หมอดูยอดอัจฉริยะ 582 แต่งงาน (2)

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 582 แต่งงาน (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้จะคลายม้วนออกเพียงมุมเดียว แต่เมื่อเห็นภาพด้านบนกับตัวอักษร เพียงแวบเดียวเยี่ยเทียนก็จดจำได้ นี่คือ “ภาพดันหลัง” ฉบับคำอธิบายประกอบของจินเซิ่งท่าน

หลี่ซั่นหยวนเคยเก็บรักษา “ภาพดันหลัง” ฉบับคัดลอกของจินเซิ่งทั่นซึ่งชำรุดแล้วหนึ่งชิ้น ทว่ายุคสมัยผ่านไปยาวนาน ตอนเยี่ยเทียนอายุประมาณสิบขวบก็ทรุดโทรมผุพังไปแล้ว หลี่ซั่นหยวนยังเจ็บปวดใจเป็นเวลานาน

เห็นเยี่ยเทียนไม่ยอมปล่อยมืออย่างนั้น โก่วซินเจียก็ยิ้มออกมา กล่าวว่า “น้องหนานไหวจิ่นรู้ว่าเธอชื่นชอบ “ภาพดันหลัง” หลายวันก่อนจึงตั้งใจกลับไปยังพิพิธภัณฑ์กู้กงที่ไทเป ทำฉบับคัดลอกนี้มาให้เธอ ศิษย์พี่อย่างฉันจึงได้อานิสงส์ตามไปด้วย”

“ขอบคุณครับศิษย์พี่หนาน ผมชอบของขวัญชิ้นนี้มาก”

เยี่ยเทียนพยักหน้าซ้ำ ๆ เก็บม้วนกระดาษนั่นอย่างระมัดระวัง ของชิ้นนี้ไม่ใช่ว่ามีเงินก็ซื้อได้ อย่าคิดว่าเป็นฉบับคัดลอกแล้วจะไม่มีมูลค่า ความจริงแล้วภาพพิมพ์อักษรแกะสลักอันล้ำค่าของแพทย์ฉบับคัดลอก ล้วนมีมูลค่าเท่าทองคำพันชั่ง

 เช่นเดียวกันกับ “หลานถิงซวี่” ของหวังอี้จือ ที่ต้นฉบับสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว แต่ฉบับคัดลอกซึ่งคนรุ่นหลังทำขึ้นล้วนถูกเก็บรักษาไว้อย่างของมีค่าสำคัญ ล้วนเป็นสมบัติอันประเมินค่ามิได้

อีกทั้งฉบับคัดลอก “ภาพดันหลัง” ของจินเซิ่งทั่นไม่เคยถูกเปิดเผยมาตลอด คนทั่วไปถึงแม้ไปพิพิธภัณฑ์กู้กงที่ไทเปยังไม่แน่ว่าจะสามารถเห็นได้ ดังนั้นฉบับคัดลอกนี้ในมือของเยี่ยเทียน จึงนับว่าเป็นน้ำใจอันยิ่งใหญ่แล้ว

“เซี่ยวเทียน เก็บไว้ให้ดีล่ะ!” หลังจากขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่และหนานไหวจิ่น เยี่ยเทียนก็ยื่นฉบับคัดลอกนี้ให้แก่โจวเซี่ยวเทียน

“ศิษย์น้องเล็ก พวกศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้ให้ศิษย์พี่มีส่วนร่วม จึงต้องให้ของขวัญด้วยตัวเอง”

รอศิษย์พี่ใหญ่ให้ของขวัญเสร็จแล้ว จั่วเจียจวิ้นก็หยิบกล่องผ้าไหมทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าบนโต๊ะข้างตัวขึ้นมา กล่าวว่า “นี่คืออักษรภาพที่พี่เก็บรักษาไว้มาหลายปี มอบให้เธอเป็นของขวัญแล้วกัน!”

“ศิษย์พี่รอง ให้ทั้งทีขี้เหนียวไม่ได้นะ”

เยี่ยเทียนได้ยินเข้าก็หัวเราะออกมา ยื่นมือรับกล่องผ้าไหมมาเปิด หยิบม้วนกระดาษกว้างประมาณเจ็ดสิบ เซนติเมตรออกมา กล่าวว่า “ชิงหย่า มาสิ มาช่วยกันเปิด!”

ยุคสมัยของภาพนี้ไม่ยาวนานนัก น่าจะเข้ากรอบเสร็จเมื่อสามถึงห้าปีก่อน บนภาพมีดอกบัวและนกเป็ดน้ำเป็นแก่นสำคัญ บุปผาแดงและใบไม้จุดสีดำ

กลุ่มดอกไม้สีแดงฉูดฉาด ใบบัวสีดำที่กำลังเปลี่ยนรูปและนกเป็ดน้ำเคียงคู่กลางวารีเข้ากันเหมาะเจาะ โครงสร้างทั้งรูปมีความสมมาตร เส้นพู่กันเรียบง่ายเป็นอิสระมั่นอกมั่นใจ ทำให้ทั้งภาพเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา

“ผลงานของผู้เฒ่าไป๋สือหรือครับ?”

เห็นตัวอักษรมู่จวีซื่อที่ฝั่งซ้าย ตราประทับของไป๋สือเวิงและคำนิยมของฉีหวงแล้ว เยี่ยตงผิงที่ยืนอยู่ด้านข้างลูกชายก็เปล่งเสียงออกมาจากปากอย่างตกตะลึง

หลายปีที่ผ่านมาตลาดภาพจิตรกรรมภายในประเทศเฟื่องฟูอย่างไม่หยุดยั้ง ภาพเขียนโบราณอันวิจิตรบรรจงจึงราคาพุ่งสูงเสียดฟ้าอยู่เสมอ ราคาอักษรภาพภายในประเทศสูงสุดนั้นเป็นของศิลปินอย่างฉีไป๋สือกับจางต้าเชียน

เยี่ยตงผิงเป็นคนรู้จักสินค้า เขาจึงรู้ว่าภาพ “นกเป็ดน้ำกับดอกบัว” ชิ้นนี้ คือผลงานชิ้นยิ่งใหญ่ที่ฉีไป๋สือสร้างขึ้นหลังยุค “เกษียณเปลี่ยนแนวทาง”

สีดอกแดงใบดำของมัน ใช้เทคนิคบรรจงวาดอย่างอิสระ แสดงออกอย่างดุดันในความหมดจด แฝงความฮึกเหิมในความเรียบง่าย เข้าถึงความสามัญทว่าซับซ้อนในศิลปะชั้นสูง มูลค่าของมันอย่างน้อยต้องสิบล้านขึ้นไป

“ไม่ผิดแน่ นี่คือผลงานในวัยปั้นปลายของผู้เฒ่าไป๋สือ”

จั่วเจียจวิ้นยิ้มแล้วยิ้มอีก กล่าวว่า “ภาพนกเป็ดน้ำกับดอกบัว” ชิ้นนี้ แสดงถึงบรรยากาศเวลานี้ได้อย่างชัดเจน ศิษย์พี่รองขออวยพรให้พวกเธอสองสามีภรรยาครองคู่กันจนแก่เฒ่า!”

“ขอบคุณครับศิษย์พี่รอง ทำให้พี่ต้องเสียทรัพย์ซะแล้ว”

เยี่ยเทียนเองก็รู้ว่าภาพใบนี้มีมูลค่าไม่น้อย หลังจากขอบคุณจั่วเจียจวิ้นแล้ว เขาก็ม้วนรูปภาพ เก็บกลับลงภายในกล่องผ้าไหม

” เสี่ยวเทียน มาหาพี่นี่… “

เพิ่งจะอยู่เป็นเพื่อนคุยศิษย์พี่ทั้งหลายได้ไม่กี่ประโยค เยี่ยเทียนก็ได้ยินเสียงคนเรียกเขา  เมื่อหันไปมองกลับเป็นพี่หวังอิ๋ง

เยี่ยเทียนรีบเอ่ยปากขออภัยต่อศิษย์พี่ หลังจากให้พ่อคุยเป็นเพื่อนศิษย์พี่แล้ว  ก็เดินไปทางหวังอิ๋ง โดยคว้าของหวานกำหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะไปด้วย

“หยาหยา เรียกอาสิจ๊ะ!”

หวังอิ๋งและลูกสาวของเฟิงค่วง อายุสี่ขวบกว่าแล้ว หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาเซรามิก ปากเล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม เข้ามาในเรือนแล้วถูกคุณปู่คุณย่าคุณอาคุณน้าเรียกหาไม่หยุด เป็นที่รักของทุกคนมาตลอด

“สวัสดีค่ะคุณอาเยี่ยเทียน คุณอาเยี่ยเทียน ขนมนั่นให้หนูหรือคะ?”

เด็กน้อยมองขนมหวานในมือเยี่ยเทียน พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “แต่ว่ากระเป๋าเสื้อของหยาหยาไม่ว่างเลย คุณอาเยี่ยเทียนช่วยเก็บไว้ให้หยาหยาก่อนได้ไหมคะ?”

“ได้สิ อาจะเก็บไว้ให้หนู…”

น้ำเสียงไร้เดียงสาของหยาหยาเรียกเสียงหัวเราะภายในงาน เยี่ยเทียนเอาขนมใส่ไว้ในถุง ส่งให้เด็กน้อย กล่าวว่า “หยาหยาถือเอาไว้ในมือ อยากกินเมื่อไหร่ก็หยิบจากข้างในออกมานะ”

“เสี่ยวเทียน อย่าให้ท้ายเด็กสิ เดี๋ยวก็กินจนฟันผุ”

หวังอิ๋งยิ้มพลางดึงตัวเยี่ยเทียน ชี้ไปยังกล่องที่ปลายเท้า กล่าวว่า “ข้างในนี้คือเสื้อผ้าตัวเล็ก ๆ และงานปักที่พี่อิ๋งอิ๋งของเธอทำเองกับมือ แล้วยังมีหมวกหัวเสือ พวกเธอจะได้มีลูกกันไว ๆ ไง”

ด้วยความสัมพันธ์ของหวังอิ่งกับเฟิงค่วงและครอบครัว ไม่เหมาะสมจะให้เป็นเงินทอง เยี่ยเทียนเองก็ไม่อาจรับไว้ ดังนั้นหวังอิ่งจึงเริ่มลงมือเตรียมของขวัญให้กับเยี่ยเทียนตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้ว

“ขอบคุณครับพี่!”

เยี่ยเทียนคุกเข่าลงหยิบกล่องใบนั้นขึ้นมาเปิด เห็นเสื้อผ้าตัวเล็ก ๆ อยู่ด้านในหนึ่งชิ้นกับรองเท้าน้อยและหมวก ดวงตาของเยี่ยเทียนก็ไม่อาจกลั้นน้ำตารื้น อดก้มหน้าปาดออกจากหางตาไม่ได้

ตั้งแต่เด็กเยี่ยเทียนไม่มีแม่อยู่ข้างกาย ตอนไปชนบทเพิ่งจะอายุได้สิบขวบ เวลานั้นเยี่ยตงผิงงานยุ่งเหลือเกิน เยี่ยเทียนจึงไปกินอยู่ที่บ้านหวังอิ๋งแทบจะทุกวัน เสื้อผ้าขาดยังเป็นหวังอิ๋งช่วยซ่อมแซมให้เขา

 เวลานั้นธุรกิจของเฟิงค่วงเพิ่งจะเริ่มไต่เต้า  รายได้ของหวังอิ่งก็ไม่สูงมากนัก แต่มักพยายามหาวิธีให้เยี่ยเทียนได้กินเนื้อเสมอ ราวกับว่าเยี่ยเทียนเป็นน้องชายแท้ ๆ คนหนึ่ง

 ตลอดเวลาแปดปีเต็ม  ในส่วนลึกของหัวใจเยี่ยเทียน พี่หวังอิ๋งคนนี้ไม่แตกต่างอะไรกับแม่แท้ ๆ เพราะอย่างนั้นในทุกปีไม่ว่าเยี่ยเทียนจะงานยุ่งแค่ไหน จะต้องกลับไปยังหมู่บ้านน้อยแห่งนั้นที่เจียงหนาน เพื่อเยี่ยมเยียนครอบครัวของเฟิงค่วง

” น้องเยี่ย น้องเองก็แต่งงานแล้ว ภายหลังห้ามทำตัวซุกซนอีกล่ะ!”

 มองดูเยี่ยเทียนผู้สง่างามหล่อเหลาเบื้องหน้า  สายตาของหวังอิ๋งคล้ายปรากฎเงาร่างของเด็กชายอายุสิบขวบสวมใส่หมวกหัวเสือคนนั้น พลันเกิดสะเทือนใจขึ้นมา  อดเช็ดน้ำตาออกไม่ได้

เยี่ยเทียนจับบ่าหวังอิ๋ง ยิ้มกล่าวว่า ” พี่ งานแต่งงานของน้องชายเป็นเรื่องน่ายินดี มาเมืองหลวงคราวนี้ ต้องอยู่ฉลองตรุษจีนแล้วค่อยกลับนะ ผมอยากทำของบางอย่างให้หยาหยานำกลับไปด้วย”

“เจ้าเด็กบ้า ไม่ได้ให้ของขวัญพี่มากี่ปีแล้ว?”

หวังอิ๋งรู้ว่าวันมงคลยิ่งใหญ่ไม่ควรโศกเศร้า จึงเช็ดน้ำตาออก จ้องมองเยี่ยเทียนอย่างไม่สบอารมณ์

” แฮะ ๆ ไว้จะมอบของดีให้พี่นะ”

เยี่ยเทียนหัวเราะแหะๆออกมา เหลือบสายตามองเห็นเว่ยหงจวินโบกมือมาทางเขา ก็รีบหันไปบอกอวี๋ชิงหย่า “ชิงหย่า เธอคุยเป็นเพื่อนพี่สาวทีนะ ฉันจะไปทักทายแขกต่อ”

มาถึงข้างหน้าเว่ยหงจวิน เยี่ยเทียน ก็ส่งบุหรี่มวนหนึ่งให้ “ลุงเว่ย  วันนี้ลำบากลุงเสียแล้ว  ไว้เดี๋ยวรอว่างแล้วผมจะต้องดื่มคำนับลุงสักหลายจอกแน่นอน!”

การจัดงานพิธีแต่งงานวันนี้ รวมไปถึงเชิญพ่อครัวจากโรงแรมล้วนเป็นฝีมือของเว่ยหงจวินทั้งหมด เนื่องจากอาหารบางอย่างต้องตระเตรียมตั้งแต่เนิ่น ๆ ดังนั้นเขาจึงงานยุ่งมาตลอดตั้งแต่กลางดึกเมื่อคืน จวบจนตอนนี้ยังไม่ได้นอนเลยสักชั่วโมง

” พูดถึงเรื่องพวกนี้ทำไม เธอมายังปักกิ่งก็รู้จักลุงเว่ยก่อนไม่ใช่หรือ?”

เว่ยหงจวิน โบกไม้โบกมืออย่างไม่พอใจ กล่าวว่า ” อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย เยี่ยเทียน ข้างนอกมีแขกมากลุ่มหนึ่ง  เธอดูสิว่า… จะให้เข้าหรือไม่ให้เข้ามาดี?”

จากความตั้งใจของเยี่ยเทียน วันนี้ภายในบ้านจัดเลี้ยงโต๊ะจีนทั้งหมดหกโต๊ะ คนที่มาล้วนเป็นเพื่อนสนิทของเยี่ยเทียนและเหล่าญาติ

แต่ว่าเว่ยหงจวินที่เมื่อครู่ตระเตรียมงานเลี้ยงอยู่ด้านนอกพบว่า มีคนจำนวนหนึ่งมาถึงหน้าประตูบ้านแล้ว แต่ว่าคนเหล่านั้นกลับไม่กล้าเข้ามา ดังนั้นเว่ยหงจวินจึงเข้ามาบอกเยี่ยเทียน

“ใครกันเหรอครับ? ไปเถอะ ออกไปดูกัน” เยี่ยเทียนได้ยินเข้าก็ชะงักไปชั่วขณะ งานแต่งงานของตัวเองแทบไม่ได้เชิญคนนอกเลย

 “เป็นชิวเหวินตงน่ะ ยังมีคนที่ติดตามเขาอีกสองสามคน แต่ว่าลุงไม่รู้จัก…” เว่ยหงจวินตามหลังเยี่ยเทียนเดินออกไปยังนอกบ้าน

น้อยคนที่ทำการค้าในเมืองหลวงจะไม่รู้จักชิวเหวินตง ช่วงเวลาที่ผ่านมาเว่ยหงจวินทำธุรกิจได้ราบรื่นไม่มีติดขัด ก็เพราะได้ชิวเหวินตงช่วยเหลือ ดังนั้นพอปิดประตูให้อีกฝ่ายอยู่ด้านนอก ในใจเว่ยหงจวินจึงรู้สึกกระอักกระอ่วน

“เหล่าชิวเหรอครับ? เฮ้ เขามาทำอะไรน่ะ?”

เยี่ยเทียนแค่นยิ้มส่ายหน้า ตัวเองลืมเจ้าถิ่นคนนี้ไปได้อย่างไรกัน? ในอาณาเขตเมืองปักกิ่ง เกรงว่าเรื่องที่ปิดบังจากหูตาของเขามีไม่มากนัก

เยี่ยเทียนคิดอยู่สักครู่ ก็หยุดฝีเท้าถามขึ้น “ลุงเว่ย เพิ่มโต๊ะเรือนหน้านี่อีกสองสามโต๊ะได้ไหมครับ?”

บ้านเก่าหลังนี้ของตระกูลเยี่ยแบ่งเป็นเรือนหน้าเรือนกลางเรือนหลังสามเรือน ในสมัยราชวงศ์ชิงนั้นเป็นจวนของท่านอ๋องผู้หนึ่ง กระทั่งพื้นที่ยังครอบคลุมกว้างกว่าเรือนสี่ประสานหลังใหม่ของเขาเสียอีก อัดโต๊ะเพิ่มไม่กี่โต๊ะย่อมไม่เป็นปัญหาแน่นอน เพียงแต่เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าเตรียมอาหารสุราพอหรือไม่

“ได้สิ วันนี้ลุงเตรียมวัตถุดิบเป็นจำนวนสองเท่า เพิ่มอีกหกโต๊ะก็ไม่มีปัญหา”

เว่ยหงจวินพยักหน้า ยกโทรศัพท์ขึ้นกล่าวว่า “ลุงจะให้พวกเขาตระเตรียมเดี๋ยวนี้ ไม่ให้ชักช้าเสียการแน่นอน”

คนแก่คนเฒ่าล้วนรู้กัน ว่าสมัยอดีตในชุมชนมีคนเหล่านี้อยู่ ซึ่งคอยซื้อข้าวของให้คนจัดเลี้ยงที่บ้านโดยเฉพาะ พอเว่ยหงจวินโทรไปหา ทางนั้นก็มีคนจัดการให้

“เหล่าชิว คุณรู้เรื่องนี้จากไหนหรือครับ?”

เว่ยหงจวินคุยโทรศัพท์อยู่ด้านหลัง เยี่ยเทียนก็ออกไปต้อนรับนอกเรือน พอเห็นพวกคนที่อยู่ข้างตัวชิวเหวินตงแล้ว ก็อดตกตะลึงไม่ได้

“เหิงหวี่ นายมาจากชางโจวตั้งแต่เมื่อไหร่? ประธานจู้ก็มาด้วยหรือครับ? ต้องขออภัยจริง ๆ ไปเถอะ เชิญด้านในครับ!”

คนที่มานอกจากชิวเหวินตงแล้ว ยังมีเฝิงเหิงหยู่จากชางโจว ส่วนอีกคนก็คือจู้เหวยเฟิงเถ้าแก่เบื้องหลังธุรกิจมวยใต้ดินคนนั้น

เฝิงเหิงหยู่ส่ายหน้ากล่าวว่า “ศิษย์อาเยี่ย ได้ยินข่าวว่าวันนี้อาแต่งงาน หลานจึงมาพบเพื่อมอบของขวัญ พวกเราไม่เข้าไปหรอกครับ”

“ใช่แล้ว น้องเยี่ย วันนี้งานยุ่ง พวกเราไม่ขอรบกวนดีกว่า”

ตงเหวินชิวหยิบอั่งเปาสองซองยัดใส่มือเยี่ยเทียน เขาไม่ได้รับการเชื้อเชิญจากเยี่ยเทียนแต่ยังมา เดิมทีก็ออกจะตะขิดตะขวงใจอยู่

…………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด