หมอดูยอดอัจฉริยะ 827 ฉงฉี

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 827 ฉงฉี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าวัวจะกินคนได้?”

เยี่ยเทียนทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องเจอกับความฉับไวของสัตว์ประหลาดตัวนี้ เขาเองก็คิดไม่ถึง หลังจากที่ตัวเองเลื่อนขั้นเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นกลางที่มีมีดบินที่มีอานุภาพสามารถทำลายกำแพงอันแข็งแกร่งได้ กลับทำร้ายได้เพียงแค่ผิวหนังของสัตว์ประหลาดตัวนี้ จนทำให้มันสามารถหลบหนีออกไปได้สำเร็จ

“เหลยหู่ แกไม่เป็นไรใช่ไหม?” เยี่ยเทียนถอยหลังมาหนึ่งก้าว จากนั้นจึงสกัดจุดที่ไหล่ของเหลยหู่อีกสองสามที พลังปราณวิเศษกลุ่มหนึ่งก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา ใบหน้าที่ขาวจนซีดเซียวของเหลยหู่ จึงดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาเล็กน้อย

“ท่านเยี่ย แขนของผมขาดแล้ว คงช่วยอะไรไม่ได้อีก!”

เจ้าสัตว์ประหลาดที่อยู่ห่างจากตัวเองในระยะร้อยกว่าเมตร ใบหน้าของเหลยหู่แสดงให้เห็นความซับซ้อนทั้งเคียดแค้นชิงชังและหวาดกลัวผสมกันไป ถ้าหากอยู่ในสังคมยุคปัจจุบัน เพียงแค่ผ่านเทคนิคทางการแพทย์ก็สามารถต่อแขนให้กลับเข้าไปได้ แต่ตอนนี้แขนขวาของเหลยหู่ถูกสัตว์ประหลาดตัวนั้นกัดกินจนละเอียดและกลืนลงท้องไปแล้ว ทำให้เหลยหู่เกลียดมันเข้ากระดูกดำ แต่พอนึกถึงความเร็วที่น่ากลัวกับการโจมตีที่น่าตกใจรวมทั้งการตั้งรับของสัตว์ประหลาดตัวนั้นแล้ว เหลยหู่จึงหมดความกล้าในการแก้แค้นไปในทันที

ได้ยินเสียงร้อง “วู้ ๆ ” และ “โฮ่ง ๆ” ดังมาจากปากของมันไม่หยุด ทันใดนั้นเยี่ยเทียนจึงร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ “บัดซบ ฉันรู้แล้วว่านี่มันคืออะไร!”

“ท่านเยี่ย มันคือสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่?”

หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว เหลยหู่จึงอดกลั้นความเจ็บปวดที่ไหล่ เอ่ยถามออกไป เขาโตมาขนาดนี้ ก็เพิ่งเคยเห็นสิ่งมีชีวิตแบบนี้เป็นครั้งแรก พวกหมาป่าหรือเสือชีตาร์ก็ยังดุร้ายไม่เท่ากับมันเลย

“ฉงฉี นี่คือฉงฉีที่เป็นสัตว์ในตำนาน!”

ดวงตาของเยี่ยเทียนจ้องเขม็งไปที่สัตว์ประหลาดที่ยังไม่ยอมออกไป แล้วพูดว่า

“ฉงฉีตามตำนานนั้น รูปร่างเหมือนวัว มีกรงเล็บและฟันที่แหลมคม เสียงเหมือนสุนัข มีขนเหมือนเม่น ชอบกินเนื้อมนุษย์มากที่สุด จึงถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในสี่ของสัตว์ที่ดุร้ายในตำนาน…”

เยี่ยเทียนเคยอ่านคัมภีร์ “ซานห่ายจิง” มาตั้งแต่เด็ก ฉงฉีที่อยู่ในคัมภีร์ “ซานห่ายจิง” นั้นก็เป็นสัตว์ดุร้ายที่มีชื่อเสียงอันเลื่องลือ เพียงแต่ก่อนหน้านั้นเยี่ยเทียนไม่ได้เชื่อมโยงไปถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในตำนาน หลังจากที่เขาได้ยินเสียงร้องเหมือนสุนัขของสัตว์ประหลาดตัวนี้ เขาถึงได้นึกถึงฉงฉีซึ่งเป็นสัตว์ร้ายในตำนานขึ้นมา

“จะ…จะเป็นไปได้ยังไง? จะมีสัตว์แบบนี้ได้ยังไง?”

พอได้ยินการอธิบายของเยี่ยเทียนแล้ว เหลยหู่อดเบิกตาโพลงไม่ได้ ตั้งแต่เด็กเขาชอบฝึกกำลังมากกว่าการศึก ษาเล่าเรียน ดังนั้นจึงอ่านหนังสือไม่มาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่า ในตำนานจีนยังมีสัตว์ประหลาดแบบนี้หลงเหลืออยู่

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ สิ่งที่แปลกประหลาดกว่ามัน ฉันก็เคยเจอมาแล้ว!”

เยี่ยเทียนส่ายหน้าหัวเราะอย่างฝืด ๆ  ถ้าหากพูดถึงด้านพลัง มังกรดำที่อยู่ในภูเขาฉางไป๋ซานมีความแปลกประหลาดมากกว่าฉงฉีถึงสามส่วน หากทั้งสองตัวมาต่อสู้กัน เจ้าฉงฉีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมังกรดำอย่างเด็ดขาด

หากจะพูดถึงความแสนรู้ วานรขาวที่อยู่เสินหนงเจี้ยสามารถพูดจาภาษาคนได้ เหาะเหินเดินอากาศได้ แถมยังใช้วิชาเต๋าได้อีก นอกจากเจ้าฉงฉีจะมีความฉับไวกับการตั้งรับที่แข็งแกร่งแล้ว ฝีมือในการโจมตีนั้นยังสู้สิ่งมีชีวิตสองชนิดที่ เยี่ยเทียนเคยเจอมาก่อนไม่ได้

ดังนั้นหลังจากที่เยี่ยเทียนรู้ถึงความเป็นมาของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้แล้ว ความหวาดกลัวจึงหายไป เวลานี้วรยุทธของเขา ถือว่าไม่ด้อยไปกว่าวานรขาวที่อยู่ในเสินหนงเจี้ย ถ้าหากจะต้องต่อสู้เพื่อเอาเป็นเอาตายกับฉงฉีตัวนี้จริงๆ ใช่ว่าเขาจะพ่ายแพ้ให้แก่อีกฝ่าย

“ท่านเยี่ย มัน…มันยังไม่ยอมไปไหน พวกเราจะทำยังไงดีครับ?”

เหลยหู่ก็เป็นคนที่ฝึกวรยุทธเช่นกัน โดยเฉพาะตอนที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นหลอมปราณสู่จิตนั้น ถึงแม้จะเสียแขนไปข้างหนึ่ง หลังจากที่ห้ามเลือดไว้ได้แล้ว พลังก็ค่อยๆ ดีขึ้นมาเหมือนเดิม จึงเริ่มพิจารณาเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า

“แย่แล้ว ท่านเยี่ย ผมทำอาหารตกอยู่แถวนั้น!”

ทันใดนั้นเหลยหู่ก็มองเห็นถุงที่ตกอยู่บนพื้นขณะที่เขาถูกโจมตี จึงอดร้องออกมาด้วยความตกใจไม่ได้ เพราะมีทั้งน้ำเปล่าและอาหารอยู่ในนั้น หากไม่มีอาหารพวกนี้ประทังชีวิต เขาเกรงว่าจะทนอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน

“ไม่เป็นไร ฉันจะไปหยิบเอง”

เยี่ยเทียนฉุกคิดขึ้นมา เกิดความคิดอยากจะฆ่าเจ้าฉงฉีตัวนี้ เพราะถึงแม้มันจะมีนิสัยเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายมาแต่กำเนิด ทั้งผิวหนังด้านหลังที่มีดบินยากจะแทงให้ทะลุได้ แต่ลำคอกับส่วนหัวของมันก็เป็นจุดอ่อน ใช่ว่าจะไม่มีวิธีฆ่ามันให้ตาย

“ไป!”

เยี่ยเทียนอ้าปากพ่นลมหายใจออกมา มีดบินคู่กายก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าอก ใช้พลังจิตบังคับ มีดบินก็กลายเป็นลำแสงสีขาวสว่างพุ่งไปหาฉงฉีที่อยู่ในระยะหนึ่งร้อยกว่าเมตรอย่างรวดเร็ว

“โฮ่ง…โฮ่งๆ!”

ฉงฉีที่เพิ่งจะเสียท่าให้กับมีดบิน เมื่อเห็นเยี่ยเทียนส่งมีดบินออกมา มันจึงหมุนตัววิ่งเข้าไปในป่า ถึงแม้มีดบินของเยี่ยเทียนจะไล่ตามไปติดๆ ตัดต้นไม้ที่มีความหนาเท่าเอวจนขาดสะบั้นไปสองสามต้นก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไล่ตามไอ้ตัวเจ้าเล่ห์ได้ทัน

“น่าเสียดาย ฉงฉีตัวนี้เจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกจริงๆ!”

เมื่อเห็นมีดบินของเยี่ยเทียนพลาดเป้า เหลยหู่จึงอดตีอกชกหัวอย่างช่วยไม่ได้ ความเจ็บปวดของแขนที่ขาดไป ทำให้เขาเกลียดสัตว์ประหลาดตัวนี้เข้ากระดูกดำ จึงมีความคิดที่เหมือนกันกับเยี่ยเทียน โดยไม่สนใจว่ามันจะเป็นสัตว์ในตำนานอะไร คิดอยากจะทำลายกระดูกมันแล้วกระจายเป็นเถ้าถ่านให้จงได้

“สุนัขจิ้งจอก? ต่อให้เป็นสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ก็สู้นักล่าที่เก่งกว่าไม่ได้!”

เยี่ยเทียนใช้สำนวนที่นิยมใช้กันบ่อยในภูเขาฉางไป๋ซาน ใช้พลังจิตอีกครั้ง มีดบินคู่กายก็บินกลับไปกลับมาอยู่ในป่าตรงที่ฉงฉีหายตัวไป ลำแสงสีเงินก่อตัวเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ ตัดต้นไม้ทั้งแถบให้เป็นเศษเล็กเศษน้อยไปหมด

เยี่ยเทียนใช้การขับเคลื่อนพลังปราณชีวิตจับตำแหน่งของฉงฉีไป ก็รู้สึกว่ามันหลบหนีออกไปไกลแล้ว เยี่ยเทียนจึงกวักมือเรียกมีดบิน ให้บินแนบพื้นกลับมาหาเขา เพียงแต่ตอนที่มีดบินมาถึงข้างถุงผ้าที่เหลยหู่ทำหล่นหายนั้น กลับมุดเข้าไปอยู่ในชายหาดที่เต็มไปด้วยซากกระดูกของสัตว์

“มันฉลาดจริงๆ!”

มองดูเยี่ยเทียนเดินออกมาจากหาดทรายด้วยมือเปล่าทั้งสองข้าง แล้วเดินไปถึงพื้นที่ที่แบ่งแยกสีขาวกับสีดำอย่างชัดเจน เหลยหู่ที่เคยเกลียดและคิดอยากจะให้เยี่ยเทียนตายไวๆ เมื่อสองสามวันก่อน มองออกถึงจุดประสงค์ของเขา แต่ก็ยังอดพูดเช่นนี้ไม่ได้

“ท่านเยี่ย ท่านระวังตัวหน่อยนะครับ…”

“วางใจเถอะ เดี๋ยวฉันจะถลกหนังมัน แล้วเอาเนื้อมาย่างกิน”

เยี่ยเทียนโบกมืออย่างไม่ยี่หระ เดินมาถึงที่ที่มีระยะห่างจากชายหาดสิบกว่าเมตรอย่างช้าๆ ยื่นมือหยิบกระเป๋าเป้ที่เหลยหู่ทำตกบนพื้นขึ้นมา ในระหว่างนี้ ฉงฉีก็ยังไม่ปรากฏตัว เหมือนกลัวว่าจะถูกเยี่ยเทียนฆ่า

“เหลยหู่ อาหารที่อยู่ในนี้ก็มีไม่น้อยนะ!”

เยี่ยเทียนไม่ได้โยนกระเป๋าเป้ของเหลยหู่กลับไป แต่กลับหยิบเอาอาหารบางส่วนที่อยู่ในกระเป๋าออกมา ตอนที่เขาฉีกถุงเนื้ออบซอสสูญญากาศถุงหนึ่งออกมา กลิ่นหอมหวนก็ได้กระจายออกไปไกล

“โธ่เอ้ย กล้าคิดร้ายกับคนงั้นเรอะ รอให้แกฝึกวรยุทธจนกลายร่างได้ก่อนแล้วค่อยฝัน!”

ขณะที่กำลังพลิกดูอาหารที่อยู่ในถุง หูของเยี่ยเทียนก็ขยับ เขาได้ยินเสียงฉงฉีเหยียบใบไม้และกิ่งไม้ที่ร่วงหล่นอยู่เต็มพื้น เยี่ยเทียนจึงแค่นหัวเราะด้วยความเย็นชาขึ้นมา

ถ้าหากฉงฉีซ่อนตัวในภูเขาอยู่แบบนี้ บางทีเยี่ยเทียนอาจจะทำอะไรมันไม่ได้ ถึงอย่างไรเวลานี้เขาก็อยู่รอบนอกของเกาะ จึงรู้สึกถึงพลังที่ไร้จุดสิ้นสุดที่ยากสัมผัสได้ในเกาะแห่งนี้ ว่ามีพลังที่ยิ่งใหญ่นับไม่ถ้วนหลงเหลืออยู่ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกถึงอันตรายเป็นอย่างยิ่ง

แต่เยี่ยเทียนก็รู้ว่า ฉงฉีในฐานะหนึ่งในสี่สัตว์ร้ายในใต้หล้าตามตำนานนั้น นอกจากไม่แบ่งแยกความดีความชั่วและชอบกินมนุษย์แล้ว ลักษณะพิเศษที่เด่นที่สุดอีกหนึ่งอย่างก็คือเจ้าคิดเจ้าแค้น ถ้าหากว่ามีคนที่ล่วงเกินหรือทำร้ายมัน ฉงฉีก็จะไม่ยอมรามือจนกว่าจะได้กินเนื้ออีกฝ่าย

เยี่ยเทียนจึงลองดู แล้วก็เป็นไปอย่างที่คิดไว้จริงๆ ฉงฉีที่คิดว่าซ่อนตัวอยู่ในป่าจะสามารถหลบมีดบินของเยี่ยเทียนได้ กำลังจับตามองการกระทำทุกอย่างของเยี่ยเทียนอยู่ตรงชายป่า กรงเล็บหน้าทั้งสองข้างเกาะไปบนพื้นอย่างแรง จ้องมองเนื้ออบซอสที่ส่งกลิ่นหอมอยู่ในมือของเยี่ยเทียนอย่างตะกละ ดูเหมือนมันเตรียมพร้อมที่จะพุ่งเข้าไปอยู่ตลอดเวลา

“เหลยหู่ เนื้อนี้รสชาติไม่เลวนะ แกลองชิมดูสิ!”

สายตาของเยี่ยเทียนไม่ได้มองไปที่ป่าเลยสักนิด หลังจากฉีกซองเนื้อสูญญากาศออกแล้วกัดไปคำหนึ่งแล้วก็หันกลับไป จากนั้นจึงโยนถุงเนื้อไปหาเหลยหู่ที่อยู่บนชายหาด

“ติดกับแล้ว?”

ขณะเดียวกันกับที่เยี่ยเทียนโยนถุงเนื้อออกไป ในที่สุดฉงฉีก็ทนไม่ไหว พุ่งออกมาราวพายุหมุน ร่างกายของมันปรากฏตัวอยู่ระหว่างเยี่ยเทียนกับเหลยหู่อย่างรวดเร็ว อ้าปากใหญ่กัดถุงเนื้ออบซอสเข้าไปในปากของมัน

“มาแล้วก็อย่าคิดจะหนีไปอีก!”

เยี่ยเทียนใช้พลังจิตอีกครั้งมีดบินคู่กายที่ซ่อนตัวอยู่ในทราย ก็โผล่มาจากด้านล่างของฉงฉีอย่างไร้สุ้มเสียง แทงเข้าไปที่ท้องส่วนล่างของมันทันที

ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ตำแหน่งที่อ่อนแอที่สุดในร่างกาย ก็คือดวงตา จมูก รวมทั้งหน้าอกกับท้องพวกนี้ ผิวหนังร่างกายท่อนล่างของฉงฉีไม่มีหนามแหลมคม มีดสั้นอู๋เหินจึงแทงทะลุเข้าไปเหมือนกับตัดเต้าหู้ก็ไม่ปาน

“โกรล!”

ฉงฉีที่ไม่ทันระวังตัวถูกเยี่ยเทียนโจมตีได้สำเร็จ ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความเคียดแค้น ร่างกายของมันเหมือนกับลูกศรที่แหลมคมกระโดดพรวดขึ้นไปบนท้องฟ้า การกระโดดครั้งนี้สามารถกระโดดได้สูงสิบกว่าเมตร อู๋เหินของเยี่ยเทียนที่แทงเข้าไปในส่วนท้องของมันนั้น ได้เพียงเลือดหย่อมหนึ่งติดออกมา ไม่สามารถแหวกท้องของมันให้ฉีกขาดได้

การตอบสนองของเยี่ยเทียนก็เร็วมากเช่นกัน ขณะที่ฉงฉีกระโดดตัวสูงขึ้นไปถึงจุดสูงสุด และกำลังจะตกลงมานั้น พลังจิตก็สั่งให้มีดบินลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า สลายตัวเป็นลำแสงหนึ่งพุ่งตรงไปยังขนอ่อนสีขาวที่อยู่ตรงลำคอของฉงฉี

“วู้ๆ…”

มองดูมีดบินที่ส่งลำแสงออกมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่มีขนาดเท่าระฆังของฉงฉีจึงแสดงความหวาดกลัวออกมาในที่สุดร่างกายที่ดูเหมือนเทอะทะของมัน จู่ๆ ก็บิดตัวกลางอากาศ หลบการโจมตีของมีดบินได้อย่างหวุดหวิด ร่างกายของมันเอียงตัวตกลงไปบนชายหาด เลือดสีเขียวที่มีกลิ่นเหม็นคาวก็หยดออกมาทำให้ซากกระดูกของสัตว์เหล่านั้นเกิดการกัดกร่อนมีเสียงดังขึ้นมา

“บัดซบเอ้ย ฉันไม่ได้ไปหาเรื่องแกเสียหน่อย? ทำไมถึงต้องพุ่งมาที่ฉันเล่า?”

เหลยหู่ที่ยืนอยู่บนชายหาด มองดูฉงฉีที่กำลังตกลงมาจากท้องฟ้า ทำให้เขางงเป็นไก่ตาแตก เพราะดูจากทิศทางที่ฉงฉีตกลงมาแล้ว กำลังมุ่งมาที่ตัวเอง เยี่ยเทียนคือคนคนเดียวที่สามารถช่วยชีวิตน้อยๆ ของเขาได้ แต่เยี่ยเทียนก็ยังอยู่ห่างออกไปในระยะสามสิบกว่าเมตรอยู่ดี

อย่าว่าแต่เหลยหู่เลย แม้แต่เยี่ยเทียน ก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าสัตว์ประหลาดที่อยู่ในตำนานจะต่อสู้ยากขนาดนี้ พลังโจมตีของเขาถึงแม้ว่าจะมีมหาศาล แต่ด้วยความรวดเร็วกับกำลังระเบิดภายในร่างกายแล้ว ต่อให้เป็นเหลยหู่ที่เข้าสู่ขั้นสูงสุดยอดก็ยังสู้ไม่ได้

เยี่ยเทียนกับเหลยหู่ต่างก็คิดไม่ถึง ขณะที่ฉงฉีกำลังแยกเขี้ยวง้างกรงเล็บอยู่กลางอากาศ มองทิศทางที่มันจะตกลงมา ดวงตาของมันกลับมีความหวาดกลัวขึ้นมา ราวกับเจอคู่ต่อสู้ระดับพระกาฬส่งเสียงร้อง “วู้ๆ” ออกมาด้วยความตกใจ

…………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด