หมอดูยอดอัจฉริยะ 843 ศึกไม้กับดิน

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 843 ศึกไม้กับดิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไม่ได้ เมื่อก่อนมันเคยรังแกฉัน ฉันต้องแก้แค้นเดี๋ยวนี้!”

ภูติภูเขาออกจะกลัวเยี่ยเทียนอยู่บ้าง แต่พอได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ภูติต้นไม้กลับเป็นฝ่ายกรีดร้องออกมาเสียก่อน ในสายตาของมัน เยี่ยเทียนที่สามารถทำร้ายตัวเองจนขวัญหนีดีฝ่อ ย่อมทำร้ายภูติภูเขาได้เช่นเดียวกัน

แต่ว่าภูติต้นไม้ไม่รู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นปราณทองแหลมคมหรือว่าเพลิงแท้เซียนเทียนในร่างกายของเยี่ยเทียน ล้วนเป็นศัตรูตัวร้ายของธาตุไม้ทั้งสิ้น หากทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ภูติต้นไม้ก็ไม่ได้รับผลดีใดๆ

แต่สำหรับภูติภูเขาตัวนี้กลับแตกต่างไป นอกจากพลังไม้ข่มดินแล้ว เพลิงแท้เซียนเทียนของเยี่ยเทียนยังไม่อาจทำลายต้นกำเนิดของมันได้ และถึงแม้มีดบินของเยี่ยเทียนจะเยี่ยมยอดสักแค่ไหน แต่สำหรับร่างกายของเจ้าภูติภูเขาใหญ่ยักษ์ตัวนี้ คงไม่อาจเป็นอันตราย

“แกมาหาเรื่องฉัน แล้วทำไมถึงกลายเป็นฉันรังแก แกล่ะ?”

เห็นได้ชัดว่าภูติภูเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แกว่งแขนสองข้างทำท่าจะลงมือ แต่พอก้มลงมองมายังเยี่ยเทียน ก็ยับยั้งอดกลั้นไว้ มันได้รับสตินึกรู้ก่อนภูติต้นไม้มานานมาก รู้ว่าในที่โล่งว่างแห่งนี้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่มันไม่ควรทำ

“ให้ตายสิ ไม่มีเรื่องก็ยังจะแส่หาเรื่องจริงๆ!”

หลังจากได้ยินคำพูดของภูติต้นไม้แล้ว เยี่ยเทียนก็นึกด่าในใจ อย่างไรก็ตามเนื่องจากได้ผลประโยชน์จากภูติต้นไม้ไม่น้อย เยี่ยเทียนจึงไม่อาจแสร้งทำเป็นคนไม่รู้จักกัน พอครุ่นคิดอยู่สักครู่ ก็ตอบว่า

“พวกแกสองคนต่อสู้กัน ฉันจะไม่ช่วยใครทั้งนั้น สู้กันอีกสักรอบ แล้วไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะก็ไม่ต้องตีกันอีกต่อไป เอางั้นไหม?”

“ไม่ได้ ถ้าแกไม่ช่วยข้า ข้าก็สู้มันไม่ได้น่ะสิ!”

พวกภูติเหล่านี้ไหนเลยจะมีเล่ห์เหลี่ยม ภูติต้นไม้โวยวายออกมาทันที ถ้าหากเยี่ยเทียนไม่ยอมร่วมด้วย แล้วมันจะเอาความกล้าหาญจากไหนไปหาเรื่องภูติภูเขา?

“ถ้าแกไม่ช่วยมัน อย่างมันหรือจะเป็นคู่มือของข้าได้?”

ตรงกันข้ามกับเยี่ยเทียน ภูติภูเขากลับหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง วรยุทธ์ของมันสูงกว่าภูติต้นไม้ถึงขั้นหนึ่ง แถมยังอยู่ในเขตพื้นที่ของตน จึงไม่เห็นภูติต้นไม้อยู่ในสายตา

“เอางี้นะเจ้ายักษ์ใหญ่ ฉันจะไม่ช่วยก็ได้ แต่ฉันมีเงื่อนไข!”

เยี่ยเทียนโบกไม้โบกมือ หยุดการถกเถียงของทั้งสอง แม้ตกปากรับคำว่าจะไม่ลงมือไปแล้ว แต่ว่าเยี่ยเทียนกลับรู้จุดอ่อนของภูติภูเขาดี

“เงื่อนไขอะไร?” เจ้าภูติภูเขามองมายังเยี่ยเทียน

เยี่ยเทียนได้ยินแล้วยิ้มออกมา ตอบว่า

“คราวที่แล้วพวกแกต่อสู้กันในดินแดนของแก ดังนั้นคราวนี้ต้องไปที่ดินแดนขอภูติต้นไม้ แบบนี้ถึงจะเรียกว่ายุติธรรมใช่ไหม?”

“ไม่ยุติธรรม ต้องให้พวกเรารุมมันคนเดียว ถึงจะเรียกว่ายุติธรรมต่างหาก!”

ภูติภูเขายังไม่ทันจะพูด ภูติต้นไม้ก็กรีดร้องขึ้นมา ด้วยมันสมองง่ายๆ อย่างมัน จึงไม่คิดว่าการต่อสู้บนสถานที่แตกต่างกันจะมีผลต่อตัวเอง

“ถ้าแกไม่ยอม ฉันก็ไม่ช่วยล่ะ”

สีหน้าของเยี่ยเทียนเคร่งขรึม ขู่ให้ภูติต้นไม้ตกใจกลัวจนต้องหุบปาก เยี่ยเทียนเงยหน้ามองไปยังภูติภูเขา บอกว่า

“ว่ายังไงล่ะ ถ้าหากว่าแกตกลง ก็ว่าตามนั้น ฉันสาบานว่าจะไม่ลงมือเด็ดขาด อีกทั้งคนที่แกเคยเจอคนนั้น ก็จะไม่ลงมือเหมือนกัน!”

“ได้ ฉันตกลง แต่ว่า แกต้องพูดคำไหนคำนั้นนะ!”

คำพูดสุดท้ายของเยี่ยเทียนกระตุ้นภูติภูเขา ขอเพียงคนในอดีตคนนั้นไม่ปรากฎตัว ต่อให้ไปสถานที่ที่ตัวเองเกลียด มันก็ไม่นึกกลัวเจ้าภูติต้นไม้

พูดพลาง ภูติภูเขาก็ลุกขึ้นวิ่งตึงตัง ไปทางชายป่า มันไม่ได้ตั้งใจจะยั่วโมโหเยี่ยเทียน เพียงแต่อยากจะจัดการภูติต้นไม้ให้เร็วที่สุดเท่านั้น

มองไปยังภูติต้นไม้ที่ยังลังเลอยู่ที่เดิม เยี่ยเทียนก็ยิ้มพลางส่งเสียงว่า

“ไม่เป็นไร พอถึงเขตรอบต้นหม่อนโบราณ แกก็แค่ใช้วิธีที่รับมือกับฉัน จัดการเจ้าทึ่มนั่นก็พอแล้ว”

แม้ว่าตอนนี้รอบตัวภูติต้นไม้มีเพียงแค่เถาวัลย์เพียงสิบกว่าเส้นเท่านั้น แต่ถ้าหากตัวอยู่กลางป่า   เมื่อยืมพลังจากต้นหม่อนโบราณ ภูติต้นไม้นั่นก็จะสามารถบังคับเถาวัลย์นับพันหมื่น ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการรับมือเจ้ายักใหญ่อย่างภูติภูเขา

“จริงเหรอ?”

ภูติต้นไม้มองมาทางเยี่ยเทียนอย่างสงสัย แม้ว่าจะยังคงลังเลเล็กน้อย แต่ก็ตามหลังภูติภูเขากลับไปยังชายป่า

“ฉันจะให้แกเห็นความเก่งกาจของฉัน!”

 ทันทีที่เดินมาถึงในป่า ปราณวิเศษธาตุไม้อันเข้มข้นนั้น ก็ทำให้ภูติภูเขารู้สึกวิงเวียนไม่เป็นสุข ปีศาจอย่างพวกมันต่อสู้กัน ย่อมไม่จำเป็นต้องพูดถึงกฎเกณฑ์ในยุทธภพ เมื่อเห็นว่าภูติต้นไม้ก็มาถึงแล้วเช่นกัน ภูติภูเขาจึงควงหมัดทั้งสองกระโจนเข้าใส่

ตอนวัดกำลังกันคราวก่อน เจ้าภูติภูเขาใช้พลังช้างสารทำลายเถาวัลย์ของภูติต้นไม้ จนทำให้ร่างของมันฉีกขาดตามไปด้วย ตอนนี้กลับใช้ลูกไม้เก่าโจมตีด้วยความรวดเร็วอีกครั้ง กำปั้นคู่ขนาดใหญ่เท่าโอ่งนั่น พุ่งเข้าสู่หัวของภูติต้นไม้ราวกับภูเขาลูกย่อม

แต่ว่าเวลานี้อยู่ในเขตแดนของภูติต้นไม้ ความว่องไวของมันเหนือกว่าที่เจ้าภูติภูเขาคาดไว้ ขณะที่หมัดกระแทกลงไป เจ้าภูติภูเขาพลันพบว่า ภูติต้นไม้ที่อยู่ใต้ร่างของตนกลับหายตัวไป

“เจ้ายักษ์ ฉันจะให้แกเห็นความเก่งกาจของฉัน!”

 ภูติต้นไม้ที่ปรากฎตัวห่างออกไปห้าสิบกว่าเมตร เวลานี้นับว่ารู้ซึ้งถึงความหมายจากคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว เถาวัลย์นับสิบเส้นกลายร่างเป็นตาข่ายวงใหญ่ แผ่ขยายลงไปปกคลุมยังภูติภูเขา

“เป็น…เป็นไปได้ยังไง?” พอมองไปยังตาข่ายยักษ์ที่อยู่เหนือหัว ร่างกายงุ่มง่ามของเจ้าภูติภูเขาก็ถอยหลังกรูด ใบหน้าแข็งทื่อนั้น เผยให้เห็นแววแห่งความประหลาดใจ

เดิมทีอยู่บนพื้นที่ของตนเอง เจ้าภูติภูเขาจะสามารถใช้ดินหลบหนีได้ แต่มันพบว่า หลังจากที่มันมาถึงกลางป่าแล้ว พื้นดินกว้างใหญ่เต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิดไม่ใช่สถานที่ที่มันคุ้นเคยอีกต่อไป พลังงานอันไร้รูปร่างจึงถูกตัดขาดออกจากความสัมพันธ์ระหว่างมันกับผืนดิน

โดยไม่รอให้ภูติภูเขาคิดอะไรมาก ตาข่ายผืนใหญ่นั่นก็ห่อหุ้มเรือนร่างใหญ่ยักษ์ของมันเอาไว้ เจ้าภูติภูเขาผู้ไม่ยอมศิโรราบดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง บังเกิดเสียง “ครืดๆ” ดังบนผิว แล้วจึงดึงเถาวัลย์ที่อยู่ด้านในสุดสิบกว่าเส้นขาดออกจากกัน

แต่ในพื้นที่รอบด้านซึ่งปกคลุมไปด้วยต้นหม่อนโบราณ ภูติต้นไม้เป็นคู่ปรับของภูติภูเขาอย่างแท้จริง ไม่ทันรอให้มันหนีพ้นออกมาจากตาข่ายเถาวัลย์ใหญ่ยักษ์ เส้นเถาวัลย์นับร้อยก็พุ่งเข้าปกคลุมร่างของเจ้าภูติภูเขาอีกครั้ง ห่อหุ้มมันราวกับเป็นบ๊ะจ่าง

เวลาเดียวกันนั้นเอง ปรากฎเสาไม้ขนาดใหญ่สิบเจ็ดสิบแปดต้นกลางอากาศ ร่วงลงมาจากที่สูงพร้อมเสียงหวีดหวิว ขณะที่กำลังจะสัมผัสถูกตาข่ายยักษ์จากเถาวัลย์ เถาวัลย์เหล่านั้นก็พลันกระจัดกระจายออก ปรากฎร่างของเจ้าภูติภูเขาออกมา

“ตึง…ตึงๆ!”

เสียงกระแทกกระทั้นหนักหน่วงดังขึ้นติดต่อกัน เสาไม้แต่ละต้นพุ่งเข้าใส่ร่างภูติภูเขาอย่างจัง แรงอัดอย่างหนักหน่วงดันภูติภูเขาให้ล้มลงนั่งกับพื้น หินตรงส่วนข้อต่อบนเรือนร่าง ปรากฎรอยแยกออกมาไม่น้อย

“ตึง…ตึงๆ!” การโจมตียังดำเนินต่อ ส่งผลให้ภูติภูเขาไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป ในที่สุด ร่างมหึมานั่นจึงแตกสลายกลายเป็นหินก้อนเล็ก ๆ กลิ้งหล่นลงมาจากเรือนร่างแล้วกลายเป็นกองเศษหินในเวลาไม่นาน

“ฮ่าๆๆ ฉันชนะแล้ว แกพูดไม่ผิดเลย พออยู่ที่นี่มันก็ไม่ใช่คู่มือของฉันอีกต่อไป!”

หลังจากภูติภูเขาแตกสลายเป็นชิ้นแล้ว ภูติต้นไม้ก็ยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ แต่ว่ามันก็ไม่ได้โจมตีภูติภูเขาตัวนั้นต่อ แต่กลับม้วนเก็บเถาวัลย์ขึ้นไป ภูติต้นไม้มักขี้อายใจอ่อนเสมอมา ถ้าหากบนร่างของเยี่ยเทียนไม่มีกลิ่นอายชนิดเดียวกับตนเองที่ถูกเขาดูดซับไว้ ภูติต้นไม้ก็คงจะไม่เข้าโจมตีเยี่ยเทียนก่อน

“เจ้าปีศาจแห่งแดนพฤกษาเหล่านี้ สมกับที่อยู่ในเขตได้เปรียบจริงๆ!”

เยี่ยเทียนที่ยืนดูการต่อสู้อยู่ไม่ไกลยังสัมผัสได้ว่า เจ้าภูติภูเขานั่นไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสใดๆ หินก้อนเล็กก้อนน้อยเหล่านี้เป็นเพียงตัวพยุงร่างชั่วคราวเท่านั้น รอให้กลับไปยังพื้นที่ของมันเมื่อไหร่ ก็สามารถก่อร่างที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีกได้ตลอดเวลา

ตามคาด เสียงของภูติต้นไม้เพิ่งจะเงียบลง เศษหินเหล่านั้นก็เริ่มก่อตัวกันเป็นภูติภูเขาใหม่ขึ้นมาอีกครั้งราวกับมีชีวิต เพียงทว่าสภาพออกจะดูอ่อนล้านิดหน่อย เมื่ออยู่ในเขตของไม้ พวกมันจึงไม่ได้รับพลังหนุนจากปราณวิเศษแห่งธาตุดิน

เจ้าภูติภูเขาเหลือบมองเยี่ยเทียนอย่างหมดแรง เอ่ยเสียงอู้อี้

“สู้จบแล้ว ฉันกลับได้หรือยัง?”

นับว่าเจ้าภูติภูเขายังรับความจริงได้ เมื่อในอดีตเขาอัดร่างภูติต้นไม้จนฉีกขาด มาตอนนี้ร่างของตัวเองถูกโจมตีจนแตกสลาย ทั้งสองจึงนับว่าหายกัน แน่นอนว่า หากเยี่ยเทียนไม่ได้อยู่ตรงนี้ เขาก็คงไม่ว่าง่ายแบบนี้

เยี่ยเทียนพยักหน้า ตอบว่า

“แน่นอนว่ากลับได้เลย แต่คนคนนั้นเขาให้ฉันมาหาแกเพื่อของบางอย่าง!”

เบื้องหน้าคือท่อนไม้ตะปุ่มตะป่ำ กับหินหนึ่งก้อน ถ้าหากเยี่ยเทียนไม่ใช้หนังเสือแสร้งทำเป็นธงเพื่อขู่กรรโชกเอาของสักอย่าง ก็คงเป็นสิ่งมีชีวิตอันชาญฉลาดแต่ไร้ความสามารถเต็มที

“คนผู้นั้นต้องการอะไรล่ะ?”

ภูติภูเขามองมายังเยี่ยเทียนด้วยสีหน้าหงุดหงิด ถ้าหากไม่กลัวคนในอดีตคนนั้น เขาคงต่อยเยี่ยเทียนไปสักหมัดนานแล้ว

“พลอยวิเศษ พลอยวิเศษที่สามารถแผ่ปราณวิเศษธาตุดิน!”

เยี่ยเทียนพูดออกมาตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม

“ของนั่นหรือ? ก็ได้  งั้นแกตามฉันมาหยิบเอาไป!”

หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ภูติภูเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“แกรู้จักของชิ้นนี้ด้วยหรือ?”

เห็นสีหน้าของภูติภูเขาแล้ว เยี่ยเทียนกลับประหลาดใจขึ้นมา

“อืม คนเมื่อในอดีตนั่นเคยพูดถึง ทำไมตอนนั้นไม่เอา จะมาให้แกเอาไปตอนนี้นะ?”

ภูติภูเขาพึมพำประโยคหนึ่ง แต่ด้วยสติปัญญาของมัน จึงเห็นได้ชัดว่าไม่อยากครุ่นคิดให้ลึกซึ้ง ร้องเรียกเยี่ยเทียน แล้วยกขาขึ้นก้าวไปบนก้อนหินที่อยู่ห่างไปไม่ไกล กระทืบฝ่าเท้าเหยียบดอกไม้ใบหญ้าตายด้วยความขุ่นเคือง

ภูติต้นไม้แม้ใสซื่อ แต่ก็เข้าใจว่าหากตนไปยังดินแดนแห่งดินด้วย จะต้องโดนรังแกอย่างแน่นอน เมื่อเห็นเยี่ยเทียนมองมาทางตนเอง จึงรีบตอบว่า

“ฉันไม่ชอบไปที่นั่น แกเอาของมาได้แล้ว ค่อยมาหาฉันที่นี่ก็แล้วกัน!”

“ได้ แกอย่าออกมาจากเขตต้นไม้โบราณนี่ล่ะ ไม่อย่างนั้นมีหวังสัตว์ต่างๆ ที่อยู่ด้านนอกคงทำให้แกกลัวหัวซุกหัวซุน”

เยี่ยเทียนพยักหน้า คิดถึงสัตว์พิสดารเหล่านั้นที่อยู่บนเกาะนี้แล้ว ปีศาจเหล่านี้ยังใจดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด เยี่ยเทียนยังไม่อยากให้พวกมันถูกสัตว์ประหลาดพวกนั้นกลืนกินต้นกำเนิดไป

หลังจากบอกลาภูติต้นไม้ เยี่ยเทียนก็ตามหลังภูติภูเขาไปติดๆ ถึงแม้เขาจะใช้เคล็ดวิชาย่อพสุธา ก็ยังตามไม่ทันฝีก้าวของเจ้าภูติภูเขา ที่ก้าวเพียงครั้งเดียวไปไกลนับได้หลายกิโลเมตร

“สุดยอดเลย ในเขตพื้นที่นี้ น่ากลัวว่าสัตว์ประหลาดระดับจินตันคงไม่ครณามือเจ้านี่กระมัง?”

เยี่ยเทียนตรวจสอบรอยเท้าของภูติภูเขาอย่างละเอียด ยิ่งพินิจก็ยิ่งประหวั่นพรั่นพรึง เจ้าภูติภูเขาดูราวจะสามารถเปลี่ยนแปลงขนาดพื้นดินใต้ร่างตนเองได้ รอยเท้าก้าวหนึ่งที่ดูไม่ใหญ่โตนัก กลับทำให้ภูเขาและแม่น้ำเปลี่ยนรูปร่าง ทั้งความเร็วยังน่าพรั่นพรึง

……………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด