หมอดูยอดอัจฉริยะ 482 เดินทางไปพม่า

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 482 เดินทางไปพม่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่เครื่องบินทะยานไปบนท้องฟ้า โจวเซี่ยวเทียนก็นั่งอย่างกระสับกระส่าย ฟุบลงที่ขอบหน้าต่างมองไปยังพื้นที่เล็กลงไปเรื่อยๆ สายตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น พวกเขานั่งชั้นเฟิร์สคลาส แอร์โฮสเตสที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่ได้พูดอะไรมาก เต็มไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มในขณะที่ประกอบอาชีพอยู่

รอหลังจากที่เครื่องบินอยู่ที่ชั้นบรรยากาศแล้ว โจวเซี่ยวเทียนก็ดึงสายตากลับมา ใบหน้ายิ้มด้วยความแดงระเรื่อ สายตาแอบมองที่แอร์โฮสเตสสาวสวยคนนั้น หันไปถามเยี่ยเทียนว่า  “ท่านอาจารย์ พวกเราจะอยู่ที่ฮ่องกงกี่วันเหรอครับ”

เนื่องจากเยี่ยเทียนขอยืมใช้ในนามผู้เข้าร่วมมรกตพม่า รวมทั้งเที่ยวบินนี้ยังหยุดจอดที่ฮ่องกง ดังนั้นเยี่ยเทียนและลูกเขยของจั่วเจียจวิ้นที่ชื่อหลิวซีกั๋วก็นัดเจอกันที่สนามบินฮ่องกง หลังจากนั้นนั่งเครื่องบินพิเศษของถังเหวินหย่วนไปที่พม่า

ส่วนพรรคพวกของอู๋เฉิน พวกเขากลับเดินทางไปกับกลุ่มทัวร์ที่ไปพม่าโดยตรง โรงแรมก็ได้จัดเตรียมไว้ดีแล้ว รวมทั้งมีเบอร์โทรติดต่อ คาดว่าคงไม่พลาดกันแน่

“ฉันมีบ้านพักตากอากาศที่ฮ่องกง ต่อไปนายอยากมาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่วันนี้ไม่ต้องคิดเรื่องนี้แล้ว จัดการธุระให้เรียบร้อยค่อยพูดกันเถอะ”

เมื่อเห็นใบหน้าของโจวเซี่ยวเทียนที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง เยี่ยเทียนก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ตอนที่ตัวเองนั่งเครื่องบินครั้งแรกก็มีท่าทีเหมือนกันกับเขา อีกนิดเดียวก็จะถามแล้วว่าบนเครื่องบินมีเครื่องดื่มมากขนาดไหน

“เหล่าหู เป็นยังไงบ้าง”เยี่ยเทียนเอียงหน้ามาที่หูหงเต๋อ สีหน้าของเขาแตกต่างกับโจวเซี่ยวเทียน หลังจากที่เครื่องบินทะยานออกไป สีหน้าก็มีความตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด

“พานายไปจัดการธุระครั้งนี้เสร็จ ฉันจะไม่นั่งเครื่องบินอีกแล้ว”หูหงเต๋อส่ายหน้า “ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย ถ้าตกลงมาจากฟ้า พวกเทพเทวดาก็กลายเป็นเนื้อบดเหมือนกันนะ”

คนที่ฝึกวิทยายุทธ มักจะสนใจสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวิทยายุทธจนถึงระดับหนึ่ง ความรู้สึกทั้งหกจะรู้สึกว่องไวต่อความผิดปกติเป็นอย่างมาก สามารถรู้สึกได้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นล่วงหน้า แต่ในขณะที่นั่งบนเครื่องบิน ความสามารถรับรู้ในทักษะนี้แทบจะเป็นศูนย์

ความจริงนี่ก็คือสาเหตุของหูหงเต๋อที่ฝึกไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าเปลี่ยนเป็นเยี่ยเทียน ก่อนที่เครื่องบินจะขึ้น เขาก็สามารถรู้ได้อย่างชัดเจนว่าการเดินทางจะเป็นอันตรายหรือไม่ ถ้าจิตใจไม่สงบนิ่ง เยี่ยเทียนจะไม่โดยสารเที่ยวบินนี้แน่นอน

“ใช่ ถ้าไม่มีธุระด่วน ฉันจะไม่นั่งเครื่องบินแน่นอน”

เยี่ยเทียนพยักหน้า ตอนที่เขาเดินทางท่องยุทธภพกับนักพรตเต๋า คมนาคมที่ใช้ไม่ใช่เท้าสองข้างก็เป็นรถยนต์ หรือไม่ก็รถไฟ ต่อให้เป็นหลี่ซั่นหยวน เยี่ยเทียน หรือหูหงเต๋อ พวกเขาต่างก็เป็นคนประเภทเดียวกัน ที่ไม่ชอบความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้

นี่ก็เป็นสาเหตุที่เยี่ยเทียนปริปากขอใช้เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวกับถังเหวินหย่วน ถ้าเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดอะไรที่พม่า เครื่องบินลำนั้นมีถังเหวินหย่วนอยู่ ก็คงมีทางออกหรือเส้นสายให้กับพวกเขาเอง

หลังจากที่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง เครื่องบินก็ค่อยๆ ทะยานลงมาที่ท่าอากาศยานฮ่องกง เครื่องบินที่หยุดจอดนิ่งเมื่อสักครู่ ก็มีรถเบนซ์ยาวคันหนึ่ง ที่จอดอยู่ด้านใต้เครื่องบิน ดึงดูดให้กับนักท่องเที่ยวที่อยู่บนเครื่องบินที่มองลงมาจากหน้าต่าง

“ลงไปกันเถอะ”เยี่ยเทียนลุกขึ้น ส่งสายตาขยิบไปที่อู๋เฉินที่นั่งอยู่ด้านหลัง จากนั้นก็พาหูหงเต๋อและโจวเซี่ยวเทียนลงจากเครื่องบิน

“เยี่ยเทียน ฉันว่านายไม่อยู่ที่ฮ่องกงสักสองสามวันหน่อยหรอก เสี่ยวเสี่ยวให้บ้านพักตากอากาศนั้นกับนาย นายจะไม่ไปดูหน่อยเหรอ”

เมื่อเห็นเยี่ยเทียนลงมาจากเครื่องบิน ถังเหวินหย่วนที่หัวเต็มไปด้วยผมสีขาวก็เงยหน้ามองขึ้นไป ชายชราคนนี้ก็อายุเกือบแปดสิบแล้ว แต่ความกระตือรือร้นนั้นดีมากๆ ยืนอกเชิดหลังตรงอยู่ตรงนั้น

“พี่เยี่ยเทียนสวัสดีค่ะ!”ด้านหลังของถังเหวินหย่วนมีหัวเล็กๆ โผล่ออกมา ก็ถือถังเสวี่ยเสวี่ยที่เยี่ยเทียนรักษาอาการป่วยให้ตอนนั้น ทั้งสองคนแทบจะอยู่ด้วยกันทั้งเช้าและเย็น ความสัมพันธ์นั้นดีราวกับพี่ชายน้องสาว

“เฮ้ เสวี่ยเสวี่ย พวกเราไม่ได้เจอกันตั้งนาน โตเป็นสาวแล้วนะ”เยี่ยเทียนคุ้นชินกับการยื่นมือไปลูบหัวถังเสวี่ยเสวี่ย ยังไม่ทันรู้สึกอะไร ก็รีบดึงมือกลับมา

นอกจากที่กำจัดพลังเก้าหยินพิฆาตของถังเสวี่ยเสวี่ยแล้ว ร่างกายที่สูงกว่าปีที่แล้วอย่างน้อยสิบเซนติเมตร ทำให้ร่างกายเฉกเช่นถั่วงอกมีสภาพอวบอ้วนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวสีขาวเดิม ซึ่งตอนนี้สีขาวก็มีสีแดงเลือดฝาดมาด้วย แสดงว่าได้ฟื้นฟูสุขภาพอย่างสมบูรณ์แบบ

“พี่เยี่ยเทียน พี่มาพักที่บ้านฉันสักสองสามวันดีไหมคะ เสวี่ยเสวี่ยคิดถึงพี่มาก”ถังเสวี่ยเสวี่ยไม่ได้สังเกตเห็นใบหน้าที่เขินอายของเยี่ยเทียน รีบพุ่งเขามาเกาะแขนของเยี่ยเทียน ในใจของเธอไม่ได้คิดอะไร แต่ไม่ได้ระวังตัวว่าตัวเองก็เป็นสาวแล้ว

“แค่กๆ เสวี่ยเสวี่ย ครั้งนี้ไม่ได้”

เยี่ยเทียนยิ้มเจื่อนๆ หันไปพูดกับถังเหวินหย่วน  “เหล่าถัง เรื่องครั้งนี้ผมต้องไปจัดการ หลังจากที่จัดการเรื่องนี้เสร็จ ผมจะมาดูบ้านหลังนั้น”

บ้านพักตากอากาศที่กงเสี่ยวเสี่ยวมอบให้นั้นห่างจากที่ถังเหวินหย่วนพักไม่ไกลมากนัก เมื่อได้ยินถังเหวินหย่วนกล่าวถึงฮวงจุ้ยว่าดีกว่าบ้านของตัวเอง นี่ก็ทำให้เยี่ยเทียนอดที่จะรอคอยไม่ได้ ถ้าหากใช้สร้างค่ายกลจัดการพลังวิเศษในท้องทะเลได้ อย่างนั้นในหนึ่งร้อยปีก็ไม่ต้องกังวลกับการใช้วิชาฝึกวิชาพลังชี่ฟ้าดินแล้ว

เพียงแต่ในช่วงเวลานี้เยี่ยเทียนลำบากด้านการเงินมาตลอด ในมือไม่มีหินหยกที่มีค่าที่สามารถใช้สร้างค่ายกลวิชาได้ ดังนั้นเรื่องนี้ได้เลื่อนเวลามาตลอด แต่ถ้าได้ทองคำนั้นได้อย่างสำเร็จและราบรื่น เยี่ยเทียนจะรีบมาจัดวางโครงสร้างวิลล่าบนเกาะฮ่องกงให้เร็วที่สุด

“ได้ งั้นก็พูดแล้วนะ”

ถังเหวินหย่วนพยักหน้า ลากเยี่ยเทียนเดินมาที่ด้านข้างสักสองสามก้าว พูดเสียงเบาๆ ว่า  “ฉันกับนายพลปอกางเป็นเพื่อนกันมาหลายปี หลังจากเครื่องบินลำนี้ลงจอดที่ย่างกุ้ง จะหยุดที่ตรงที่สนามบินทางการทหารที่ควบคุมโดยนายพลปอกาง ถ้านายเจอเรื่องอะไร ก็ไปหานายพลปอกางให้เขาช่วย และสามารถใช้สนามบินทหารบินได้ทุกเมื่อ โดยไม่ต้องควบคุมโดยสายการบิน”

ถังเหวินหย่วนเป็นคนประเภทไหนกัน ถึงแม้เยี่ยเทียนไม่ได้พูดถึงวัตถุประสงค์ของการยืมเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว แต่ด้วยความที่รู้สึกนิสัยของเยี่ยเทียนดี เขาได้ทายว่าเด็กคนนี้ต้องเกิดเรื่องที่ยุ่งยากแน่ ดังนั้นไม่เพียงที่จะให้ยืมเครื่องบิน แม้แต่ทางหนีทีไล่ก็เตรียมให้เยี่ยเทียนเรียบร้อยแล้ว

“เหล่าถัง ถ้าผมจะยืมใช้รถทหารสักสองสามคัน ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่”หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเยี่ยเทียน ในใจของเยี่ยเทียนลุ้นไปด้วย คนของเขามาพม่าครั้งนี้มีไม่น้อย ถ้าอาศัยอำนาจรถของทางการทหาร เดินทางไปต่างจังหวัดต้องสะดวกเป็นอย่างมาก

“ไม่เป็นไร นายไปก่อน พอถึงเวลานั้นฉันติดต่อให้ ให้พวกเขาโทรศัพท์หานาย รถสองสามคนไม่มีปัญหาแน่นอน”

ถังเหวินหย่วนเมื่อได้ยินก็รับปากทันที พม่าเป็นประเทศที่ประกอบไปด้วยชนเผ่ามากมาย อิทธิพลของรัฐบาลพม่ามีจำกัดมาก ผู้นำเผ่าที่มีอำนาจทางทหาร ถึงเป็นหัวหน้าของพม่าอย่างแท้จริง และคนพวกนี้มักจะชอบแขวนคำนำหน้าว่านายพล

“ได้ เหล่าถัง น้ำใจนี้ผมรับไว้แล้ว รอหลังจากที่ผมกลับมาจัดวิลล่าที่เกาะฮ่องกงให้เสร็จ พอถึงเวลานั้นคุณก็เข้ามาอยู่เถอะ”

จากฝึกวิชาจนสำเร็จถึงตอนนี้ เงินทองส่วนใหญ่ที่เยี่ยเทียนได้มาส่วนใหญ่ก็มาจากถังเหวินหย่วนทั้งนั้น รวมทั้งเรื่องนี้ด้วย เยี่ยเทียนเต็มไปด้วยความละอายแก่ใจ ถ้าวันหลังถังเหวินหย่วนมีภัย ต่อให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ ก็ไม่แน่ว่าจะช่วยถังเหวินหย่วนให้พ้นภัยไปได้ นี่ก็เป็นสาเหตุของคนฉีเหมินที่ไม่ยอมติดหนี้น้ำใจ

กลวิธีที่จะช่วยแก้ภัยพิบัติไม่เหมือนกับช่วยรักษาชีวิตคน นี้เป็นการกระทำที่สวนทางกับสวรรค์ ก็เหมือนกับกลวิชาใช้ไฟเจ็ดดวงในการต่ออายุที่ใช้กับตัวของหลี่ซั่นหยวน และก็ลดอายุของเยี่ยเทียนลงไปอีกสิบปี ถ้าไม่ใช่ว่าเขามีโชคชะตาที่ดีบ้าง เกรงว่าตอนนี้บนหัวก็คงเต็มใบด้วยผมสีขาวอยู่

ถังเหวินหย่วนก็พอรู้วิธีนี้อยู่ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ทันใดนั้นใบหน้าก็อดที่จะดีอกดีใจไม่ได้ ในขณะที่อยากจะปริปากพูด รถออดี้สีดำคันหนึ่งก็มาหยุดจอดด้านข้างคนสองสามคน มีคนลงมาจากรถสี่คน

ในสี่คนนี้มีสามคนที่เยี่ยเทียนรู้จัก ก็มีลูกเขยและลูกสาวของจั่วเจียจวิ้น นอกนั้นอีกหนึ่งคนก็เป็นหลิ่วติ้งติ้ง ยังมีคนวัยกลางคนที่อายุราวสี่สิบกว่า ที่เยี่ยเทียนก็ไม่รู้จักเช่นกัน

“อาจารย์ลุง ท่านลุง ปู่ถังสวัสดีค่ะ!”

เมื่อเห็นเยี่ยเทียนและถังเหวินหย่วน สามีภรรยาหลิวซีกั๋วพาลูกสาวมาทักทายอย่างรวดเร็ว จั่วเจียจวิ้นถึงแม้ว่าตระกูลจะร่ำรวยไม่เท่าถังเหวินหย่วน แต่ก็เป็นบุคคลหมายเลขหนึ่ง คนในตระกูลหลิวก็รู้จักปู่ถังตั้งแต่ยังเด็ก ก็มาเจอตอนไหนก็ได้ตามสบายใจ และคนวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังพวกเขานั้น กลับระมัดระวังตัวอย่างเห็นได้ชัด

“ซีกั๋ว ท่านนี้คือ”เยี่ยเทียนส่งสายตามองไปที่คนวัยกลางคนคนนั้น มีคนนอกเดินไปเดินมา บนเครื่องบินมีบางอย่างที่ไม่สะดวกพูด

หลิวซีกั๋วเมื่อเห็นเยี่ยเทียนถึงกับขมวดคิ้ว รีบอธิบายว่า “ท่านอาจารย์ลุง ที่คืออาจารย์พนันหินที่ฉันเชิญมา ไปพม่าครั้งนี้เลือกหินโดยเฉพาะ ทั้งหมดก็ต้องอาศัยเขาแล้ว!”

“อืม งั้นก็ไปด้วยกันซะสิ”เยี่ยเทียนหันมามองหลิ่วติ้งติ้ง พูดว่า “ทำไมเธอถึงจะไปด้วยล่ะ”

สำหรัลลูกศิษย์ลูกหาพวกนี้ เยี่ยเทียนไม่ใช่ปวดหัวธรรมดา ถึงแม้ว่าเธอจะสวยมากและก็เป็นผู้หญิงมากๆ ก็ตาม แต่นิสัยกลับเหมือนเด็กผู้ชาย เมื่อพูดดี ก็เรียกได้ว่ารีบทำตามที่สั่ง ถ้าพูดไม่ดีก็จะทำเรื่องนั้นไม่สำเร็จ ยิ่งกว่านั้นก็จะทำแล้วยิ่งแย่กว่าเดิม

“ท่านลุง ฉันไม่ไปพนันหินหรอกนะ น่าเบื่อมาก ฉันหมายถึงตามคุณไปต่างหาก”หลิ่วติ้งติ้งเมื่ออ้าปากพูดก็ทำให้เยี่ยเทียนถึงกับขมวดคิ้วขึ้น นี่ก็ยิ่งกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีผู้หญิงคนนี้ตามไปด้วย การไปครั้งนี้ไปอย่างคึกครื้นถือว่ายาก

“ไม่ได้ ฉันจะไปจัดการธุระส่วนตัว”

หลิ่วติ้งติ้งชี้ไปที่โจวเซี่ยวเทียนอย่างไม่ยอมแพ้ พูดว่า  “ท่านลุง เขาเอาอะไรมาวัดที่ว่าไม่ได้”

โจวเซี่ยวเทียนลากแขนเสื้อของเยี่ยเทียน พูดเบาๆ ว่า “ท่านอาจารย์ ก็ให้หลานสาวติ้งไปเถอะ”

ปีที่แล้วตอนไปเมืองหลวง หลิ่วติ้งติ้งเคยเห็นโจวเซี่ยวเทียน ตอนนั้นวิชาของพวกเขาสองคนก็ไม่แตกต่างกันมาก มักจะแลกเปลี่ยนวิชาซึ่งกันและกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบอายุแล้วโจวเซี่ยวเทียนก็มากกว่าหลิ่วติ้งติ้งเป็นเท่าตัว มักจะชอบเข้าข้างเธอเป็นที่สุด

“โจวเซี่ยวเทียน คุณหาเรื่องใช่ไหม ผมคือคนที่สืบทอด……สำนักเสื้อป่าน คุณต้องจำไว้!”

เป็นไปตามคาด หลังจากที่ฟังคำพูดของโจวเซี่ยวเทียน หลิ่วติ้งติ้งรีบกลายเป็นหญิงสาวยั่วเสน่ห์ ม้วนแขนเสื้อขึ้นไปปรึกษากับโจวเซี่ยวเทียน

“โอเค พวกคุณสองคนยังก่อความวุ่นวายกันอยู่ก็ไปต้องไป ไป ขึ้นเครื่องบินได้!”เยี่ยเทียนส่ายหัวอย่างจนปัญญา ศิษย์พี่ทั้งสองเอาหญิงคนนี้ไปด้วยก็เลี่ยงไม่ได้ เขาจะทำอะไรได้ ก็แค่หวังว่าตอนที่อยู่พม่า จะหาเรื่องให้ตัวเองน้อยหน่อยก็เป็นพอ

“นิสัยของเซี่ยวเทียนมักจะชอบเก็บความรู้สึกไว้ข้างใน กับผู้หญิงคนนี้กลับให้เกียรติด้วยมาก”หลังจากที่ขึ้นมาเครื่องบนส่วนตัวสีเทาเงินของถังเหวินหย่วน เยี่ยเทียนมองไปที่โจวเซี่ยวเทียนกับหลิ่วติ้งอย่างน่าใคร่ครวญขึ้นมา และสายตานั้นทำให้ทั้งสองคนถึงกับเกร็งทันที

……

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด