หมอดูยอดอัจฉริยะ 740 ภารกิจล้มเหลว

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 740 ภารกิจล้มเหลว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 740 ภารกิจล้มเหลว
การเดินทางไปภูเขาฉางไป๋ซานครั้งนี้ มังกรดำได้มอบพลอยวิเศษธาตุน้ำให้เยี่ยเทียนสามชิ้น ชิ้นใหญ่สุดมีคุณภาพที่ดีที่สุด มีคุณสมบัติของพลอยวิเศษเกรดกลาง แต่กลับถูกเยี่ยเทียนใช้อย่างสิ้นเปลืองจนหมดสิ้น

จึงเหลือเพียงพลอยวิเศษเกรดต่ำสองชิ้นนี้ เยี่ยเทียนจึงรีบกลับไปที่ห้อง แล้วหยิบส่วนที่เหลือออกมา จากนั้นก็มอบให้กับโก่วซินเจีย

“ไม่ได้ เย็นเข้ากระดูก!”

เมื่อพลอยวิเศษถึงมือ โก่วซินเจียก็รู้สึกหนาวสะท้าน ตามหลักแล้ววรยุทธของเขานั้นแข็งแกร่งมากกว่าหนานไหวจิ่น แต่กลับไม่อาจต้านทานความหนาวเย็นที่อยู่ในพลอยวิเศษนี้ได้

เยี่ยเทียนส่ายหน้า รับพลอยวิเศษที่อยู่ในมือของโก่วซินเจียมา แล้วพูดอย่างจนใจ “แปลกจัง ตอนที่ผมดูดซับพลอยวิเศษที่มีธาตุทั้งสองลักษณะนี้ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนะครับ?”

หลังจากที่เยี่ยเทียนพูดออกไป จู่ๆ เขาจึงนึกถึงเรื่องตอนนั้นที่ความร้อนกับความเย็นของตัวเองปะทะกัน แล้วเขาจึงอดสั่นไปทั้งตัวไปอย่างช่วยไม่ได้ ที่เขาบอกว่าไม่เป็นไร เพราะตอนนั้นสลบไปแต่ตัวเองกลับไม่รู้เท่านั้นเอง

เมื่อเห็นเยี่ยเทียนขมวดคิ้วแน่น ถึงแม้โก่วซินเจียจะผิดหวังอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังพูดปลอบใจออกมา “ศิษย์น้องเล็ก ชีวิตและความตายถูกกำหนดโดยโชคชะตา เธอไม่ต้องเครียดมาก และคงได้แต่พูดว่าพี่คงไม่วาสนากับการเป็นเซียนเท่านั้นเอง!”

“ศิษย์พี่ใหญ่ พี่ไม่รู้อะไร พลอยสองอย่างที่มีสีไม่เหมือนกัน คุณสมบัติของปราณวิเศษที่อยู่ในนั้นก็ยิ่งไม่เหมือน กัน ผมรู้สึกว่าพวกมันเกี่ยวข้องกับธาตุทั้งห้า

ในเมื่อมีพลอยวิเศษธาตุไฟและธาตุน้ำ อย่างนั้นก็ต้องมีธาตุทอง ธาตุไม้ และธาตุดินแน่นอน ศิษย์พี่ใหญ่ไม่เหมาะกับธาตุสองชนิดนี้เท่านั้นเอง จึงไม่ได้หมายความว่าจะฝึกไม่ได้นะครับ!”

เยี่ยเทียนยังไม่เคยเห็นพลอยวิเศษสองชนิดที่มีคุณสมบัติของธาตุทองกับธาตุดิน แต่พลอยวิเศษธาตุไม้นั้นเขากลับได้รับประโยชน์มาไม่น้อย ถ้าหากไม่ใช่หินหยกสีเขียวอมเทานั่น เกรงว่าเขาน่าจะตายไปนานแล้วจากการโจมตีของธาตุน้ำและธาตุไฟ

“อ้อ? มีวิธีแบบนี้ด้วยหรือ?”

ดวงตาของโก่วซินเจียเป็นประกาย หลังจากที่เขาละความวุ่นวายทางโลก ตั้งใจฝึกบำเพ็ญเพียร เพราะเขาอยากฝึกถึงระดับสูงที่ตอนนั้นอาจารย์ของเขาฝึกไม่สำเร็จ

แต่เบื้องหน้าเห็นเพื่อนรักกับศิษย์น้องกำลังดูดซับปราณวิเศษจากพลอยวิเศษนั่น หากจะพูดว่าไม่รู้สึกผิดหวังก็คงจะโกหก แต่คำพูดของเยี่ยเทียน กลับทำให้เขามองเห็นความหวังรำไรอยู่บ้าง

เยี่ยเทียนพยักหน้า แล้วพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ พี่วางใจได้ วันหลังผมจะต้องตามหาพลอยวิเศษที่มีคุณสมบัติสองอย่างนี้ได้แน่นอน!”

ถึงแม้ปากจะพูดอย่างมาดมั่น แต่ในใจของเยี่ยเทียนกลับไม่มั่นใจเท่าไร

พลอยวิเศษธาตุไม้ได้มาจากตัวของศิษย์น้องติงหง ทว่าพลอยวิเศษธาตุทองกับธาตุดิน เขาไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ และไม่รู้ว่าพื้นที่ที่ตัวเองอาศัยอยู่นี้ จะมีพลอยวิเศษสองชนิดนี้อยู่หรือปล่า?

“มหัศจรรย์ มหัศจรรย์จนพูดไม่ถูก!”

ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังปลอบใจโก่วซินเจียอยู่ หนานไหวจิ่นที่นั่งขัดสมาธิก็พลันส่งเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขออกมา จากนั้นจึงลุกขึ้น

“ศิษย์น้องไหวจิ่น รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” โก่วซินเจียรีบถาม

“พี่หยวนหยาง ปราณวิเศษของหินพลอยนี้ ช่วยให้พลังปราณเดิมของผมแปรเปลี่ยนกลายเป็นปราณแท้ได้ หากไม่มีเจ้าสิ่งนี้ และอาศัยเพียงพลังปราณชีวิตแห่งฟ้าดิน เกรงว่าทั้งชีวิตนี้ของพวกเราคงยากที่จะบรรลุระดับเซียนเทียน!”

ถึงแม้จะเป็นการนั่งสมาธิครึ่งชั่วโมงกว่า แต่หนานไหวจิ่นก็สัมผัสถึงข้อดีของการฝึกฝนโดยใช้พลอยวิเศษได้แล้ว เขาสามารถสัมผัสได้ ว่าพลังปราณเดิมของตัวเองกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงในขั้นละเอียดและลึกซึ้ง

“แล้วทำไมถึงไม่ฝึกอีกสักพักเล่า?” เมื่อเห็นเพื่อนรักมีความหวังในการบรรลุขั้น โก่วซินเจียจึงอิจฉาอยู่บ้าง แต่ก็ดีใจกับเขาด้วยเช่นกัน

“พี่หยวนหยาง ผมก็อยากเหมือนกัน แต่ปราณวิเศษของพลอยนั่น ผมไม่สามารถดูดซับได้ในตอนนี้!” หลังจากได้ยินคำพูดของโก่วซินเจียแล้ว หนานไหวจิ่นจึงฝืนหัวเราะขึ้นมา

ตอนนี้เขาอยู่ในขั้นโฮ่วเทียนขั้นปลาย เพียงแค่ใช้ปราณวิเศษของพลอยวิเศษนี้เพื่อฝึกปราณ แล้วจึงค่อยๆ เปลี่ยนพลังปราณเดิมของตัวเองอย่างช้าๆ แต่กลับไม่เหมือนเยี่ยเทียน ที่สามารถดูดซับปราณวิเศษเข้าไปที่จุดตันเถียนในร่างกายได้โดยตรง

และเนื่องจากสาเหตุระดับของปราณชีวิตแท้ค่อนข้างมีระดับต่ำ หลังจากฝึกพลังอยู่ครึ่งชั่วโมงกว่า หนานไหวจิ่นจึงรู้สึกว่าสูญเสียพลังภายในร่างกายมากเกินไป จึงหมดเรี่ยวแรงแล้ว ถ้าหากฝืนฝึกต่อไปล่ะก็ เกรงว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บจากพลังปราณที่หนาวเย็น

“แต่ขอเวลาเพียงห้าปี ฉันจะสามารถเปลี่ยนพลังปราณเดิมให้เป็นปราณแท้ได้แน่นอน ถึงตอนนั้นการฝึกจิตแห่ง หยาง บรรลุเซียนเทียน ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!”

เวลานี้ความสิ้นหวังก่อนหน้านี้ของหนานไหวจิ่นได้หมดไป กลายเป็นความสดชื่นมีพลังขึ้นมา แล้วจึงพูดกับโก่วซินเจียว่า “วรยุทธของพี่หยวนหยางสูงกว่าของผมอีก เกรงว่าใช้เวลาแค่สามปีก็บรรลุขั้นเซียนเทียนได้แล้ว!”

“สามปี? ดูถูกศิษย์น้องเล็กเกินไปแล้ว”

โก่วซินเจียได้ยินจึงยิ้มเจื่อน แล้วจึงพูดเรื่องที่ตัวเองไม่สามารถเข้ากับคุณสมบัติของพลอยวิเศษทั้งสองชนิดนี้ได้อีกรอบ ถ้าหากเยี่ยเทียนหาพลอยวิเศษที่เหมาะสมในการฝึกฝนของเขาไม่ได้ ต่อให้สามปี เขาคงไม่มีทางที่จะผ่านด่านนี้ไปได้

“ศิษย์พี่ใหญ่ ธาตุทั้งห้ามีผลกระทบต่อกันและกัน และยังช่วยส่งเสริมกันอีกด้วย เป็นไปไม่ได้ที่จะมีพลอยวิเศษสองคุณสมบัตินี้เท่านั้น พี่วางใจเถอะครับ ไม่ดีแล้ว ศิษย์พี่รองรีบฝึกจนเกินไป!”

เยี่ยเทียนยิ้มพลางพูดปลอบใจโก่วซินเจีย ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป แล้วจึงขยับตัวพรึบไปอยู่ข้างกายจั่วเจียจวิ้นด้วยความเร็วปานลูกศร ใช้มือขวาตบไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที

จั่วเจียจวิ้นในเวลานี้ ผิวหน้าแดงเหมือนเลือด หางตามีเลือดไหลซึมออกมา ร่างกายที่นั่งสมาธิอยู่ยิ่งร้อนเหมือนต้มน้ำจนเดือดปุดๆ

หลังจากที่ฝ่ามือของเยี่ยเทียนตบไปที่ไหล่ของจั่วเจียจวิ้นแล้ว เขาจึงสั่นไปทั้งตัว แล้วผิวหนังที่แดงก่ำก็ค่อยๆ เลือนหายไป พร้อมกับลืมตาขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวอยู่เลือนราง

เมื่อเห็นจั่วเจียจวิ้นฟื้นฟูกลับมาดังเดิม เยี่ยเทียนจึงโล่งอก จากนั้นจึงหยิบพลอยวิเศษธาตุไฟที่อยู่กลางฝ่ามือของจั่วเจียจวิ้นออกมา แล้วพูดว่า “ศิษย์พี่รอง เรื่องทุกอย่างต้องให้เป็นไปตามวิถีของมัน ต่อไปถ้าพี่จะฝึกวรยุทธอีก ห้ามฝึกเกินยี่สิบนาทีนะครับ!”

จั่วเจียจวิ้นเข้าสู่การหลอมปราณสู่จิตได้ไม่นาน ความหนาแน่นของปราณชีวิตแท้จึงไม่อาจเทียบกับหนานไหวจิ่นและโก่วซินเจียได้

และเขาก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับพลังยุทธของขั้นนี้ถึงระดับที่ลึกซึ้งมาก หลังจากที่รู้สึกถึงพลังปราณที่ร้อนระอุสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เขาจึงเริ่มการหลอมลมปราณขึ้นมาโดยไม่สนใจสิ่งใด จนเกือบทำให้ตัวเองต้องตายไม่ฟื้นกลับมาอีก

“ศิษย์น้องเล็ก ขอบใจมากนะ!”

หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว จั่วเจียจวิ้นจึงเช็ดคราบเหงื่อที่หน้าผากด้วยความตกใจ เมื่อครู่เขารู้สึกว่าอวัยวะภายในเกือบจะถูกเผาไหม้ขึ้นมาแล้ว ถ้าหากเยี่ยเทียนมาช่วยไม่ทัน แม้ว่าจะไม่ตายแต่ก็อาจเกือบเป็นอัมพาตไปครึ่งหนึ่ง

เยี่ยเทียนกลัวว่าจั่วเจียจวิ้นจะประมาทเกินไป จึงกำชับอีกครั้ง “ศิษย์พี่จั่ว ต่อไปอย่าใจร้อน ถ้ารู้สึกว่ารับพลังไม่ไหวก็วางหินพลอยลง เพราะผมไม่ได้อยู่กับพี่ตลอดเวลานะครับ!”

“ศิษย์น้องเล็ก เธอวางใจเถอะ มีบทเรียนครั้งนี้ก็พอแล้ว!” จั่วเจียจวิ้นได้ยินจึงยิ้มเจื่อน ความรู้สึกเหมือนควันไฟจะพ่นออกมาจากรูจมูกนั้น มันไม่ได้สบายเท่าไรนัก

“พวกพี่เชิญฝึกวรยุทธต่อไปนะครับ ผมขอกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน”

หลังจากเข้าสู่ระดับเซียนเทียนแล้ว ปราณวิเศษของค่ายกลชุมนุมพลังไม่ว่าจะเป็นความบริสุทธิ์หรือปริมาณ ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของเยี่ยเทียนแล้ว

ถ้าหากเขาฝึกวรยุทธที่นี่ เกรงว่าแค่เพียงการเดินลมปราณของจิตแห่งหยาง ก็สามารถดูดซับปราณวิเศษที่อยู่ในบ้านหลังนี้จนเกือบหมดเกลี้ยงไม่เหลือให้พวกศิษย์พี่เลย

ในเมื่อไม่สามารถแย่งปราณวิเศษเหล่านี้กับศิษย์พี่ได้ เยี่ยเทียนจึงกลับไปนอนที่ห้องดีกว่า และอีกสักพักก็จะถึงเวลานัดโทรศัพท์ของเขากับอวี๋ชิงหย่าแล้ว

พอกลับเข้าไปในห้อง เสียงโทรศัพท์บนหัวเตียงก็ดังขั้น

“ชิงหย่า ฉันบอกแล้วว่าเดี๋ยวฉันจะโทรไปไม่ใช่เหรอ?” เยี่ยเทียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

“บอสส์ ผมเอง มาราไกย์!” เสียงที่ดังมาตามสายทำให้เยี่ยเทียนตกตะลึง ในใจพลันเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา

พอได้ยินเสียงที่ค่อนข่างเร่งรีบของมาราไกย์ เยี่ยเทียนจึงพูดช้าลง แล้วพูดเบาๆ ว่า “เหล่าหม่า เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ พูด”

เนื่องจากการปรากฏตัวของติงหง ได้นำความรู้สึกอันตรายอย่างมหันต์มาสู่เยี่ยเทียน ช่วงนี้เขาวิ่งเต้นวุ่นวายไปหมด จึงไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องการไปช่วยเหลือต่งต้าจ้วงของมาราไกย์

“บอสส์ ภารกิจล้มเหลวครับ จอร์จบาดเจ็บหนัก พวกเราได้ออกมาจากไซบีเรียแล้ว ตอนนี้กำลังหยุดพักผ่อนอยู่ที่มอสโควครับ…”

น้ำเสียงของมาราไกย์ดูเศร้าใจเมื่อสิบวันก่อนหน้านี้เขาพูดในโทรศัพท์ด้วยความมั่นใจมาก แต่หลังจากที่มาถึง ไซบีเรียแล้ว เขาพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ง่ายเหมือนที่เขาคาดการณ์ไว้

ความคืบหน้าของเหตุการณ์เดิมทีก็ราบรื่นอยู่ แต่มาราไกย์ไม่ได้ไปหาอันเดรวิชตามที่เยี่ยเทียนแนะนำ แต่ผ่านทางกองกำลังทหารหน่วยเล็กทีมหนึ่งที่ปฏิบัติหน้าที่บ่อยๆ อยู่แถบไซบีเรีย จึงได้รู้เรื่องการต่อสู้รุนแรงของแก๊งค์มาเฟียที่มอสโคว

เมื่อผ่านนายหน้าที่แอบขายข่าวเกี่ยวกับแก๊งค์มาเฟีย มาราไกย์จึงสืบเรื่องเมื่อหนึ่งเดือนก่อนได้อย่างง่ายดาย มีข่าวว่าคนจีนคนหนึ่งถูกจับตัวไป และตอนนี้สถานที่ซ่อนตัว ก็คือเขตแถบไซบีเรียที่เยี่ยเทียนเป็นคนระบุนั่นเอง

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้มาราไกย์รู้สึกแปลกใจก็คือ ดูเหมือนคนพวกนั้นตั้งใจปล่อยข่าวออกมา กระทั่งสถานที่ซ่อนตัวของคนจีนคนนั้น ก็ยังสืบหาได้อย่างง่ายดาย

ตอนนั้นมาราไกย์ไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากวางแผนการเข้าไปช่วยชีวิตเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงลอบโจมตีที่นั่นเมื่อคืนก่อน

แต่สิ่งที่ทำให้มาราไกย์คาดไม่ถึงก็คือ ที่นั่นกลับเป็นกับดัก และแรงกระสุนของอีกฝ่ายก็รุนแรงมาก ดูเหมือนจะไม่ใช่พฤติกรรมของพวกแก๊งค์มาเฟีย

ดังนั้นภารกิจครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือต่งต้าจ้วงออกมาไม่ได้แล้ว จอร์จที่เป็นมือยิงคุ้มกันการลอบโจมตีก็ยังถูกยิงสามนัด แม้ว่าจะใส่เกราะกันกระสุนแล้วก็ตาม แต่กระดูกซี่โครงก็ยังหักสองสามส่วน

“บอสส์ อีกฝ่ายไม่ใช่แก๊งค์มาฟียแน่นอน แต่คุณวางใจได้ ผมติดต่อหน่วยทหารรับจ้างจากในประเทศมาแล้วสามหน่วย พวกเขาจะรีบมาที่รัสเซียในไม่ช้าครับ!”

มาราไกย์ที่พูดสายรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เขาเคยต่อสู้กับคนที่เจ้าเล่ห์ที่สุดในแถบแอฟริกากลางกับสามเหลี่ยมทองคำ มาแล้ว แต่ก็ไม่เคยเสียเปรียบแบบนี้มาก่อน

แต่หากอาศัยพลังกระสุนของพวกเขาสองสามคน เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถทำให้ภารกิจสำเร็จได้ ตอนที่มาราไกย์ถอยทัพนั้น ก็ได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยทหารรับจ้างแล้ว

“เหล่าหม่า อย่าให้คนพวกนั้นไปที่รัสเซีย!” เยี่ยเทียนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยปากพูด “บอกที่อยู่ที่ชัดเจนของพวกคุณมาให้ผม พรุ่งนี้เช้าผมจะบินไปรัสเซีย!”

พูดตามจริง หลังจากที่รู้ว่าอวิ๋นหวาถงไปที่รัสเซียแล้ว เยี่ยเทียนไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นๆ พวกนี้ และนักพรตที่ชื่อติงหงนั่นก็ได้สร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับเขาจริงๆ

เพียงแต่เยี่ยเทียนรับปากต่งเซิงไห่แล้ว ว่าจะช่วยหลานชายของเขาออกมาให้ได้ และฟรุสก็ดูเหมือนจะเตรียมการป้องกันไว้นานแล้ว หากตัวเองไม่ไปล่ะก็ ความปลอดภัยของต่งต้าจ้วงก็น่าเป็นห่วง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด