หมอดูยอดอัจฉริยะ 703 เยือนถิ่นเก่า

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 703 เยือนถิ่นเก่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 703 เยือนถิ่นเก่า
“ครับ แต่จิตดั้งเดิมของผมยังไม่ก่อตัวเป็นรูปร่าง จึงยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้ดีนัก”

เยี่ยเทียนยิ้มแห้ง แม้ว่าเขาจะผ่านด่านที่ยากที่สุดของวิชาสำนักมาได้แล้ว แต่เรื่องแบบนี้ต้องฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเข้าสู่ระดับเซียนแล้วกลับกลายเป็นการตายแล้วเกิดใหม่ ทำให้ตันเถียนถูกทำลาย ตอนนี้ด้วยภาวะค้างเติ่งอยู่ตรงกลางทำให้ทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี

เมื่อคิดสักครู่แล้ว เยี่ยเทียนเอ่ยต่อว่า “ศิษย์พี่ทั้งหลาย การฝึกจิตนั้นอันตรายกว่าการฝึกร่างกายหลายเท่า จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่สงบไม่ถูกรบกวนจากผู้อื่น หากตอนที่ฝึกเกิดความผิดพลาดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยจะต้องหยุดลงทันที อย่าได้ดันทุรังฝึกต่อ!”

จิตดั้งเดิมหลบอยู่ในห้วงความรู้สึกตัว ห้วงแห่งความรู้สึกตัวนั้นเป็นความพิเศษลี้ลับที่มีอยู่บนร่างกาย ที่แม้แต่วิทยาศาสตร์ทันสมัยในยุคนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้

ดังนั้นการฝึกจิตดั้งเดิมต้องห้ามไม่ให้ถูกรบกวน หากถูกรบกวนอย่างเบาจะทำให้ธาตุไฟเข้าแทรก อย่างหนักก็จะกลายเป็นคนวิกลจริตไป ดั่งในนิยายกำลังภายในที่เคยอ้างถึง ซึ่งไม่ได้มีที่มาลมๆแล้งๆ

โก่วซินเจียพยักหน้า “ศิษย์น้องเล็ก เรื่องนี้พวกเรารู้ดี ตอนนี้วิชาที่เธอฝึกได้ สามารถแก้ปัญหาจิตดั้งเดิมได้หรือยัง?”

โก่วซินเจียคิดอยากจะปลีกตัวไปฝึกวิชาเดี๋ยวนั้น แต่เขารู้ว่าคำเตือนของเยี่ยเทียนเตือนนั้นจริง การรีบร้อนเกินไปทำให้ไม่อาจบรรลุผลสำเร็จเร็ว

“ถ้าได้ฝึกวิชาในค่ายกลฮวงจุ้ยที่ฮ่องกงละก็ ใช้เวลาอีกแค่เพียงปีเดียว ผมก็จะบรรลุถึงระดับเซียนได้” โดยทั่วไปการจะฝึกให้บรรลุขั้นนี้ได้ต้องใช้เวลาถึงสามปี แต่ถ้ามีหยกอ่อนสีดำก้อนนั้นของเยี่ยเทียนก็สามารถประหยัดเวลาไปได้มาก

ตอนนี้จิตดั้งเดิมของเขาใกล้จะเป็นรูปเป็นร่างแล้ว รอจนเกิดมีตา จมูก ปากบนใบหน้าก่อนจึงถือว่าเข้าสู่ขั้นแรกของระดับเซียนเมื่อถึงตอนนั้นจิตดั้งเดิมก็จะกลับคืนมาในเส้นลมปราณอีกครั้งและสร้างตันเถียนขึ้นมาใหม่

จิตดั้งเดิมกับจิตก่อนกำเนิดนั้นแตกต่างกันมาก มันเป็นเพียงนามธรรม เป็นการสะท้อนออกมาจากร่างกายมนุษย์ มีความสามารถจำกัด

แต่เมื่อเข้าสู่ขั้นจิตก่อนกำเนิด ก็เท่ากับว่าได้พัฒนาไปอีกขึ้น แม้ว่าร่างกายได้สูญสลายไป แต่จิตก่อนกำเนิดจะดำรงอยู่ได้เอง และสร้างเลือดเนื้อขึ้นมาให้ ยิ่งกว่านั้นก่สามารถอกำเนิดกายเนื้อขึ้นมาได้เอง เรียกได้ว่าไม่ตายไม่ดับสูญ

สำหรับวานรขาวกับเจ้านายของมันแล้ว ขั้นจิตก่อนกำเนิดเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าในตำนานเท่านั้น เป็นสิ่งที่พวกเขาพอรู้อยู่บ้าง บนโลกนี้มีผู้วิเศษที่ฝึกวิชาขั้นสูงอยู่อีกหรือไม่ยังไม่แน่

“ศิษย์น้องเล็ก หรือว่าเรากลับไปฮ่องกงด้วยกัน?”

โก่วซินเจียเหลือบมองเยี่ยเทียนแล้วเอ่ยว่า “พลังวิเศษของบ้านที่นี่เกือบจะสูญไปหมดแล้ว ทั้งยังอยู่ใกล้กับพระราชวัง แม้สิ่งแวดล้อมจะเงียบสงบท่ามกลางความวุ่นวาน แต่สู้ที่ฮ่องกงไม่ได้ พรุ่งนี้เราเดินทางไปที่นั่นกันเถอะ!”

โก่วซินเจียได้รับการถ่ายทอดวิธีฝึกจิตแล้วก็อยากรีบเดินทางกลับไปฝึกวิชาที่ฮ่องกงโดยเร็ว พวกเขาเทียบกับเยี่ยเทียนไม่ได้ ที่ยิ่งใกล้ความตายมากขึ้นทุกวัน

เยี่ยเทียนโบกมือ “ศิษย์พี่ใหญ่ พวกพี่กลับกันไปก่อน ผมจะไปตงเป่ยหาเหล่าหูก่อน”

หูหงเต๋อตอนแรกจะไปกับพวกโก่วซินเจีย แต่ช่วงก่อนที่หูเสี่ยวเซียนแต่งงาน หูหงเต๋อเป็นญาติผู้ใหญ่ จึงต้องอยู่ร่วมงานด้วย อยู่ไปอยู่มาเกือบครึ่งปีเข้าไปแล้ว

โก่วซินเจียชะงัก “ไปหาเขาทำไม? การฝึกวิชาของเขายังไม่ถึงขั้นฝึกพลังแฝงเปลี่ยนเป็นจิต เธอไปสอนวิชาให้เขาไม่ได้อะไร!”

“ผมจะให้เหล่าหูพาผมขึ้นเขา” เยี่ยเทียนคิดเล็กน้อยแล้วบอกว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ พี่ยังจำเรื่องมังกรดำตัวนั้นบนเขาฉางไป๋ซานได้ไหม?”

“จำได้ หรือว่ามังกรดำตัวนั้นจะเป็นสัตว์ที่ฝึกวิชาบำเพ็ญตนเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหมือนเจ้าวานรขาวนั่น?”

โก่วซินเจียพยักหน้า ตอนนั้นเยี่ยเทียนเล่าให้เขาฟัง พวกเขาต่างคิดว่ามังกรดำเป็นเพียงสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งเท่านั้น ตอนนี้ถึงได้เข้าใจว่ามันเหมือนกับวานรขาวนั่น

“แม้มันจะมีญาณวิเศษ แต่ไม่อาจสื่อสารกับเทพได้ อาจเพราะมันฝึกบำเพ็ญเพียรตามลำพัง ไม่เหมือนเจ้าวานรขาวที่ฝึกอย่างเป็นขั้นตอน”

เยี่ยเทียนสั่นหัว “ศิษย์พี่ทั้งหลาย ไม่รู้ว่าพวกพี่เคยเห็นของสิ่งหนึ่งไหม ของสิ่งนี้มีสีดำดุจน้ำหมึก มีฤทธิ์เย็นจัดถึงที่สุด สามารถทำให้เลือดของมนุษย์แข็งตัวได้ แต่กลับมีประโยชน์อย่างสูงต่อการฝึกวิชา

ตอนแรกเยี่ยเทียนไม่ได้สนใจในหยกอ่อนสีดำเลย ไม่เช่นนั้นเขาจะโยนมันให้เจ้าเหมาโถวเล่นหรอ

แต่เมื่อฝึกวิชาในหลายวันที่ผ่านมา เขาได้สัมผัสถึงประโยชน์ของหยกอ่อนสีดำ พลังของหยกถูกเขาดูดกลืนเข้าไปในร่างกายหมดแล้ว ตอนนี้จึงได้แต่อธิบายปากเปล่า

“มีของแบบนี้ด้วยเหรอ? ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน”

โก่วซินเจียส่ายหัว หันไปมองหนานไหวจิ่นกับจั่วเจียจวิ้น ทั้งสองกำลังทำหน้างงงัน แสดงว่าไม่เคยได้เห็นโฉมหยกอ่อนสีดำที่ว่านี้มาก่อน

“ช่างมันเถอะ ผมจะไปเขาฉางไป๋ซานสักครั้ง ดูว่าจะหาของวิเศษมาเพิ่มได้ไหม ศิษย์พี่ทั้งหลาย พวกพี่กลับฮ่องกงกันไปก่อน”

เยี่ยเทียนมีความรู้สึกบางอย่าง เจ้าเหมาโถวเริ่มมีญาณวิเศษ หรือว่าเกิดจากหยกอ่อนสีดำ ตอนที่มังกรดำมอบหยกให้เยี่ยเทียน ดูคล้ายกับว่าเสียดายไม่อยากให้ แสดงว่าหยกชิ้นนี้ต้องเป็นของมีค่ามากสำหรับมัน

เยี่ยเทียนจึงตัดสินใจเดินทางไปเขาฉางไป๋ซานอีกครั้ง แต่จะได้หยกอ่อนสีดำกลับมาหรือไม่ เขาเองก็ไม่แน่ใจ

โก่วซินเจียพยักหน้า “เอาเถอะ ศิษย์น้องเล็ก เธอพกโทรศัพท์ติดตัวไว้ด้วย เผื่อมีอะไรจะได้ติดต่อพวกเราได้ทันที”

“ของสิ่งนั้นเอาไปก็ไม่มีประโยชน์ ในหุบเขาไม่มีสัญญาณโทรศัพท์” เยี่ยเทียนยิ้มแหย ตั้งแต่เขาเปิดใจยอมรับมารดา เธอก็ได้มอบโทรศัพท์มือถือให้เขาหลายเครื่อง แต่เขาโยนทิ้งไว้ในบ้าน ไม่ได้นำไปใช้เลย

“อืม เธอระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน ศิษย์น้องเล็ก บ่ายนี้พวกเราก็จะไปเลย!”

พวกศิษย์พี่มาที่ปักกิ่งครั้งนี้มีจุดประสงค์ หนึ่งเพื่อไต่ถามถึงที่มาของลูกท้อป่านั้น สองเพื่อดูว่าเยี่ยเทียนได้ฝึกวิชาไปถึงไหนแล้ว

ตอนนี้ธุระเสร็จสิ้น พวกเขาไม่คิดอยากอยู่ในเมืองหลวงต่อไป หลังจากอาหารมื้อเที่ยง โจวเซี่ยวเทียนขับรถพาพวกเขาไปที่สนามบิน ส่งกลับฮ่องกงทันที

เยี่ยเทียนไม่ได้รีบร้อนไปที่เขาฉางไป๋ซาน เขาพักอยู่ที่บ้านอีกสัปดาห์กว่าๆเพื่ออยู่เป็นเพื่อนภรรยา เพียงแต่ทุกคืนราวกับคืนแต่งงานใหม่ ทำเอาร่างกายของอวี๋ชิงหย่าเกือบจะรับไม่ไหว

……-

“เยี่ยเทียน ทางนี้ พวกเราอยู่ทางนี้!”

เมื่อเยี่ยเทียนเดินออกมาจากสนามบินขนาดเล็กที่เล็กจนน่าสงสารของเขาฉางไป๋ซาน ก็มองเห็นมือขวาของหูเสี่ยวเซียนโบกเรียกอยู่ไหวๆ ข้างกายเธอมีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ด้วย

“เยี่ยเทียน ทำไมนายไม่พาชิงหย่ามาด้วย? งานแต่งของฉันพวกเธอก็ไม่ได้มา น่าเสียดายจริงเลย!”

หูเสี่ยวเซียนมีนิสัยโผงผางตรงไปตรงมา ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่ของเธอเป็นศิษย์รุ่นน้องของเยี่ยเทียน เธอคงจะมอบกำปั้นเป็นการต้อนรับแล้ว

“ต่อไปถ้าพวกเธอไปปักกิ่ง ค่อยทำอาหารเลี้ยงพวกเธอดีไหม?” เยี่ยเทียนยิ้มยินดี มองที่ชายข้างกายหูเสี่ยวเซียน “เสี่ยวเซียน ทำไมไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยเล่า?”

“สามีของฉัน ซุนหยางซิน ทำงานอยู่ในสำนักงานในเมืองแห่งหนึ่ง” หูเสี่ยวเซียนต้อนรับอย่างอบอุ่น ชี้ไปที่เยี่ยเทียนแล้วบอกสามีว่า “เขาเป็นสามีของเพื่อนสนิทฉัน คราวก่อนที่ฉันป่วยโชคดีที่ได้เขาช่วยไว้”

ซุนหยางซินเป็นคนสุขุม เพียงจับมือกับเยี่ยเทียนพอเป็นพิธีแล้วไม่ได้เอ่ยอะไร แต่รับเอากระเป๋าของเยี่ยเทียนไปสะพายให้ เยี่ยเทียนพยักหน้าให้ คนๆนี้หน้าเหลี่ยมใบหูใหญ่ เป็นคนมีคุณธรรมและมีโชควาสนา

“ไปเถอะ คุณปู่ได้ยินว่านายจะมา เลยเข้าป่าไปตั้งแต่วันก่อน บอกว่าจะไปจับมังกรบินมาให้นายหลายๆตัว”

หูเสี่ยวเซียนบ่นกระปอดกระแปดว่า “คุณปู่ลำเอียง ตอนฉันแต่งงานไม่เห็นเข้าป่าเลย พอนายมาเขากุลีกุจอเตรียมตัวต้อนรับนายใหญ่”

“ดีสิ ฉันจะได้กินเนื้อมังกรบิน ส่วนเธอดื่มน้ำแกงไปก็แล้วกัน รับรองว่ามีให้เธอดื่มจนพอแน่!” เยี่ยเทียนได้ยินก็หัวเราะอย่างอามรมณ์ดี คุยกันไปพลางเดินออกจากสนามไปบินขึ้นรถของหูเสี่ยวเซียน

มาถึงบ้านวิลล่าแถวชานเมืองของหูหงเต๋อ เพิ่งจะเข้าไปในตัวบ้านก็ได้กลิ่นอาหารหอมฉุย หูเสี่ยวเซียนโยนกระเป๋าทิ้งแล้วร้องตะโกนวิ่งเข้าไปในห้องครัว ท่าทางดูไม่เหมือนหญิงที่แต่งงานแล้วเลย

“ถอยไป หม้อนี้ปู่เตรียมไว้ให้กับเยี่ยเทียน ของเธอกับหยางซินอยู่ในครัวโน่น ไปยกออกมาเอง!”

หูหงเต๋อถือหม้อซุปมังกรบินออกมาจากในครัว เดินไปใช้แขนกันหลานสาวให้หลีกทาง

“เหล่าหู คุณมีน้ำใจมากเลย”

เยี่ยเทียนยิ้มเดินเข้าไปรับ เขาไม่เกรงใจอยู่แล้ว พอรับตะเกียบมาได้ก็รับประทานจนน้ำแกงหยดสุดท้ายในหม้อถูกซดเข้าปากจนเกลี้ยง

“คุณปู่ลำเอียง!”

หูเสี่ยวเซียนรู้ว่าคุณปู่จับมังกรบินกลับมาได้เจ็ดตัว แต่เหลือไว้ให้ตนกับสามีแค่สองตัว ไม่ต้องถามว่าที่เหลืออีกห้าตัวไปอยู่ในท้องของเยี่ยเทียนเป็นที่เรียบร้อย

“ไป เธอกลับหยางซินกลับห้องไปได้แล้ว ปู่กับเยี่ยเทียนมีเรื่องจะคุยกัน” หูหงเต๋อตีหน้าเคร่งขรึมไล่หลานสาวและสามีกลับเข้าห้อง

หลานสาวแยกไปแล้ว หูหงเต๋อหันมาถามเยี่ยเทียนอย่างจริงจังว่า “เยี่ยเทียน ทำไมถึงจะขึ้นเขาอีกล่ะ? หลายวันก่อนหิมะตกหนักปิดกั้นทางเขาหมดแล้ว!”

เยี่ยเทียนบอกเพียงว่าจะขึ้นเขา แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปทำอะไร

ตามจริงแล้วหากขึ้นเขาในเวลานี้ หูหงเต๋อไม่ค่อยเห็นด้วยนัก ตอนกลางคืนอากาศหนาวเหน็บอุณหภูมิลดต่ำลงถึงลบสามสิบถึงสี่สิบองศา หูหงเต๋อเองยังรู้สึกทนไม่ไหว

เยี่ยเทียนไม่ตอบ ถามกลับว่า “ยังจำหินที่ได้จากมังกรดำตัวนั้นได้ไหม?”

“หินก้อนสีดำนั่นน่ะหรือ?” หูหงเต๋อได้ยินแล้วตัวสั่น “ทำไมจะจำไม่ได้เล่า ของสิ่งนั้นเกือบจะทำให้ฉันหนาวตายแล้ว เป็นของอัปมงคลจริงๆ!”

หูหงเต๋อผ่านความลำบากในช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ายึดสามเมืองตะวันออกของจีน เจอมรสุมชีวิตหลายครั้ง มีเพียงประสบการณ์ครั้งนั้นที่ทำให้เขาเฉียดตายมากที่สุด

“หินก้อนนั้นมีประโยชน์กับผมมาก เหล่าหู คุณพอจะรู้ไหมว่าบนเขาฉางไป๋ซานยังมีที่ไหนที่มีหินแบบนี้อีกไหม?” เยี่ยเทียนมองหูหงเต๋ออย่างตั้งความหวัง

“ไม่เคยเห็น ไม่อย่างนั้นฉันจะยังมีชีวิตรอดกลับมาหรือ?”

หูหงเต๋อส่ายหน้าอย่างแรง “นอกจากบึงน้ำมังกรดำนั้นแล้ว ไม่มีที่ไหนที่จะมีของชั่วร้ายแบบนั้นอีก ให้ตายเถอะ มันทำให้คนแข็งตายได้เชียว!”

ด้วยฝีมือของหูหงเต๋อ เขามีกำลังวังชามากเหลือ เกือบเทียบเท่ากับผู้ที่ฝึกวิชาจนได้ขั้นเปลี่ยนพลังเป็นจิตแล้ว แต่ไม่อาจต้านทานกับพลังความเย็นจากหินที่แทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย พอนึกย้อนหลังยังอดหวาดหวั่นไม่ได้

“รอให้วิชาของคุณก้าวหน้ากว่านี้แล้วจะรู้ว่าหินนั่นเป็นของมีค่ามาก!”

เยี่ยเทียนสั่นหัว หยกอ่อนสีดำชิ้นนั้นแม้แต่เจ้าวานรขาวยังไม่รู้จัก มิฉะนั้นแล้วจะต้องมีคนที่ฝึกวิชาเต๋าอีกมากเดินทางขึ้นเขาเพื่อพลิกบึงน้ำมังกรดำตามหามัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด