หมอดูยอดอัจฉริยะ 784 แผนการ (1)

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 784 แผนการ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 784 แผนการ (1)
ตอนนั้นที่เยี่ยเทียนอยู่ในท้อง ซ่งเวยหลันถูกครอบครัวกดดันจนต้องไปอยู่ที่อเมริกาและได้สร้างธุรกิจขนาดยักษ์ขึ้นมา

ด้วยความคิดถึงที่มีต่อบุตรชายทำให้ซ่งเวยหลันรับซ่งเสี่ยวหลงมาเลี้ยงดูตอนที่เขาอายุได้สามขวบ ความรักความอบอุ่นของแม่ได้ถูกถ่ายทอดให้ซ่งเสี่ยวหลงจนหมด

ถึงซ่งเสี่ยวหลงจะเรียกซ่งเวยหลันว่าอาหญิงมาตลอด แต่เธอเอ็นดูเขาราวกับลูกแท้ๆ ด้วยเหตุนี้ ปัญหาที่ซ่งเสี่ยวหลงสร้างขึ้นเธอจึงไม่คิดจะสืบสาวราวเรื่อง

“เสี่ยวเทียน ไม่ว่าอย่างไร เสี่ยวหลงก็เป็นพี่ชายของลูก เห็นแก่แม่เถอะ อย่ามีเรื่องกับเขาอีกเลยจะได้ไหม?”

ตอนที่เธอเอ่ยขอร้องบุตรชาย ดูน้ำเสียงเศร้าสร้อย ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ได้เลี้ยงดูซ่งเสี่ยวหลงมาสิบกว่าปี ความผูกพันแบบนี้มันตัดกันไม่ขาด

“ไม่เอาเรื่องเขา? เขาน่าจะไม่ปล่อยไปง่ายๆมากกว่ามั้งครับ?”

เยี่ยเทียนเป็นคนแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ต่อให้ฝึกวิชาขั้นสูงขนาดไหนก็ตาม เขายังยึดมั่นในเรื่องบุญคุณความแค้นไว้เสมอ ลูกผู้ชายมีคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ

แต่เมื่อมารดาถึงกับเอ่ยปากขอร้อง เขาจึงต้องใจอ่อน หลังจากนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เขาพูดขึ้นว่า “แม่ครับ ผมเชื่อแม่ก็แล้วกัน ขอแค่เขาไม่มาหาเรื่องผมก่อน เรื่องนั้นก็ให้มันแล้วไปเถอะ”

ซ่งเสี่ยวหลงในตอนนี้เป็นคนตัวเล็กๆพอๆกับมดตัวหนึ่งที่อยู่ในสายตาของเยี่ยเทียน แค่ดีดนิ้วเป๊าะเดียวก็เก็บซ่งเสี่ยวหลงได้ ที่เขาไว้ชีวิตเพราะเห็นแก่ผู้เป็นแม่ อยากให้แม่ของเขามีความสุข

“เสี่ยวเทียน วางใจเถอะลูก เขาไม่กล้ามาหาเรื่องลูกอีกแน่นอน แม่ขอรับประกันได้เลย!” เมื่อบุตรชายรับปาก ซ่งเวยหลันถอนใจอย่างโล่งอก

เธอรู้ดีว่าซ่งเสี่ยวหลงเรียนดีจนได้ประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัยชื่อดังหลายใบ ทั้งเรื่องการทำธุรกิจก็เป็นเหมือนดาวดวงใหม่ของวงการ แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเยี่ยเทียนแล้ว เขาสู้เยี่ยเทียนไม่ได้เลย

“เอาเถอะครับแม่ ผมเหนื่อยแล้ว ผมขอพักผ่อนก่อน แม่ช่วยบอกชิงหย่าด้วยว่าผมไม่เป็นไร!”

ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเยี่ยเทียนถึงรู้สึกถึงความผิดหวังที่ถาโถม หลังจากคุยเล่นกับมารดาไม่กี่ประโยคแล้วเขาก็วางสาย

คิดไตร่ตรองดูให้ดีแล้วเยี่ยเทียนพบว่า ความรู้สึกนั้นคือตัวเองอิจฉา เธอเป็นแม่แท้ๆของเขา กลับห้ามไม่ให้เขาไปล้างแค้นคนที่คิดร้ายต่อเขา มันทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกอึดอัดใจ

“เฮ้อ ฉันเป็นอะไรเนี่ย? แม่ไม่อยากให้เราไปทำร้ายเจ้านั่น เพราะเป็นห่วง ฉันยังจะคิดอะไรอีก?”

พอคิดตกแล้วเยี่ยเทียนรู้สึกอารมณ์แจ่มใสขึ้น เขายิ้มส่ายหัวเดินไปที่หน้าต่างห้องชมทัศนียภาพเมืองยามค่ำคืน

เมืองหลวงที่ใหญ่เป็นอันดับสองในแอฟริกาใต้ เป็นเมืองที่อยู่ทางตะวันตก เคปทาวน์มีธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งยังมีท่าเรือที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของโลก

จากห้องพักโรงแรมที่เยี่ยเทียนพักอยู่ สามารถมองเห็นภูเขาเทเบิ้ลเมาท์เท่น หรือภูเขาที่ได้รับสมญาว่า “โต๊ะของพระผู้เป็นเจ้า” ทำมุมเป็นองศาพอดีกับมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรแอตแลนติก ลมทะเลที่พัดเข้าสู่ชายฝั่งแบบนี้ถือว่าเป็นสถานที่ๆมีพลังธรรมชาติอุดมสมบูรณ์

เยี่ยเทียนไม่ค่อยสนใจเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว เขามองวิวสักครู่แล้วนั่งลงที่พื้นหลับตาโคจรลมปราณเพื่อฝึกวิชาโดยการใช้ลมหายใจเข้าออก ครู่หนึ่งต่อมาเขาได้เข้าสู่ภวังค์อันสงบ

แต่เยี่ยเทียนไม่ได้คาดการณ์มาก่อนเลยว่า ความห่วงใยระหว่างหญิงชายนี้จะเป็นตัวทำลายสติปัญญาและความคิดพิเคราะห์ แม้แต่หญิงที่มีความเป็นมารดาอยู่เต็มเปี่ยมก็ทำให้สติปัญญาของเธอลดถอยลงเกือบศูนย์

…………

เคปทาวน์ครอบคลุมทั้งแอฟริกาใต้ ในอดีตเคยตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษและฮอลแลนด์เป็นเวลานาน กินเวลายาวนานถึงสามศตวรรษ

แม้หลังจากประเทศจะถูกประกาศอิสรภาพภายใต้การนำของชายแอฟริกาใต้ผิวดำคนนั้น หลุดจากการเป็นประเทศอาณานิคมของอังกฤษ ก่อตั้งเป็นประเทศเกิดใหม่ขึ้นมา แต่ยอมรับไม่ได้ว่าเจ้าของธุรกิจการค้ารายใหญ่ในท้องถิ่นแทบไม่มีเจ้าของเป็นคนพื้นเมืองเลย

สถานการณ์แบบนี้พบเห็นได้ทั่วไปทั้งแอฟริกาใต้ เมื่อมองจากมุมสูงลงไปบนพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่มีทัศนียภาพสวยงามของบ้านวิลล่าหลังงาม กลับไม่เห็นคนแอฟริกาผิวดำอาศัยอยู่

พื้นที่บริเวณรอบๆนี้เคยเป็นสถานที่ที่ครอบครองของคนอังกฤษมาก่อน ต่อให้คนดำที่มีเงินมากแค่ไหน ก็ยังซื้อบ้านวิลล่าหลังแบบนี้ไม่ได้ เพราะนอกจากเงินแล้ว พวกเขายังต้องมีสถานะทางสังคมที่คู่ควร

“ให้ตายเถอะ ยังจะมาเตือนฉันอีกเหรอ เพื่อเจ้านั่นยังจะมาเตือนฉันอีกเหรอ?!”

บ้านวิลล่าหลังงามที่มีสามชั้น สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามจากตัวบ้านได้ จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนอย่างขัดใจตามมาติดๆด้วยเสียขว้างของแข็งลงพื้นแตกกระจาย

ซ่งเสี่ยวหลงเสร็จจากการตีกอล์ฟ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ตอนนี้กำลังขว้างโทรศัพท์ที่เพิ่งหยิบขึ้นมารับสายลงพื้น ยังไม่หายแค้น เขาใช้เท้ากระทืบโทรศัพท์ซ้ำอีก

ซ่งเสี่ยวหลงเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำสีหน้าดุร้าย เขาเพิ่งจะระเบิดอารมณ์โมโหอย่างถึงขีดสุดออกไป เศษซากโทรศัพท์บนพื้น ใช้เป็นตัวแทนของเยี่ยเทียน

การเป็นคนใกล้ชิดของซ่งเวยหลัน ทำให้ซ่งเสี่ยวหลงมีนิสัยยโสโอหังตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าเขาจะเคลื่อนไหวไปทางไหนก็มีแต่คนจับตามอง

และเขาไม่ทำให้คนพวกนั้นผิดหวัง ตั้งแต่สิบขวบ เขาแสดงอัจฉริยภาพและความสามารถด้านธุรกิจ ในการตกลงทำสัญญาซื้อขายครั้งหนึ่ง เขาช่วยให้บริษัทประหยัดเงินไปได้ก้อนใหญ่

ตอนที่เขาคิดว่าอาหญิงกำลังเริ่มถ่ายโอนอำนาจของบริษัทให้เขานั้นเขากลับได้รู้ว่า “ทายาท”อย่างเขาเป็นตัวปลอม ทายาทตัวจริงกำลังจะปรากฎตัวแล้ว

สิ่งนี้ทำให้ซ่งเสี่ยวหลงรู้สึกสั่นคลอนและไม่ปลอดภัย ตั้งแต่เด็กเขาถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรักการเอาอกเอาใจ จึงรู้สึกไม่ชอบใจอย่างมาก หลายครั้งที่คิดจะกำจัดเยี่ยเทียนไปให้พ้นทาง

ผลลัพธ์นั้นทุกคนรู้กันดีอยู่ คือซ่งเสี่ยวหลงไม่ได้สมหวังดั่งใจ แล้วยังเป็นการหาเรื่องใส่ตัวอีก สุดท้ายถูกซ่งเวย หลันส่งมาประจำการที่แอฟริกาใต้ เขาจึงพาลโกรธเกลียดซ่งเวยหลันไปด้วย

คนที่มีจิตใจคับแคบ ต่างไม่คิดว่าปัญหาเกิดมาจากตัวเอง ซ่งเสี่ยวหลงรู้สึกว่าคนทั้งโลกนี้ติดค้างเขา แต่กลับไม่คิดว่าซ่งเวยหลันให้เขาอยู่ห่างๆจากเยี่ยเทียนนั้นความจริงแล้วเป็นการปกป้องเขา

ซ่งเสี่ยวหลงที่กำลังถูกความแค้นเข้าครอบงำ หลายปีมานี้ได้เลี้ยงลูกน้องของตัวเองเอาไว้ เขาได้วางแผนร่วมมือกับพ่อลูกแซ่เหลยในสมาคมหงเหมิน อีกก้าวเดียวเกือบจะล้มซ่งเวยหลันได้แล้ว สุดท้ายแผนการล้มเหลว

สำหรับซ่งเสี่ยวหลง ชื่อของเยี่ยเทียนเปรียบเหมือนคำสาปแช่ง เขาพยายามบังคับตัวเองไม่ให้นึกถึงคนๆนั้น แต่โทรศัพท์ของซ่งเวยหลันที่เขาเพิ่งรับสายกลับทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

“เสี่ยวหลง เกิดอะไรขึ้น?”

เสียงดังจากในห้องทำให้ลูกน้องร่างยักษ์ใหญ่เจ็ดแปดคนของเขาบุกเข้ามา มีทั้งคนเชื้อสายจีนและฝรั่ง คนที่เอ่ยถามเป็นชายชาวจีนอายุราวสี่สิบต้นๆ

“พี่หลง ผมไม่เป็นไร ให้พวกเขาออกไปก่อนเถอะ!”

ซ่งเสี่ยวหลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ นี่เป็นข้อปฏิบัติที่ผู้เป็นใหญ่จะขาดไม่ได้ ซึ่งซ่งเสี่ยวหลงก็ทำได้ดี

พวกแกออกไปกันก่อน”

ชายที่ถูกเรียกว่าพี่หลงโบกมือไล่คนอื่นออกไปจากห้องรับแขก แล้วถามต่อว่า “เสี่ยวหลง เกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เล่าได้แล้ว?”

ชื่อจริงของพี่หลงคือเหมียวจื่อหลง เป็นคนของสมาคมหงเหมิน และเป็นหนึ่งในศิษย์เอกของเหลยเจิ้นเยวี่ย ตอนที่ซ่งเสี่ยวหลงอายุสิบขวบนั้น เขาก็ได้เริ่มเข้ามาติดตามดูแลแล้ว

ซ่งเสี่ยวหลังมีกลเม็ดหลายอย่าง หลังจากคบหากันมาสิบกว่าปี เขาจึงให้พี่หลงได้ขึ้นเป็นคนสนิทของเขา เมื่อเหลยเจิ้นเยวี่ยเสื่อมอำนาจลง เหมียวจื่อหลงจึงถอนตัวออกจากสมาคมหงเหมิน

ในสายตาของเหมียวจื่อหลง ซ่งเสี่ยวหลงเป็นเหมือนเจ้านายของเขา ทั้งยังเป็นเหมือนกับลูกของเขาด้วย ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองจึงพูดคุยกันอย่างสนิทสนม

ซ่งเสี่ยวหลงได้ยินคำถามแล้วสายตาฉายแววโกรธแค้นออกมา ค่อยๆพูดทีละคำอย่างอดกลั้น “พี่หลง คนๆนั้น ตอนนี้อยู่ในเคปทาวน์!แล้ว”

“คนๆนั้น? นายหมายถึง….เยี่ยเทียน?”

เหมียวจื่อหลงอึ้งไป แล้วนึกขึ้นได้ว่าคนที่ทำให้ซ่งเสี่ยวหลงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่แบบนี้ได้น่าจะมีแต่เยี่ยเทียนคนเดียวเท่านั้นไม่มีใครอื่น

“ใช่แล้ว เขานั่นแหละ!”

ซ่งเสี่ยวหลงกำหมัดแน่น คำรามออกมา “พี่หลง พวกเราถูกมันบีบจนต้องหนีมาอยู่ในที่ๆแม้แต่นกยังไม่อยากจะมาวางไข่ ทั้งหมดเป็นเพราะเยี่ยเทียนคนเดียว ฉัน….อยาก…ให้…มัน….ตาย!!!”

พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของซ่งเสี่ยวหลงเปลี่ยนเป็นฮึกเหิมขึ้นมา ความอัดอั้นในใจถูกปลดปล่อย ขอแค่ให้เยี่ยเทียนตาย เขายังมีโอกาสได้ครอบครองอาณาจักรธุรกิจยักษ์ใหญ่ของอาหญิงได้

แม้เหตุการณ์ในไต้หวันกับเซี่ยงไฮ้ได้ทำให้ซ่งเสี่ยวหลงรู้ว่าเยี่ยเทียนเก่งกาจเพียงใด แต่ยังไงเยี่ยเทียนเป็นแค่คนธรรมดา มีความคิดความต้องการแบบปุถุชน ทำให้เขาไม่รู้สึกเกรงกลัวเยี่ยเทียน

“เสี่ยวหลง คนแซ่เยี่ยนั่นไม่ใช่คนที่จะไปมีเรื่องด้วยได้ง่ายๆนะ อาจารย์ยังพ่ายแพ้ให้แก่เขาเลย!”

ถ้าเทียบกับซ่งเสี่ยวหลงที่ไม่มีความรู้ด้านศิลปะการต่อสู้ของจีนเลยแม้แต่น้อย เหมียวจื่อหลงนั้นมีสติกว่ามาก ดังนั้นคำพูดของซ่งเสี่ยวหลง ทำให้เขารู้สึกสงสัยขึ้นมา

คนที่ฝึกวิชาจะให้ความเคารพต่อผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ ตลอดชีวิตของเหมียวจื่อหลงเขานับถือยกย่องอาจารย์เหลยเจิ้นเยวี่ยไว้สูงสุด เขาไม่เชื่อว่าตัวเขาเองจะล้มเยี่ยเทียนได้ลง

“ต่อให้เขาร้ายกาจแค่ไหน ก็หนีลูกกระสุนไม่พ้นหรอก?”

ซ่งเสี่ยวหลงเบ้ปาก “ใครๆก็รู้ว่าในแอฟริกาใต้นี่วุ่นวายจะตาย การยิงปืนฆ่ากันมีเกิดขึ้นทุกวัน ถ้าเยี่ยเทียนเกิดโชคไม่ดีถูกคนยิงตายล่ะ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”

ในแอฟริกาใต้ไม่มีการควบคุมความสงบเรียบร้อยได้ดีพอ เกือบทุกบริษัทที่เปิดเหมืองทองหรือเหมืองเพชร จะต้องมีกองกำลังคุ้มครองเป็นของตัวเอง

อย่างที่ซ่งเสี่ยวหลงบอก เพราะปืนทำให้เกิดคดีฆาตกรรม ในแอฟริกาใต้นี้ถือเป็นเรื่องปกติทั่วไป มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสูง

“เรื่องนี้ถ้าจะลงมือต้องทำให้หมดจดที่สุด ให้เวลาฉันคิดไตร่ตรองก่อน”

เหมียวจื่อหลงถึงจะเป็นคนฝึกวิทยายุทธ แต่เป็นคนมีความคิดลึกซึ้ง เขาไม่ถึงกับรับปากซ่งเสี่ยวหลงทันที แต่กำลังคิดทบทวนอยู่ในใจ

“เอาอย่างนี้นะ เสี่ยวหลง ฉันจะไปหาเหลยหู่ก่อน เขาเป็นคนที่เห็นฝีมือของเยี่ยเทียน ถ้าได้เขาช่วย โอกาสสำเร็จก็มีมาก!”

เหมียวจื่อหลงเป็นศิษย์ของเหลยเจิ้นเยวี่ย เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกับเหลยหู่ด้วย สิ่งที่บังเอิญกว่านั้นคือตอนนี้เหลยหู่ก็อยู่ในเคปทาวน์ด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด