หมอดูยอดอัจฉริยะ 596 สมาคมหงเหมิน

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 596 สมาคมหงเหมิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ได้ ถ้างั้นผมไปส่งพวกคุณด้วย!”

พอได้ยินว่าเยี่ยเทียนบอกว่าจะไม่ไปแล้ว ตู้เฟยรู้สึกปลื้มใจ เฟร็ดขึ้นไปนั่งบนที่คนขับแล้ว ตู้เฟยจึงตามขึ้นไปนั่งที่ข้างคนขับด้วย ส่วนลูกน้องคนอื่นๆจะนั่งไปกับรถของตู้เฟยแทน

ซอยเล็กๆ ที่มุ่งออกจากโรงแรมฮิลตัน รถเบนซ์ตรงไปที่สนามบินร้างแห่งหนึ่งในซานฟรานซิสโก คนที่คอยดูแลความปลอดภัยของซ่งเวยหลันนั้น ตอนนี้ต่างคอยอยู่ที่นั่นแล้ว

แต่เมื่อรถออกจากเขตใจกลางเมืองมาถึงถนนสายหนึ่งในเขตย่านชานเมือง มีรั้วไม้ที่มีโซ่พันไว้กั้นถนนอยู่

“เจ้านาย ข้างหน้ามีคนซ่อมถนนกั้นทางไว้!” เฟร็ดเห็นรั้วนั้นแล้วขมวดคิ้วแสดงท่าทางตึงเครียดขึ้นทันที

“ตู้เฟย สมาคมหงเหมินของคุณน่ะช่างรู้ข่าวได้รวดเร็วจริง? ถึงกล้ามาสร้างรั้วขวางถนนเอาไว้แบบนี้?”

เยี่ยเทียนพูดเย้าหยอกตู้เฟยที่ตอนนี้โกรธจนหน้าแดงแล้วตะโกนสั่งว่า “พุ่งเข้าไปเลย!”

“โอ้ว ท่านคิดเหมือนกับผมเลยครับ เจ้านาย พวกคุณนั่งดีๆนะครับ!”

เฟร็ดผิวปาก เท้าขวากระทืบคันเร่ง พร้อมกับมือขวากดปุ่มปุ่มหนึ่งที่แผงหน้าปัดแสดงอัตราความเร็วตรงหน้า

ด้านท้ายของรถเบนซ์เปิดออก ท่อไอเสียด้านหลังทั้งสองด้านจู่ๆก็มีไฟพุ่งออกมา ตัวรถพุ่งไปข้างหน้าราวกับติดจรวด

ร้อยหกสิบ ร้อยเจ็ดสิบ สองร้อยสี่สิบ ความเร็วของรถเบนซ์ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ จนกระทั่งรถพุ่งเข้าชนกับรั้วไม้ที่ถูกสร้างไว้ลวกๆอย่างแรง

“ปัง” เสียงดังสนั่น

แต่คนที่นั่งอยู่บนรถกลับรู้สึกเหมือนตัวรถกระทบเพียงเบาๆ เศษรั้วไม้ขาดกระเด็น ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างรั้วไม้อีกสิบกว่าคนกระโดดหลบแทบไม่ทัน

“ฮ่าๆ มันส์ดีจริงๆ!”

เฟร็ดหัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ สิ่งที่เขาฝึกทหารในไซบีเรียมาคือเทคนิคการสังหาร แต่สุดท้ายกลับได้รับมอบหมายให้ดูแลความปลอดภัยเป็นงานหลักเสียได้ ปกติแล้วก็ไม่ค่อยได้พบกับอันตรายสักเท่าไหร่

ความรู้สึกที่รถเบนซ์กำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งทำให้แอนนาเอ่ยเตือน “เฟร็ด เจ้านายยังนั่งอยู่บนรถนะ!”

“โอ้ เจ้านายยังนั่งอยู่ด้วย ผมเกือบลืมเสียสนิท!”

เฟร็ดถูกแอนนาตักเตือนแล้วตกใจ รีบลดระดับความเร็วลง แต่ยังคงความเร็วไว้อยู่ที่สองร้อยสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถยนต์เข้ามาจอดในเขตสนามบินที่มีรั้วลวดหนามรายล้อม ที่นี่เป็นสนามบินเก่าของทหาร หลังจากถูกปล่อยทิ้งร้างแล้วได้มีพวกมหาเศรษฐีจำนวนมากเข้ามาปรับปรุงเพื่อใช้เป็นสนามบินพลเรือน

ที่นี่มักจะมีการซ่อมบำรุงลานบินอยู่เรื่อยๆ แต่ทั้งสองข้างทางกลับมีหญ้าขึ้นรกชัฏ บางจุดกอหญ้าสูงเลยท่วมหัว เยี่ยเทียนรู้สึกว่า ในกอหญ้าเหล่านั้นต้องมีคนซ่อนตัวอยู่ยี่สิบกว่าคนได้

เฟร็ดขับรถเข้าไปทางลานบิน ตรงนั้นมีเครื่องบินส่วนตัวของซ่งเวยหลันจอดรออยู่

“พี่น้องทุกคน ออกมาได้แล้ว!”

“เมื่อเฟร็ดหยุดรถลงแล้วให้สัญญาณ กอหญ้ารอบด้านทั้งหมดมีคนออกมามากว่ายี่สิบคน ทุกคนถือปืนกลเอาไว้ในมือ เดินล้อมเข้ามาใกล้กับรถเบนซ์

ที่สนามบินมีการเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว ตั้งแต่รถยนต์ขับเคลื่อนเข้ามา ใบพัดเครื่องบินก็เริ่มหมุนทำงาน แค่รอให้ซ่งเวยหลันขึ้นเครื่องเท่านั้นก็สามารถออกเดินทางได้ทันที

เยี่ยเทียนเห็นมารดาพอลงจากรถก็ไม่ยอมขึ้นเครื่องเสียที เขายิ้มเอ่ยปลอบมารดาว่า “แม่ แม่ไปก่อนเถอะครับ ผมอีกสิบกว่าวันจะไปหาแม่ที่นิวยอร์คเอง!”

“จ้ะ ลูก ถ้าพวกนั้นกล้าทำร้ายลูก แม่จะให้พวกมันต้องชดใช้!”

แววตาของซ่งเวยหลันปรากฏความเหี้ยมโหดขึ้นแวบหนึ่ง การกั้นทางเมื่อครู่ทำให้เธอได้รู้ว่าตระกูลเหลยกับเธอไม่มีทางญาติดีต่อกันได้อีก

“ทำร้ายผม?”

เยี่ยเทียนหัวเราะเสียงเย็น “นอกเสียจากพวกเขาจะยกกองทัพมา ไม่อย่างนั้นมีแค่พวกลูกน้องปลายแถว จะทำอะไรผมได้?”

ตอนนี้เยี่ยเทียนฝึกวิชากังฟูจนถึงขั้นหลอมปราณสู่จิตได้แล้ว ไม่ว่าจะทั้งลมปราณหรือพละกำลังต่างปลอดโปร่งเข้มแข็งเกินธรรมดา หากมีใครเข้ามาปองร้าย เยี่ยเทียนจะสัมผัสความรู้สึกได้ก่อนเสมอ

เมื่อมีสัญชาตญาณเตือนภัย เยี่ยเทียนถึงไม่กล้าพูดได้เต็มปากว่าไม่มีคู่แข่ง แต่ถ้าเขาอยากจะหลบหนี บนโลกนี้ก็ไม่มีใครจับตัวเขาได้

“คุณชายน้อย ให้แม่ของคุณรีบไปเถอะ!”

ตู้เฟยฟังคำพูดของเยี่ยเทียนแล้วหน้าแดงขึ้นมา ความจริงแล้วคนของเหลยหู่ที่ส่งมาแต่ละคนถือเป็นระดับชั้นแนวหน้าทั้งนั้น แต่เยี่ยเทียนยังบอกว่าพวกนั้นเป็นแค่ลูกน้องปลายแถว

“อืม” เยี่ยเทียนพยักหน้า หันไปพูดกับมารดาว่า “แม่ เมื่อแม่ไปแล้ว ผมไม่มีอะไรต้องห่วงอีก รีบขึ้นเครื่องเถอะครับ!”

“จ้ะ ลูก แม่ไปละ”  ซ่งเวยหลันรู้ว่าขืนเธออยู่ต่อไปมีแต่จะเป็นตัวถ่วงให้บุตรชาย จึงไม่ได้เอ่ยอะไรอีก พาแอนนาเดินขึ้นเครื่องบินไป”

นอกจากซ่งเวยหลันและแอนนาแล้ว กลุ่มคนที่ยืนรายล้อมรอบเครื่องบินอยู่นั้น ได้เดินตามขึ้นเครื่องไปด้วย มีเพียงเฟร็ดและพวกอีกสามคนที่วิ่งกระจายออกไปโดยรอบเพื่อสำรวจความปลอดภัย

เมื่อประตูห้องโดยสารเครื่องบินปิดลง เสียงคำรามของเครื่องยนต์ทำงานดังมากขึ้นแล้วเริ่มออกวิ่งไปบนรันเวย์จนบินขึ้นสู่ฟากฟ้า

เยี่ยเทียนมองดูเครื่องบินส่วนตัวของมารดาค่อยๆบินสูงขึ้นไปจนลับสายตา เขาจึงถอนใจอย่างโล่งอก หันกลับมาพูดกับตู้เฟยว่า “กับทางนั้นได้ตัดขาดญาติมิตรไปแล้ว คุณยังจะเอ่ยถึงความสัมพันธ์ในฐานะศิษย์ร่วมสำนักอีกเหรอ?”

การขัดขวางการเดินทางของเหลยหู่เมื่อครู่ทำให้เยี่ยเทียนเกิดความอาฆาต แม้เขากับสมาคมหงเหมินจะเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นแฟ้น แต่เขายังไม่ได้เข้าร่วมอย่างเป็นทางการ อีกอย่างเยี่ยเทียนยังไม่เคยติดต่อกับสมาคมหงเหมินเลยสักครั้ง จึงไม่ได้รู้สึกผูกพันแต่อย่างใด

“คุณชายน้อย คนของเหลยหู่สร้างเครื่องกำบังถนน ไม่น่าจะมีจุดประสงค์ต้องการทำร้ายเวยหลันหรอก ผมว่า คุณเข้าร่วมสมาคมหงเหมินก่อน แล้วค่อยจัดการเรื่องนี้ทีหลัง!”

ตู้เฟยถอนใจ เขาไม่พอใจการกระทำของเหลยหู่เป็นอย่างมาก แต่เมื่อคิดถึงวิธีการอันเหี้ยมโหดของเยี่ยเทียนแล้ว เขาคงทำได้แต่ห้ามปราม ไม่เช่นนั้นเยี่ยเทียนคงจะฆ่าล้างสมาคมหงเหมินจนเลือดไหลนองเป็นสายน้ำแน่

“เจ้านายครับ เจ้านายใหญ่ให้พวกผมติดตามเจ้านาย ขอถามหน่อยครับว่าท่านอยากจะเน้นย้ำอะไรเป็นพิเศษไหมครับ?”

เยี่ยเทียนยังไม่ทันออกปาก พวกเฟร็ดก็เดินเข้ามารุมล้อมเยี่ยเทียน จ้องมองเยี่ยเทียนอย่างตื่นเต้น ถ้าเทียบกับลูกน้องคนอื่นๆที่ติดตามนายใหญ่ไปบนเครื่องบินลำนั้น พวกเขาอยากจะอยู่ในเมืองนี้เพื่อหาเรื่องสนุกๆทำมากกว่า

“ถ้าไม่มีอะไรก็อยู่ห่างๆ ฉันหน่อย ระยะห่างซักห้าสิบเมตร…”

เยี่ยเทียนตอบส่งๆไปเหมือนครั้งนั้นที่บอกกับมาลาไกย์ พอนึกได้ว่าตอนนี้เขาอยู่ต่างประเทศจึงหยุดพูดต่อ

“พวกนายติดตามฉันก็พอแล้ว อย่าไปก่อเรื่องอะไรก็พอ!”

เยี่ยเทียนคิดใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วหันไปหาตู้เฟย “ช่วยจัดหาบ้านที่สงบให้ผมสักหลัง ก่อนที่ผมจะเข้าร่วมสมาคมหงเหมิน หวังว่าจะไม่มีใครมารบกวนผมได้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่ระวังลงมือทำร้ายคน!”

ศิษย์สำนักของสมาคมหงเหมินมีอยู่ทั่วไปตามประเทศต่างๆ  ถ้าไม่เกิดเรื่องจวนตัวหรือเหตุสุดวิสัย เยี่ยเทียนไม่อยากจะก่อความขัดแย้งเป็นอริกับใคร หากสามารถแอบจัดการพ่อลูกแซ่เหลยได้ละก็ เขาจะต้องลงมือแน่นอน

“คุณชายน้อย คุณไปพักที่บ้านของผมแล้วกัน ต่อให้เหลยหู่วางก้ามใหญ่โตขนาดไหน เขาก็ไม่กล้าบุกเข้าไปในบ้านของผมหรอก!”

ตู้เฟยเป็นถึงระดับเจ้าตำหนักอันดับสามในสมาคมหงเหมิน แม้อำนาจในมือมีไม่เทียบเท่าเหลยเจิ้นเยวี่ยกับเหลยหู่ แต่ด้วยสถานะของเขาเหลยหู่ไม่กล้าล่วงเกิน

รถยนต์วิ่งกลับทางเก่า ซึ่งแน่นอนว่าความเร็วไม่เท่ากับตอนขามา ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเศษได้มาถึงเขตตัวเมืองอีกครั้ง และหยุดลงบนถนนในไชน่าทาวน์แห่งเมืองซานฟรานซิสโก

“คุณชายน้อย เราเดินเข้าไปกันเถอะ ที่นี่เป็นถนนคนเดิน ไม่อนุญาตให้รถเข้า!”

ด้านหลังของถนนไชน่าทาวน์ มีทางให้รถผ่านเข้าออกได้ แต่ที่นั่นมีคนของตำหนักอาญาคุมอยู่ ตู้เฟยกลัวจะเกิดเหตุที่ทำให้เยี่ยเทียนมีเรื่องกับคนพวกนั้น

“ได้ ผมยังไม่เคยมาที่ถนนไชน่าทาวน์เลย” เยี่ยเทียนพยักหน้า เปิดประตูลงจากรถ ย่านไชน่ทาวน์ของซานฟรานซิสโกมีประวัติยาวนานเป็นร้อยปีแล้ว

จากคนงานเหมืองทองกับคนงานสร้างถนนที่ถูกดูถูกเหยียบย่ำจนถึงการเป็นผู้ครอบครองกิจการใต้ดินในเมือง มีคนเชื้อสายจีนจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียสละชีวิตของตัวเอง

ดังนั้นการพัฒนาสถานที่นี้ด้วยหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อนี้ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกเลื่อมใส ย่านไชน่าทาวน์ยังคงเป็นสถานที่ที่ยังสืบทอดร่มเงาของคนเชื้อสายจีนในต่างประเทศอยู่เสมอ

เดินไปถึงถนนสายหนึ่งที่ไม่ได้กว้างมาก เยี่ยเทียนรู้สึกเหมือนกลับไปอยู่ในประเทศจีนอีกครั้ง สองหูได้ยินเสียงภาษาจีนแมนดารินที่คุ้นเคย ป้ายร้านค้าสองข้างทางเต็มไปด้วยอักษรภาษาจีนอันคุ้นตา

“เอ๋? ร้านเก่าแก่ยังมีมาเปิดที่นี่ด้วยหรือ?”

เบื้องหน้าเยี่ยเทียน มีป้ายชื่อร้านขายยาแห่งใหญ่ที่มีชื่อเสียง ตัวอักษรสีทองโดดเด่นเขียนว่า “ถงเหรินถัง” มองดูพนักงานในร้านที่ต่างวุ่นอยู่กับงาน กิจการค้าขายดูท่าทางไม่เลวเลย

“คุณชายน้อย ห้างร้านใหญ่ๆในเมืองจีน ที่ไชน่าทาวน์แห่งนี้มีทุกร้าน ที่นี่ยังมีอาหารของกินเล่นที่เป็นอาหารพื้นเมืองจากเมืองต่างๆในจีน ถ้าคุณเกิดอยากกินอะไรก็มีทั้งนั้น”

ตู้เฟยหัวเราะกับคำถามไร้เดียงสาของเยี่ยเทียน คล้ายกับว่าคนจีนที่มาที่ไชน่าทาวน์แห่งนี้เป็นครั้งแรก จะต้องแสดงสีหน้าท่าทางแบบเยี่ยเทียนทุกคน

“ในต่างประเทศต่อให้ทำแบบต้นตำรับแล้ว เกรงว่ารสชาติก็ยังสู้ในประเทศจีนไม่ได้”

เยี่ยเทียนส่ายศีรษะมองดูคนต่างชาติที่เดินเข้าออกร้านอาหารจีนที่ตั้งเรียงรายอยู่ วัฒนธรรมอาหารจีนนั้นละเอียดอ่อนและประณีต แม้แต่ในประเทศจีนเองยังแบ่งอาหารเป็นประเภทต่างๆ แล้วจะให้ร้านอาหารในไชน่าทาวน์ที่ทำลอกเลียนแบบได้เหมือนได้อย่างไร?

เยี่ยเทียนเดินไปเรื่อยๆยังคันพบอีกว่า มักมีคนหนุ่มที่สวมเสื้อจีนแบบสั้นหลายคนที่โค้งคำนับให้กับตู้เฟย

คนพวกนี้ยืนห่างจากร้านค้าออกมาเจ็ดแปดเมตร น่าจะเป็นคนที่สมาคมหงเหมินส่งมาเพื่อให้ความคุ้มครองร้านค้า ไชน่าทาวน์ที่คึกคักมีชีวิตชีวานี่ยังต้องอาศัยความช่วยเหลือจากสมาคมหงเหมิน

ตู้เฟยพาเยี่ยเทียนเดินไปสักระยะหนึ่ง แล้วเลี้ยวเข้าไปในตรอกเล็กข้างทาง เพื่อเดินเข้าไปสู่ซุ้มประตูหิน เรือนสี่ประสานหลายหลังเรียงรายอยู่เบื้องหน้าเยี่ยเทียน

“ที่นี่เป็นศูนย์กลางของสมาคมหงเหมินใช่ไหม?”

สมาคมหงเหมินสามารถสร้างเรือนสี่ประสานในรูปแบบเดียวกับในเมืองปักกิ่งเก่าได้ เยี่ยเทียนยังรู้สึกทึ่ง ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ที่นี่มาแล้วกี่ชั่วคน แต่ก็ยังไม่ลืมรากเหง้าของบรรพบุรุษตน

“พวกเฟร็ดเข้าไปข้างในได้ไหม?”

เมื่อก่อนในยุคกบฏไท่ผิงนั้น คนของสมาคมหงเหมินจำนวนมากที่ยึดหน้าที่หลักในการฆ่าล้างพวกฝรั่งผมทอง

……………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด