หมอดูยอดอัจฉริยะ 412 เข้าสู่ภูเขา

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 412 เข้าสู่ภูเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 412 เข้าสู่ภูเขา

“หมายความแบบนั้นก็ไม่เป็นไร”

เยี่ยเทียนหัวเราะโบกไม้โบกมือ กล่าวว่า “คนที่จิตใจไม่ดี ฉันช่วยนายกำจัดก็ไม่เป็นไร นายรู้ว่าเขาอยู่ไหนใช่มั๊ย”

เยี่ยเทียนไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร คนที่ตายด้วยน้ำมือเขา เกรงว่าจะมากกว่าหูหงเต๋อและเมิ่งเซียจื่อรวมกันเสียอีก เมิ่งเซียจื่อรนหาที่ตาย เยี่ยเทียนไม่รังเกียจที่จะเป็นคนส่งเขาไป

สำหรับเคล็ดวิชาลับนั้น ตอนนี้ฉีเหมินก็แทบไม่เหลือใครแล้ว ผู้สืบทอดที่สูญหายไปมีไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ก็ไม่ได้เสียดายแค่สายนี้

“เมิ่งเซียจื่อจะกล้าอยู่ที่บ้านได้ยังไงกัน หลีเข้าไปในภูเขาตั้งนานแล้ว!”

ในวันที่หลานสาวของเขาฟื้นขึ้นมา หูหงเต๋อก็รีบพุ่งไปที่บ้านของเมิ่งเซียจื่อ แต่ที่นั้นว่างเปล่าคนหนีไปนานแล้ว นอกจากป้ายนำวิญญาณที่เขียนชื่อของหูเสี่ยวเซียนแล้ว หูหงเต๋อก็ไม่พบอะไรอีก

เยี่ยเทียนขมวดคิ้ว เทือกเขาฉางไป๋ซานทอดยาวเป็นพันกิโลเมตร แค่ลำพังยอดเขาที่อยู่สูงกว่า 2500 เมตรก็มีเป็นสิบยอด และยังมีบางยอดอยู่ฝั่งเกาหลีเหนือ หากเมิ่งเซียจื่อคิดอยากจะหลบซ่อนจริงๆ ล่ะก็ ตัวเขาเองไม่มีทางหาเขาเจอ

หูหงเต๋อหัวเราะแค่นๆ ออกมา กล่าวว่า “เยี่ยเทียน เรื่องนี้ไม่ต้องถึงมือเธอหรอก เมิ่งเซียจื่อเป็นวิชา ฉันเหล่าหูก็ไม่ได้โตมาโดยไม่มีวิชาติดตัว หากปะทะกันขึ้นมาไม่รู้ว่าใครจะอยู่จะไปแหนะ”

เยี่ยเทียนพยักหน้า กล่าวว่า “ผมทำลายวิชาของเขา คิดแล้วตอนนี้เขาก็คงอยู่ไม่สุข นายไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวเขาเลย แค่กันไม่ให้เขาทำร้ายคนบริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องก็พอ”

หูหงเต๋อเลือดลมสูบฉีด วิชาเรียกนำวิญญาณของเมิ่งเซียจื่อไม่ได้ผลกับเขาเท่าไหร่ แต่ถึงแม้เมิ่งเซียจื่อจะอัญเชิญเทพประทับร่าง ก็ไม่แน่ว่าจะต่อกรกับคนที่มีมรยุทธ์ระดับพลังซ่อนเร้นได้

ยิ่งไปกว่านั้นเมิ่งเซียจื่อเคยถูกเยี่ยเทียนทำลายวิชาได้ อายุขัยนี้ก็คงเหลืออยู่แค่ครึ่งเดียวแล้ว ยิ่งไม่น่ากลัวเข้าไปอีก

“อีกประเดี๋ยวพอฉันไปแล้วจะให้ยันต์เสี่ยวเซียนไว้พกติดตัว รับประกันได้ว่าเธอจะไม่ถูกอวิชาครอบงำอีก”

เยี่ยเทียนตบมือพลางลุกขึ้นยืน กล่าวว่า “หิมะหยุดตกแล้ว เหล่าหู พวกเราเข้าไปในภูเขากันเถอะ จะว่าไปรสชาติของนกบ่นนั่นก็ไม่เลว!”

เยี่ยเทียนกินอะไรปกติจะแค่เพียงให้ตัวเองอิ่มเท่านั้น แต่วันนั้นหลังจากลองน้ำแกงนกบ่นแล้ว ถึงได้รู้ว่าอะไรคือคำว่าเลิศรส  เมื่อก่อนที่เคยกินเป่าฮื้อ หูฉลามนั่นเป็นอาหารขยะไปเลย

“ได้ ฉันนำทางให้นายไกลหน่อย เดินข้ามยอดเขาไปสามยอดมีป่าเก่าแก่อยู่ที่นั่นมีนกบ่นไม่น้อย รับรองว่านายอิ่มท้องแน่!”

หูหงเต๋อฉีกยิ้มออกมา คำพูดนี้ของเขาหากดังไปเข้าหูของหน่วยพิทักษ์สัตว์แล้วล่ะก็ แม้แต่สอบปากคำก็คงไม่ต้องสอบแล้ว ตัดสินจำคุกหลายปีได้เลย

ต้องทราบก่อนว่า มังกรบินนั้นชื่อทางวิทยาศาสตร์คือนกบ่น เป็นสัตว์สงวนลำดับที่หนึ่งของประเทศ ถึงแม้จะอยู่ที่ภูเขาฉางไป๋ซานและต้าซิ่งอันหลิง แต่ก็มีน้อยมากจนแทบสูญพันธ์ ระดับความสำคัญไม่ด้อยไปกว่าเสือเบงกอล

“เยี่ยเทียน ไปฉางไป๋ซาน พวกเราก็จะไปด้วย!”

“ได้ ฉันพาพวกเธอไป บนภูเขามีอะไรให้เล่นสนุกๆ มากมายเลยล่ะ!”

เยี่ยเทียนจะออกไปกล่าวแบบนี้ หยูชิงหย่าและเว่ยหรงหรงก็พลันตื่นเต้นไปด้วย หูเสี่ยวเซียนก็โวยวายว่าจะนำทางให้พวกเขา เธอป่วยครานี้ ก็ทำให้หัวหน้าแผนกตกใจไม่น้อย รีบให้เธอหยุดยาวสามเดือน

“เฮ้อ พวกคุณล้วนได้ไปเที่ยว แต่ฉันยังต้องทำงาน!” ในบรรดาสาวๆ ก็มีเฉียนเสี่ยวจิ้งที่ไม่มีเวลา พอได้ยินว่าจะไปฉางไป๋ซาน พลันก็หน้างอขึ้นมา

“เสี่ยวจิ้ง เธอวางใจได้ ฉันจะเป็นไกด์นำทางเป็นอย่างดี” หูเสี่ยวเซียนก็เป็นคนที่พอหายเจ็บก็หาเรื่องใส่ตัว ตอนนี้ในหัวเต็มไปด้วยภาพการไปปั้นหิมะเล่นสงครามหิมะกันแล้ว

“เหลวไหล บนภูเขานั่นมีอะไรน่าสนุกกัน อากาศเย็นขนาดนี้เที่ยวซนไปทั่วได้ยังไง เสี่ยวเซียน อาการป่วยของเธอยังไม่หายดีนะ” ได้ยินเสียตะโกนของลูกสาว หูต้าจวินก็ไม่สบายใจ หากไม่เป็นเพราะเข้าไปในฉางไป๋ซานหาข่าว จะประสบกับเรื่องอะไรพวกนี้ได้ยังไง

“คุณตา” หูเสี่ยวเซียนกลัวพ่อ แต่เธอรู้ว่า ในบ้านของเธอนั้น อะไรที่เป็นของแก้กัน

แน่นอนว่า พอเสียงของหูเสี่ยวเซียนตะโกนออกมา หูหงเต๋อก็ถลึงตาขึ้นมา “ฉางไป๋ซานมีอะไรเหรอ นายเองฉันก็เลี้ยงให้โตมาที่ฉางไป๋ซาน เสี่ยวเซียน ไปกับตา!”

“ได้ พวกเธอก็ระวังตัว พ่อ ดูแลพวกเธอให้ดี!” หูเทียนจวินส่ายหัวอย่างไม่มีทางสู้ พ่อของเขาคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องไม่มีเหตุผล หากตัดสินใจแล้ว ใครจะว่าอะไรก็ไม่ฟัง

“รู้แล้วน่า เสี่ยวเซียนตั้งแต่เด็กก็ติดตามฉันมาตลอด ก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร นี่แค่ไปทำงานไม่กี่วัน  ก็เกิดเรื่อง เป็นเพราะพวกนายดูแลไม่ดี!”

หูหงเต๋อกล่าวตอบลูกชายไปอย่างรำคาญ และแว้งต่อยไปหมัดหนึ่ง ทำให้หูเทียนจวินโมโหจนเดินเข้าไปในห้องหนังสือ มีพ่อที่เป็นแรร์ไอเทมขนาดนี้ เขาไม่มีแรงโมโหแล้ว

แต่ว่าถึงแม้จะโมโห หูเทียนจวินก็รียกรถของตัวเองให้ไปส่งพ่อและลูกสาว หลายวันมานี้หิมะตกจนจับเป็นน้ำแข็ง ขับรถบนถนนแบบนี้ อันตรายกว่าขับตอนหิมะตกอีก

ทางพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือนี่ในหน้าหนาวมืดเร็ว ในตอนที่เยี่ยเทียนมาถึงบ้านของหูเสี่ยวเซียนก็เป็นตอนบ่ายแล้ว เมื่อไปถึงศูนย์วิจัยพันธ์พืชก็มืดสนิทแล้ว

หูหงเต๋อก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักลิมิต เขารู้ดีว่าพวกสาวๆ ไม่เหมือนเขากับเยี่ยเทียน เดินมืดๆ ขึ้นเขานั้นอันตรายมาก ในตอนนั้นจึงได้พักอยู่ที่ศูนย์วิจัยพันธ์พืชนั่น

ในตอนที่หูเสี่ยวเซียนเรียนอยู่ชั้นประถมก็เรียนอยู่ที่ศูนย์วิจัยพันธ์พืชกับเพื่อน ดังนั้นพนักงานที่ศูนย์วิจัยพันธ์พืชล้วนให้เธอเป็นความภูมิใจของลานป่าแห่งนี้ แล้วจะยังมีเด็กฮว๋าชิงอีกสองคน ทั้งลานป่าก็ครึกครื้นขึ้นมา

พอทำความสะอาดสนามกีฬาที่ศูนย์วิจัยพันธ์พืชเสร็จ ก็ได้จัดงานเลี้ยงรอบกองไฟที่ครึกครื้นขึ้นมา ถึงแม้ไม่ได้รสชาติดีเท่ากับนกบ่น แต่เนื้อหมู เนื้อแกะที่ย่างจนกรอบเหลืองก็ทำให้ทุกคนกินกันอย่างราบคาบ

เช้าวันที่สอง หยูชิงหย่าก็ออกจากศูนย์วิจัยพันธ์พืช ปีนถนนบนเขาอยู่ชั่วโมงกว่า ในที่สุดก็มาถึงกระท่อมไม้ของหูหงเต๋อ คนที่ออกมาต้อนรับพวกเขากลับเป็นสุนัขตัวนั้น

“สวยมาก ราวกับนิยายเลย!”

เห็นวิวหิมะตกเต็มภูเขา หยูชิงหย่าและเว่ยหรงหรงล้วนแล้วแต่เหมือนกับเยี่ยเทียนเมื่อก่อน ทั้งสองต่างตกตะลึง โลกที่เต็มไปด้วยหิมะทำให้คนรู้สึกตกตะลึง เดี๋ยวจะหาที่ที่ฮวงจุ้ยดี ๆ แล้วก็จะสร้างกระท่อมไม้หลายหลัง อีกหน่อยพวกเราก็มาพักที่นี่กันเป็นยังไง”

“ได้ อย่าไปยืนหวานกันอยู่นั่นเลย เห็นพวกเราเป็นอากาศธาตุเหรอไง” หูเสี่ยวเซียนและเว่ยหรงหรงทำท่าอยากจะอ้วกขึ้นมา ดึงหยูชิงหย่าไปเล่นหิมะ

“พูดความจริงทำไมไม่มีใครฟังล่ะ”

เยี่ยเทียนหัวเราะแกนแกนโครงหัว ตั้งแต่ที่เขารู้สึกว่าอากาศเย็นเยือกนี้ช่วยในประสามการรับรู้ของเขา เยี่ยเทียนก็เกิดความคิดที่จะอาศัยอยู่ที่ฉางไป๋ซานขึ้นมาพักหนึ่ง

“ภูเขาฉางไป๋ซานถูกขนานนามว่าเป็นภูเขาที่สองเทือกเขามาบรรจบกัน หากว่าสามารถหาชีพจรมังกรสร้างค่ายกล ต่อให้เป็นเรื่อนที่ประสานที่ปักกิ่งก็ไม่สู้ที่นี่…” ในใจของเยี่ยเทียนชั่งน้ำหนัก คิดว่าความคิดนี้ของตัวเองไม่เลว

“ปึก!” ก้อนหิมะก้อนหนึ่งลอยมากระทบกับศรีษะของเยี่ยเทียนที่กำลังใช้ความคิด เงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นหยูชิงหย่ากำลังหัวเราะอย่างทะเล้นมาทางตัวเอง

“ได้ กล้าลอบโจมตีฉัน รับลูกกระสุนฉันให้ดี!” เห็นสาวๆ เล่นสนุกมีความสุข เยี่ยเทียนจิตใจก็กลับเป็นเด็กอีกครั้ง ปั้นหิมะบนเขาเป็นก้อนได้ก็โยนออกไป

แต่ที่เยี่ยเทียนไม่รู้ก็คือ หูหงเต๋อตาแก่นั้นก็พลันเข้ามาร่วมด้วย เยี่ยเทียนที่ถูกทำให้ไม่สบอารมณ์ก็ถูกลูกบอกหิมะที่แฝงพลังเอาไว้สามลูกจนต้องกลับเข้ากระท่อมไป

คืนนั้นสามสาวพักกันอยู่ที่ในห้องของหูเสี่ยวเซียน เยี่ยเทียนกลับต้องมานอนที่ห้องเก็บของ ห้องที่ไม่มีเตาผิงหนาวเหน็บจนผิดปกติ นอกจากเยี่ยเทียนแล้วใครก็อยู่ไม่ได้

แต่นี่ก็ทำให้เยี่ยเทียนได้ผ่อนคลาย เขากลัวจริงๆ ว่าตอนที่ตัวเองเข้าป่าไปเก็บโสมกับเหล่าหู สาวๆ พวกนี้ตามเข้าไปด้วย นั่นเรื่องใหญ่แน่

อยู่ที่เมืองหนึ่งวัน วันที่สองตอนเช้าเยี่ยเทียนและหูหงเต๋อก็กลับมาที่ฉางไป๋ซาน เยี่ยเทียนกินโสมไปไม่น้อย แต่ยังไม่เคยได้เก็บโสมสดมาก่อน ดังนั้นการไปที่ป่าในครั้งนี้ก็มีความคาดหวังอยู่บ้าง

“เหล่าหู พกอะไรเยอะแยะทำไมกัน” เห็นหูหงเต๋อเอาเหล้า เตาและหม้อเหล็กห่อเป็นก้อนยัดใส่กระเป๋า เยี่ยเทียนก็รออย่างรำคาญขึ้นมาบ้าง

หูหงเต๋อส่ายหัว สีหน้าเคร่งขรึมกล่าวว่า “เยี่ยเทียน พวกเราเข้าไปในเขารอบนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องอยู่สิบกว่าวันหรือครึ่งเดือน ไม่เตรียมของให้พร้อมนั่นไม่ได้!”

สำหรับคนเก็บโสมแล้ว ภูเขาฉางไป๋ซานในหน้าหนาวนั้นเป็นเขตต้องห้าม มีเพียงหูหงเต๋อคนนี้ทีกล้าเข้าไปในเขตภูเขาฉางไป๋ซานตอนหน้าหนาว

แต่แม้แต่แขกประจำอย่างหูหงเต๋อ ก็ไม่กล้าที่จะประมาทแม้แต่น้อย อยู่ในป่าดงพงไพรที่กว้างสุดลูกหูลูกตาแห่งนี้ ความประมาทแม้เพียงนิดเดียว ทำให้เสียชิวิตได้

“นายสะพายปืน กระเป๋าอันนั้นมาให้ฉันแบกแล้วกัน” ไม่ง่ายที่จะรอหูหงเต๋อเก็บของเสร็จ เยี่ยเทียนก็เอากระเป๋าที่สูงเกือบเอวยกขึ้นมา

“เยี่ยเทียน หากว่านายเป็นคนเก็บโสมที่ฉางไป๋ซานนี่ แน่นอนว่าต้องแบบนี้!”

เห็นกระเป๋าที่หนักเกือบร้อยโลอยู่ในมือของเยี่ยเทียนเบาราวไม่มีของ หูหงเต๋อก็อดไม่ได้ที่ชูนิ้วโป้งขึ้นมา คนเก็บโสมต้องการคนที่แข็งแรง

“ฉันไม่อยากแย่งอาชีพนาย เหล่าหู ไป เข้าไปในภูเขากัน!” ถูกหูหงเต๋อคนตรงประจบเข้าซึ่งหน้า เยี่ยเทียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะกระเทือนไปถึงต้นไม้ที่มีหิมะด้านบนร่วงตกลงมากันเกรียวกราว

ภาพเทือกเขาฉางไป๋ซานสำหรับหูหงเต๋อแล้วก็เหมือนกับสวนดอกไม้หลังบ้านไม่แตกต่างกันเท่าไหร่

แต่เยี่ยเทียนนั้นเป็นคนที่ความสามารถสูงและมีความกล้า ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายขนาดไหนไม่ใช่ปัญหา ทั้งสองคนก้าวเดินอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงตอนกลางวันก็เลยบริเวณที่เก็บดอกแอสเตอร์ไปแล้ว

สถานที่นี้ห่างจากภูเขาฉางไป๋ซานอีกสองยอดเขา ก็จะถึงบริเวณที่ลึกของเทือกเขาฉางไป๋ซานแล้ว นอกจากคนที่มีประสบการณ์เก็บโสมแล้วก็ถือว่าเป็นเขตต้องห้ามสำหรับคนทั่วไป

“รอก่อน เยี่ยเทียน ตรงนี้มีโสมป่าอายุห้าสิบปีอยู่ต้นหนึ่ง” ในตอนที่เดินผ่านป่ารกไปนั้น หงหูเต๋อพลันหยุดเดินยืนอยู่กับที่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด