หมอดูยอดอัจฉริยะ 603 เปลี่ยนแปลงการปกครอง

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 603 เปลี่ยนแปลงการปกครอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สภาหลักของสมาคมหงเหมินในปัจจุบันนั้น ตระกูลเหลยครองสัดส่วนไว้มากที่สุด และมีคนจากตระกูลเหลย ครองตำแหน่งสำคัญๆ ในสภาหลักอยู่หลายตำแหน่ง

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลี่ซงชิวยังคงมีอิทธิพลสูงอย่างยิ่งในสมาคมหงเหมิน ถ้าสองฝ่ายนี้มาห้ำหั่นกัน สุดท้ายไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ สมาคมหงเหมินก็จะต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองอยู่ดี

“ทำไม คิดจะกบฏรึ?” แม้ว่าเหลยหู่จะมีคนของตำหนักอาญายืนรายล้อมอยู่เต็มไปหมด ตู้เฟยก็ยังยืนขึ้นมาโดยไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

ขณะนี้ผู้อาวุโสในสมาคมหงเหมินแต่ละสาขาทั่วโลกกำลังมาชุมนุมกันอยู่ที่นี่ และแต่ละคนต่างก็มีผู้ติดตามกันทั้งนั้น จึงกลายเป็นกลุ่มพลังที่ใหญ่ไม่ใช่น้อย อาศัยเพียงกำลังคนร้อยคนของเหลยหู่ ย่อมไม่สามารถสร้างอิทธิพลอะไรได้มากอยู่แล้ว

“ท่านตู้เคร่งเครียดเกินไปแล้ว เหล่าบริวารแค่ทนดูฉันถูกหยามไม่ได้ ก็เลยอยากจะทวงความเป็นธรรมหน่อยเท่านั้นเอง!”

เหลยหู่ยิ้มให้ตู้เฟยอย่างเสแสร้ง เมื่อก่อนเขาเรียกตู้เฟยว่าพี่เฟยมาตลอด ตอนนี้เมื่อมาเรียกว่าท่านแทน ก็แสดงว่าทั้งสองฝ่ายได้ตัดขาดความสัมพันธ์กันโดยสิ้นเชิง ไม่เหลือโอกาสให้ย้อนกลับได้อีกแล้ว

แต่ขณะนั้นเหลยหู่กลับยังคงรู้สึกอุ่นใจอยู่ เพราะในที่นั้นถึงจะดูเหมือนมีคนมาก แต่ตอนที่ผ่านเข้าประตูมานั้น ทุกคนถูกเก็บยึดอาวุธที่พกพามาด้วยไปหมดแล้ว

ส่วนบริวารของเหลยหู่เหล่านี้กลับมีอาวุธปืนกันครบทุกคน ถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ ละก็ จะต้องกลายเป็นการฆ่าล้างบางจากฝ่ายเดียวอย่างแน่นอน

แน่นอนว่า เหลยหู่ก็ไม่กล้ากระทำอย่างอุกอาจ ลงมือเข่นฆ่าบรรดาผู้อาวุโสในสมาคมหงเหมินเหล่านี้เหมือนกัน

สภาหลักของสมาคมหงเหมินนั้นแม้จะเป็นศูนย์กลางของสมาคมหงเหมินทั้งหมด แต่สมาคมหงเหมินแต่ละสาขาเป็นส่วนหนึ่งของสภาหลักแต่เพียงในนามเท่านั้น ไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติอย่างแท้จริง

ถ้าเหลยหู่กล้ากักคนเหล่านี้ไว้ที่นี่ทั้งหมด อย่างนั้นคาดว่าอีกไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ ที่ซานฟรานซิสโกก็จะต้องเกิดสงครามยุคใหม่ขึ้นมาแน่ๆ ต่อให้เหลยหู่บ้าคลั่งยิ่งกว่านี้ ก็คงจะรับผลที่ตามมาไม่ไหวเหมือนกัน

“เหลยหู่ แก…แกถึงกับกล้าให้พวกมันพกปืนเข้ามาเลยเรอะ?”

ระหว่างที่เหลยหู่พูดอยู่ ตู้เฟยก็เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล ในมือของคนจากตำหนักอาญาที่บุกเข้ามาในสมาคมหงเหมินเหล่านี้ ต่างก็ถือปืนพกกันคนละกระบอก

พอตู้เฟยพูดออกไปอย่างนั้น บรรดาผู้อาวุโสสมาคมหงเหมินที่ตอนแรกกำลังดูเรื่องสนุกกันอยู่ ก็เปลี่ยนสีหน้าไปตามๆ กัน การปรากฏของอาวุธปืนนั้น ทำให้คนเหล่านี้เกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา

“ท่านตู้ นี่ท่านปรักปรำฉันอยู่นะ คนพวกนี้น่ะฉันไม่ได้เป็นคนเรียกเข้ามาสักหน่อย จะพกหรือไม่พกปืน ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมนี่ครับ?”

เหลยหู่เงยหน้าขึ้นมาหัวเราะฮ่าๆ “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านตู้ใส่ความฉัน แล้วบริวารพวกนี้จะเข้ามาทวงความยุติธรรมกันทำไมล่ะ?”

แม้จะกุมสถานการณ์ในสภาไว้ได้แล้ว แต่เหลยหู่ก็ยังคงรอบคอบระมัดระวังอย่างยิ่ง เอาแต่พูดว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้ท่าเดียว ไม่ยอมเปิดช่องว่างให้คนอื่นปรามาสได้เลย

“เหลยหู่ ที่แกทำแบบนี้ เหล่าเหลยคงไม่รู้สินะ?”

หลี่ซงชิวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เข็นส่ายหน้า แล้วพูดเบาๆ “ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยเล่า เป็นพี่น้องสมาคมหงเหมินด้วยกันแท้ๆ จะต้องเข่นฆ่ากันให้ได้เลยหรือ? แกต้องการอะไรก็พูดมาสิ…”

“ฉันเป็นฝ่ายอยากจะเข่นฆ่ากันรึไง?”

หลังจากได้ยินหลี่ซงชิวพูด เหลยหู่ก็พลันระเบิดขึ้นมา “พวกแกนั่นแหละเป็นฝ่ายบีบคั้นฉัน ไอ้เด็กเวรนั่นมันก็เป็นแค่คนนอก พวกแกกลับพากันช่วยเหลือมัน

“ท่านเยี่ยผู้มีระดับ “ใหญ่” งั้นรึ? ถุย! พวกแกยอมรับมันเป็นผู้อาวุโส แต่ฉันเหลยหู่ไม่ยอมรับหรอก!”

กล่าวตามตรง หลายวันมานี้เหลยหู่ออกจะอัดอั้นตันใจอยู่ เรื่องที่ตระกูลเหลยวางอุบายจะฮุบสมบัติของซ่งเวย หลันนั้น ไม่ทราบว่าถูกแพร่ออกไปได้อย่างไร ช่วงนี้ผู้อาวุโสหลายคนในสภาที่ค่อนข้างใกล้ชิดกับตระกูลเหลยจึงดูเหมือนจะจงใจกันหลบหน้าเหลยหู่

โดยเฉพาะเหลยเจิ้นเยวี่ยถูกตู้เฟยยั่วโทสะจนลมปราณแตกซ่านไป ช่วงนี้จึงปิดประตูไม่ออกจากบ้าน ยิ่งทำให้ตระกูลเหลยเคราะห์ซ้ำกรรมซัด จึงทำให้เหลยหู่เริ่มรู้สึกว่าแบกภาระหนักไม่ไหวขึ้นมา

เมื่อเห็นว่าตำแหน่งประธานใหญ่นี้ดูเหมือนจะเข้าใกล้ตนมากขึ้นทุกที เหลยหู่ก็กลายเป็นยิ่งใจร้อนวู่วามมากขึ้น หลังจากดำเนินการวางแผนกับเผิงเหวินกวงอย่างรัดกุมแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะเผชิญความเสี่ยง

แผนการทั้งหมดของเหลยหู่แบ่งออกเป็นสองส่วน ถ้าสามารถโจมตีหลี่ซงชิวโดยการขัดขวางเยี่ยเทียนไม่ให้เข้าร่วมสมาคมหงเหมินได้ อย่างนั้นแผนตลบหลังเหล่านี้ก็จะไม่ต้องเกิดขึ้น

ถ้าคนของเขาไม่สามารถจัดการกับเยี่ยเทียนได้ อย่างนั้นเหลยหู่ก็จะตัดสินใจสู้ให้ตายกันไปข้าง โดยใช้กำลังบีบบังคับหลี่ซงชิวให้ออกจากตำแหน่ง ส่วนผลที่ตามมาจะนำไปสู่การแตกแยกของสมาคมหงเหมินหรือไม่นั้น เหลยหู่ไม่สนใจแล้ว

หลี่ซงชิวค่อยๆ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้เข็น ดวงตาทั้งคู่มองดูเหลยหู่ด้วยสายตาหยอกล้อ แล้วพูดขึ้นอย่างเฉยชา “เหลยหู่ ให้คนสลายตัวไปเสีย ฉันจะถือว่าเรื่องในวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้น”

“ท่านประธานใหญ่เป็นคนกล่าว ฉันก็ต้องทำตามอยู่แล้วละ!”

เหลยหู่ยิ้มอย่างเยือกเย็น แล้วพูดขึ้นเสียงดัง “พวกแกไม่ได้ยินที่ท่านประธานใหญ่พูดรึไง? ท่านให้พวกแกถอยออกไป นี่หูหนวกกันหมดรึไงหา?”

เสียงของเหลยหู่ดังก้องอยู่ในสภา แต่คนเหล่านั้นกลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย มีเพียงเสียงของเผิงเหวินกวงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านประธานใหญ่ครับ ท่านป่วยติดเตียงมานาน เกรงว่าคงจะไม่ค่อยมีเวลาจัดการเรื่องต่างๆ ในสมาคมมากนัก ตามความเห็นของพวกผม ท่านถอนตัวออกจากตำแหน่งประธานใหญ่นี่ไปเสียเถอะครับ!”

“อ้อ? จะให้ฉันออกจากตำแหน่งประธานใหญ่น่ะได้อยู่แล้วละ แต่จะให้ใครมารับช่วงต่อล่ะ?”

หลี่ซงชิวมีสีหน้าผ่อนคลายมาก ราวกับว่าปืนหลายสิบกระบอกที่รายล้อมอยู่นั้นเป็นของเล่นก็ไม่ปาน ใบหน้าไม่ได้แสดงความตึงเครียดออกมาเลยแม้แต่น้อย

ทันทีที่หลี่ซงชิวพูดจบ เผิงเหวินกวงก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง “ก็ต้องเป็นท่านหู่อยู่แล้วละ ท่านยังหนุ่มและมีแวว หลายปีมานี้ก็นำตำหนักอาญาขยายอาณาเขตไปได้ไม่น้อย นอกจากท่านหู่แล้ว ใครยังจะมีความสามารถพอที่จะมารับตำแหน่งประธานใหญ่สมาคมได้อีกล่ะ?”

ทุกอย่างปรึกษาตกลงกันมาเรียบร้อยแล้ว วันนี้เป็นวันเปิดที่ประชุมไม่ใช่รึ? เหลยหู่จึงเตรียมการที่จะอาศัยโอกาสนี้ ชิงตำแหน่งประธานใหญ่มาเป็นของตัวเอง หุงข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุกเสียเลย

แม้ว่าการทำเช่นนี้อาจทำให้บรรดาผู้อาวุโสที่มาจากสาขาต่างๆ ทั่วโลกตีตนออกห่าง หลังจากพวกนั้นกลับไปแล้วก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะแยกตัวออกจากสภาหลัก

แต่เหลยหู่ก็ไม่สนใจ เพราะเดิมทีสภาหลักก็คุมคนเหล่านั้นไม่ได้อยู่แล้ว ผลจากการทำเช่นนี้ก็มีแต่จะทำให้พวกนั้นไม่ไปมาหาสู่กันเท่านั้นเอง ไว้วันหน้าเมื่อตนได้ผลประโยชน์ไปแล้ว เชื่อว่าคนพวกนี้ก็คงต้องยอมรับตนเป็นประธานใหญ่อยู่ดี

“ก็แค่ตำแหน่งลอยๆ เท่านั้นแหละ เหลยหู่แกคิดว่ามันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ?” หลังจากฟังเผิงเหวินกวงพูด หลี่ซงชิวก็ถอนหายใจยาว

“ท่านประธานใหญ่ พี่ๆ น้องๆ ก็เพียงแต่ชื่นชมฉันเท่านั้นเอง เหลยหู่ไม่ใช่ผู้ทรงคุณธรรมมีความสามารถอะไร ปกติก็ไม่กล้าแม้แต่จะแอบมองตำแหน่งประธานใหญ่นี่เลยด้วยซ้ำ”

เหลยหู่แม้จะมีส่วนสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร รูปลักษณ์หน้าตาก็ดูน่าเกรงขาม แต่พอพูดออกไปอย่างนั้นแล้ว กลับทำให้ทุกคนฟังแล้วรู้สึกคลื่นไส้ พวกเขาเพิ่งจะเคยเห็นคนที่ไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละ

สภาพของเหลยหู่ในตอนนี้ ก็เหมือนกับหญิงคณิกาที่ถอดกางเกงและทอดกายอยู่เบื้องล่างแล้ว แต่ปากยังพร่ำพูดว่าตนขายวิชา ไม่ได้ขายร่างกาย ทำให้คนอื่นรู้สึกผะอืดผะอมจากใจเลยทีเดียว

“ในเมื่อแกรู้ว่าตัวเองไร้คุณธรรมไร้ความสามารถ ตำแหน่งประธานใหญ่สมาคมนี่ก็คงจะยกให้แกไม่ได้แล้วหละ”

หลี่ซงชิวส่ายหน้า ร่างกายอันป่วยหนักของเขาไม่อาจทนต่อไปได้แล้ว จึงหันหน้าไปพูดกับคนผู้หนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม “เหล่าอู่ เรียกคนเข้ามาเถอะ…”

“ครับ ท่านประธานใหญ่!” ผู้ที่หลี่ซงชิวเรียกนั้นก็คือเจ้าตำหนักลงทัณฑ์นั่นเอง หลังจากตอบรับแล้ว ก็ผิวปากขึ้นมาเสียงแหลมใส

เมื่อเสียงผิวปากนี้ดังขึ้น เสียงฝีเท้าถี่กระชั้นและเสียงดึงลูกเลื่อนปืนก็ดังมาจากด้านนอกสภา กำลังคนซึ่งมีจำนวนมากกว่าบริวารของเหลยหู่มากนักแห่กันเข้ามาในสภานี้

และบนรั้วที่ล้อมรอบสภาอยู่นั้น ก็มีคนถือปืนกลยืนอยู่เต็มไปหมด ปากปืนแต่ละกระบอกต่างเล็งไปที่บรรดาบริวารของเหลยหู่

เคราะห์ดีที่สมัยที่ก่อสร้างโถงประชุมแห่งนี้ขึ้น ได้ก่อสร้างตามมาตรฐานให้รับรองคนได้หนึ่งพันคน ขณะนั้นเมื่อมีคนยืนอยู่ในสภาถึงหกเจ็ดร้อยคน จึงยังดูไม่ค่อยแออัดเท่าไรนัก

เมื่อมองดูปืนพกในมือของตัวเอง แล้วมองดูปืนกลของอีกฝ่าย บริวารของเหลยหู่ก็รู้สึกด้อยกว่าไปเลย ถึงจะเป็นปืนเหมือนๆ กัน แต่อิทธิพลของทั้งสองฝ่ายกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

“เวรกรรม ตาแก่พวกนี้นี่เจ้าเล่ห์ไม่มีใครแพ้ใครเลยจริงๆ ถึงกับยังมีแผนตลบหลังอยู่อีกเรอะ?” เยี่ยเทียนที่หลบดูความครื้นเครงอยู่ด้านข้างเม้มปากขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ตั้งแต่ตอนที่คนของเหลยหู่ปรากฏออกมา เยี่ยเทียนก็รู้สึกแล้วว่า รอบๆ โถงประชุมแห่งนี้ยังมีชายฉกรรจ์เลือดลมพลุ่งพล่านอยู่อีกหลายร้อยคน เพียงแต่ตอนนั้นเยี่ยเทียนไม่รู้ว่าพวกนี้เป็นคนของใคร

ความจริงปรากฏออกมาแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างก็เปิดไพ่ในมือออกมา และดูจากหน้าไพ่แล้ว สุดท้ายขิงแก่ก็ยังเผ็ดกว่าอยู่ดี ฝ่ายหลี่ซงชิวและตู้เฟยจึงกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบเหนือกว่า

“ที่แท้พวกแกก็วางแผนไว้แต่แรกแล้วงั้นเรอะ?” เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ สีหน้าของเหลยหู่ก็หมองลงไปจนแทบจะหยดลงมาเป็นน้ำ เขารู้ว่า ตัวเองประเมินไอ้จิ้งจอกเฒ่าหลี่ซงชิวนี่ต่ำเกินไปเสียแล้ว

หลี่ซงชิวถอนหายใจ “หู่จื่อ ลุงหลี่ก็ดูแกเติบโตมาตั้งแต่เด็ก เรียกคนกลับไปเถอะ แล้วก็ไปใช้ครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่กับเหล่าเหลยอย่างเงียบสงบเถอะนะ!”

“ไม่จริงน่ะ ตระกูลเหลยเราตั้งแต่เกิดจนตายก็ทุ่มเทให้สมาคมหงเหมิน แกสั่งมาคำเดียวก็จะไล่ตระกูลเหลยออกจากสมาคมหงเหมินได้งั้นหรือ?”

การเคลื่อนไหวที่เตรียมการมานาน ถึงตอนนี้กลับกลายเป็นตกอยู่ใต้การควบคุมของผู้อื่น อารมณ์ของเหลยหู่จึงเริ่มไม่มั่นคงขึ้นมา “ฉันเหลยหู่ทำผิดตรงไหนกัน ทำไมพวกแกถึงไม่ยอมสนับสนุนให้ฉันขึ้นตำแหน่ง?”

หลี่ซงชิวมองเหลยหู่ด้วยสายตาเวทนา แล้วพูดเสียงเบา “แกน่ะเห็นแก่ตัวเกินไป ถ้ายกสมาคมหงเหมินให้แกละก็ มีหวังได้พินาศย่อยยับกันพอดี!”

“เหลวไหล พูดเหลวไหลน่ะ สมาคมหงเหมินเดิมทีก็เป็นของตระกูลเหลยเราอยู่แล้ว!” เหลยหู่คำรามขึ้นมาเสียงดัง

ลึกๆ ในใจของเขานั้น หลังจากที่บิดาของตู้เฟยถึงแก่กรรมไปแล้ว คนที่จะขึ้นครองตำแหน่งก็ควรจะเป็นเหลยเจิ้นเยวี่ย บิดาของเขา ไม่ใช่หลี่ซงชิวที่อยู่ตรงหน้านี้ เหลยหู่ในยามนี้ก็เพียงแต่พูดความในใจของตัวเองออกมาเท่านั้น

“นี่พวกคุณ แค่จะเปิดที่ประชุมกันแค่นี้เนี่ย จะต้องวุ่นวายกันขนาดนี้เลยหรือ?” ในขณะที่มีแต่เสียงของเหลยหู่และหลี่ซงชิวโต้ตอบกัน จู่ๆ เสียงของเยี่ยเทียนก็พูดแทรกขึ้นมา

“เหลยหู่ ตระกูลซ่งกับสมาคมหงเหมินร่วมมือกันมาหลายสิบปี พวกคุณสองพ่อลูกเพราะความโลภของตัวเอง ถึงกับวางแผนจะหลอกฮุบสมบัติของตระกูลซ่ง การกระทำของพวกคุณน่ะ ยังเหมือนคนในสมาคมหงเหมินอยู่ไหมล่ะ?”

“อะไรนะ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยรึเนี่ย?”

“ไอ้เหลยหู่นี่มันเห็นแก่ผลประโยชน์จริงๆ ถึงกับกล้าทำเรื่องแบบนี้เลยรึ?”

คนส่วนใหญ่ในสถานที่นั้นต่างก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องที่เยี่ยเทียนพูดมา แต่สมาคมหงเหมินมีสัมพันธ์อันดีกับตระกูลซ่งมาตลอด หลังจากได้ยินข่าวนี้ เกือบทุกคนจึงต่างมองไปที่เหลยหู่ด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความเกลียดชังและดูแคลน

“เวรเอ๊ย เป็นเพราะแกคนเดียวเลย ฉันจะฆ่าแก!”

เมื่อรู้สึกถึงสายตาของฝูงชน เหลยหู่ก็นึกอยากให้แผ่นดินแยกแล้วมุดหนีลงไปเลย แต่เมื่อเขาเหลือบตาขึ้นมาเห็นเยี่ยเทียนซึ่งปรากฏกายขึ้นตรงหน้าห่างไปสิบกว่าเมตร เพลิงโทสะเต็มอกก็ปะทุออกมาทันที

ยามนั้นเพลิงโทสะพลุ่งพล่านจนหน้ามืดตามัว เหลยหู่จึงคว้ามือไปแย่งปืนพกมาจากมือของเผิงเหวินกวงอย่างรวดเร็ว แล้วเล็งปากกระบอกปืนไปที่เยี่ยเทียน

……………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด