หมอดูยอดอัจฉริยะ 309 อานุภาพของง้าวพระจันทร์เสี้ยว

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 309 อานุภาพของง้าวพระจันทร์เสี้ยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 309 อานุภาพของง้าวพระจันทร์เสี้ยว

ห้องรับแขกในบ้านของถังเหวินหย่วนถูกเปลี่ยนเป็นห้องไหว้ ภาพเหมือนของหลี่ซั่นหยวนและปรมาจารย์เสื้อป่าน ถูกแขวนอยู่บนกำแพง เยี่ยเทียนและจั่วเจียจวิ้นนั่งอยู่ทั้งสองด้านของภาพเหมือน ส่วนสองเข่าของหลิวติงติง อยู่ด้านหน้าของเขาทั้งสอง

“หลิวติงติง กฎระเบียบของสำนักเสื้อป่านไม่ยุ่งยากขนาดนั้น ข้อที่หนึ่ง ห้ามหลอกลวงลบล้างบรรพจารย์ ข้อที่สอง ห้ามปฎิบัติต่อคนธรรมดาโดยใช้วิชาทำร้ายสิ่งมีชีวิต ข้อที่สาม ห้ามข่มขืน…เอ่อ หลักๆ คือสองข้อนั้น ทำได้หรือเปล่า?

ถึงแม้ว่าจั่วเจียจวิ้นจะเป็นศิษย์พี่ แต่เยี่ยเทียนเป็นผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งของสำนักเสื้อป่านรุ่นที่ 51 ก็คือเจ้าสำนักนั่นเอง คำปราศรัยเบื้องต้นเวลามีศิษย์ใหม่เข้าสำนัก โดยปกติจะดำเนินการโดยเขา

ปรมาจารย์เสื้อป่านเกิดในลัทธิเต๋า ให้ความสำคัญกับการปกครองโดยมิต้องตรากฏหมายไปปกครองประชาชน ดังนั้นสำนักที่เขาก่อตั้งมาเองกับมือ จึงไม่มีสามกฎห้าบัญญัติ เดิมทียังมีข้อห้ามหนึ่งข้อ ก็คือห้ามผิดประเวณี แต่เนื่องจากหลิวติงติงเป็นผู้หญิงข้อห้ามข้อนี้จึงยกเว้นได้

“อาจารย์ ฉันสามารถทำได้ หนึ่งห้ามหลอกลวงลบล้างบรรพจารย์ สองห้ามปฎิบัติต่อคนธรรมดา โดยใช้วิชาทำร้ายสิ่งมีชีวิต!”  หลิวติงติงพูดคำตักเตือนของเยี่ยเทียนซ้ำอีกครั้งอย่างแน่วแน่

“ดี คุกเข่าไหว้บรรพจารย์เถอะ!”

เยี่ยเทียนผงกศีรษะ ถึงแม้หลิวติงติงจะเป็นเด็กผู้หญิง แต่เธอมีพรสววรค์ที่เป็นเลิศ และเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงโดย จั่วเจียจวิ้น ต่อจากนี้ไปถ้าเธอได้สัมผัสวิชาของเสื้อป่าน แน่นอนว่าวิชาของเธอจะรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากคุกเข่าคำนับและไหว้ภาพเหมือนบรรพจารย์ของเสื้อป่านและหลี่ซั่นหยวนเสร็จแล้ว หลิวติงติงก็คำนับ เยี่ยเทียนสามคำนับ จากนั้นพิธีการเข้าสำนักเป็นอันว่าเสร็จสิ้น เยี่ยเทียนยื่นมือให้หลิวติงติงและพยุงเธอลุกขึ้น หัวเราะฮ่าฮ่าและพูดว่า “ของขวัญต้อนรับการพบหน้าของฉัน ฉันให้แล้วนะ ถ้าอยากได้อีกคงต้องหาศิษย์พี่จั่วแล้วนะ!”

“ศิษย์น้องเยี่ย นายให้ของขวัญต้อนรับอะไรเหรอ?” จั่วเจียจวิ้นไม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง มองดูหลานสาวอย่างงุนงง

“คุณตา นี่คือของขลังที่อาจารย์อาให้มา!” หลิวติงติงนำหยกนักษัตรออกมา

“นี่…นี่มันเป็นของขลังจริงด้วย ศิษย์น้องเยี่ย นาย…นายไปหามาจากไหนกัน?” หลังจากที่จั่วเจียจวิ้นยื่นมือเข้ารับหยกนักษัตรมา สีหน้าบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ด้วยการฝึกฝนของเขา เขาสามารถสัมผัสออกอย่างง่ายดายว่าหยกชิ้นนี้หล่อเลี้ยงไปด้วยพลังชี่มงคล

จั่วเจียจวิ้นรู้ว่า ในมือของอาจารย์มีของขลังอยู่สองชิ้น ชิ้นหนึ่งคือเงินทองแดงและเข็มทิศที่สืบทอดจากบรรพจารย์

แต่ของเหล่านี้ส่งต่อให้กับเจ้าสำนักคนต่อไปเท่านั้น นอกจากสองชิ้นนี้ ของขลังชิ้นสุดท้ายกลับส่งต่อให้กับตนเอง และตอนนี้กำลังถูกใส่อยู่บนคอของหลานสาว

นั่นแปลว่า ของขลังชิ้นนี้ของเยี่ยเทียน น่าจะได้มาเพราะตัวเขาเอง แต่จั่วเจียจวิ้นหลังจากค้นหาของขลังมา หลายปีหลายแห่ง แต่ก็ไม่พบเลยสักชิ้น ดังนั้นเขาจึงประหลาดใจมาก

จั่วเจียจวิ้นครุ่นคิดสักครู่ นำหยกนักษัตรยื่นให้กับเยี่ยเทียน พูดว่า”ศิษย์น้องเยี่ย ของขวัญชิ้นนี้แพงเกินไป แล้วอีกอย่างติงติงก็มีของขลังอยู่แล้ว นายเก็บเอาไว้และส่งต่อให้กับศิษย์คนอื่นดีกว่า!”

จั่วเจียจวิ้นรู้ว่าของขลังมีน้อยขาดแคลนมาก โดยทั่วไปจะส่งต่อให้กันโดยอาจารย์ส่งให้กับลูกศิษย์ และส่งต่อรุ่นต่อรุ่นไปเรื่อยๆแบบนี้ การที่เยี่ยเทียนส่งต่อหยกชิ้นนี้ออกไป ถ้าในวันหนึ่งเขารับลูกศิษย์เพิ่มอีก ก็จะไม่มีของขลังส่งต่อให้ลูกศิษย์อีก นั่นไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์พี่ควรจะทำ

“ศิษย์พี่ ของขลังที่ติงติงใส่อยู่ เป็นของที่อาจารย์จะให้กับพี่ เดี๋ยวให้ติงติงคืนให้พี่นะ วันหลังให้เธอใส่ของขลังชิ้นนี้ ก็แล้วกัน”

เยี่ยเทียนยิ้มและพูดต่อว่า”ผมไม่กลัวอะไรหรอก ศิษย์พี่ ง้าวพระจันทร์เสี้ยวด้ามนั้นก็คือของขลังโจมตีชิ้นหนึ่ง วันหลังฉันก็จะส่งต่อให้กับลูกศิษย์ของฉัน!”

“อะไรนะ? นั่นคือของขลังโจมตี?”

จั่วเจียจวิ้นได้ยินดังนั้นตะลึงไปครู่หนึ่ง และไม่สนใจว่าหลานสาวยังอยู่ตรงนั้น เดินไปอยู่ด้านหน้าง้าวพระจันทร์เสี้ยว ด้ามนั้น อย่างรวดเร็ว มองดูอย่างระมัดระวังเป็นเวลานาน ใบหน้าที่มองไปฝั่งเยี่ยเทียนเต็มไปด้วยความสงสัย พูดว่า”ศิษย์น้องเยี่ย นี่…นี่ไม่เหมือนของขลังเลย?”

ฝีมือของจั่วเจียจวิ้นเก่งแล้ว การฝึกฝนก็เพียงพอแล้ว แต่เหตุผลที่เขายอมจำนนมานานกว่า 20 ปีไม่กล้าที่จะไปเมืองไทย เพื่อตามหานายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อจัดการบุญคุณและความแค้น ก็เพราะว่ายังขาดวิธีการในการโจมตีและฆ่า

พอได้ยินเยี่ยเทียนพูดว่าชิ้นนี้คือของขลัง จั่วเจียจวิ้นไม่ได้ตื่นเต้นธรรมดา จากการฝึกฝนของเขา ต่อให้ไม่รู้จักวิชา แต่ถ้าหยิบจับของขลังชนิดโจมตีสักชิ้นก็สามารถสำแดงประโยชน์ของมันออกมาได้บ้าง

แต่หลังจากสำรวจง้าวพระจันทร์เสี้ยวไปครึ่งค่อนวันเสร็จ จั่วเจียจวิ้นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ง้าวด้ามนี้ถึงแม้จะ แอบซ่อนพลังพิฆาตเอาไว้ แต่มันไม่มีจุดเด่นดั่งของขลังชนิดโจมตีในตำนานที่กล่าวไว้เลย

“มีอะไรหรือเปล่าศิษย์พี่ อยากลองของของขลังสักหน่อย?”

เยี่ยเทียนได้ยินและยิ้มออกมา พลังพิฆาตของง้าวพระจันทร์เสี้ยวถูกเขาจำกัดเอาไว้แล้ว นอกเสียจากว่าเยี่ยเทียน จะใช้วิชาลับบังคับมัน ไม่เช่นนั้นง้าวพระจันทร์เสี้ยวด้ามนี้ถ้าหากอยู่กับคนภายนอก มันจะเป็นเพียงอาวุธทางทหาร ที่หนักหนึ่งอันเท่านั้น

หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนมีความหมายแฝง ดวงตาของจั่วเจียจวิ้นก็ลุกเป็นประกายขึ้นมาทันใด และตอบไปว่า “อยากเห็นอยู่แล้วสิ ศิษย์น้องเยี่ย ในสมัยนั้นอาจารย์ไม่มีของขลังแบบนี้เลยนะ!”

“ได้ศิษย์พี่ พี่ถอยหลังไปไม่กี่ก้าว!”

เยี่ยเทียนเดินเข้าใกล้ง้าวพระจันทร์เสี้ยวซึ่งห่างอยู่ประมาณ 3 เมตร มือขวาจับพูดคาถาออกมา “ฉี!”

พลังชี่หยินที่มืดครึ้มน่าสะพรึงกลัวกระจายออกมาตามเสียงของเยี่ยเทียน อุณหภูมิของหลายร้อยตารางเมตร ในห้องนั่งเล่นดูเหมือนว่าจะลดลงเล็กน้อย

“ซา!”

เยี่ยเทียนตะโกนออกมาอีกหนึ่งเสียง ง้าวพระจันทร์เสี้ยวด้ามนั้นก็ส่งเสียงกรอบขึ้นหนึ่งเสียง พลังก็เปลี่ยนแปลงไป หลิวติงติงกับจั่วเจียจวิ้นที่อยู่ในห้องตาลายไปตามกัน รอบๆตัวจู่ๆก็มีเสียงฆ่าฟันดังขึ้น

จั่วเจียจวิ้นในเวลานี้ เหมือนตัวเองกำลังอยู่ในสนามรบสมัยโบราณ ทหารม้าคู่หนึ่งต่อสู้กันเอง ดาบอาชาตัดเนื้อเลือดกระฉูด เกือกม้าข้ามกระดูกที่เกลื่อนเต็มไปหมด สิ่งเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกเย็นจากก้นบึ้งของหัวใจ

“น่ากลัว…เป็นภาพลวงตาที่น่ากลัวมาก!”

เพราะจั่วเจียจวิ้นมีกำลังภายในที่แข็งแกร่ง เขาแค่หายจากการตกตะลึงครู่เดียว ก็สามารถนำตัวออกจาก ภาพลวงตาได้เลย แต่ร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

“ศิษย์น้องเยี่ย เร็ว หยุดเดี๋ยวนี้!”

มองไปรอบๆ การแสดงออกมาของหลิวติงติงแย่กว่าตนเองเยอะมาก หมัดกำลังโบกสะบัดอยู่กลางอากาศ นอกจากนี้ยังมีเสียงร้องของการฆ่าออกจากปาก สันนิษฐานได้ว่าจิตใจจะถูกแช่อยู่ในภาพลวงตาอย่างสมบูรณ์

“ติง เก็บ!” ปากของเยี่ยเทียนออกเสียงโทนต่ำออกมาหนึ่งเสียง เหมือนกับการสวดมนต์ของพระ พลังพิฆาตที่อยู่เต็มห้องทันใดนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เพราะพลังทั้งหมดถูกเก็บเข้าไปในง้าวพระจันทร์เสี้ยวด้ามนั้น

“ฆ่า!ฆ่าพวกแกให้หมด!” หลิวติงติงดูเหมือนยังไม่รู้สึกตัวดีเท่าไหร่ ยังคงหลับตาและโจมตีคนรอบๆ

“ติงติง ตื่น!” จั่วเจียจวิ้นตะโกนที่ข้างหูของหลานสาวอย่างเสียงดัง จากนั้นท่าทางของหลิวติงติงจึงหยุดลง และค่อยๆลืมตาขึ้นมา

“คุณตา หนู…หนูฝัน ฝันเห็นผีเยอะมาก แต่หนูสามารถฆ่าพวกมันได้!”

พูดถึงหลิวติงติงแล้วนั้นเหมาะที่จะเรียนวิชาของฉีเหมินมาก หลังจากได้สติการแสดงออกของเธอไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นความตื่นเต้น

การแสดงออกเช่นนี้เมื่อเทียบกับสมัยเด็กของเยี่ยเทียนแล้วแข็งแกร่งกว่าเยอะมาก ตอนนั้นเยี่ยเทียนถูกอาจารย์บังคับให้นอนที่สันเขาที่มีหลุมฝังศพ กลางดึกปลอมตัวเป็นผีไปหลอกเยี่ยเทียน หลอกจนสามจิตหกวิญญาณ ของเยี่ยเทียนเกือบจะหลุดหายไป

“ศิษย์น้องเยี่ย ของขลังชิ้นนี้แกร่งมาก นายได้มาจากที่ไหน?”

จั่วเจียจวิ้นไม่ได้สนใจหลานสาว แต่สายตาของเขากลับอยู่ง้าวพระจันทร์เสี้ยวด้ามนั้นแทน หลังจากที่ได้ลองอำนาจของของขลังชิ้นนี้แล้ว จั่วเจียจวิ้นเพิ่งจะตระหนักถึงความคมของของขลังชนิดการโจมตีชิ้นนี้

ต้องรู้ก่อนว่า ถึงแม้ง้าวพระจันทร์เสี้ยวจะมีผลกระทบต่อสติของจั่วเจียจวิ้นเพียง 4-5 วินาที แต่การต่อสู้ของผู้ที่มีฝีมือสูงของเขา เพียง 4-5 วินาทีนี้ก็สามารถฆ่าเขาได้หลายต่อหลายครั้งแล้ว

และพลังพิฆาตของง้าวพระจันทร์เสี้ยวที่ปล่อยออกมาเมื่อสักครู่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยใส่เขา ไม่เช่นนั้นจั่วเจียจวิ้นก็คงไม่สามารถออกจากภาพลวงตาได้อย่างง่ายดาย

“ของชิ้นนี้ได้มาโดยบังเอิญมาก จะเรียกว่าเป็นความโชคดีก็ได้”สำหรับศิษย์พี่ศิษย์น้องที่เป็นคนกันเองแล้วนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดบังเยี่ยเทียนยิ้มและ

เล่าเรื่องการโจรกรรมสุสานครั้งนั้นออกมา

“ว้าว น่าตื่นเต้นสุดๆ!” หลังจากที่ฟังเยี่ยเทียนเล่าจบ หลิวติงติงอ้าปากค้างและร้องออกมา”อาจารย์อา วันหลังถ้าไปโจรกรรมสุสานอีกต้องเรียกฉันด้วยนะ น่าตื่นเต้นมาก!”

“ติงติง เรียกคุณอาดีกว่า เวลาอยู่ต่อหน้าคนนอกถ้าเรียกอาจารย์อาไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่” เยี่ยเทียนได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่น ไม่คิดเลยว่าผู้สืบทอดลำดับที่ 3 ของเสื้อป่าน จะเป็นผู้หญิงบ้ากำลัง

เมื่อเห็นจั่วเจียจวิ้นรู้สึกประทับใจกับคำพูดของหลิวติงติง เยี่ยเทียนหน้าบึ้งและรีบพูดออกมาว่า “ความตั้งใจข้อแรกของฉันในครั้งนั้นก็เพื่อกำจัดภัยพิบัติ การโจรกรรมสุสานคือการทำลายความสงบสุขของฟ้า วันหลังพวกเธอห้ามทำแบบนี้เด็ดขาด!”

ถ้าหากศิษย์พี่รองของตนเองคนนี้จะหาของขลังและไปโจรกรรมสุสานจริงๆละก็ เขาคงไม่รู้จะเอาหน้าที่ไหน ไปพบบรรพจารย์

“ใช่ ศิษย์น้องเยี่ย ฉันไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอก!”

หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน จั่วเจียจวิ้นประหลาดใจทันใด และตื่นขึ้นมาจากความโลภของของขลัง เพราะความรู้ลึกในเรื่องทำนายดวงชะตาของเขา เขาจึงรู้ดีเกี่ยวกับเหตุผลของการไร้ความปราณีของกฎธรรมชาติ

“ว่าแต่ศิษย์น้องเยี่ย ฉันได้ยินติงติงพูดว่านายมาฮ่องกงครั้งนี้เพราะมีเรื่องที่จะต้องทำ นายต้องทำเรื่องอะไรเหรอ? ชื่อเสียงของพี่ในฮ่องกงก็ถือว่ามีอยู่บ้าง บางทีอาจจะช่วยน้องได้”

ส่ายหัวและกำจัดสิ่งล่อใจอย่างของขลังทิ้ง จั่วเจียจวิ้นจึงเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา และศิษย์น้องมาทำธุระที่ฮ่องกง ตัวเขาเองที่เป็นศิษย์พี่จะต้องช่วยเหลืออย่างเต็มที่

“แฮะ ศิษย์พี่ พูดถึงเรื่องนี้มันมีความเกี่ยวข้องกับนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ในการมาครั้งนี้ของฉัน ก็เพื่อมาพบกับลูกศิษย์ของเขาสักหน่อย…”

เยี่ยเทียนครุ่นคิดสักครู่ บอกเล่าประวัติครอบครัวของตนเองกับเขาจนหมด รวมถึงเรื่องที่ซ่งเสียวหลงมองว่า ตนเองเป็นเสี้ยนหนาม เขาก็ไม่ปิดบังต่อจั่วเจียจวิ้น

“นาย…นายเป็นลูกของคุณผู้หญิงเว่ยหลันเหรอ?”

ใบหน้าของจั่วเจียจวิ้นแสดงความตะลึง “เมื่อสิบปีก่อนฉันเคยเจอแม่นายครั้งหนึ่ง เธอเคยให้ฉันช่วยทำนายชีวิต ของนายในภายภาคหน้า แต่ผลของการทำนายกลับมั่วไปหมด ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง?”

วิชาปะทะต่อกัน การทำทำนายชะตาชีวิตของผู้ที่รู้วิชา ยากกว่าการทำนายคนทั่วไปเป็นร้อยเท่า อย่าว่าแต่จั่วเจียจวิ้นเลย แม้แต่หลี่ซั่นหยวน ตอนนั้นก็คงไม่สามารถทำนายและพบร่องรอย การพัฒนาในภายภาคหน้า ของเยี่ยเทียนได้

“เป็นเรื่องบุญคุณความแค้นของพวกมหาเศรษฐีอีกแล้วเหรอ”

จั่วเจียจวิ้นอยู่ที่ฮ่องกงมาหลายปี เคยเห็นลูกศิษย์ที่ฐานะร่ำรวยเหล่านั้นต่อสู้เพื่อทรัพย์สินของครอบครัว จนชิน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าศิษย์น้องเล็กของตนเองคนนี้จะตกอยู่ในวังวนนี้เช่นกัน

“ศิษย์น้องเยี่ย เรื่องนี้นายประมาทเกินไปนิดหน่อย ชาญ ทองทวนคนนี้ฉันรู้จัก เป็นลูกศิษย์ของนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์  ฤาษีคนไทยที่มีชื่อเสียงดังที่สุด “

จั่วเจียจวิ้นแสดงสีหน้าที่กังวลและพูดว่า “วิชาการโจมตีของสายเสื้อป่านอย่างพวกเราหายสาบสูญหมดแล้ว ถ้าจะพึ่งพาของขลังแค่นี้ เกรงว่าจะจัดการอะไรกับเขาไม่ได้เลย!”

วิชากับการฝึกฝนของสำนักภายในคือคนละเรื่องกัน ถึงแม้กำลังภายในของเยี่ยเทียนจะแข็งแกร่งก็ตาม แต่ยังขาดวิธีการโจมตี ดังนั้นจั่วเจียจวิ้นจึงมองว่า การที่เยี่ยเทียนพบกับชาญ ทองทวน เกรงว่าจะเป็นสถานการณ์ แพ้มากกว่าชนะ

……

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด