หมอดูยอดอัจฉริยะ 533 คนตายไม่อาจให้การได้

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 533 คนตายไม่อาจให้การได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ทำไม? เจ้านี่มันยังไม่ได้บอกลูกรึ?”

ซ่งเฮ่าเทียนจับมือลูกสาวที่ช่วยประคองไปนั่งที่โซฟา แล้วพูดอย่างฮึดฮัด “มันไปหาทองคำที่พม่า แล้วก็ไม่มีปัญญาขนกลับมา ตาแก่อย่างฉันเลยต้องใช้คนใช้พลัง สุดท้ายยังกลายเป็นทำดีไม่ได้ดีอีกเรอะ?”

เรื่องที่ช่วยเหลือหลานชายไปนั้น ซ่งเฮ่าเทียนไม่มีอะไรจะพูดเลยจริงๆ เขากล้าแกร่งมาทั้งชีวิต ไม่นึกเลยว่าในยามชรากลับถูกเยี่ยเทียนข่มจนแทบตาย ปกติจะพูดเรื่องนี้กับใครก็ไม่ได้ มีแต่ตอนอยู่ต่อหน้าลูกสาวถึงจะบ่นออกมา

หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซ่งเวยหลันก็เอ่ยขึ้นว่า “พ่อ การที่พ่อช่วยเยี่ยเทียนมันก็เป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ?”

เมื่อนึกถึงตอนที่เธอต้องทิ้งลูกชายไปในสมัยก่อนนั้น เพราะพ่อเป็นสาเหตุ แม้จะผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ความคับแค้นในใจของซ่งเวยหลันก็เจือจางลงไปแล้ว แต่เมื่อเห็นความขัดแย้งระหว่างพ่อกับลูกชายของตัวเองแล้ว เธอก็ย่อมจะเข้าข้างลูกชายเป็นธรรมดา

“ใช่สิ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับพวกแกสองแม่ลูกแล้วละ”

ซ่งเฮ่าเทียนเพิ่งจะนั่งนิ่งลงไปกับที่ พอได้ยินซ่งเวยหลันพูดอย่างนั้นก็สะอึกจนแทบหายใจไม่ทัน แล้วโบกมือเป็นพัลวัน “ฉันพูดอีกไม่กี่คำก็จะไปแล้วละ ขืนอยู่ที่นี่ต่อไป มีหวังโดนพวกแกสองคนยั่วโมโหตายแน่!”

“ก็ไม่ได้มีใครเชิญตามานี่ครับ”

เยี่ยเทียนยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง ให้ซ่งเฮ่าเทียนได้ประจักษ์ฝีมือในการยั่วโมโหคนของเจ้าหนุ่มคนนี้อีกสักครั้ง แต่เยี่ยตงผิงชักจะเริ่มทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว “เยี่ยเทียน อย่าพูดมากน่ะ มีมารยาทหน่อยสิ!”

เมื่อได้ยินเยี่ยตงผิงพูดขึ้น ในใจซ่งเฮ่าเทียนก็เกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที ขนาดลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองยังไม่ช่วยเลย แต่ลูกเขยที่ถูกตัวเองทำลายชีวิตสมรสไปกลับเป็นฝ่ายพูดทวงความยุติธรรมให้

ซ่งเฮ่าเทียนส่ายหน้าพลางหัวเราะอย่างขมขื่น แล้วมองไปที่เยี่ยเทียน “ระยะนี้แกอยู่นิ่งๆ ไว้ล่ะ ทางพม่าเหมือนจะกำลังค้นหาตัวแกอยู่ แต่ถ้าแกไม่ออกไปจากเมืองหลวง ก็ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรหรอก คนพวกนั้นคงยื่นมือเข้ามาไม่ถึงนี่…”

หลังจากรู้ว่าเยี่ยเทียนมีเรื่องขัดแย้งกับคนญี่ปุ่นที่พม่า ซ่งเฮ่าเทียนก็สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วผลลัพธ์ก็ทำให้เขาตื่นตระหนกจนหลั่งเหงื่อเย็นเยียบไปทั้งร่าง

ตอนนั้นฝ่ายญี่ปุ่นมีคนเข้าสู่เขตแดนพม่าทั้งหมดหนึ่งร้อยหกสิบกว่าคน แต่หลังจากที่เยี่ยเทียนโทรศัพท์ไปหาเขา คนญี่ปุ่นรวมถึงพวกที่อยู่ในพม่ามาตั้งแต่แรกกลุ่มหนึ่งก็หายสาบสูญไปหมดเลย

เมื่อนึกเชื่อมโยงถึงสิ่งที่เยี่ยเทียนพูดในวันนั้น ซ่งเฮ่าเทียนก็อดคิดฟุ้งซ่านไม่ได้ และข่าวที่มาจากทางพม่าเมื่อวานนี้ข่าวหนึ่ง ก็ยืนยันข้อสันนิษฐานของซ่งเฮ่าเทียนเรียบร้อยแล้ว

หลังจากญี่ปุ่นและรัฐบาลทหารพม่าทำการสืบค้นไปหนึ่งอาทิตย์ ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ค้นพบยานพาหนะของญี่ปุ่นที่ถูกเผาไหม้ไปจำนวนมากในเทือกเขาแห่งหนึ่งที่เขตรัฐฉาน ซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนประเทศจีน

หลังจากตรวจดูสถานที่เกิดเหตุและเก็บดีเอ็นเอไปตรวจสอบ ฝ่ายญี่ปุ่นก็สรุปว่า มีผู้เสียชีวิตในบริเวณนี้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสามสิบคน ส่วนคนญี่ปุ่นที่อาจจะกำลังสูญหายอยู่นั้น ขณะนี้ยังไม่อาจให้ข้อสรุปได้

นอกจากนี้ ในส่วนลึกบนภูเขาที่คนท้องถิ่นเรียกขานกันว่าภูเขาปีศาจนั้น ยังมีถ้ำศิลาที่ถูกระเบิดพังถล่มไปด้วยฝีมือมนุษย์อยู่จุดหนึ่งอีกด้วย

เนื่องจากขาดแคลนเครื่องจักรขนาดใหญ่ ส่งผลให้การสืบค้นและกู้ภัยหยุดชะงักลง แต่บุคคลที่เกี่ยวข้องสันนิษฐานว่า คนญี่ปุ่นอีกกลุ่มที่หายสาบสูญไปนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกฝังอยู่ภายใต้ถ้ำศิลานี้นี่เอง

กรณีคนหายสาบสูญที่ใหญ่ถึงขนาดนี้คงไม่อาจปกปิดไว้ได้แน่ ทางการญี่ปุ่นก็ได้ส่งจดหมายไปถึงรัฐบาลพม่าแล้ว เพื่อเรียกร้องให้มีการไต่สวนเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน อีกไม่นานก็คงจะสืบไปถึงตัวนายพลปอกางแล้ว

และชื่อของเยี่ยเทียนนี้ ก็ได้กลายเป็นจุดสนใจของคนกลุ่มหนึ่งเป็นครั้งแรก แม้ว่านายพลปอกางจะพยายามปฏิเสธว่าเยี่ยเทียนไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่การสืบค้นความลับเกี่ยวกับเยี่ยเทียนก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ในข่าวสารที่ได้มาจากเส้นสายในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น ฝ่ายญี่ปุ่นมีผู้เสนอให้จับกุมเยี่ยเทียนอย่างลับๆ แต่ข้อเสนอนี้ก็ถูกปฏิเสธไป

แต่แม้กระนั้น ก็ยังทำให้ซ่งเฮ่าเทียนตื่นตระหนกจนทั้งร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อ วันนี้ที่เขามาที่นี่ ที่จริงแล้วก็เพราะจะมาหาเยี่ยตงผิง ให้เขาบอกเยี่ยเทียนให้รีบกลับประเทศ จะได้ไม่ถูกคนอื่นวางอุบายใส่ข้างนอก

“เยี่ยเทียน เรื่องพวกนั้นลูกเป็นคนทำจริงๆ หรือ?”

หลังจากฟังพ่อของเธอเล่าจนจบ ซ่งเวยหลันก็มองไปที่ลูกชายด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ เธอพบว่ายิ่งตัวเองรู้มากเท่าไร ก็ยิ่งมองเยี่ยเทียนไม่ออกมากขึ้นเท่านั้น

“ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกครับ ผมตัวคนเดียวจะมีความสามารถขนาดนั้นได้ยังไงกัน?”

เยี่ยเทียนส่ายหน้า แล้วก็ไม่ได้อธิบายอะไรอีก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ภูเขาปีศาจนั้นเป็นเหตุนองเลือดอันสุดจะวิปลาสจริงๆ และยังเกี่ยวโยงไปถึงความแค้นในอดีตของศิษย์พี่ใหญ่อีกด้วย ซึ่งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาพูดในที่นี้เลย

“ไม่เป็นไรนะ อย่างมากลูกก็ไปหลบอยู่แถวๆ แอฟริกาเหนือสักพักหนึ่งก่อนก็ได้ แม่จะจ้างกองกำลังไปคุ้มกันลูกเอง!”

ความปกป้องลูกนั้นเป็นสัญชาติญาณของผู้เป็นแม่ ไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์ก็เป็นเช่นเดียวกัน ความคิดจิตใจของซ่งเวยหลันในขณะนี้ ไม่ได้มีความแตกต่างกับหญิงชนบทที่ไม่รู้หนังสือคนหนึ่งเลยสักนิด เธอคิดแต่จะปกป้องลูกชายอย่างเต็มที่เท่านั้น

“พูดอะไรอย่างนั้นเล่า? เยี่ยเทียนไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ทำไมจะต้องไปหลบด้วยล่ะ?”

ซ่งเฮ่าเทียนถลึงตาใส่ลูกสาวอย่างดุดัน วันนี้ตั้งแต่เข้าประตูบ้านมาเขาก็พบว่า ระดับสติปัญญาของลูกสาวเหมือนจะตกวูบลงไป สิ่งที่พูดออกมาก็ไม่ได้ผ่านการครุ่นคิดกลั่นกรองเลยสักนิด

อย่างเรื่องที่เกิดขึ้นกับเยี่ยเทียนนี้ ในเมื่อคนตายไม่อาจให้การได้ อย่างนั้นก็ชี้ตัวคนทำไม่ได้อยู่แล้ว

ขอเพียงยืนกรานว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนทำ ต่อให้ฝ่ายญี่ปุ่นยังสงสัยอยู่ ก็ไม่สามารถทำอะไรเยี่ยเทียนได้อยู่แล้ว เรื่องนี้สุดท้ายจึงได้แต่ปล่อยให้ยุติไปเอง

เมื่อเห็นท่าทางร้อนรนของมารดา เยี่ยเทียนก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ และพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “ตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงช่วงฉลองตรุษผมก็จะอยู่แต่ในประเทศนี่แหละครับ หลังจากงานตรุษก็จะไปจัดการธุระที่ฮ่องกงนิดหน่อย วางใจกันเถอะครับ ผมไม่เป็นไรหรอก!”

ด้วยระดับฝีมือทางวิชาพยากรณ์ของเยี่ยเทียนในตอนนี้ แม้จะยังไม่สามารถทำนายดวงชะตาของตัวเองได้ แต่เนื่องจากพลังฝีมือที่พัฒนาขึ้น เขาจึงมีประสาทสัมผัสต่อเคราะห์ดีร้ายที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ต่อให้ทางญี่ปุ่นส่งคนมาจัดการกับเขา เยี่ยเทียนก็เชื่อว่าตัวเองจะสามารถล่วงรู้ได้ก่อน

ถ้าฝ่ายตรงข้ามส่งคนมาเยอะ เยี่ยเทียนก็สามารถที่จะหลบหลีกได้ และถ้าส่งมาเพียงสามสี่คน  อย่างนั้นก็ขออภัยด้วย เยี่ยเทียนไม่ถือสาหรอกถ้าจะต้องสังหารไอ้พวกญี่ปุ่นอีกสักสามสี่คน

นอกจากนี้ ถ้าฝ่ายญี่ปุ่นจะเข้ามากระทำการใดๆ ในประเทศจีน ก็จะต้องทำอย่างลับๆ แน่นอน ถึงจะเกิดความเสียหายขึ้นก็คงไม่กล้าป่าวประกาศร้องเรียน เรื่องการโจมตีคนอื่นอย่างลับๆ แบบนี้เป็นเรื่องที่เยี่ยเทียนพร้อมที่จะทำเป็นที่สุดเลย

“แกรู้สถานการณ์ไว้ก็ดีแล้ว ก่อนจะไปฮ่องกงก็บอกฉันสักคำแล้วกัน ถึงตอนนั้นฉันจะไปทักทายแกที่โน่นนะ!”

หลังจากถอนตัวออกมาแล้ว ซ่งเฮ่าเทียนก็ปล่อยวางมากขึ้นในหลายๆ เรื่อง ถ้าเป็นสมัยก่อนที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่นั้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้แน่นอน

แน่นอนว่า มีแต่เยี่ยเทียนเท่านั้นที่จะได้รับการปฏิบัติแบบนี้ ถ้าลูกหลานสายตรงของตระกูลซ่งเหล่านั้นรู้เข้าละก็ คงไปแอบนินทาว่าร้ายคุณปู่ลำเอียงกันลับหลังแน่ๆ

“ครับ ผมทราบแล้วครับ!”

เยี่ยเทียนพยักหน้าโดยที่ไม่ได้โอ้อวดความสามารถของตัวเองเลย เพราะเขารู้ว่า ต่อให้ตัวเองมีพลังแข็งแกร่งขนาดไหน ก็ไม่มีทางรับมือกับประเทศหนึ่งๆ ได้แน่นอน ในเมื่อเบื้องหลังมีต้นไม้ใหญ่ให้พึ่งพิงอย่างนี้แล้ว ถ้าเขาปฏิเสธก็ถือว่าโง่เต็มที

“แก…แกน่ะช่วงนี้ทำตัวสงบเสงี่ยมหน่อยล่ะ!”

หลังจากพูดคุยเสร็จแล้ว ซ่งเฮ่าเทียนจะอยู่ที่นี่ต่อก็ดูจะเป็นส่วนเกิน พอลุกขึ้นเดินไปถึงที่ประตูแล้ว ก็อดหันมาพูดกับเยี่ยเทียนอีกครั้งอย่างกึ่งข่มขู่กึ่งกำชับไม่ได้

“ปกติผมก็ทำตัวสงบเสงี่ยมอยู่แล้วนี่ครับ”

เยี่ยเทียนแบมือทั้งสองข้างออกอย่างใสซื่อ ท่าทางจริงใจชนิดที่นานๆ ทีจะเห็นสักครั้งปรากฏขึ้นบนใบหน้า จนซ่งเฮ่าเทียนเห็นแล้วเกิดความเข้าใจผิด หรือว่าเขาจะเข้าใจเจ้าเด็กนี่ผิดไป?

แต่แล้วซ่งเฮ่าเทียนก็ได้สติขึ้นมาทันที แค่นเสียงดังเฮอะแล้วเหวี่ยงประตูเดินออกไป และได้ยินเสียงหัวเราะอย่างกระหยิ่มใจของเยี่ยเทียนก็ดังไล่หลังมา

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของลูกชาย ซ่งเวยหลันก็ส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ลูกคนนี้นี่นะ อย่าเอาแต่ยั่วโมโหคุณตาสิ สมัยก่อนทั้งตาทั้งแม่ก็ผิดกันทั้งคู่ ถ้าลูกจะโทษใคร ก็ต้องโทษแม่ด้วยนั่นแหละ”

“เรื่องในอดีตน่ะอย่าไปพูดถึงกันอีกเลยครับ ผมก็ไม่ได้โทษท่านจริงๆ หรอก!”

เยี่ยเทียนโบกมือ “โรงแรมนี้ถึงจะดี แต่ก็ยังอยู่สบายสู้ที่บ้านไม่ได้ ผมว่าคุณย้ายกลับไปวันนี้เลยดีกว่านะครับ เรือนของผมกว้างขวางมากเลยนะ”

ขณะที่อยู่ในโรงแรม เยี่ยเทียนมักจะรู้สึกไม่ค่อยเป็นอิสระ และรู้สึกเหมือนกับมารดาเป็นเพียงแขกที่มาชั่วคราว ซึ่งอาจจะหายตัวไปได้ทุกเมื่อ

“นั่นน่ะสิเวยหลัน กลับบ้านเถอะ ฉันกับลูกก็อยากให้เธอกลับบ้านเหมือนกันทั้งคู่แหละ!” พอเยี่ยเทียนเพิ่งจะพูดจบ เยี่ยตงผิงก็สนับสนุนขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้เขาก็เคยชวนแล้ว แต่กลับถูกภรรยาปฏิเสธไปทุกครั้ง

“ก็…ก็ได้ ฉันกลับก็ได้!”

เมื่อเห็นท่าทางคาดหวังของสองพ่อลูก ซ่งเวยหลันก็ใจอ่อนยวบ จึงพยักหน้าตอบตกลง

ครั้งนี้ซ่งเวยหลันกลับประเทศอย่างเงียบๆ ผู้ติดตามที่พามาด้วยก็มีแต่แอนนา และห้องของโรงแรมนี้เธอก็ยังไม่ได้ลงชื่อออก แต่ตามเยี่ยเทียนกลับไปที่เรือนใหม่ของลูกชายอย่างเงียบเชียบ

ปราณวิเศษอันอุดมสมบูรณ์ในลานบ้านนั้น ทำให้ซ่งเวยหลันซึ่งอาศัยอยู่ในแถบชายทะเลมานานรู้สึกอัศจรรย์ใจ ในช่วงเวลาที่ได้อยู่กับลูกชายมาครึ่งวันนี้ซ่งเวยหลันพบว่า ความร่ำรวยมหาศาลของเธอนั้นเมื่อมาอยู่ต่อหน้าเยี่ยเทียนแล้ว กลับดูจืดชืดไร้ความหมายไปเลย

อย่าว่าแต่ลานบ้านที่มีอากาศสะอาดสดชื่นเลย เงินของเธอนั้นแม้แต่ไขมันคางคกหิมะของแท้สักกล่องหนึ่งก็ยังซื้อไม่ได้ ทำให้ซ่งเวยหลันซึ่งกำลังคิดจะให้เงินทองแก่เยี่ยเทียนเป็นการชดเชยนั้นอดเกิดความรู้สึกล้มเหลวขึ้นมาไม่ได้

แต่เรื่องนี้ก็ทำให้ซ่งเวยหลันวางใจลงได้อย่างแท้จริงเช่นกัน เมื่ออยู่ที่นี่ เธอก็เป็นเพียงมารดาและภรรยาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่หญิงแกร่งผู้ทรงอิทธิพลในโลกธุรกิจอีกต่อไป

ค่ำวันนั้น คนในตระกูลเยี่ยมาชุมนุมกันที่บ้านซื่อเหอย่วนของเยี่ยเทียน ความแค้นในอดีตได้สลายไปดั่งหมอกควันพร้อมกับคำขออภัยจากตระกูลซ่งแล้ว เพื่อความสุขของน้องชาย เหล่าผู้หญิงตระกูลเยี่ยจึงยอมรับซ่งเวยหลันเป็นสมาชิกครอบครัวด้วย

และเมื่อซ่งเวยหลันได้พบกับอวี๋ชิงหย่าแล้ว ก็ล้มเลิกความคิดเพ้อฝันของตัวเองไปทันที เธอชอบพออวี๋ชิงหย่าเอามากๆ หยิบเครื่องประดับเพชรชั้นสูงที่เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วออกมาชุดหนึ่ง แล้วยกให้ลูกสะใภ้ในอนาคตของตัวเอง

ในช่วงหลายวันต่อจากนั้น เยี่ยเทียนอยู่กับมารดาตลอดเวลา เล่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นกับเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ให้แม่ฟัง ความห่างเหินระหว่างสองแม่ลูกก็ค่อยๆ จางหายไป แต่เยี่ยเทียนก็ยังคงไม่สามารถเรียกคำว่า ‘แม่’ ออกมาได้

ช่วงนี้ซ่งเวยหลันเคยพูดถึงเรื่องที่จะให้เยี่ยเทียนรับช่วงดูแลทรัพย์สินมหาศาลที่ต่างประเทศของเธอแล้ว แต่เยี่ยเทียนก็ปฏิเสธไป

เยี่ยเทียนไม่ได้เลียนแบบอะไรมาจากพรตเฒ่าเลย นอกจากนิสัยรักอิสระตามใจตัวอย่างเดียวเท่านั้น การสืบทอดทรัพย์สมบัติเหล่านั้นก็เท่ากับเป็นการนำบ่วงมาคล้องคอตัวเองไว้อย่างไม่ต้องสงสัย เยี่ยเทียนไม่ทำเรื่องโง่ๆ แบบนั้นหรอก

ซ่งเวยหลันก็ไม่ได้บีบบังคับลูกชาย เธอดูออกว่า เยี่ยเทียนค่อนข้างมีนิสัยรักสมถะ ถ้าเขาก้าวเข้าสู่โลกแห่งธุรกิจจริงๆ อาจจะไม่เป็นการดีก็ได้

“เยี่ยเทียน ทำไมหรือ?”

วันนี้ขณะที่ซ่งเวยหลันกำลังอุ้มเหมาโถวพูดคุยกับลูกชายอยู่ เสียงโทรศัพท์ก็พลันดังขึ้นมาจากในห้องด้านข้าง หลังจากเยี่ยเทียนไปรับโทรศัพท์เสร็จแล้วและเดินกลับออกมา เขาก็ออกจะมีสีหน้าแปลกๆ

…………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด