หมอดูยอดอัจฉริยะ 657 หนีเอาชีวิตรอด (1)

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 657 หนีเอาชีวิตรอด (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทางหนีไฟถูกปิดทั้งหมด ชั้นที่ 80 ขึ้นไปมีเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก้อนหินตกลงไปข้างล่างราวฝนตก รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าใกล้ตึกได้เลย

“ถ้าไปไม่ได้ เราไปทางหนีไฟอีกทางกัน!”

เยี่ยเทียนแบกแม่ไว้ที่หลังอีกครั้ง ยังดีที่เครื่องบินชนบริเวณข้างบน ถ้าไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีชีวิตรอดแล้วจริง ๆ

ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังจะก้าวขาไปทางเดินหนีไฟ  มีเสียง “บึ้ม” ดังขึ้นสนั่น คลื่นอากาศพุ่งออกมาจากประตูหนีไฟที่เยี่ยเทียนออกมาก่อนหน้านี้พร้อมกับเปลวไฟ มีเสียงโหยหวนที่น่าสยดสยองดังมาจากประตู ไม่นาน เสียงเหล่านั้นก็หายไป

แม้ว่าเยี่ยเทียนจะรู้สึกตัวเร็วมาก ขณะที่เขาถอยหลังกลับพร้อม ๆ กับอากาศและเปลวไฟที่พุ่งออกมา แต่เส้นผมที่ร่วงหล่นลงมาที่หน้าผากของเขาก็ถูกไฟเผาจนไหม้อยู่ดี

ปลายจมูกได้กลิ่นไหม้ ทำให้สีหน้าของเยี่ยเทียนเปลี่ยนไปทันที ทางหนีไฟจุดที่หนึ่งมีน้ำมันเชื้อเพลิงไหลลงมา อีกสองทางก็ถูกปิดตายอีก นี่มันขึ้นสวรรค์ก็ไม่ได้ ลงพื้นดินก็ไร้ประตูเลย

“พี่ชาย แม่ยังอยู่บนตึก” เด็กผู้หญิงที่ถูกอุ้มไว้เหมือนเพิ่งคิดอะไรออก ปากน้อย ๆ ของเธอเหมือนจะร้องไห้

“เด็กดีของน้า นอนก่อน ตื่นขึ้นมา ก็เจอคุณแม่แล้ว!” ตอนนี้เยี่ยเทียนไม่มีอารมณ์โอ๋เด็กแล้วจริง ๆ มือขวาแตะหัวเธอเบาๆ จากนั้นไอลีนก็หลับไปเลย

“เยี่ยเทียน ลูกพาเด็กคนนี้หนีไปเถอะ ทั้งชีวิตของแม่ไม่มีอะไรไม่เคยเห็น มีชีวิตมาถึงทุกวันนี้ ก็คุ้มค่าแล้ว!”

ซ่งเวยหลันเห็นทางหนีไฟที่มีไฟลุกอยู่ เธอรู้สึกสิ้นหวังแล้วเหมือนกัน แม้ว่าเธอจะมีเงินทอง มีธุรกิจเป็นร้อยล้านแสนล้าน แต่ตอนนี้ความร่ำรวยกลับช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย

“แม่ ถ้าผมทิ้งแม่ไว้ พ่อจะไม่ฆ่าผมเหรอ?”

เยี่ยเทียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้เขาสงบนิ่งลง และพูดต่อว่า “เชื่อลูกนะ ตอนนี้ยังไม่ถึงกับไม่มีทางรอด มันต้องมีวิธี!”

ที่จริง ซ่งเวยหลันพูดถูก ถ้าเยี่ยเทียนอยู่คนเดียว 20 กว่าชั้นนี้ไม่ได้ยากสำหรับเขาเลย แต่ตอนนี้เขามาเพื่อช่วยแม่ ยังไง ๆ เขาก็จะไม่ทิ้งแม่ไว้คนเดียวแน่นอน

……-

ปักกิ่ง เรือนสี่ประสาน

ตั้งแต่เยี่ยเทียนไปฮ่องกง คนตระกูลเยี่ยก็ย้ายเข้ามาอยู่เรือนสี่ประสานของเขา แม้ว่าพลังลมปราณในเรือนสี่ประสานจะอ่อนลงเยอะ แต่มันก็ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพของพี่น้องตระกูลเยี่ย

“ตงผิง  กินข้าวเสร็จแล้ว จะไปทำอะไรก็ไปทำ เดินวนเวียนอยู่ตรงนี้ทำไม?”

เยี่ยตงจู๋มองน้องชายตัวเองและพูดว่า “แล้วเจ้าน้อยเฟอร์เรตที่เสี่ยวเทียนเลี้ยงไว้ ทำไมกระวนกระวายเหมือนกับแกเลยล่ะ?”

หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ เจ้าเฟอร์เรตกระโดดขึ้น ๆ ลง ๆ สร้างความวุ่นวายไปทั่ว มันร้อง “จี จี” ไม่หยุด เสียงที่ร้องออกมามันโศกเศร้าจนทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ

ยังมีเยี่ยตงผิงอีก ที่โทรศัพท์หาเยี่ยเทียนกับซ่งเวยหลันไม่หยุด แต่โทรยังไงก็โทรไม่ติด กังวลจนข้าวเช้าก็ไม่กิน เดินวนอยู่ในสวนทั้งวัน

“พี่ เกิดเรื่องแล้วแน่ ๆ เสี่ยวเทียนกับเวยหลันเกิดเรื่องแล้วแน่ ๆ ฉันไม่สบายใจเลย!”

เยี่ยตงผิงกุมโทรศัพ์มือถือที่แบตใกล้หมดเอาไว้ จากนั้นก็โทรออกไปอีกครั้ง แต่เสียงที่ตอบกลับมาก็ยังคงเป็นสายไม่ว่าง มันทำให้เขาโกรธจนอยากปาโทรศัพท์มือถือทิ้ง

“ปากแกนี่นะ เวยหลันจะเกิดเรื่องอะไรได้?”

เยี่ยตงจู๋แตะหัวน้องชายอย่างไม่พอใจ พูดต่อว่า “เยี่ยเทียนฉลาดจะตาย มีเรื่องอะไรที่หลานมันรับมือไม่ได้บ้าง ? อยู่กับเวยหลันแล้ว แกสบายใจเถอะ !”

“พี่ ผมว่ามันผิดปกติ ผมรู้สึกไม่ดีมาก ๆ ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ ๆ !”

เยี่ยตงผิงคิดไปครู่เดียว หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา โทรไปที่เบอร์ของจั่วเจียจวิ้นอีก เขาต้องรู้ให้ได้ว่าลูกชายไปไหน ถึงเยี่ยเทียนไม่ได้บอกเขาไว้ แต่ต้องบอกศิษย์พี่ของเขาไว้อย่างแน่นอน

“ตงผิง รู้เรื่องหมดแล้วเหรอ? ใจเย็นก่อน ศิษย์น้องเล็กเป็นคนมีบุญ ไม่มีอะไรหรอก!”

เสียงของจั่วเจียจวิ้นดังขึ้นทันทีที่โทรติด แต่สิ่งที่เขาพูดออกมา กลับทำให้เยี่ยตงผิงใจร้อนจนแทบจะเป็นบ้า “อาจารย์จั่ว เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? เสี่ยวเทียนเป็นอะไร ?”

“หา ? ยังไม่รู้เรื่องเหรอ ?”

จั่วเจียจวิ้นอึ้ง ตอนนี้ข่าวตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถูกโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายกระจายไปทั่ว เขากับโก่วซินเจียก็กำลังติดต่อเยี่ยเทียนอยู่เหมือนกัน ก็เหมือนกับเยี่ยตงผิงที่โทรยังไงก็โทรไม่ติด

“รู้อะไรล่ะ ? อาจารย์จั่ว ช่วยพูดให้ชัดเจนหน่อย!” เยี่ยตงผิงแทบจะร้องไห้ เพราะน้ำเสียงของจั่วเจียจวิ้น ฟังดูแล้ว เหมือนลูกชายตกอยู่ในอันตราย

“เอ่อ……เปิดทีวีดูสิ แล้วจะรู้เอง”

จั่วเจียจวิ้นสะอึกไปแป๊ปนึง และพูดว่า “ใจเย็น ๆ ก่อน ศิษย์น้องเล็กเป็นคนที่เรียนเกี่ยวกับฟ้าและคน เขารู้วิธีการหลีกเลี่ยงภัยอันตรายและกำจัดมันทิ้งยังไง!”

“เปิดทีวีงั้นเหรอ? อาจารย์จั่ว ตอนนี้จะมีกะจิตกะใจเปิดทีวีที่ไหนกันล่ะ?”

เยี่ยตงผิงที่ฟังคำพูดของจั่วเจียจวิ้น ก็รู้สึกจะหัวเราะก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก ทีวีในบ้าน นอกเสียจากว่าพี่ ๆ ในบ้านเปิดเพื่อดูการแสดง มันแทบจะเป็นแค่ของที่วางโชว์ตรงนั้น ปี ๆ หนึ่งก็เปิดแค่ช่วงตรุษจีนเท่านั้น

“เปิดดูสิ เดี๋ยวก็รู้เอง ฉันจะพยายามติดต่อเยี่ยเทียนก่อน เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน!”

แม้จะรู้ว่าอายุขัยของศิษย์น้องเล็กไม่ได้เป็นคนอายุสั้น แต่ศิษย์พี่ใหญ่พยากรณ์แล้วว่าเขาจะพบกับภัย และสองพี่น้องนี้ก็กำลังยุ่ง พอคุยกับเยี่ยตงผิงเสร็จ ก็รีบวางสาย

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เสียงวางสายดังขึ้น “ตู๊ด ตู๊ด” เยี่ยตงผิงนิ่ง และตอนที่คิดว่าจะไปเปิดทีวี ก็มีเสียงของพี่สาวดังขึ้น “คุณซ่ง คุณมีธุระอะไรที่นี่เหรอ?”

แม้ว่าความบาดหมางระหว่างตระกูลซ่งกับพวกเขาจะจบแล้ว แต่สองตระกูลไม่ได้ไปมาหาสู่กันมาสักพักแล้วเช่นกัน การปรากฏตัวของซ่งเฮ่าเทียนเป็นสิ่งที่คนในตระกูลเยี่ยรู้สึกแปลกใจ

ซ่งเฮ่าเทียนสีหน้าไม่ดีนัก และตอบว่า “ฉันมาหาตงผิง!”

ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ หลังจากที่ได้รับข่าวว่าอเมริกาถูกกลุ่มก่อร้ายโจมตี สิ่งที่ซ่งเฮ่าเทียนทำเป็นอันดับแรกคือติดต่อลูกสาว แต่ทำทุกวิถีทางก็ไม่สามารถติดต่อได้ หลังจากนั่งนิ่งไปกว่าครึ่งชั่วโมง ซ่งเฮ่าเทียนอดทนไม่ไหวจึงตัดสินใจมาหาเยี่ยตงผิง

ซ่งเฮ่าเทียนไม่พูดอ้อมค้อม มาถึงก็ถามตรง ๆ “ตงผิง แกติดต่อเวยหลันได้มั้ย?”

“ติดต่อไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น?”

หลังจากได้ยินสิ่งที่ซ่งเฮ่าเทียนถาม เยี่ยตงผิงเหมือนสมองระเบิดไปแล้ว นอกจากที่ลูกชายอยู่บ้านครั้งนั้น ซ่งเฮ่าเทียนเคยมาที่บ้านนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วตอนนี้เขามากะทันหันแบบนี้ มันต้องเกิดเรื่องใหญ่แล้วแน่ ๆ !

“นิวยอร์คถูกโจมตีโดยผู้ก่อการร้าย เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถูกเครื่องบินชน”

“อะไรนะ ? กลุ่มก่อการร้ายโจมตี ? ” เยี่ยตงผิงตกใจ สีหน้าซีดขาวทันที

ซ่งเฮ่าเทียนเห็นสีหน้าของเยี่ยตงผิงที่ซีดไปแล้ว เขาถอนใจและพูดว่า “บริษัทของเวยหลันอยู่ที่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ฉันติดต่อเขาไม่ได้ ก็เลยมาถามแก”

“เป็น…….เป็นไปไม่ได้!”

เยี่ยตงผิงวิ่งไปทางห้องพักด้านข้างอย่างไร้จิตวิญญาณ เขาวิ่งจนล้มลงไปที่พื้น พื้นอิฐทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่ข้อศอกจนเลือดไหล

เยี่ยตงผิงไม่สนใจเลือดที่กำลังไหล แต่พุ่งเข้าไปในห้อง และเปิดทีวีทันที ทันใดนั้นภาพที่ฉายอยู่ก็คือควันดำกับไฟที่กำลังลุก

ถ้าพูดถึงขอบเขตต่าง ๆ ของโลก การประกาศข่าวที่ทันสมัยที่สุด ก็ต้องเป็นสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว

8:46น.เครื่องบินลำแรกชนเข้าตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์  8:47น. CNN ได้เริ่มถ่ายทอดสดสถานการณ์ เพราะประสิทธิภาพการถ่ายถอดที่สูง ทำให้คนที่ดูถึงกับตกตะลึงอ้าปากค้างกับภาพที่เห็น

ด้วยความแตกต่างของเวลาจีนกับอเมริกา ตอนนี้การถ่ายทอดสดได้ดำเนินการไปแล้วกว่าครึ่งชั่วโมง ตอนที่เครื่องบินลำที่สองพุ่งชนตึก ก็ได้ถูกบันทึกภาพไว้และฉายออกไปทั่วโลก

“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? อเมริกาไม่ได้ยิ่งใหญ่เหรอ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้?!”

เยี่ยตงผิงเห็นภาพนั้นถึงกับกุมหัวและรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด รุ่นของเยี่ยตงผิง เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกดีต่ออเมริกันนิยมอยู่แล้ว ทำไมกัน ทำไมเรื่องนี้ถึงได้เกิดขึ้นตอนที่ลูกกับภรรยาของตนอยู่ที่นั่น มันยิ่งทำให้เขารู้สึกรับไม่ได้

“ตงผิง ใจเย็น ๆ นะ พวกเขาไม่เป็นอะไรหรอก!”

แม้ซ่งเฮ่าเทียนก็ยากที่จะยอมรับได้ว่าคนแก่อย่างเขาจะต้องมาส่งลูกสาวไปสวรรค์ก่อน แต่เขาผ่านอะไรมามากมาย ตอนนี้กลายเป็นว่าต้องมาปลอบใจเยี่ยตงผิงแทน

“เอ๋……คน……คนนั้นคือใคร? ทำ……ไมถึงเหมือนเสี่ยวเทียน?”

เยี่ยตงจู๋ที่เดินตามหลังสองคนนี้เข้ามา เธอเพิ่งเข้ามาถึงในห้อง ความสนใจของเธอก็ถูกภาพในทีวีดึงดูดไปเลย

ภาพที่เห็นคือมีคนกระโดดจากตึกลงไปข้างล่าง กล้องวีดีโอซูมเข้าไป รูปร่างหน้าตาของคน ๆ นั้น นั่นมันคือเสี่ยวเทียน ส่วนคนที่แบกไว้ข้างหลัง คือผู้หญิงผมยาวคนหนึ่ง จากรูปร่างคือซ่งเวยหลันไม่ผิดแน่นอน!

สิ่งที่เยี่ยตงจู๋กำลังพูดทำให้ซ่งเฮ่าเทียนกับเยี่ยตงผิงถึงกับรีบพุ่งเข้าไปใกล้ทีวี แต่เพราะคน ๆ นั้นตกลงไปอย่างรวดเร็ว วีดีโอจึงจับภาพนั้นไว้ไม่ทัน ทำให้เห็นหน้าไม่ชัด

……-

เยี่ยตงจู๋มองไม่ผิด คนที่อยู่ในทีวีคือเยี่ยเทียน

เวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ ความแรงของไฟก็เริ่มลามมาถึงข้างล่าง แล้วมียังท่อส่งก๊าซตามตึกอีก สาเหตุต่าง ๆ นานา ทำให้หลายชั้นเริ่มมีไฟลุก สถานการณ์ของเยี่ยเทียนกับอีกหลาย ๆ คนก็เริ่มแย่ลง เรื่อย ๆ

ด้วยไฟกับควันที่ค่อนข้างรุนแรง จึงทำให้เฮลิคอปเตอร์ไม่สามารถเข้าไปจอดบนดาดฟ้าได้เลย ส่วนบนตึกสูงก็มีคนมากมายกระโดดลงไปข้างล่าง เพียงแค่ครู่เดียว มีคนกระโดดลงไปข้างล่างแล้วกว่า 40-50 คน

ถึงแม้ว่าข้างล่างจะมีเบาะลมหนา ๆ คอยรองรับไว้แล้วก็ตาม แต่ด้วยเศษต่าง ๆ ของตึกตกลงไปไม่หยุด จึงทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าใกล้ตัวตึกได้ ตำแหน่งที่เบาะลมรองวางอยู่จึงค่อนข้างห่างจากตึกพอสมควร คนที่กระโดดลงไป แทบจะ 80-90 เปอร์เซ็นต์ ต้องตกลงไปที่พื้นแทน

เพียงแค่ 10 นาทีในเวลาสั้น ๆ คนที่กระโดดตึกตายมีถึง 10 กว่าคนแล้ว และยังมีเจ้าหน้าที่อีกหนึ่งคนก็ถูกคนที่กระโดดลงมาทับจนเสียชีวิต

ภาพที่เห็นอยู่นี้ ทำให้เยี่ยเทียนที่มั่นใจในตอนแรกเริ่มลังเล ถ้ากระโดดลงไปแล้วเละ ความรู้สึกนี้ไม่น่าจะดีเท่าไหร่!

“แม่ ผมลืมนี่ไปได้ยังไง?”

กลุ่มควันที่หนาแน่นทำให้หัวฉีดน้ำในตึกเริ่มฉีดน้ำออกมา เยี่ยเทียนรู้สึกตัวมากขึ้นหลังจากโดนน้ำฉีดใส่ เขาตบเข้าที่ศรีษะ และพุ่งไปที่กำแพงอีกด้านนึง

…………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด