หมอดูยอดอัจฉริยะ 654 ฟ้าถล่มดินทลาย (2)

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 654 ฟ้าถล่มดินทลาย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อะไรนะ? แม่ไปที่ทำงาน?”

เยี่ยเทียนตาโต คว้ามือไปจับแขนของแอนนาเอาไว้ และถามอย่างกังวลว่า “ไปเมื่อไหร่? ไปนานแค่ไหนแล้ว?”

“นาย……นายน้อย คุณทำฉันเจ็บ”

แขนของแอนนาที่ถูกเยี่ยเทียนจับเอาไว้ มีเสียงข้อกระดูกดังขึ้น “แครก” กระดูกน่าจะหลุดเพราะแรงดึงของเยี่ยเทียน ถ้าไม่ใช่เพราะแอนนาเคยอยู่ที่ค่ายไซบีเรียมาก่อน คงจะร้องขึ้นมาแล้ว

“อย่าไร้สาระนะ รีบ ๆ พูด!” เยี่ยเทียนสายตาเย็นชา มือขวาจับแขนของแอนนาและกดขึ้นไป ทำให้ข้อไหล่ของเธอต่อเข้าไปอีกครั้ง

มองดูสีหน้าเป็นกังวลของเยี่ยเทียน แอนนาอดทนกับความเจ็บปวดและตอบว่า “นายหญิงออกไปประมาณ 20 นาทีแล้ว? นายน้อย เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”

“ให้ตายเถอะ ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าสองสามวันนี้อย่าออกจากบ้าน?!”

เยี่ยเทียนคลายมือออก และตบลงไปที่โต๊ะอย่างแรง ทันใดนั้นโต๊ะกินข้าวที่ผลิตจากไม้เอล์มก็หักออกเป็นสี่ห้าส่วน อาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะตกกระจายไปกับพื้น

ตั้งแต่รู้จักเยี่ยเทียน แอนนาไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้มาก่อน จึงพูดด้วยความระมัดระวังว่า “นายน้อย นายหญิงอยากบอกคุณเหมือนกัน แต่คุณบอกว่าห้ามรบกวน ก็เลย…….”

“บัดซบเอ้ย พระเจ้าล้อผมเล่นเหรอไง? ”

เยี่ยเทียนกระทืบเท้ากับพื้นอย่างแรง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนกำแพง เวลานี้เป็นเวลา 8:05 น. เยี่ยเทียนเข้าไปดึงแอนนาเอาไว้ หันหลังปุ๊ปก็พุ่งออกไปทันที

“แอนนา ดึงแม่ผมไว้ได้หรือเปล่า ไม่ว่ายังไงก็ห้ามไปที่นั่นตอนนี้!”

ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกของวิกฤตที่เกิดขึ้นในใจหรือการทำนายที่ได้เมื่อเช้า ไม่มีสิ่งไหนไม่บ่งบอกว่าภัยพิบัติจะไม่เกิดขึ้นในวันนี้ แล้วถ้าเยี่ยเทียนทำนายไม่ผิด เวลานี้เป็นเวลานับถอยหลังแล้ว

“นายน้อย ประตูบ้านยังไม่ทันปิดเลย”

เดินถึงในลิฟต์แล้ว  แอนนาเพิ่งนึกขึ้นได้ “เป็นไปไม่ได้ จากที่นี่ไปถึงอาคารเวิลด์เทรดใช้เวลาแค่ 20 นาที นายหญิงน่าจะถึงที่นั่นแล้วนะ ฉันยังไม่ได้หยิบกุญแจรถเลย!”

“ยังจะเอากุญแจอะไรอีกล่ะ ไปเรียกรถ!” เยี่ยเทียนรู้สึกใจร้อนเหมือนไฟกำลังเผา เขาอยากจะมีปีกเลยด้วยซ้ำ อยากจะบินไปอยู่ข้าง ๆ แม่

“ไปไกล ๆ ลิฟต์นี้ไม่รับคน!”

ลิฟต์เพิ่งลงได้สองชั้น ก็ถูกคนกดหยุด ไฟที่อยู่ข้างในใจของเยี่ยเทียนยิ่งพุ่งสูง ความคิดที่จะฆ่าคนก็เริ่มเกิดขึ้นแล้ว สายตามืดมัวน่าตกใจจนคนในลิฟต์ถึงกับถอยหลัง

เมื่อมองเห็นท่าทีของเยี่ยเทียน แอนนาปลอบใจเบา ๆ พูดว่า “นายน้อย อย่าทำแบบนี้เลยนะ นายหญิงไม่เป็นอะไรหรอก”

“ขอให้เป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นอะไรขึ้น ผมฆ่ากลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้แน่!”

แม้ว่าเดือนนี้จะเป็นเดือนกันยายนที่ร้อนที่สุดแห่งปี แต่ความเยือกเย็นที่กระจายออกมาจากตัวของเยี่ยเทียน ทำให้อุณหภูมิในลิฟต์ถึงกับลดลงมาหลายองศา คำพูดที่กัดฟันพูดออกมาเหล่านั้น ทำให้แอนนายังอดไม่ได้ที่จะกลัวจนตัวสั่น

เยี่ยเทียนไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่าเวลาจะผ่านไปช้าขนาดนี้ เขารู้สึกผิดที่ลงไปข้างล่างด้วยลิฟต์ หลังจากสองนาทีผ่านไป ลิฟต์จอดที่ชั้นหนึ่ง เยี่ยเทียนดึงแอนนาและออกวิ่งไปทันที

“รีบขึ้นรถ!”

ตอนนี้เพิ่งแปดโมงเช้า คนมากมายกำลังเดินทางไปทำงาน บริเวณที่รอรถมีคนต่อแถวกันยาวเหยียด เยี่ยเทียนไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น เขาเบียดเข้าไปด้านหน้าสุด เปิดประตูรถคันนึงออก

“เห้ ไอ้หนุ่ม มีมารยาทหน่อย……” ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังจะก้มตัวลงขึ้นรถ เขาถูกคนอื่นจับไหล่เอาไว้

พอหันกลับไปดู เป็นชายผิวขาวที่อ้วนใหญ่กว่าเยี่ยเทียนสองคน ส่วนสูงเกือบ 1.9 เมตร สายตาจ้องมาที่ตัวเองอย่างไม่เป็นมิตร

“ไป!”

เยี่ยเทียนไม่มีเวลาไร้สาระกับเขาหรอก เยี่ยเทียนดันคนนั้นอย่างแรงบริเวณหน้าอกของชายคนนั้น ชายผิวขาวที่ข่มขู่เยี่ยเทียนยังพูดไม่ทันจบ ตัวเขาก็ลอยขึ้นฟ้าไปแล้ว

“พระเจ้า บินขึ้นได้ยังไง?”

“โห คุณ รีบมาดูซุปเปอร์แมนสิ!”

“โอ้มายก๊อด กังฟูของจีน ”

การปะทะของเยี่ยเทียนกับชายผิวขาวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่ยืนอยู่บริเวณรอรถยังไม่ทันรู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ มีแค่ไม่กี่คนที่เห็นการกระทำของเยี่ยเทียน

ชายผิวขาวน้ำหนักกว่า 150 กิโล ลอยข้ามราวกั้นไปแล้ว และตกลงไปที่ถังขยะข้างถนน จากนั้นก็มีเสียงดังโครมเกิดขึ้น ทำให้บริเวณแถวนั้นยุ่งเยิงไปหมด

“ออกรถ ไม่งั้นคุณจะเป็นเหมือนคนนั้น!” หลังจากมุดเข้าไปในรถ เยี่ยเทียนใช้สายตาอันเย็นชามองไปที่คนขับรถผิวดำ

“โอเค ผมไม่ใช่ตำรวจ การกระทำของคุณเมื่อครู่ไม่เกี่ยวกับผม!”

คนผิวดำที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านกระจกหลังถึงกับยักไหล่ และรีบเหยียบคันเร่ง “เมื่อกี้คุณใช้กังฟูของจีนเหรอ? คุณเท่ห์มาก หลีเสี่ยวหลงก็ทำไม่ได้หรอกมั้ง?”

คนผิวดำเป็นคนพูดมาก เขาไม่ทันสังเกตสายตาแห่งความอาฆาตของเยี่ยเทียนเมื่อครู่ แต่ตอนที่เขากำลังจะพูดต่อ เงินสดหนึ่งฟ่อนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา

“สิบนาที ไปให้ถึงตึกเวิลด์เทรด 5000 ดอลล่าร์นี่จะเป็นของคุณ”

แอนนายื่นมือออกไป ยังดีที่กระเป๋าของเธอวางไว้แถวประตู และหยิบได้ทันก่อนจะออกมา ไม่งั้นเยี่ยเทียนคงจะได้นั่งรถแบบอันธพาลแล้วล่ะ

“คุณคนสวยล้อผมเล่นรึเปล่า? ผมเป็นประชาชนที่ทำตามกฎหมายนะ!”

คำพูดของคนผิวดำเกือบทำให้เยี่ยเทียนบีบคอจนตาย เยี่ยเทียนยังไม่ยื่นมือออกไป คนขับรถพูดขึ้นในทันทีว่า “ลูกค้าคือพระเจ้า แล้วคนที่ขอเป็นคุณผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ ผมว่า……ผมสามารถทำตามคำขอคุณได้นะ”

คนผิวดำผิวปากไปหนึ่งที และหยิบเงินฟ่อนนั้นมาไว้ในมือ จากนั้นก็เปิดวิทยุในรถ ทันใดนั้นก็มีเสียงเพลงแร็ปสไตล์คนดำดังสนั่นออกจากลำโพง

เยี่ยเทียนรู้สึกแค่ตัวของเขาถูกดันไปข้างหลัง ส่วนคันเร่งก็ถูกคนขับเหยียบจนมิด รถที่จอดอยู่ตรงสี่แยก พุ่งตัวออกไปเหมือนธนู

“มันส์สุด ๆ ไปเลยเว้ย!”

พอเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหลังสี่แยกวุ่นวายไปหมด คนขับรถผิวดำก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มี 5000 ดอลล่าร์ไว้ใช้จ่าย เขาสามารถขับรถแบบรถแข่งได้

เยี่ยเทียนยื่นมือไปปิดวิทยุทิ้ง และตะโกนกับแอนนาว่า “โทรหาแม่ผม ไม่ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ บอกให้แม่ออกจากตึกนั้นเดี๋ยวนี้!”

ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เยี่ยเทียนที่เป็นคนมีสติตลอดก็สูญเสียสติไปแล้วตอนนี้ เขาลืมโทรศัพท์ที่เป็นสิ่งของในยุคปัจจุบันไปได้ยังไง ขึ้นรถแล้วถึงนึกขึ้นได้

“ฉันจะโทรเดี๋ยวนี้เลย!” พอแอนนาได้สติ ก็รีบหาโทรศัพท์ในกระเป๋าและทำการโทรออกไป ส่วนแท็กซี่ก็ยังคงซิ่งอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของแอนนาถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาอยู่อย่างนั้น

“นายน้อย ไม่มีคนรับสาย ไม่รู้ว่านายหญิงทำอะไรอยู่?” แอนนาโทรออกไปถึงสามครั้ง และวางมือถือลงอย่างหดหู่ใจ โทรศัพท์ในห้องผู้บริหารกับแผนกต้อนรับก็ไม่มีคนรับ

“ให้ตายเถอะ ไปพักร้อนกันหมดแล้ว!” เยี่ยเทียนในเวลานี้ อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับแท็กซี่คันนี้ “พี่ชาย เร็วอีก ผมให้คุณอีก 5000”

“ได้ นั่งกันให้ดีล่ะ!”

แม้ว่าหนุ่มผิวดำจะไม่ค่อยพอใจที่เยี่ยเทียนปิดวิทยุเขา แต่พอได้ยินว่าจะได้เงินอีก 5000 ดอลล่าร์ ตาก็ลุกวาวทันที “ในตอนนั้น ถ้าฉันไปแข่งรถ ก็คงเร็วกว่าเซนนากับชูมัคเคอร์แน่ ๆ !”

เยี่ยเทียนไม่เคยดูการแข่งรถของเซนนา แต่เขายอมรับว่าหนุ่มผิวดำคนนี้มันบ้าจริง ๆ

ระยะทางที่ต้องใช้เวลา 20 นาที คนขับรถผิวดำใช้เวลาเพียง 6 นาทีเท่านั้น ตอนที่ลงรถ สองขาของเยี่ยเทียนยังรู้สึกอ่อนตาม เพราะเมื่อครู่มีหลายครั้งมาก ที่เกือบจบชีวิตบนรถก่อนภัยพิบัติจะมาถึง

8:10 น. ตอนที่ลงรถ เยี่ยเทียนมองดูนาฬิกา

“เห้ คุณยังไม่ได้ให้เงินผมเลย?”

ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังจะวิ่งไปที่ประตู คนขับรถผิวดำลดกระจกฝั่งคนนั่งลงและยื่นหัวออกมา

เยี่ยเทียนหยุดเดิน มองดูรอบ ๆ ไปครู่หนึ่งและพูดว่า “แอนนา เอาเงินให้เขา จากนั้นเธอไปหาที่หลบไกล ๆ หน่อยนะ ออกจากบริเวณนี้ไปเลย !”

ตึกนี้ไม่เหมือนกับหลายวันก่อน ตอนนี้ประตูของตึกเวิลด์เทรดถูกครอบคลุมไปด้วยพลังพิฆาต บริเวณรัศมีภายใน 10 เมตร น่าจะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้

“นายน้อย ฉันจะไปกับคุณ !” แอนนาจ่ายเงินเสร็จก็รีบตามมา

“ฉันไม่มีเวลามาดูแลเธอหรอกนะ ไปไกล ๆ ผม!” เยี่ยเทียนหันไปถลึงตาใส่ ดวงตาที่แดงเป็นเลือดน่ากลัวจนแอนนาถึงกับหยุดเดิน

หลังจากสะบัดแอนนาออกไปได้ เยี่ยเทียนพุ่งเข้าไปที่ตึกทันที แต่ตอนนี้เป็นเวลาเร่งด่วน ลิฟต์ทุกตัวเต็มไปด้วยผู้คน

บ้างก็ใส่สูทรองเท้าหนัง บ้างก็ใส่กระโปรงมืออาชีพ ไม่มีใครสัมผัสได้เลยว่าภัยพิบัติกำลังจะมาถึง ใบหน้าของพวกเขามีแต่ความสำเร็จที่สามารถหาได้จากตึกนี้

“คุณผู้ชาย ไม่ทราบว่าคุณต้องการประกันมั้ย? ผมมาจากบริษัทประกัน AIG ผมมีบริการประกันจะแนะนำให้คุณนะ” ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังใจร้อนเป็นไฟ เสียงผู้ชายดังขึ้นข้างหู

“บ้าเอ้ย ประกันมีแต่คนตายเท่านั้นถึงจะได้ใช้!”

ในใจของเยี่ยเทียนอยากจะบีบคอคนนี้ให้ตายคามือทีเดียว แต่พอดูลิฟต์ที่ไม่ลงมาสักที เยี่ยเทียนก็อดกลั้นเอาไว้ และพูดว่า “ผมสามารถซื้อประกัน 1 ล้านดอลล่าร์ได้ แต่คุณต้องบอกผมก่อนว่า ทางหนีไฟอยู่ตรงไหน?”

เยี่ยเทียนเข้าใจแล้วว่า การรอลิฟต์ขึ้นไปถึงชั้นที่ 18 คงต้องใช้เวลากว่า 20 นาที แต่เขาไม่มีเวลาอีกแล้ว เพราะความอันตรายนั้นกำลังกดทับไว้ที่หัวของเขาราวกับเมฆดำ

“ทางหนีไฟอยู่ทางนั้น คุณจะซื้อจริงหรือเปล่า?” เซลส์คนนั้นเพิ่งพูดออกมา เยี่ยเทียนก็หายไปจากตรงนั้นเหมือนลมพัด

“คุณไปรอผมที่ร้านกาแฟตรงนั้น ผมจะไปซื้อประกันกับคุณ!”

เสียงของเยี่ยเทียนดังมากจากระยะไกล สุภาษิตเคยกล่าวไว้ช่วยคนหนึ่งคนยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ถือว่าเขาทำบุญละกัน!

 …………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด