หมอดูยอดอัจฉริยะ 322 ใคร่ครวญเหตุผล

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 322 ใคร่ครวญเหตุผล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 322 ใคร่ครวญเหตุผล

ไม่รู้ว่าจั่วเจียจวิ้นเป็นหรือตาย และไม่รู้ว่าเจ้าครึ่งผีครึ่งคนนั่นเป็นอย่างไรแล้ว ส่วนงูเห่าก็เหมือนจะยังไม่ได้ ออกจากตัวบ้าน อีกทั้งพิษในตัวเยี่ยเทียนก็ยังไม่ถูกขับออกมา

เยี่ยเทียนอยากจะไปฆ่าชาญ ทองทวนทิ้งเสีย แต่ก็ไม่มีกำลังมากพอ และที่สำคัญกว่ามากคือชีวิตของศิษย์พี่ที่รออยู่

เมื่อกลับเข้าไปในห้องโถงที่เละเทะไปหมด เยี่ยเทียนพบว่างูเห่านอนตายอยู่ตรงหน้าประตูนั่นเอง ช่วงลำตัวงูต่ำจากหัวลงไปเจ็ดนิ้วมีรอยฟันอยู่ชุดหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นของเจ้าเหมาโถว

“จีจี…จีจี!”

เห็นซากงูเห่าที่พื้น เหมาโถวปีนลงมาจากบ่าของเยี่ยเทียน ใช้อุ้งเท้าหน้าสองข้างถือลำตัวงูยาวสองเมตรกว่าไว้ ลากออกไปกินข้างนอก

สภาพข้าวของกระจัดกระจายในห้องโถง พื้นหินอ่อนแตกร้าวราวกับถูกพลิกขึ้นมา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งฉุนจมูก เป็นที่น่าคลื่นเหียนต่อผู้ที่พบเห็น

เยี่ยเทียนมองดูอาฮวาที่ตอนนี้ไม่มีลมหายใจแล้ว และไม่หลงเหลือพลังชั่วร้ายใดๆ ร่างกายที่เคยแข็งแกร่ง ดังเหล็กกล้ากลับค่อยๆเน่าเปื่อย

เยี่ยเทียนออกไปแค่เจ็ดแปดนาที แขนของอาฮวาที่ใช้จับด้าวง้าวจันทร์เสี้ยว เปลี่ยนเป็นโครงกระดูกสีขาว ไปแล้วทั้งท่อน

เยี่ยเทียนเข้าใจแล้วว่าคนๆนี้คงถูกคุณไสยเข้า เดิมทีน่าจะหมดอายุขัยไปแล้ว แต่เพราะวิชามนต์ดำจึงทำให้ร่างกาย ยังคงดำรงยู่ต่อไปได้

เยี่ยเทียนฟันร่างกายของมันขาดเป็นสองท่อน ก็เหมือนกับไปทำลายคุณไสยที่ฝังอยู่ในตัวมัน พลังคุณไสยสูญสลาย จึงกลายเป็นภาพอย่างที่เห็นตรงหน้า

วิชาไสยศาสตร์แบบนี้ เยี่ยเทียนเห็นแล้วยังหวั่นใจ ตัวเขาเองฝึกวิชาเพื่อบรรลุสัจธรรม กลับต้องใช้พลังทั้งหมด ที่ฝึกฝนมาถึงจะฆ่าผีร้ายตนนี้ วิชาไสยศาสตร์นั้นมีชื่อเสียงมากในเอเชียอาคเนย์ สมคำล่ำลือจริงๆ

“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่?”

ความคิดวนเวียนอยู่ในหัว เยี่ยเทียนรีบจ้ำกลับไปตรงจุดที่จั่วเจียจวิ้นสลบอยู่ แต่ที่ตรงนั้นกลับว่างเปล่า

“เยี่ยเทียน ฉัน…ฉันอยู่นี่!”

เสียงจั่วเจียจวิ้นดังมาจากเบื้องหลังโซฟา โบกมือเรียกเยี่ยเทียน เยี่ยเทียนรีบวิ่งเข้าไป เห็นใบหน้าขาวซีดราว กับกระดาษของจั่วเจียจวิ้น

“ศิษย์พี่ ไม่ต้องพูดอะไร…” เยี่ยเทียนจับมือขวาจั่วเจียจวิ้นไว้ แล้วจับชีพจรตรวจดู จึงจะลดความตึงเครียดลง

จั่วเจียจวิ้นแม้จะดูอาการหนัก แต่อวัยวะภายในกลับถูกกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อย ตอนที่ถูกชาญ ทองทวนชน กำลังภายในของจั่วเจียจวิ้นก็ได้ปกป้องอวัยวะสำคัญเอาไว้

ถ้าเปรียบเทียบความเสียหายแล้ว อวัยวะภายในที่ถูกกระแทกยังสาหัสน้อยกว่าที่บาดแผลแขนมาก หมัดของเจ้าผีหนักเสียจนทำให้กระดูกแขนร้าว

เยี่ยเทียนหยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เทยาสองเม็ดออกมา แล้วใส่เข้าในปากของจั่วเจียจวิ้น แล้วกรอกน้ำตามลงไป

ยาสองเม็ดนั้นเป็นยาสองเม็ดสุดท้ายที่นักพรตเฒ่าเหลือไว้ ภายในห้าหกนาทีสีหน้าของจั่วเจียจวิ้น ค่อยพอมีสีเลือดขึ้นบ้าง

เยี่ยเทียนประคองจั่วเจียจวิ้นให้นั่งบนโซฟา แล้วขอโทษอย่างรู้สึกผิด “ศิษย์พี่ ผมขอโทษ เพราะผมประมาท ศัตรูเกินไป!”

แม้ว่าเยี่ยเทียนจะให้ความสำคัญกับการมาเยือนของชาญ ทองทวนครั้งนี้มากและเตรียมตัวเต็มที่ แต่เพราะการเตรียมพร้อมเหล่านี้กลับทำให้เยี่ยเทียนลดความระมัดระวังลง

คิดไปแล้ว ถ้าเขาขับเคลื่อนกลสังหารในค่ายกลเสีย เพื่อกักตัวชาญ ทองทวนไว้ แล้วให้ศิษย์พี่ ไปจัดการกับผีร้ายนั่นแทน

แต่เยี่ยเทียนกลับคิดไม่ถึงว่า เจ้าผีนั่นไม่ได้เป็นมนุษย์จริง โดนชกเข้าไปแค่ทีเดียวก็ทำให้จั่วเจียจวิ้นบาดเจ็บสาหัส

อย่าโทษว่าเพราะจั่วเจียจวิ้นด้อยฝีมือ เยี่ยเทียนเองตอนหลังก็ถูกผีร้ายพ่นพิษใส่เหมือนกัน จนถึงตอนนี้ที่เขายังใช้ลมปราณแท้ควบคุมพิษไว้อยู่

“ศิษย์น้องเยี่ย นี่…นี่จะโทษนายก็ไม่ได้ ถึงเราตั้งใจ แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เจตนา!”

จั่วเจียจวิ้นรู้ว่าที่เยี่ยเทียนเดินค่ายกลสังหารไม่ทัน จึงโบกมืออย่างอ่อนแรง “ถึงเราจะเดินค่ายกลเร็วกว่านี้ ยังไงก็ต้องสู้กันเอาเป็นเอาตายอยู่ดี…”

เยี่ยเทียนอึ้งไป เขาเข้าใจมากขึ้นว่าตั้งแต่วิญญาณปรากฏตัวจนถึงตอนที่ชาญ ทองทวนนำวัตถุ สิ่งหนึ่งที่สามารถดูดพลังพิฆาตได้ออกมา แสดงว่าชาญ ทองทวนก็ได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีเช่นกัน

“ถ้าเขาไม่รู้ว่าฉันเชี่ยวชาญด้านค่ายกล แล้วจะเตรียมตัวมาได้ยังไง?”

เยี่ยเทียนเดินไปที่ข้างประตู หยิบเอายันต์ของชาญ ทองทวนขึ้นมาแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเพราะความรู้สึกร้อนลวกมือ เขาโยนมันกลับไปที่เดิม

จั่วเจียจวิ้นเห็นการกระทำของเยี่ยเทียน ก็อดถามไม่ได้  “ศิษย์น้อง ทำไมหรือ?”

“ศิษย์พี่ นี่มันเป็นยันต์หนังคน!” เยี่ยเทียนแสดงสีหน้ารังเกียจ เขาพอจะทราบถึงวิธีทางไสยศาสตร์บ้าง แต่มันเป็นศาสตร์สายดำ เขาก็ยังรู้ด้วยเหมือนกัน

“ศิษย์น้อง นายเล่าว่าอาจารย์เคยทำร้ายนายทักษิณ สวรรศักดิ์สิทธิ์มาก่อน?” จั่วเจียจวิ้นถามขึ้นมา

เยี่ยเทียผงกหัว “ใช่ ตามที่อาจารย์เคยเล่า นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ความจริงไม่ได้เก่งกาจอะไร แต่รู้วิธีหลายอย่างมากกว่าชาญ ทองทวน?”

แม้ว่าหลี่ซั่นหยวนจะไม่ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนที่ต่อสู้กับนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ อย่างละเอียดแต่บอกคร่าวๆว่าเคยใช้ค่ายกลกักตัวนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ไว้ แล้วซัดเข้าที่กลางหลังของเขาทีหนึ่ง

แต่นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ปล่อยแมลงพิษออกมากัดหลี่ซั่นหยวน แล้วใช้พลังมนต์ดำหลบหนีจากค่ายกลไป ทั้งสองประมือกันต่างบาดเจ็บกันทั้งคู่

แต่วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยเทียนแสดงฝีมือ ผลการประลองวันนี้จะพลิกผัน นี่เป็นข้อกังขาของเยี่ยเทียนอีกข้อ

“ศิษย์น้อง นายไม่เข้าใจหรือ!” จั่วเจียจวิ้นหัวเราะออกมา แล้วเอ่ยกับเยี่ยเทียนต่อว่า “ศิษย์น้อง นายคงไม่เสียท่าในเรื่องเดิมถึงสองครั้งติดหรอกนะ?”

“ศิษย์พี่ พี่หมายถึง…นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์กลับไปถึงเมืองไทยแล้ว ก็ได้ค้นคว้าศึกษาเรื่องค่ายกลพวกนี้?”

เยี่ยเทียนกระจ่างขึ้นมา แล้วตบอกตัวเองพูดว่า “วิธีการของชาญ ทองทวนสามารถข่ม ค่ายกลพิฆาตเก้าตำหนักนี้ได้จริง!”

ส่วนวิญญาณร้ายตนนั้นมันไม่ได้มีความคิดจิตใจแบบมนุษย์ พลังของค่ายกลจึงทำอะไรมันไม่ได้

ส่วนยันต์หนังมนุษย์ของชาญ ทองทวนสามารถดูดซับพลังพิฆาตได้ เครื่องรางของวิเศษบางอย่างมีฤทธิ์แบบนี้ ทำให้ชาญ ทองทวนไม่ถูกพลังพิฆาตรบกวน ดังนั้นการจะเดินค่ายกลสังหารหรือไม่ ก็ไม่สำคัญอยู่ดี

เยี่ยเทียนพูดไม่ผิดตอนนั้นนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์พ่ายแพ้ต่อหลี่ซั่นหยวน หลังจากกลับเมืองไทยไปจึงได้เริ่มค้นคว้าเรื่องศาสตร์ค่ายกลต่างๆ

แต่วิถีของค่ายกลนั้นลึกซึ้ง มีทั้งหลักการของปัญจธาตุและปากั้วซ่อนอยู่ นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถศึกษาได้อย่างถ่องแท้

แต่นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เป็นหมอไสยศาสตร์ที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง แม้จะไม่เข้าใจพื้นฐานทั้งหมด ก็หาวิธีอื่นเพื่อไขความลับจนได้

นายทักษิณหาลู่ทางอื่น ใช้คุณไสยมนต์ดำสร้างยันต์ที่ใช้ดูดซับหลังพิฆาตจากผิวหนังของมนุษย์ จากนั้นก็ออกเดินทางไปทั่วเอเชียอาคเนย์ จึงได้วิธีการสร้างวิญญาณร้ายตนนั้นขึ้นมา

บอกได้ว่า นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้ทำการาค้นคว้าวิจัยศาสตร์ค่ายกลของประเทศจีน ชาญ ทองทวนเป็นลูกศิษย์ที่ติดตามนายทักษิณนานที่สุด ค่ายกลของเยี่ยเทียนล้มเหลวก็ด้วยเหตุนี้เอง

คิดถึงตอนนี้ เยี่ยเทียนรู้สึกสะท้านใจ พระภิกษุชราในประเทศไทยช่างน่ากลัวจริงๆ ถ้าอาจารย์ได้เจอเขาเร็วกว่านี้หน่อย คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามแน่นอน

จั่วเจียจวิ้นเข้าใจเงื่อนงำทั้งหมดแล้ว ทอดถอนใจออกมา “ศิษย์น้อง โลกนี้มีเรื่องแปลกพิสดารอีกมาก เราทั้งสองเป็นเหมือนกบในกะลา!”

“ศิษย์พี่สั่งสอนได้ถูกแล้ว!”

เยี่ยเทียนพยักหน้าเห็นด้วย คิดลงในรายละเอียดแล้ว ตั้งแต่ที่เขาได้ฝึกวิชาในใจมักจะรู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ในใต้หล้า แต่ไม่คิดว่าบนโลกที่กว้างใหญ่ไพศาล ไม่ได้มีเขาคนเดียวที่เป็นยอดฝีมือ

ตอนนั้นที่หลี่ซั่นหยวนบรรลุสัจธรรม ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่ถึงอายุร้อยยี่สิบกว่าปี เพียงแต่ขาดการ สืบทอดจากอาจารย์จุดนี้จึงสู้ลูกศิษย์ไม่ได้

หลี่ซั่นหยวนเก่งขนาดนี้แล้ว บนโลกจะหาผู้ที่สามารถแปรเปลี่ยนพลังเป็นจิตวิญญาณได้ และรอบรู้เรื่องวิชาอาคมในคนๆเดียวกันนั้นไม่มีอีกแล้ว เมื่อก่อนเยี่ยเทียนถือตนเป็นใหญ่เกินไป

ศึกครั้งนี้ผ่านไป นิสัยและแง่คิดของเยี่ยเทียนเปลี่ยนไป ลดความใจร้อนวู่วามแบบวัยรุ่นลง และเกิดความยำเกรงต่อโลกภายนอกมากขึ้น

จั่วเจียจวิ้นเห็นเยี่ยเทียนไม่พูดจา คิดว่าเขากำลังโทษตัวเองอยู่ จึงปลอบประโลมว่า “ศิษย์น้อง อย่าคิดมากเลย แล้วชาญ ทองทวนเป็นอย่างไรบ้าง? นายเอาเขาอยู่หมัดไหม?”

จั่วเจียจวิ้นรู้ถึงความสามารถของเยี่ยเทียน ตัวเองไม่สามารถจัดการชาญ ทองทวนได้ แต่เยี่ยเทียนนั้นไม่แน่

“ศิษย์พี่ มีคนมารับเขาออกไป หนีไปแล้ว!”

เยี่ยเทียนละอายใจ หยุดคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “แต่ว่าผมดึงไส้มันออกมา แล้วซัดเข้าที่หัวใจทีหนึ่ง น่าจะมีชีวิตอยู่ได้แค่สามวันเท่านั้น!”

ฝ่ามือที่ซัดไปตอนนั้นเยี่ยเทียนใช้พลังลมปราณที่มีทั้งหมดในตัว อย่าว่าแต่ที่ชาญ ทองทวนเกร็งกล้ามเนื้อเลย ต่อให้เป็นชั้นไขมันหนาๆรองรับแรงได้ พลังของเยี่ยเทียนก็สามารถทะลุทลวงเข้าไปทำลายอวัยวะได้อยู่ดี

“ต้องตัดรากถอนโคนให้หมด ศิษย์น้อง โทรศัพท์ไปหาอาติงหน่อย บอกว่าทำยังไงก็ได้ให้ชาญ ทองทวนอยู่ในฮ่องกงไม่ได้!”

เยี่ยเทียนออกท่องยุทธภพกับอาจารย์เพียงไม่กี่ปี แต่ชื่อเสียงของจั่วเจียจวิ้นในยุทธภพนั้นสั่งสมมาด้วยตัวเอง ประสบการณ์ย่อมโชกโชนกว่าเยี่ยเทียนหลายเท่า ในโลกนี้มีแต่คนตายแล้วเท่านั้นที่จะทำให้วางใจได้

“ครับ ผมไปโทรศัพท์ ที่นี่ต้องให้คนมาเก็บกวาดหน่อย…” เยี่ยเทียนยิ้มแห้ง รู้สึกใจคอไม่ดี

เยี่ยเทียนไม่เคยเห็นเลือดมากขนาดนี้มาก่อน แม้ว่าเขาจะเคยเอาชีวิตคนมาแล้วหลายคน แต่การใช้วิชาเวททำร้ายคนอื่นจนตาย ตำรวจก็ยังสืบมาไม่ถึงตัวเขา

แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในห้องโถง ถ้าถูกพวกชั้นสูงในฮ่องกงเห็นเข้า รับรองว่าดุเดือดกว่าคดีจอมโจรเยี่ยจี้ฮวนปล้นร้านทองในฮ่องกงเสียอีก

……

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด