หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 13 : นายหญิง 7 ราตรี

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 13 : นายหญิง 7 ราตรี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 13 : นายหญิง 7 ราตรี         

จางเถียนเจียน แม่ทัพแห่งอาณาจักรเหมันต์แดนใต้ วรยุทธของเขาอยู่ระดับบัวภายในขั้นที่ 5 มีความเชี่ยวชาญในวิถีแห่งกระบี่ระดับสูง และมีทหารภายใต้อำนาจอยู่กว่า 3 แสนนาย

จางเถียนเจียนแต่งกายด้วยเสื้อคลุมผ้าฝ้ายสีน้ำเงิน มีผ้าไหมสีขาวคาดหน้าผาก และปล่อยสยายผมยาวสีดำไว้ ท่าทางการยืนของเขาช่างสง่างามพร้อมด้วยใบหน้าอันแสนเย็นชาและหยิ่งยโส เขายืนกอดอกไว้ในขณะที่มือซ้ายจับฝักดาบ

เมื่อเขาเหลือบไปมองกลุ่ม 17 อสูรวายุทองคำแล้วก็ถอนหายใจอย่างรำคาญเบา ๆ

กลุ่ม 17 อสูรวายุทองคำเป็นพวกชั่วร้ายที่อาณาจักรยิ่งใหญ่มากมายพยายามที่จะกำจัด แต่น่าเสียดายที่คราวนี้จางเถียนเจียนมาเพื่อชิงวิหคมังกรเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไล่ตามล่าพวกมันไปแล้ว

เมื่อนึกถึงวิหคมังกร เขาก็เริ่มรู้สึกร้อนรุ่มใจทันที

หากวิหคมังกรถูกฝึกให้เชื่องได้ อาณาจักรเหมันต์แดนใต้ก็จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

ถ้าเอาปีศาจแบบนี้เข้าสู่สนามรบด้วยล่ะก็ มันจะกลายเป็นเครื่องจักรสังหารอย่างแน่นอน

กลุ่ม 17 อสูรวายุทองคำก็สังเกตเห็นจางเถียนเจียนเช่นกัน

พวกมันเริ่มหัวเราะเยาะก่อนจะตั้งใจพูดเสียงดังเพื่อเยาะเย้ยจางเถียนเจียน

“ใครจะไปคิดว่าท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิจะมาแข่งกับพวกเราแบบนี้เนี่ย”

“ชู่! อย่าพูดดังสิ เจ้านั่นมันจางเถียนเจียน จอมยุทธผู้ทรงพลังในวิถีแห่งกระบี่เชียวนะ ถึงเเม้ว่าเขาจะโดนจักรพรรดิกระบี่ปฎิเสธรับเป็นศิษย์ก็เถอะ เเต่เจ้านั่นก็ยังเก่งอยู่ดีแหละ”

“ฮ่า ๆ มันคงคิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์ในวิถีแห่งกระบี่มากสินะ แต่สุดท้าย เจ้านั่นก็โดนจักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจวดูถูกซะเละเลยหนิ ว่ามันน่ะ ไม่มีพรสวรรค์ในวิถีแห่งกระบี่เลยสักนิด”

“นี่เจ้าอยากตายรึไง? เจ้านั่นก็สู้คนได้นเ แต่ไม่ใช่สู้ซึ่ง ๆ หน้าอยู่ดี ฮ่า ๆ!”

“ข้าชักไม่แน่ใจซะแล้วว่าเนื้อของจอมยุทธกระบี่เนี่ยมันจะอร่อยรึเปล่านะ”

จางเถียนเจียนรู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้น และเขาทำท่าเหมือนกำลังจะชักดาบออกมา

สิ่งที่น่าอับอายมากที่สุดในชีวิตคือการที่เขาถูกจักรพรรดิกระบี่ปฎิเสธ

เมื่อ 15 ปีก่อน เขาได้บรรลุจิตแห่งดาบ และเคยกวาดล้างประเทศศัตรูจนได้รับชัยชนะมาแล้วมากมาย ชื่อเสียงของเขาดังกระฉ่อนไปทั่วทวีป ซึ่งนั่นทำให้เขามั่นใจในความสามารถของตนมาก จึงได้ไปขอเป็นศิษย์ของจักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจว

แต่ช่างน่าเสียดายที่จักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจวปฎิเสธเขาต่อหน้าผู้คนมากมาย เเล้วกล่าวว่าเขาไม่มีพรสวรรค์มากพอที่จะก้าวเดินในวิถีเเห่งดาบ เเละยังบอกอีกว่าเขาหวังสูงมากเกินไป

หลังจากนั้นเขาก็กลับอาณาจักรเหมันต์แดนใต้ไปพร้อมกับความอับอาย ก่อนจะกลายมาเป็นแม่ทัพในที่สุด

นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เขากลายเป็นตัวตลกสำหรับหลาย ๆ คน ถึงแม้จะผ่านมานานกว่า 15 ปี ก็ยังมีคนพูดถึงบ้างในบางครั้ง

จางเถียนเจียนไม่กล้าเกลียดจักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจว เพราะจักรพรรดิกระบี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่านัก

แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้กลัวกลุ่ม 17 อสูรวายุทองคำเลยสักนิด

กลับกัน ในสายตาของเขา 17 อสูรวายุทองคำก็เป็นได้แค่กลุ่มคนที่ตายไปแล้ว

ในขณะที่พวกเขาเห็นว่าจางเถียนเจียนใกล้จะระเบิดอารมณ์ออกมาเต็มที กลุ่ม 17 อสูรวายุทองคำก็เริ่มเปลี่ยนเรื่อง

อย่างที่เห็น พวกเขาก็ยังคงกลัวจางเถียนเจียนอยู่ดี และพวกเขาก็ไม่ต้องการให้คนอื่นมาใช้ความขัดแย้งระหว่างพวกเขานี้ให้เกิดประโยชน์ในการล่าวิหคมังกร

และแล้วเวลาก็ผ่านไป

เสียงคำรามของวิหคมังกรเริ่มอ่อนแรงลง แม้แต่ออร่าปีศาจที่ห่อหุ้มป่าเอาไว้ก็เริ่มอ่อนแอลงเช่นกัน

ในที่สุด ใครบางคนก็ไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป

ชายคนนั้นว่องไวราวกับนกนางแอ่น เขาพุ่งตัวขึ้นมาเหนือป่า และเหยียบหน้าผาขึ้นไปราวกับมันเป็นเพียงพื้นราบเรียบ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปยังยอดเขา

คนอื่น ๆ ที่เห็นแบบนั้นจึงเริ่มเคลื่อนไหวทันที เช่นเดียวกับจางเถียนเจียนและกลุ่ม 17 อสูรวายุทองคำ พวกเขาทั้งหมดรีบวิ่งขึ้นไปข้างบน

ในการแข่งขันแย่งชิงวิหคมังกรนี้ กลุ่ม 17 อสูรวายุทองคำได้ยกพวกไปทั้งหมด จึงทำให้ไม่เหลือใครสักคนเฝ้าโจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยไว้เลย

ภายในป่า

โจวฉวนจีมองขึ้นไปผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ เขาเห็นเหล่าจอมยุทธวิ่งขึ้นไปบนยอดเขาคนแล้วคนเล่า บ้างก็ขี่ดาบลอยขึ้นไป บ้างก็วิ่งขึ้นผาไป แต่ละคนค่อย ๆ แสดงความสามารถที่แท้จริงของตนออกมา มันช่างเป็นฉากที่อลังการยิ่งนักเมื่อได้เห็น

“เจ้าพวก 17 อสูรวายุทองคำขึ้นไปหมดรึยัง?” เขาถามในใจ

ความสามารถของจิตวิญญาณแห่งดาบไม่ได้จำกัดอยู่แค่การอธิบายวิธีใช้ระบบยอดดาบในตำนานเท่านั้น แต่มันยังช่วยเฝ้าระวังสถานการณ์โดยรอบให้เขา และยังคอยวิเคราะห์ความแปรปรวนทางอารมณ์ของคนอื่น ๆ ให้ด้วยเช่นกัน

“ไม่พบร่องรอยของพวกเขาในรัศมี 500 เมตร” จิตวิญญาณแห่งดาบตอบอย่างรวดเร็ว โจวฉวนจีจึงหยิบดาบมังกรสีชาดออกมาทันที

ดาบในตำนานของระบบยอดดาบในตำนานสามารถใช้งานได้ดั่งใจนึก มันช่างสมบูรณ์แบบในสถานการณ์แบบนี้ซะจริง

เขาสั่งให้ดาบมังกรสีชาดตัดเชือกสีแดงที่มัดเขาไว้ราวกับตัดเส้นผม

เจียงฉือน้อยถอนหายใจอย่างโล่งอกและตบหน้าอกของเธอ เธอพยายามใจเย็นลง และบ่นพึมพำ “เรารีบวิ่งกันเถอะ”

โจวฉวนจีพยักหน้าก่อนจะกระโดดขึ้นดาบมังกรสีชาด จากนั้นเขาก็เอื้อมมือดึงเจียงฉือน้อยขึ้นมา

เขาควบคุมดาบและเตรียมบิน!

ถึงแม้ว่าเขาไม่รู้วิชาดาบบิน แต่การบินด้วยดาบในตำนานนั้น เขาสามารถสั่งผ่านจิตใจได้อย่างง่ายดาย

2 ปีก่อน เขาไม่เพียงแต่ฝึกวรยุทธ์ด้วยปราณภายในเท่านั้น

เขายังฝึกการย้ายพลังวิญญาณไปยังพื้นรองเท้าเขา เพื่อใช้เป็นสื่อกลางยึดตัวเขาไว้กับดาบมังกรสีชาด และยังใช้ยึดตัวเจียงฉือน้อยไว้ได้ด้วยเช่นกัน และเขาก็เริ่มบินร่อนผ่านป่าไป

แต่ดาบมังกรสีชาดไม่ได้บินด้วยความเร็วสูงนัก แค่จอมยุทธระดับสร้างรากฐานธรรมดา ๆ ก็สามารถไล่จับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย นับประสาอะไรกับจอมยุทธทรงพลังระดับบัวภายใน

“อ๊าาา—”

แต่ก่อนที่โจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยจะได้ออกจากป่า ก็มีเสียงกรีดร้องอันน่าสังเวชดังลอยมาจากท้องฟ้าเหนือป่า

และลมพายุรุนแรงก็พัดตามมา ต้นไม้เอนซ้ายขวาด้วยแรงลม และฝุ่นมากมายก็พัดวนขึ้นไปบนท้องฟ้า

โจวฉวนจีรีบบินขึ้นทันทีด้วยดาบมังกรสีชาด เพราะเขาไม่อยากโดนต้นไม้ทับตายเสียก่อน

ใบไม้กลายเป็นเหมือนใบมีดที่บาดไปทั่วร่างของโจวฉวนจีและเจียงฉือน้อย

ยังดีที่โจวฉวนจีมีวิชากายทองคำ ทำให้ร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดา แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เจียงฉือน้อยจะสามารถรับได้ กว่าพวกเขาจะออกจากป่าได้ ทั่วทั้งตัวของเจียงฉือน้อยก็เต็มไปด้วยบาดแผล แม้แต่ใบหน้าของเธอก็มีรอยแผลถูกเฉือนเล็ก ๆ น้อย ๆ จนเกือบเสียโฉม

แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้โจวฉวนจียังไม่สามารถจะปลอบเธอได้ เขารีบขี่ดาบต่อเพื่อหนีทันที

และเมื่อเขาหันกลับไปมอง เขาก็เห็นอินทรีย์ขนาดมหึมากางปีกกว้างลอยอยู่ภายใต้หมู่เมฆ

นั่นมันวิหคมังกร!

ขนทั่วร่างของมันมีสีน้ำตาล และมีปีกที่กว้างกว่า 35 หลา บนหัวของอินทรีย์มีเขาคู่ของมังกร เช่นเดียวกับหางของมังกร และเกล็ดมังกรสีนิลของมันเปล่งประกายแวววาวอยู่เหนือท้องฟ้า

กลุ่ม 17 อสูรวายุทองคำนั่งอยู่บนภูเขาและร่ายคาถาใส่วิหคมังกร

จางเถียนเจียนและจอมยุทธคนอื่น ๆ ก็ลอยอยู่บนท้องฟ้าเช่นกัน พวกเขาพยายามโจมตีวิหคมังกรจากทั่วทิศทาง

เมื่อวิหคมังกรต้องเผชิญกับการโจมตีจากทุกทิศทางเช่นนี้ ทำให้มันบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว และเลือดของมันกระจายไปทั่วฟากฟ้า

โจวฉวนจีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในการต่อสู้หลังจากนั้น เขาพยายามแต่จะบินหนีไปจากที่นี่ให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น

ลมที่หนาวเหน็บเข้ากระดูกดำซัดกระแทกพวกเขา เจียงฉือน้อยจึงกอดเขาไว้แน่น แม้ว่าเธอจะรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่าง แต่ก็ไม่ได้ร้องครวญครางแต่อย่างใด

โจวฉวนจีเริ่มบินช้าลงหลังจากที่พวกเขาบินข้ามยอดเขา และคิดว่าหนีมาได้ไกลพอสมควรจากวิหคมังกรแล้ว

เขาหันกลับไปมองเจียงฉือน้อย และพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ช่วยอดทนอีกหน่อยนะ ข้าจะรักษาเจ้าทันทีที่หาที่ปลอดภัยได้”

เจียงฉือน้อยพยักหน้าและยิ้มให้ “ข้าไม่เป็นไรหรอก”

โจวฉวนจีถอนหายใจและไม่พูดอะไร ก่อนจะบินหนีต่อไป

พวกเขาบินท่ามกลางความเงียบงันกว่า 4 ชั่วโมง

ก่อนที่ดาบมังกรสีชาดจะร่อนลงในหุบเขาแห่งหนึ่ง สถานที่แห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยภูเขา มีต้นไม้และพืชพันธุ์มากมายที่ด้านล่างหุบเขา ซึ่งง่ายมากต่อการซ่อนตัว

หลังจากที่พวกเขาร่อนลง โจวฉวนจีก็เก็บดาบมังกรสีชาดเข้าสุดยอดช่องเก็บของ จากนั้นเขาก็หยิบยาออกมาเพื่อใช้รักษาแผลให้กับเจียงฉือน้อย

ยาพวกนี้ได้มากจากสำนักอสูรโลกันต์ของเยี่ยเฟยฟาน ซึ่งโจวฉวนจีได้ถามกั๋วไก่หลี่เกี่ยวกับชื่อยาและสรรพคุณของยาพวกนี้แล้ว เพราะเขาไม่อยากจะเผลอกินยาพิษเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

ในขณะที่เขาใช้ยา ใบหน้าของเจียงฉือน้อยก็กระตุกอย่างต่อเนื่องและอ้าปากพะงาบ ๆ อย่างผิดปกติ ซึ่งมันก็ทำให้เขากลัวและกังวลเมื่อคิดว่าต้องใช้ยาพวกนี้กับตัวเองด้วย

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง บาดแผลของเจียงฉือน้อยก็หายเป็นปลิดทิ้ง และหลังจากที่เช็ดสะเก็ดเลือดออก ผิวอันบอบบางของเธอก็กลับมาดังเดิมอีกครั้ง เหลือไว้เพียงรอยแผลแดง ๆ เล็ก ๆ ทิ้งไว้เท่านั้น

“เป็นยาที่สุดยอดไปเลยนะเนี่ย!” โจวฉวนจีพูดขึ้นอย่างประทับใจ

“เดี๋ยวเจ้ายาที่สุดยอดนั่นก็เป็นของข้าแล้ว”

เสียงของนายหญิง 7 ราตรีดังขึ้นมาเหนือหัวพวกเขา โจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยสะดุ้งด้วยความตกใจ

พวกเขาเงยหน้าขึ้นไปและเห็นนายหญิง 7 ราตรียืนอยู่บนกำแพงภูเขาใกล้กับก้นหุบเขาประมาณ 30 เมตร ร่างของนางอาบไปด้วยเลือด เช่นเดียวกับเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง

ใบหน้าของโจวฉวนจีเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง เขาประมาทความเร็วในการบินของจอมยุทธระดับบัวภายในมากเกินไป

แต่จะว่าไป สัตว์ขี่ของนายหญิง 7 ราตรีอยู่ที่ไหน

แล้วทำไมอสูรอีก 16 คนถึงไม่อยู่แถวนี้? พวกมันตายไปแล้วหรอ?

นายหญิง 7 ราตรีค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงมาตามกำแพงภูเขา การหายใจของนางไม่ค่อยสเถียรนัก และดูท่าทางนางจะบินบนอากาศไม่ไหวด้วยซ้ำ เมื่อเห็นแบบนั้น ดวงตาของโจวฉวนจีก็เริ่มเปล่งประกาย

นังตัวร้ายนี้มันบาดเจ็บสาหัสอยู่เหรอ ?

กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง

ถึงเวลาเอาคืนแล้ว!

โจวฉวนจีหรี่ตาลงและความตั้งใจที่จะฆ่าก็ท่วมท้นจิตใจของเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด