู้ใหญ่อย่างเยี่ยตงผิง ก็จะเรียกพวกเขาว่าคุณลุงคุณป้าตลอด ทำให้พวกผู้ใหญ่ตระกูลเยี่ยต่างก็เอ็นดูเธอกันทุกคน

“ครับ พรุ่งนี้ผมจะเริ่มปรับสมดุลร่างกายให้เธอเลย หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน รับรองว่าต้องรักษาโรคเส้นลมปราณเก้า หยินขาดให้เธอได้แน่นอน…”

เยี่ยเทียนพยักหน้า รับทรัพย์จากผู้อื่นมาแล้วก็ต้องขจัดเคราะห์ให้หน่อย ถังเหวินหย่วน ทำให้ตัวเองกลายเป็นเศรษฐี สิบล้านในพริบตา ไม่ว่าอย่างไรก็ควรจะลงทุนลงแรงกับการรักษาโรคของถังเสวียเสวี่ยหน่อย

“จำไว้ก็ดีแล้ว” พอเยี่ยตงผิงเห็นลูกชายตกปากรับคำแล้ว ก็ลุกขึ้นยืนแล้วบอกว่า “ไม่ไหวๆ พ่อต้องไปแล้ว บ้านแกนี่ พิสดารจริง อยู่นานๆ แล้วเวียนหัวแน่นหน้าอก…”

เยี่ยตงผิงรู้ว่านี่คือที่ลูกชายบอกว่าร่างกายไม่แข็งแรงเพราะขาดการบำรุง จึงรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย รีบลุกขึ้นเดิน ไปหาถังเหวินหย่วนที่อยู่ในเรือนกลางทันที สองสามวันมานี้ทั้งสองคนเข้าๆ ออกๆ เรือนหลังนี้แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน

“พ่อ ผมไม่ส่งแล้วนะครับ เดี๋ยวผมจะงีบหลับสักหน่อย ไม่ได้นอนมาสองวันแล้วเนี่ย!”

พอเห็นพ่อเดินออกไปจากลานบ้านแล้ว เยี่ยเทียนก็ไปที่ห้องนอน แล้วล้มตัวลงไปบนเตียงทันที วุ่นวายมาตั้งแต่เมื่อ คืนวานจนถึงตอนนี้ เขาจึงเหน็ดเหนื่อยจนแทบจะไม่เหลือพลังแล้ว

คราวนี้เยี่ยเทียนหลับยาวไปเลย จนกระทั่งตีสี่กว่าๆ ของวันถัดไปถึงจะตื่นขึ้นมา หลังจากลุกขึ้นมาบริหารร่างกาย ยามเช้าแล้ว เยี่ยเทียนก็ไปเลือกตัวยาที่ห้องเก็บยา

ห้องเก็บยานี้ก็คือห้องด้านข้างห้องหนึ่งที่ถูกดัดแปลงมาใช้ชั่วคราวนั่นเอง ก็ช่วยไม่ได้ เครื่องยาที่ผู้เฒ่าถังส่งมานั้นมี เยอะเหลือเกิน จึงต้องวางสุมๆ กันจนเต็มห้อง

แต่เนื่องจากภายในเรือนนี้เต็มไปด้วยปราณวิเศษจากพลังจักรวาลอย่างหนาแน่น จึงไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันในการเก็บ โสมป่าที่มีอายุมากหรือเห็ดหลินจือและถั่งเช่าเหล่านั้นเลย ถึงจะแค่โยนไว้ในห้องก็ไม่สูญเสียสรรพคุณทางยา

แน่นอนว่า เพราะในบ้านมีหัวขโมยอย่างเหมาโถวอยู่ เยี่ยเทียนจึงไม่กล้าวางของมั่วซั่ว อย่างโสมป่าเก่าแก่มูลค่าแปด ล้านกว่านั้น เขาก็นำไปเก็บไว้ในตู้นิรภัยของบ้านแล้ว

“ไว้พอรักษาแม่หนูคนนี้จนหายดีส่งกลับบ้านไปแล้ว เดี๋ยวว่างๆ เราก็มาปรุงยาโป๊วบำรุงร่างกายตามสูตรของอาจารย์ ให้คนในบ้านกินบ้างดีกว่า…” เมื่อได้กลิ่นยาสมุนไพรหอมไปทั้งห้อง เยี่ยเทียนก็ครุ่นคิดขึ้นมาในใจ

ป้าใหญ่อายุมากแล้ว ส่วนอาหญิงเล็กก็ร่างกายไม่แข็งแรง ไม่เหมาะจะมาอยู่ในเรือนหลังนี้เป็นเวลานานๆ แต่ถ้าจัด ยาโป๊วบำรุงตามธาตุให้พวกเธอสักเล็กน้อย ก็จะสามารถชะลอความแก่ชราและเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่จริงแล้วในศาสตร์แพทย์แผนจีนมีตำรับสูตรลับต่างๆ อยู่มากมาย ซึ่งใช้กับโรคบางอย่างได้ผลชะงัดยิ่งกว่าการ แพทย์แผนตะวันตกเสียอีก อย่างตำรับยาลิ่วเว่ยตี่หวงหวานซึ่งเป็นยาจีนที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดนั้น หากนำไปใช้รักษาอาการ หยินพร่องที่ไตหรืออาการหยินพร่องที่ตับ ก็จะเห็นประสิทธิภาพได้อย่างชัดเจน

เพียงแต่ในยุคหลังสงครามนั้นมีการสู้รบเกิดขึ้นบ่อยครั้ง สูตรยาลับมากมายจึงตกหล่นสูญหายไปท่ามกลางเพลิงสงคราม อีกทั้งการแพทย์แผนตะวันตกก็ให้ผลลัพธ์ที่ทันตาเห็น การแพทย์แผนจีนจึงค่อยๆ ถดถอยลงไปเรื่อยๆ

เยี่ยเทียนเลือกเครื่องยาจีนที่มีฤทธิ์ขับธาตุหยินแก้หนาวมาหลายอย่าง แล้วจึงลงมือปรุงที่ห้องครัวในเรือนกลาง เขาไม่ได้จะต้มยา แต่จะตุ๋นซุปเครื่องยาจีน

ซุปเครื่องยาจีนนั้นจะเรียกว่าเป็นยาก็ได้ หรือจะเรียกว่าเป็นอาหารก็ได้เช่นกัน เป็นการนำอาหารมาใช้ร่วมกับยา ยาเสริมพลังให้อาหาร ส่วนอาหารก็ชูฤทธิ์ของยาให้เด่นขึ้น ทั้งสองอย่างเสริมกันและกัน ทำให้ได้ประโยชน์จากอาหารและยา อย่างเต็มที่ นอกจากจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงแล้ว ยังสามารถป้องกันและรักษาโรค ทำให้สุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืนยาวอีกด้วย

แม้ว่าในสมัยนี้ภัตตาคารใหญ่ๆ หลายแห่งจะพากันโฆษณาว่ามีซุปเครื่องยาจีนตำรับชาววังอะไรต่อมิอะไร แต่สูตรลับที่พวกนั้นมีอยู่ก็ไม่อาจเทียบชั้นกับสูตรของเยี่ยเทียนได้เลย สูตรนี้เป็นสูตรที่ปรมาจารย์ของสำนักเสื้อป่านหลายสิบรุ่นรวบ รวมสรุปออกมา เพื่อใช้ต่อกรกับโรคที่รักษาได้ยากโดยเฉพาะ

น้ำนั้นใช้น้ำพุในยามฟ้าสางจากภูเขาอวีเฉวียนซาน ส่วนข้าวก็ใช้ข้าวสาร “จิงซี” รวมกับยาจีนอีกหลายชนิด และ ต้องคอยคุมไฟให้ดี หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเศษ กลิ่นหอมที่แฝงไปด้วยกลิ่นสมุนไพรก็อบอวลไปทั่วทั้งบ้าน

“จีจี…จีจี!”

เหมาโถวโผล่มาจากมุมไหนก็ไม่ทราบ แล้วมายืนตัวตรงยกอุ้งเท้าหน้าทั้งสองข้างขึ้นมาไหว้แปลกๆ ให้เยี่ยเทียน แต่ดวงตาเล็กทั้งคู่นั้นกลับจ้องตาเป็นมันไปที่หม้อยาซึ่งกำลังปล่อยไอร้อนออกมา

เยี่ยเทียนโบกมือไล่อย่างขุ่นเคือง แล้วด่าอย่างขำๆ ว่า “ไปทางโน้นเลยไป เห็นอะไรก็อยากจะกินไปหมด ไม่กลัวท้อง แตกตายรึไง?”

วันนั้นคนที่นำเครื่องยามาส่งที่บ้าน เจ้าตัวน้อยนี้ก็มุดเข้าไปสวาปามในห้องเก็บยา ถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยเทียนไปเจอแต่ เนิ่นๆ และอบรมมันอย่างดุเดือดไปยกหนึ่งแล้วละก็ วัตถุดิบหายากอย่างโสมป่าอายุร้อยปีต้นนั้นก็คงจะลงไปอยู่ในท้องมัน หมดแล้ว

“พี่เยี่ยเทียน หอมจังเลยค่ะ ที่พี่ทำอยู่คืออะไรเหรอคะ?” ไม่ใช่แค่เหมาโถว แม้แต่ถังเสวียเสวี่ยที่เพิ่งจะตื่นนอนมาก็ ถูกกลิ่นหอมนี้ชักจูงมาด้วย

“จี จีๆ!” พอเห็นถังเสวียเสวี่ยเดินมา เหมาโถวก็กระโจนไปอยู่ในอ้อมกอดของเธอราวกับสายฟ้าแลบ อย่างกับได้เจอ ญาติสนิทก็ไม่ปาน แล้วชี้อุ้งเท้าน้อยๆ ข้างหนึ่งไปที่หม้อต้มยาบนเตาไม่หยุด

ถังเสวียเสวี่ยยิ้มแย้มพลางพูดว่า “ตะกละไม่ได้นะ ถ้าพี่เยี่ยเทียนบอกให้เธอกินเมื่อไร เธอถึงจะกินได้นะ!”

“เสวียเสวี่ย ตื่นแล้วเหรอ?”

เมื่อเห็นใบหน้าของถังเสวียเสวี่ยที่ตอนแรกดูขาวซีดและเขียวคล้ำนั้น ตอนนี้มีเลือดฝาดขึ้นมามากแล้ว เยี่ยเทียนก็ ยิ้มแย้มตอบว่า “นี่น่ะเรียกว่าซุปเครื่องยาจีน ต่อไปนี่แหละจะเป็นอาหารประจำวันของเธอ พอกินติดต่อกันหนึ่งเดือนแล้ว พี่เยี่ยเทียนรับประกันว่าเธอจะไม่เหลือโรคอะไรอีกเลยล่ะ!”

เยี่ยเทียนสังเกตจากไอปราณบนร่างของถังเสวียเสวี่ยได้ว่า พลังปราณธาตุหยินที่เดิมทีสะสมอยู่ ในเส้นลมปราณภาย ในร่างกายของเธอนั้น ได้ค่อยๆ คลายตัวลงไปมากแล้ว

อาศัยซุปเครื่องยาจีนนี้ร่วมกับปราณวิเศษในเรือนสี่ประสาน ภายในเวลาหนึ่งเดือน ก็น่าจะสามารถสะกดปราณหยิน ในเส้นลมปราณทั่วร่างไว้ได้เกือบทั้งหมดแล้ว ถึงตอนนั้นเขาก็จะเปิดเส้นลมปราณหยางให้ ซึ่งจะทำให้หยินหยางส่งเสริมกันและกัน เท่านี้โรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดก็ถือว่าหายขาดแล้ว

“จริงเหรอ”

ดวงตาของถังเสวียเสวี่ยฉายแววใฝ่ฝัน ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาเลยสักวัน อย่าว่าแต่จะไปเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันเลย แม้แต่ถนนหนทางในฮ่องกงเธอก็ยังไม่เคยได้ไปเดินเล่นเลยสักครั้ง

“ก็ต้องจริงอยู่แล้วล่ะ เอ้าเสร็จแล้ว เรามาทานข้าวเช้ากันเถอะ!” เยี่ยเทียนหัวเราะฮ่าๆ แล้วยกหม้อยาเดินไปที่ห้อง อาหาร ส่วนถังเสวียเสวี่ยก็หยิบถ้วยสองใบเดินตามหลังเขาไปอย่างรู้ความ

เจ้าเหมาโถวที่คอยตามแจอย่างกับแมลงหวี่นั้น ในที่สุดก็ยอมอยู่เป็นที่เป็นทางเสียที ถังเสวียเสวี่ยหาถ้วยเล็กๆ มาใบหนึ่ง ตักซุปเครื่องยาจีนใส่ลงไปนิดหน่อยแล้ววางไว้บนโต๊ะ แล้วเจ้าตัวน้อยก็ใช้ปากเป่าไอร้อนบนถ้วยเลียนแบบคนเสียด้วย

เมื่อเห็นถังเสวียเสวี่ยใช้ช้อนตักซุปเครื่องยาจีนเข้าปาก เยี่ยเทียนก็เอ่ยถามอย่างห่วงใย “เป็นไงบ้าง อร่อยไหม?”

“ขม!”

พอซุปเครื่องยาจีนเข้าปากไปหนึ่งคำ ใบหน้าเล็กๆ จิ้มลิ้มของถังเสวียเสวี่ยก็ย่นยู่ยี่ขึ้นมาทันที ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวจะ โดนเยี่ยเทียนต่อว่า สงสัยเธอคงจะถุยออกมาแล้ว

“เป็นไปไม่ได้มั้ง?” เยี่ยเทียนยกถ้วยดื่มลงไปหนึ่งอึกแล้วพูดว่า “ไม่ขมนี่ ยาจีนก็รสชาติแบบนี้แหละ!”

“จีจี…จีจี!”

เยี่ยเทียนพูดยังไม่ทันขาดคำ เหมาโถวก็ถุยซุปเครื่องยาจีนที่เพิ่งจะเข้าปากไปนั้นออกมาทันที แล้วก็กวัดแกว่งอุ้งเท้ามาทางเยี่ยเทียนเป็นเชิงท้วงติงไม่หยุด สุดท้ายถึงกับล้มลงไปนอนแกล้งตายบนโต๊ะเลยทีเดียว

“ไม่ต้องมาเสนอหน้าเลย!” เยี่ยเทียนคว้าคอเหมาโถวแล้วเขวี้ยงมันออกไปนอกห้องอาหาร พอเขายกถ้วยขึ้นมาดื่ม ไปอีกหนึ่งอึก คราวนี้ถึงจะพบสาเหตุ

ที่แท้เพราะเยี่ยเทียนดื่มยาจีนจนชินแล้ว ตั้งแต่อายุห้าขวบพรตเฒ่าก็ให้เขาดื่มยาจีน อาบแช่น้ำสมุนไพรเป็นประจำ ทำให้เขาเคยชินกับรสชาติแบบนี้ไปแล้ว ตอนต้มซุปเครื่องยาจีนจึงลืมเติมเครื่องปรุงลงไปด้วย

“แค่กๆ…” เยี่ยเทียนกระแอมอย่างกระอักกระอ่วน แล้วพูดขึ้นว่า “เสวียเสวี่ย พี่เยี่ยเทียนลืมนึกไปเองแหละ พวกนี้เท ทิ้งไปเถอะ แล้วเดี๋ยวพี่จะไปซื้อวัตถุดิบมาต้มให้เธอใหม่นะ!”

“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่เยี่ยเทียน ถ้าพี่กินลงไปได้ เสวียเสวี่ยก็ต้องกินได้เหมือนกัน!” แม่หนูน้อยกลับทำใจแข็งขึ้นมา เพราะเธอกลัวเยี่ยเทียนจะโกรธ ก็เลยขมวดคิ้วดื่มซุปเครื่องยาจีนทั้งถ้วยลงไปจนหมด

“เอ๋? พี่เยี่ยเทียนคะ หนูรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเลยค่ะ!” หลังจากรับประทานซุปเครื่องยาจีนถ้วยนั้นลงไปแล้ว ถังเสวียเสวี่ย ก็มีสีหน้าสดใสขึ้นมา

เพราะถึงแม้ว่าการอาศัยอยู่ในเรือนสี่ประสานนี้ จะลดความทรมานจากโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดในช่วงเวลา หยินของแต่ละวันไปได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้เห็นผลเร็วเท่ากับซุปเครื่องยาจีนนี้

เยี่ยเทียนลูบศีรษะถังเสวียเสวี่ย แล้วยิ้มแย้มบอกว่า “อย่างนั้นก็กินอีกหลายๆ ถ้วยเลยนะ เดี๋ยวพี่จะไปซื้อเครื่องปรุงอย่างอื่นมาทำให้อีก ทีนี้รสชาติก็จะไม่แย่แบบนี้แล้วละ!”

ขณะนั้นเหมาโถวที่ถูกเยี่ยเทียนจับโยนออกไปก็แอบย่องกลับเข้ามาแล้ว ปกติมันก็กินเครื่องยาทั้งดิบๆ อยู่แล้ว แล้วจะไปกลัวขมที่ไหนกัน? เมื่อครู่นี้มันเพียงแค่แสดงละครหยอกเล่นไปตามคำพูดของถังเสวียเสวี่ยเท่านั้นเอง

หลายวันต่อจากนั้น เยี่ยเทียนก็อยู่ที่เรือนสี่ประสานตลอดเวลา และต้มยาให้ถังเสวียเสวี่ยทุกวันเช้าเย็น พอผ่านไปสามสี่วัน ฝีมือของเขาก็พัฒนาขึ้น จนแม้แต่ถังเหวินหย่วนกับเยี่ยตงผิงก็ยังมาฝากท้องด้วยเป็นครั้งคราว

พออวี๋ชิงหย่ารู้ว่าเยี่ยเทียนกลับมาแล้ว ก็มาอยู่ที่เรือนสี่ประสานด้วยหลายวัน  เธอเองก็รู้สึกสงสารถังเสวียเสวี่ยที่มีโรคภัยรุมเร้ามาตั้งแต่เล็กอยู่มากเหมือนกัน จึงไม่ได้ถือสาหาความเยี่ยเทียนที่ให้คนอื่นมาอยู่ในเรือนของทั้งคู่

“พี่คะ มีคนมาหาแน่ะ!”

วันนี้ตอนกลางวัน ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังนอนกลางวันอยู่ที่เรือนหลัง ถังเสวียเสวี่ยก็วิ่งเข้าห้องมาสะกิดปลุกเขา หลังจากที่อยู่บ้านเดียวกันมาหลายวัน แม่หนูน้อยก็เริ่มเรียกเขาเป็นพี่ชายตามอย่างหลิวหลันหลันบ้างแล้ว

“โจวเซี่ยวเทียน? นึกอยู่แล้วเชียวว่าแกน่ะน่าจะมาได้แล้ว!” เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู เยี่ยเทียนก็เห็นโจวเซี่ยวเทียนซึ่ง กำลังหอบหิ้วสัมภาระน้อยใหญ่มาหลายใบทันที

เยี่ยเทียนทุบหมัดใส่โจวเซี่ยวเทียนเบาๆ แล้วมองไปที่หญิงวัยสี่สิบกว่าปีคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ พลางพูดว่า“คุณคงจะเป็นคุณป้าสินะครับ? รีบเข้ามานั่งในบ้านเถอะครับ!”

 …………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด