หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 15 : 5 ปี กับดาบพยัคฆ์คำราม

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 15 : 5 ปี กับดาบพยัคฆ์คำราม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 15 : 5 ปี กับดาบพยัคฆ์คำราม

เป็นเพราะความกลัวของจางเถียนเจียน จึงทำให้โจวฉวนจีหนีรอดมาได้ และยังโชคดีที่ทั้งคู่ไม่เจอใครไล่ตามมาเลยตลอดทาง

ไม่ช้าก็พลบค่ำ

ทั้งคู่เลือกซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ ด้วยความที่ถ้ำนั้นไม่ใหญ่มาก พวกเขาจึงสามารถจุดไฟให้สว่างได้อย่างทั่วถึง

โจวฉวนจีนั่งลงบนพื้น ขณะที่เจียงฉือน้อยคอยทายาตามตัวเขาให้

ข้าง ๆ พวกเขามีศพของหมีซึ่งเคยเป็นเจ้าของถ้ำอยู่

ในขณะที่โรยผงยาลงบนแขน มันก็ทำให้โจวฉวนจีถึงกับสะดุ้งด้วยความเจ็บปวด เขารู้สึกนับถือเจียงฉือน้อยจากใจจริง เมื่อนึกถึงตอนที่เขาทายาให้เธอแต่กลับไม่มีเสียงร้องโอดครวญเลยสักนิด

“ฉวนจี บางทีพวกเราน่าจะหาหมู่บ้านสักที่แล้วอาศัยอยู่ดีมั้ย? มันอันตรายเกินไปที่จะอยู่ในที่กันดารแบบนี้นะ” เจียงฉือน้อยพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ผลจากการเผชิญหน้ากับ 17 อสูรวายุทองคำทำให้เธอได้รับบาดแผลทางจิตใจมาก

และนั่นเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่ามนุษย์นั้นน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจนัก

โจวฉวนจีครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้น “งั้นรอข้าอีกสัก 2 ปี ในตอนนี้พวกเรายังไม่แข็งแกร่งพอจะปกป้องตัวเองได้ ต่อให้จะไปอยู่ตามเมืองเล็ก ๆ หรือหมู่บ้านก็ตาม เด็กกำพร้าอย่างพวกเราคงถูกคนอื่น ๆ รังแกแน่ ยังไงก็ไม่มีทางได้อยู่สุขหรอก”

เขตรกร้างแดนเหนือไม่เหมือนกับโลกก่อน มันไม่มีสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรอกนะ

เจียงฉือน้อยพยักหน้ารับ ก่อนจะพันแขนโจวฉวนจีด้วยผ้าลำนิน

เมื่อโจวฉวนจีเห็นเธอทำหน้าเศร้าก็ถอนหายใจอยู่ในใจ

ถึงเขาจะปกป้องเจียงฉือน้อยได้ แต่ก็ยังทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายมากกว่าเดิมด้วย

โจวฉวนจีมองเจียงฉือน้อยเหมือนกับคนในครอบครัว เพราะงั้นแล้วเขาจะทิ้งเธอไปไม่ได้

ต้องยอมรับว่าถ้าโจวฉวนจีไม่มีเจียงฉือน้อย เขาคงจะใช้ชีวิตอย่างคนป่าเถื่อนแน่

ถึงแม้เด็กสาวตัวน้อยคนนี้จะยังเด็ก แต่เธอก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางแดนป่าเถื่อนแบบนี้ได้

ไม่นาน ยาก็เริ่มออกฤทธิ์

แขนของเขาเริ่มรู้สึกดีและเย็นขึ้นในทันที มันช่างรู้สึกดีจริง ๆ

เขาหยิบกระเป๋าเก็บของและแหวนเก็บของของนายหญิง 7 ราตรีออกมาทันที

ตอนนี้เจ้าของก็ตายไปแล้ว วัตถุวิเศษทั้ง 2 ชิ้นจึงไร้ซึ่งนายในทันที โจวฉวนจีเลยสามารถใช้พลังจิตของเขาในการตรวจสอบของข้างในได้

และมันก็ทำให้เขาถึงกับน้ำลายไหล

มียา หินวิญญาณ และวัตถุวิเศษมากมายอยู่ในนั้น…

นี่มันโจรที่รวยที่สุดเลยนี่หว่า!

เดี๋ยวก่อนนะ!

แล้วนี่มันคืออะไรน่ะ?

ไข่ใบยักษ์2 ใบสีขาวนวลที่มีขนาดเท่าหัวโจวฉวนจีปรากฎขึ้นมาบนแขนของเขา

ดวงตาของเจียงฉือน้อยเปล่งประกายพร้อมทั้งเขยิบตัวเข้ามาใกล้ “ไข่พวกนี้ใหญ่สุด ๆ เลย มันน่าจะอร่อยมากนะถ้าพวกเราเอามันไปย่างน่ะ” เจียงฉือน้อยพูด

โจวฉวนจีถึงกับพูดไม่ออก “ไม่ว่าไข่ทั้ง 2 ใบนี้จะเป็นไข่ของตัวอะไรก็ตาม แต่มันต้องไม่ใช่ไข่ธรรมดาแน่นอน แล้วพวกเราจะเอามันไปย่างอย่างงั้นได้ไง?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

เขานึกออกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งทันที และใจของเขาก็เริ่มสั่นระรัว

เขาจำได้ว่ากลุ่ม 17 อสูรวายุทองคำพูดว่า วิหคมังกรอยู่ในช่วงที่อ่อนแอที่สุดก็ตอนวางไข่ หรือว่านี่จะเป็น…?

เขาหยิบไข่สีขาวขึ้นมา 1 ใบก่อนจะเริ่มสำรวจอย่างระมัดระวัง

เจียงฉือน้อยดูดนิ้วเธอก่อนจะพูด “งั้นทำไมเราไม่ย่างสักใบนึงแล้วเก็บอีกใบไว้ล่ะ?”

“นี่เจ้าอยากจะกินขนาดนั้นเลย?” โจวฉวนจีพูดอย่างเหนื่อยใจก่อนจะดีดหน้าผากเธอ

ราวกับไข่ใบนั้นรู้ว่ามันกำลังตกอยู่ในอันตราย จู่ ๆ ไข่วิหคมังกรที่อยู่ในอ้อมแขนเขา ก็เริ่มสั่น

“มันขยับได้ด้วย!” เจียงฉือน้อยตะโกนลั่น

เธอรีบดึงโจวฉวนจีออกห่างจากไข่

ด้วยความที่เธอยังจำได้ว่าวิหคมังกรนั้นน่ากลัวขนาดไหน

ถึงมันจะเป็นแค่วิหคมังกรที่พึ่งเกิด แต่เธอก็ยังกลัวอยู่ดี

แกร๊กกก!

ไข่วิหคมังกรเริ่มแตกออก และเขามังกรสีชมพูใส ๆ เปล่งประกายก็ค่อย ๆ โผล่ออกมา

เขามังกรยังคงกระแทกเข้ากับเปลือกเพื่อสร้างรอยร้าวเพิ่ม จากนั้นไข่ก็เริ่มกลิ้งไปมาบนพื้น และทันใดนั้นอินทรีไร้ขนก็โผล่ออกมา

ร่างกายนั้นเป็นอินทรี เขาเป็นมังกรเช่นเดียวกับหาง และมันคือ วิหคมังกร นั่นเอง

เขามองไปที่มันก่อนจะถาม “ตอนนี้เจ้ายังอยากจะย่างมันอีกมั้ย?”

เจียงฉือน้อยพยักหน้า แล้วก็ส่ายหัวก่อนจะพูดว่า “มันดูน่ารักมากเลย งั้นอย่ากินมันดีกว่าเนอะ”

หลังจากที่พูดจบ เธอก็เดินไปหาวิหคมังกร

วิหคมังกรที่พึ่งเกิดใหม่นั้นดูไม่อันตรายเลยสักนิด ทำให้เธอลืมความกลัวที่มีไปชั่วขณะ

อีกด้านหนึ่ง โจวฉวนจีกำลังจ้องมองไปยังไข่วิหคมังกรอีกใบ

อย่างที่คาดเอาไว้ ไข่อีกใบก็เริ่มสั่นเหมือนกัน วิหคมังกรอีกตัวกำลังจะถือกำเนิด

เขาคิดถึงภาพความสุดยอดที่เขาจะสามารถยืนอยู่บนหลังวิหคมังกรได้

อย่างไรก็ตาม แล้วนายหญิง 7 ราตรีนั่นไปได้ไข่ทั้ง 2 ใบมาได้ยังไง?

โจวฉวนจีรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะนำเขาไปสู่ปัญหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในอนาคตแน่

หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินวนรอบ ๆ วิหคมังกรน้อยทั้ง 2 ตัว

วิหคมังกรนั้นน่าทึ่งมากมาก พวกมันสามารถกินเนื้อได้ทันทีที่เกิด โดยที่โจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยไม่ต้องสอนเลยสักนิด และพวกมันก็เริ่มอ้าปากเขมือบศพหมี ทั้งสองเมื่อได้เห็นก็เริ่มรู้สึกขยะแขยง

หลังจากที่ลูกอินทรีทั้งสองกินจนอิ่ม จงอยปากของมันก็เต็มไปด้วยสีแดงจากเลือด และยังเลอะยาวไปทั่วตัว เจ้าพวกนกน้อยที่อยากจะกระโดดเข้าสู่อ้อมอกอ้อมใจของโจวฉวนจีและเจียงฉือน้อย ก็ทำให้พวกเขารู้สึกกลัวจนต้องโดดหนีเจ้าพวกลูกอินทรีน้อยไปมาภายในถ้ำ

และตอนนี้ พวกเขาก็ได้มีสหายใหม่เพิ่มขึ้นมาถึง 2 ตัว

ในวันที่ 2 พวกเขาเริ่มออกเดินทางต่อทันทีที่พระอาทิตย์ขึ้น

เพื่อกันไม่ให้ใครเห็นวิหคมังกร โจวฉวนจีจึงนำเสื้อผ้าขาด ๆ 2 ตัวมาพันพวกมันเอาไว้

หลังจากผ่านไป 1 คืน บาดแผลของเขาก็หายไปมากกว่าครึ่งแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บที่แขนบ้าง น่าจะใช้เวลา 2-3 วันกว่าจะหายดี

นี่ไม่ใช่แค่ผลจากยาเท่านั้นที่ช่วย แต่ยังเป็นเพราะระบบยอดตามในตำนานที่ช่วยรักษาเขาด้วยเช่นกัน

ไม่อย่างนั้นก็คงต้องใช้ถึง 1 เดือนกว่าบาดแผนของเขาจะหายดีจนสามารถขยับแขนได้

ใน 8 วันถัดมา พวกเขาไม่ได้เจอกับใครในกลุ่ม 17 อสูรวายุทองคำหรือจอมยุทธคนอื่น ๆ เลย

จนในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่ราบ

ที่ราบแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าสั้นที่กว้างใหญ่ไพศาล และมีแม่น้ำไหลผ่านทั่วพื้นที่

พวกเขาตัดสินใจลงหลักปักฐานอยู่ข้างแม่น้ำ

วิหคมังกรทั้ง 2 ตัวก็โตวันโตคืน พวกมันมองโจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยเป็นเหมือนพ่อแม่ พวกนกน้อยจึงมักวิ่งเล่นส่งเสียงจิ๊บ ๆ อยู่รอบ ๆ พวกโจวฉวนจีทั้งวัน

โจวฉวนจีนั่งลงข้างแม่น้ำก่อนจะเริ่มฝึกวรยุทธต่อ

การต่อสู้กับนายหญิง 7 ราตรีมันอันตรายสุด ๆ นั่นเลยทำให้เขารู้ว่า ตนเองยังอ่อนแอเกินไป

การต่อสู้ที่ผ่านมาไม่ได้เป็นเพียงแค่ส่วนช่วยในการพัฒนาวรยุทธ์ของเขาเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เขามีประสบการณ์ในการสู้จริงด้วย

เขาวางแผนว่าหลังจากที่เขาเข้าสู่ระดับสร้างรากฐานได้แล้ว เขาจะมุ่งหน้าลึกเข้าไปในหุบเขา เพื่อสะสมประสบการณ์ต่อสู้กับปีศาจ

ในตอนนี้ กลุ่ม 17 อสูรวายุทองคำก็ถูกกำจัดไปแล้ว และจางเถียนเจียนก็กลับไปยังอาณาจักรเหมันต์แดนใต้แล้วด้วย ดังนั้นจึงไม่มีใครจะมารบกวนพวกเขาได้อีก

และแล้วเวลาก็ไหลผ่านไป 100 วัน

โจวฉวนจีได้ก้าวเข้าสู่ระดับรักษาปราณขั้นที่ 9 ได้สำเร็จ และมันก็เป็นเวลาเดียวกับที่เขาอายุครบ 5 ปีพอดี

“จากการวิเคราะห์พบว่าท่านเจ้าของดาบมีอายุครบ 5 ปีแล้ว ระบบกาชาเริ่มทำงาน!”

“ติ๊ง! ยินดีด้วย ท่านเจ้าของดาบได้รับ [ระดับสัมฤทธิ์] ดาบพยัคฆ์คำราม และรองเท้าทะยานเมฆา”

โจวฉวนจีถอนหายใจ เวลา 3 ปีมันช่างผ่านไปไวเสียจริง

เขาเริ่มตรวจสอบข้อมูลของดาบพยัคฆ์คำรามทันที

ชื่อดาบ : ดาบพยัคฆ์คำราม

ระดับ : สัมฤทธิ์

คำอธิบาย : เป็นดาบที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งเสือ เมื่อกวัดแกว่งดาบ มันจะส่งเสียงคำรามของเสือออกมาเพื่อข่มขู่ศัตรู!

ช่างน่าเสียดายที่ไม่ใช่ดาบระดับเงิน

อย่างไรก็ตาม ดาบระดับสัมฤทธิ์อย่างดาบคลื่นเหมันต์ก็มากพอที่จะใช้สู้กับนายหญิง 7 ราตรีได้แล้ว ดังนั้นแล้วดาบในตำนานเล่มอื่นที่มีระดับสัมฤทธิ์เหมือนกันก็คงจะไม่แย่สักเท่าไหร่

เขานำดาบพยัคฆ์คำรามออกมาทันทีเพื่อจะได้ลองใช้

ใบดาบของดาบพยัคฆ์คำรามนั้นมีลายเสืออยู่ตรงกลาง และจุดเชื่อมต่อระหว่างด้ามจับและใบดาบนั้นดูเหมือนปากของเสือ ซึ่งค่อนข้างจะโดดเด่นทีเดียว

เขาเริ่มกวัดแกว่งดาบพยัคฆ์คำรามพร้อมกับใช้วิชาดาบกระเรียนขาวอยู่แถวริมแม่น้ำ

ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!

โฮกกกกกก!

ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวอย่างสง่างาม และเขายังสามารถกวัดแกว่งดาบได้เร็วกว่าที่เคย เสียงของดาบที่ตัดผ่านอากาศผสานเข้ากับเสียงคำรามอย่างลงตัว และเมื่อรวมเข้ากับที่ราบอันแสนงดงามรอบตัวเขา มันก็กลายเป็นภาพที่งดงามราวกับภาพวาดเลยทีเดียว

ณ สถานที่ที่ไม่ไกลนัก เจียงฉือน้อยที่กำลังนั่งลงและฝึกฝนปราณภายในอยู่ก็ลืมตาขึ้น

“หืมม? ดาบเล่มให้อีกเล่มหรอ? ดูทรงพลังมากเลย” เจียงฉือน้อยบ่นพึมพำกับตนเอง โดยมีลูกวิหคมังกรน้อยทั้งสองนอนอยู่ข้าง ๆ เธอเหมือนหมาน้อย

ลูกอินทรีทั้ง 2 เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกมันวัน ๆ ก็เอาแต่นอน แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ยอมตื่นเสียที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด