หมอดูยอดอัจฉริยะ 873 กลืนกิน

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 873 กลืนกิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อย่าให้มันมากเกินไป คนแซ่เยี่ย แกกับฉันไม่เคยมีบุญคุณความแค้นต่อกัน ทำไมต้องถึงกับฆ่ากันด้วย?”

จนถึงตอนนี้จิตดั้งเดิมถูกกักกันเอาไว้ เหอปู้อวี่ถึงจะรู้สึกถึงความกลัวในใจ เขาฝึกเต๋ามาสามร้อยกว่าปี จิตดั้งเดิมหนักแน่นนักหนา แต่เมื่อจิตออกจากร่างกาย ดวงจิตจะสามารถดำรงอยู่ได้แค่สิบกว่าวันเท่านั้น

ถ้าในสิบกว่าวันนี้ช่วงชิงร่างคนอื่นมาได้ เหอปู้อวี่จะต้องอยู่อย่างอดสูไปอีกหลายปี คนเราอายุยิ่งยืนยิ่งรักชีวิต ต่อให้การช่วงชิงร่างอื่นจะทำให้เขาต้องแลกกับตบะที่ฝึกมาเป็นร้อยปี แต่อย่างน้อยเขายังอยู่บนโลกได้อีกหลายสิบปี

“น้องเยี่ย แกกับฉันแค่ทดสอบวิชากันเฉยๆ กายหยาบของฉันสูญไปแล้ว ดวงจิตนี้ก็อยู่ได้อีกไม่กี่วัน ไม่ต้องบังคับขู่เข็ญกันปานนี้หรอก?”

คำพูดของเหอปู้อวี่ขอความเห็นใจ เขาอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ มองดูแล้วเหมือนเยี่ยเทียนไม่รู้ว่ามีวิธีแย่งชิงร่างจากคนอื่นได้

“พี่เหอ ฉันทำลายร่างของพี่ แล้วจะปล่อยดวงจิตของพี่เอาไว้ ให้กลับมาล้างแค้นฉันทีหลังหรือ?”

เยี่ยเทียนใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่ในถ้อยคำแสดงถึงการคุกคามเอาชีวิต ถ้าเหอปู้อวี่ได้ร่างใหม่แล้ว ระดับญาณของเขาลดลงฮวบฮาบ ไม่มีทางเป็นอันตรายต่อเยี่ยเทียนได้อีก แต่เหอปู้อวี่ที่ได้ร่างใหม่มาจะหันไปทำร้ายครอบครัวของเขาได้ไม่มีปัญหา เยี่ยเทียนไม่มีทางเหลือเสี้ยนหนามเอาไว้

“แต่….”

จู่ๆ เยี่ยเทียนกลับคำ

“ถ้าพี่เหอพอจะบอกฉันเรื่องเกี่ยวกับดินแดนแห่งทวยเทพว่า พี่เป็นศิษย์ของสำนักไหน ฉันจะไม่บีบบังคับให้มากเกินงาม แล้วก็จะไม่ลงมือกับพี่เหออีก”

ปีก่อนมีการปรากฏตัวของติงหง ปีนี้ยังมาเจอเหอปู้อวี่อีก ทั้งสองคนต่างมาจากดินแดนแห่งทวยเทพ เยี่ยเทียนรู้สึกไม่วางใจเพราะคนพวกนี้ต่างเป็นคนที่เก่งกาจทั้งนั้น การมีปัญหากับพวกเขาจะทำให้เดือดร้อนไปถึงครอบครัวได้

ดังนั้นเขาจึงอยากรู้เรื่องราวของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เยี่ยเทียนจึงถามออกไป แน่นอนว่าแม้เหอปู่อวี่จะเล่าให้เยี่ยเทียนฟังในเรื่องที่เขาอยากรู้ เยี่ยเทียนก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปอยู่ดี ตัวเองไม่ลงมือเอง ไม่ได้หมายความว่าศิษย์พี่ใหญ่จะไม่ลงมือ

เสียงของเยี่ยเทียนยังไม่ทันขาดคำ วานรขาวที่ถือไม้กระบองเหล็กอันใหญ่ยืนอยู่ข้างๆเยี่ยเทียนตะโกนออกมา

“เยี่ยเทียน ให้เขาบอกออกมาว่าเจ้านายของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

เมื่อก่อนพอเห็นกระบี่สั้นที่ตกทอดกันมาในตระกูลซือคงนั้น วานรขาวไม่ได้คิดมากไปเอง แต่ตอนที่ตาข่ายฟ้าดินเฉียนคุน ปรากฏออกมานั้น มันก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ของสิ่งนี้เป็นของวิเศษมีฤทธิ์คุ้มครองของตระกูลซือคง ไม่มีทางส่งต่อไปสู่มือคนอื่น

“พี่เหอ พี่ดูสิ ไม่ใช่ว่าฉันบังคับพี่หรอกนะ!”

เยี่ยเทียนยิ้มเยาะออกมา

“พี่เล่าออกมาแต่โดยดีเถอะ หรือจะให้ฉันต้องลงมือ?”

เมื่อเข้าถึงระดับเซียนเทียนได้ ผู้ฝึกต้องให้ความสำคัญกับการฝึกจิตดั้งเดิม พวกเขาสามารถปิดผนึกการรับรู้ทั้งหกของร่างกายได้ ดังนั้นความรู้สึกเจ็บปวดนั้นไม่มีความหมายเลย อย่างเช่นตอนที่เยี่ยเทียนทำลายร่างของเหอปู่อวี่นั้นเขาไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด

เมื่อเป็นเช่นนี้ เพื่อการลงโทษศัตรู ในโลกของเทพเซียนก็มีวิธีการควบคุมและทรมานจิตดั้งเดิมเหมือนกัน เยี่ยเทียนเคยอ่านวิธีพวกนี้มาจากบันทึกของจางซันเฟิง แต่ยังไม่เคยใช้กับใครมาก่อน ตอนนี้เป็นโอกาสเหมาะที่จะนำมาลองใช้

“ถ้าแกยังบังคับฉันอีก ฉันจะระเบิดจิตดั้งเดิมของตัวเองเสีย แกจะไม่มีทางรู้ในสิ่งที่อยากรู้!”

คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้เหอปู้อวี่หมดหวัง เขาไม่ฉลาดเจ้าเล่ห์เท่า ตบะญาณก็ด้อยกว่า อยู่มาได้สามร้อยกว่าปีกลับถูกเยี่ยเทียนปั่นหัวหยอกเล่นเอาได้ เหอปู้อวี่ตอนนี้อยากจะระเบิดตัวเองทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

“เอ๋? มีเรื่องยุ่งยากเข้ามาอีกแล้ว!”

เยี่ยเทียนเลิกคิ้ว เขารู้ว่าเหอปู้อวี่มองออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาขอยอมตายเสียดีกว่าที่จะบอกเรื่องในดินแดนแห่งทวยเทพให้ตนฟัง

“เอาเถอะ พี่เหอขอสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น ฉันจะส่งพี่ออกเดินทางเอง!”

เยี่ยเทียนฆ่าคนอย่างง่ายดาย เมื่อไม่ยอมเอ่ยปากพูด เขาก็จะไม่ใจอ่อนให้ เยี่ยเทียนดีดนิ้วมือขวา มีดบินอู๋เหินที่ลอยอยู่กลางอากาศก็เกิดเสียงดังขึ้น

“โฮก!”

ตอนที่เยี่ยเทียนซัดมีดบินอู่เหิงไปที่จิตดั้งเดิมของเหอปู้อวี่นั้น เจ้าสิงห์ขนทองที่อยู่ไม่ไกลมาก ได้คำรามออกมา แล้วทะยานตัวไปข้างหน้า บังลำแสงที่พุ่งเข้าไปหาเหอปู้อวี่ ทำให้คำสั่งที่เยี่ยเทียนใช้จิตผูกมัดเหอปู้อวี่ไว้ขาดสะบั้นลง

“เจ้าบ้า แกจะทำอะไร?”

เยี่ยเทียนคิดไม่ถึงว่าสิงห์ขนทองจะทำลายค่ายกลที่เขาสะกดเอาไว้ได้ เยี่ยเทียนร้อนใจขึ้นมาทันที คิดอยากสร้างค่ายกลใหม่อีกครั้งแต่ไม่ทันแล้ว

ตรงข้ามกับเยี่ยเทียน เหอปู้อวี่ที่คิดว่าตนเองต้องไม่รอดแน่ กลับลิงโลดดีใจ เมื่อหลุดจากพันธนาการ จิตดั้งเดิมพุ่งทะยานหลบไป ไม่มีกายหยาบเป็นตัวถ่วงความเร็ว จิตดั้งเดิมพุ่งตัวไปได้เร็วมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยเทียนเตรียมการมาก่อน คงไม่สามารถหน่วงเหนี่ยวเหอปู้อวี่เอาไว้ได้

“โฮก!”

ตอนที่เหอปู้อวี่เริ่มใจชื้นขึ้นอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธของสิงห์ขนทองดังมาข้างหู ตามมาด้วยแรงดึงดูดอันมหาศาล ที่ดึงจิตดั้งเดิมของเขาให้บินถอยหลังกลับไป

“ไม่….ทำไมเป็นอย่างนี้?”

เหอปู้อวี่หันหลังกลับมามอง แค่ชั่วพริบตาเดียวเขาก็ตกใจจนสติเกือบหลุด เพราะว่าแรงดึงดูดนั้นมาจากปากของเจ้าสิงห์ขนทองนั่นเองที่ทำให้เขาลอยกลับไป มองดูแล้วปากของมันก็ไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่

“แก…แกเป็นสัตว์วิเศษในตำนาน สิงห์ขนทอง!”

มาถึงระยะห่างจากปากของสิงห์ขนทองเหลือแค่ห้าหกเมตร เหอปู้อวี่ถึงจะดึงสติกลับมาได้ ความเสียใจภายหลังของเขามีมากจนล้นมหาสมุทร ถ้ารู้มาก่อนว่าเยี่ยเทียนจะพาสิงห์ขนทองมาด้วย ต่อให้เขาจะใจกล้ามากกว่านี้สิบเท่า ก็คงไม่กล้ามาลอบกัดเยี่ยเทียน

เพียงแต่ว่าเจ้าสิงห์ขนทองตัวนี้กับสัตว์ประหลาดที่โตเต็มวัย ขนาดยังต่างกันมาก เหอปู้อวี่เคยเห็นรูปสัตว์ในตำนานอย่างสิงห์ขนทองในตำราโบราณ แต่ไม่คิดว่าเจ้าหนุ่มคนนี้จะไปเกี่ยวข้องกับสัตว์โบราณ ตอนนี้ถึงจะรู้ว่าไม่ควรก็ต่อเมื่อสายเกินไปแล้ว

อีกอย่างเหอปู่อวี่ไม่มีโอกาสร้องขอชีวิต แรงดูดจากปากเล็กๆนั่น สูบจิตดั้งเดิมของเหอปู่อวี่เข้าไปเรียบร้อยแล้ว แรงสั่นสะเทือนจากดวงจิตที่แตกดับแผ่ออกมา เหอปู้อวี่จบชีวิตลงอย่างบริบูรณ์

“เอ้อ แก….แกกินจิตดั้งเดิมของเขาเข้าไปแล้วหรือ?”

เยี่ยเทียนที่กำลังวางค่ายกลได้ครึ่งๆกลางๆ ได้แต่มองตาค้าง เขานึกขึ้นมาได้ว่า สิงห์ขนทองถูกบันทึกลงในตำราสัตว์วิเศษโบราณนั้น ไม่เพียงแต่พละกำลังของมันที่มีมหาศาล มันยังมีพลังทิพย์อีกอย่าง

พลังทิพย์นี่คือมันสามารถกลืนกินดวงวิญญาณร้าย ไม่ว่าจะเป็นของสัตว์หรือของคน ต่างเป็นของบำรุงชั้นดีสำหรับมัน จิตดั้งเดิมเป็นดวงวิญญาณชนิดหนึ่ง สิงห์ขนทองเป็นดาวเคราะห์ เหอปู้อวี่จึงถูกมันกลืนดวงจิตเข้าไปจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลก

“ร้ายกาจ จิตดั้งเดิมที่ฝึกถึงระดับเซียนเทียนขั้นสูงยังถูกมันกินได้….”

ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังจุ๊ปากกับความแปลกประหลาดอยู่ ร่างของเจ้าซวนสิงห์โงนเงนไปมาเหมือนเมาสุรา เยี่ยเทียนยังไม่ทันตั้งตัว มันก็ฟุบลงไปนอนกับพื้น

“เอ๋? อะไรกันนี่?”

เยี่ยเทียนยื่นมือออกไปประคองได้ทันไม่ให้หัวของมันกระแทกพื้น เขารั้งร่างของมันไว้ ใช้ดวงจิตสืบดูบนร่างของสิงห์ขนทองกลับพบว่าในร่างของมันมีจิตนึกรู้หนึ่งที่แข็งแกร่งมาก

“เยี่ยเทียน มันคือสิงห์ขนทองจริงๆหรือ?”

ตอนนี้วานรขาวได้โดดเข้ามาร่วมวงด้วย สายตาที่มองดูมันมีแววหวาดกลัว สิงห์ขนทองเป็นสัตว์ในตำนาน ถือเป็นราชาแห่งสัตว์ทั้งหลาย ในเลือดของมันมีพลังความแข็งแกร่งซ่อนอยู่ แม้ตบะของวานรขาวจะสูงกว่าสิงห์ขนทอง แต่ในใจก็ยังแอบหวั่นเกรงอยู่

“ใช่ ฉันเคยพบกับพ่อแม่ของมัน เป็นสิงห์ขนทองแน่นอน”

เยี่ยเทียนพยักหน้า มองไปทางวานรขาว

“พวกแกเป็นสัตว์วิเศษเหมือนกัน รู้ไหมว่าตอนนี้มันเป็นอะไร? มีอันตรายไหม?”

สิงห์ขนทองถึงจะดุร้าย แต่มันกลับปฏิบัติต่อเยี่ยเทียนอย่างอ่อนโยน เยี่ยเทียนยังเคยติดค้างหนี้บุญคุณพ่อแม่ของมัน ตอนนี้เยี่ยเทียนจึงกังวลมาก

“มันยังเด็ก ตอนนี้น่าจะเป็นเพราะกินจิตดั้งเดิมเข้าไป….”

วานรขาวแสดงท่าทีอิจฉา มันเกิดมาหลายสิบปีถึงจะมีดวงจิตวิเศษ หลังจากนั้นอีกร้อยปีถึงจะฝึกได้จิตดั้งเดิม นี่ถือว่าก้าวหน้าอย่างรวดเร็วถ้าเทียบกับสัตว์เดรัจฉานทั่วไป แต่เจ้าสิงห์ขนทองตัวน้อยนี้เกิดมาเพียงไม่กี่ปี ก็ได้จิตดั้งเดิมแล้ว ความแตกต่างที่ชัดเจนทำให้วานรขาวอดอิจฉาไม่ได้

“อ้อ? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรรบกวนมัน!”

เยี่ยเทียนได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า นำร่างของสิงห์ขนทองไปวางไว้ใต้ต้นไม่ คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หยิบพลอยวิเศษธาตุไม้ออกมาวางไว้ที่เท้าหน้าของมัน เพราะตอนที่เหอปู้อวี่ยิงธนูทำให้เจ้าสิงห์ขนทองได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

“เจ้านี่สมควรตาย แต่แกทำยังไงกับเจ้านายของข้า?”

เยี่ยเทียนจัดการสิงห์ขนทองเรียบร้อย วานรขาวก็พุ่งตัวเข้าไปที่ร่างของเหอปู้อวี่ มันดูหงุดหงิดดุร้ายผิดปกติ ตอนนี้เหอปู้อวี่ก็ตายไปแล้ว ไม่มีทางตอบคำถามมันได้ เจ้าวานรขาวใช้กระบองทุบตีร่างของเหอปู้อวี่จนเละเทะ

“นี่วานรขาว คนตายไปแล้ว อย่าลบหลู่ร่างของเขาอีกเลย”

เยี่ยเทียนส่ายหัวเล็กน้อย คำโบราณว่าไว้ ปลาหมอตายเพราะปาก หินวิเศษธาตุไม้ที่เขานำออกมานั้นยังรู้สึกได้ถึงพลังจิตสังหารที่หลงเหลือของเหอปู้อวี่ เหอปู้อวี่คิดไม่ถึงว่าคนหนุ่มอย่างเยี่ยเทียนจะฉลาดหลักแหลมมากกว่าตน ในโลกมนุษย์ช่างโสมยิ่งกว่าดินแดนแห่งทวยเทพที่เขาเคยอยู่มา

“พี่วานรขาว ของวิเศษนี้น่าจะเป็นของที่ตกทอดในตระกูลของเจ้านายของพี่ เก็บรักษาไว้เถอะ”

เยี่ยเทียนมอบ ตาข่ายฟ้าดินเฉียนคุนให้แก่วานรขาว จากนั้นก็ยืนอยู่ข้างร่างไร้วิญญาณของเหอปู้อวี่ สิ่งที่ถูกสิงห์ขนทองฉีกทำลายได้ เยี่ยเทียนไม่เห็นอยู่ในสายตา เขาพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้งว่าบนร่างนั้นยังมีของวิเศษหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่

เมื่อรับตาข่ายฟ้าดินเฉียนคุนมาแล้ว วานรขาวหลบออกไปด้านข้างอย่างรู้งาน ถึงมันจะอารมณ์รุนแรง แต่กลับไม่สำนึกตัวเอง วันนี้ถ้าไม่คำพูดของเยี่ยเทียนเตือนไว้ ตัวมันคงต้องตายด้วยน้ำมือของเหอปู้อวี่ ต่อให้เยี่ยเทียนเก็บตาข่ายฟ้าดินเฉียนคุนไป เจ้าวานรขาวก็จะไม่ว่าอะไรสักคำ

“ให้ตายเถอะ ยากจนข้นแค้นอะไรขนาดนี้? ไม่มีพลอยวิเศษเลยสักชิ้นเดียว!”

ดวงจิตของเยี่ยเทียนสำรวจไปตามร่างกายของเหอปู้อวี่ แล้วก็ต้องพรั่งพรูคำสบถออกมา

………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด