หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 16 : 6 ปี กับดาบผ่าวายุ

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 16 : 6 ปี กับดาบผ่าวายุ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 16 : 6 ปี กับดาบผ่าวายุ

หลังจากที่โจวฉวนจีฝึกวิชาดาบกระเรียนขาวครบ 10 ครั้ง เขาก็เก็บดาบและรู้สึกพึงพอใจ

ดาบพยัคฆ์คำรามไม่เลวเลยทีเดียว โดยเฉพาะเสียงเสือคำรามนั่นดีสุด ๆ ตรงที่มันช่วยส่งเสริมท่วงท่าที่สง่างามของเขา

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เอารองเท้าทะยานเมฆาออกมา

รองเท้าบูทที่ปรากฎขึ้นตรงหน้านั้นมีสีเขียวอมฟ้า ลวดลายที่มีรายละเอียดยิบย่อยจำนวนมากถูกถักทออยู่บนพื้นผิวรองเท้าดูราวกับเมฆที่กำลังล่องลอยอยู่ โดยรวมแล้วมันค่อนข้างที่จะมีเอกลักษณ์และงดงามมากเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม…

รองเท้ามันใหญ่เกินไป นี่เขาต้องรออีกกี่ปีถึงจะใส่มันได้เนี่ย?

“ท่านเจ้าของดาบสามารถลองสวมใส่มันได้” จิตวิญญาณแห่งดาบแนะนำ เมื่อโจวฉวนจีได้ยินเช่นนั้น ก็เอาเท้าเล็ก ๆ ของเขาใส่เข้าไปในรองเท้าทันที

และทันทีที่สอดเท้าข้างหนึ่งเข้าไป รองเท้าทะยานเมฆาก็หดลงเท่ากับขนาดเท้าของเขาได้อย่างพอดิบพอดี

เยี่ยมไปเลย! ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ

เขารีบสวมรองเท้าอีกข้างทันที และรองเท้าทะยานเมฆาก็หดลงอีกครั้ง

เขารู้สึกชอบใจมาก ก่อนจะกระโดดโลดเต้นอยู่หลายครั้ง และไม่รู้สึกว่ารองเท้าจะหลุดเลยสักนิด

หลังจากที่โจวฉวนจีสวมใส่รองเท้าทะยานเมฆา เขาก็รู้สึกว่าร่างกายนั้นเบากขึ้นมาก

เขาเริ่มวิ่งไปตามแม่น้ำและรู้สึกได้ถึงความเร็วที่เพิ่มมากขึ้น

เขาสามารถก้าวเท้าได้เร็วมากขึ้นและมากยิ่งขึ้นไปอีก จนสามารถวิ่งได้เร็วกว่าผู้ใหญ่คนไหน ๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณเลยแม้แต่นิด!

อีกทั้งหนึ่งสิ่งที่ต้องรู้เอาไว้ก็คือ โจวฉวนจียังแค่ 5 ขวบเท่านั้น

เจียงฉือน้อยขยี้ตาตัวเอง เพื่อทำให้แน่ใจว่าภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นเป็นเรื่องจริง

ถึงแม้เธอจะสังเกตเห็นรองเท้าทะยานเมฆาของโจวฉวนจี แต่ก็ไม่ได้คิดเลยว่าความเร็วนั่นได้มาจากรองเท้า

“ฉวนจีพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นแล้ว งั้นข้าจะมาช้าไม่ได้แล้วตอนนี้”

เจียงฉือน้อยกำหมัดแน่น เธอหลับตาลงก่อนจะเริ่มเพ่งสมาธิจดจ่อกับการฝึกวิชาวสันตเหมันต์ต่อ

ณ พื้นที่ราบแห่งนี้แทบจะไม่มีร่องรอยการมีอยู่ของมนุษย์เลย มีเพียงแต่ฝูงหมาป่าและเหล่าสุนัขล่าเนื้อที่วิ่งผ่านไปมาในบางครั้ง แต่ยังไงซะ พวกมันก็เป็นได้แค่อาหารเท่านั้น

ตอนนี้โจวฉวนจีไม่ได้ฝึกแค่ปราณภายในอย่างเดียวเท่านั้น

เขายังเริ่มฝึกใช้ดาบในตำนานทั้ง 4 เล่มอีกด้วย เพื่อที่จะได้ปลดปล่อยความสามารถทั้งหมดของดาบออกมาได้อย่างเต็มที่

เขาอยากจะควบคุมดาบทั้ง 4 เล่มพร้อมกันให้ได้!

โจวฉวนจีถือดาบในมือข้างละหนึ่งเล่ม และใช้จิตในการควบคุมดาบอีก 2 เล่ม

มันดูจะยากเอามาก ๆ แต่เขาก็รู้สึกว่าจะต้องทำได้แน่

เขาเริ่มฝึกดาบช่วงกลางวัน และฝึกปราณภายในช่วงกลางคืน

และแล้วเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

1 ปีผ่านไป

โจวฉวนจีก็ก้าวขึ้นสู่ระดับรักษาปราณขั้นที่ 10 ได้สำเร็จ ขณะเดียวกันเจียงฉือน้อยก็ขึ้นถึงระดับรักษาปราณขั้นที่ 4 ได้ด้วย

หลังจากสะสมพลังมากว่า 1 ปี พลังจิตของโจวฉวนจีก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และสามารถควบคุมดาบในตำนานทั้ง 4 เล่มพร้อมกันได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม เขาควบคุมได้ภายใน 10 ลมหายใจเท่านั้น จากนั้นเขาก็จะหมดสติในทันที

วิหคมังกรก็โตขึ้นตัวเท่าควาย และเมื่อครึ่งปีก่อนก็เริ่มบินได้ด้วย เจียงฉือน้อยอยากจะขี่พวกมัน แต่โจวฉวนจีก็ห้ามเอาไว้ก่อน ถ้าเกิดเธอตกลงมาตายล่ะ?

เจียงฉือน้อยนั้นเป็นยอดกุ๊ก เขาจะขาดเธอไปไม่ได้!

อาคมกายทองคำของโจวฉวนจีก็ยังไม่บรรลุถึงระดับที่ 2 กายาโลหะ แต่ความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายก็ทะลุไปกว่าหมื่นปอนด์แล้ว นี่มันอย่างกับเขากลายเป็นหลี่หยวนป้ากลับช้ามาเกิดในเรื่องสุยถังยังไงอย่างงั้น (หลี่หยวนป้าเป็นตัวละครในตำนานที่เเข็งเเรงเเบบโคตรโกง)

“จากการวิเคราะห์พบว่าท่านเจ้าของดาบมีอายุครบ 6 ปีแล้ว ระบบกาชาเริ่มทำงาน!”

“ติ๊ง! ยินดีด้วย ท่านเจ้าของดาบได้รับ [ระดับสัมฤทธิ์] ดาบผ่าวายุ ปิ่นหงส์หยกทลายมาร และวิชากระบี่เพลิงกัลป์”

ดวงสุ่มของปีที่ 6 ก็ไม่เลวเลยแฮะ ดาบในตำนานเล่มใหม่ แล้วยังได้วัตถุวิเศษกับวิชาดาบอีก

โจวฉวนจีนั้นรอวิชาดาบมานานแล้ว

แค่วิชาดาบกระเรียนขาวอย่างเดียว มันยังไม่ทำให้เขาพอใจได้

จากนั้นไม่นาน ข้อมูลของดาบผ่าวายุก็ปรากฎขึ้นมาต่อหน้าเขา

ชื่อดาบ : ดาบผ่าวายุ

ระดับ : สัมฤทธิ์

คำอธิบาย : เป็นดาบที่สามารถตัดลมได้ โดยผู้ใช้จะไม่รู้สึกถึงแรงต้านลมเลยแม้แต่น้อย

ไม่รู้สึกถึงแรงต้านลมเลยเหรอ?

นี่มันเยี่ยมไปเลย!

โจวฉวนจีนำดาบผ่าวายุออกมา ใบดาบนั้นทั้งเรียวบาง และยังยืดหยุ่นมากพอจนเอามาใช้เป็นเข็มขัดได้เลย

หืมม?

เข็มขัด?

จู่ ๆ เขาเอาดาบผ่าวายุมาพันรอบเอวเอาไว้ ซึ่งมันพอดีมาก แล้วเขาก็เริ่มล่องลอยไปตามความคิดของตัวเอง

พรืด!

เลือดพุ่งกระจายออกมาจากเอวของโจวฉวนจี และมันทำให้เขาเจ็บมากเสียจนหน้ายู่ปากสั่น

แม่งเอ้ย!

ดาบนี่มันจะคมไปไหนเนี่ย!

เห็นได้ชัดจากการที่ดาบนั่นโดนเสื้อของเขาแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น

โคตรเจ็บเลย!

เขาเก็บดาบผ่าวายุเข้าสุดยอดช่องเก็บของ ก่อนจะเดินไปยังกระท่อมไม้ พลางเอามือกดปิดปากแผลที่เลือดไหลออกมาเอาไว้

นี่มันไม่ใช่จุดที่เขาอยากจะมีแผลเลยสักนิด

“ท่านพี่! ข้าเลือดออก” โจวฉวนจีร้องเสียงหลง เจียงฉือน้อยที่กำลังเล่นกับวิหคมังกรอยู่ เมื่อได้ยินก็รีบวิ่งมาทันที

เจียงฉือน้อยที่ตอนนี้อายุได้ 10 ปีก็ยังคงสูงกว่าศรีษะของโจวฉวนจี ผมของเธอเป็นสีดำเงางามและมัดรวบไว้เป็นผมหางม้า ช่วยเผยให้เห็นถึงผิวพรรณและใบหน้าอันอ่อนโยนหมดจด แล้วยังผมหน้าม้าที่พลิ้วไสวไปตามสายลม ทำให้เธอทั้งดูเยาว์วัยและมีชีวิตชีวามาก

เพียงแค่หน้าตาของเธอ ก็เพียงพอที่จะพลิกแผ่นดินได้

เธอวิ่งไปหาโจวฉวนจีและถามด้วยความกังวล “เลือดออกหรอ ตรงไหน? ที่เอวเจ้าน่ะหรอ?”

โจวฉวนจีกัดฟันแน่นก่อนจะดึงเสื้อขึ้นมา ทั้งเอวของเขาอาบไปด้วยเลือด และมันยังไหลออกมาไม่หยุด

เจียงฉือน้อยรีบพาไปยังกระท่อมไม้ทันที ก่อนจะนำเศษผ้าสีขาวและยามาใช้ห้ามเลือดเอาไว้

ขณะที่เจียงฉือน้อยใส่ยาให้โจวฉวนจี ก็คอยดุเขาไปด้วย “นี่เจ้าช่วยระวังกว่านี้จะได้มั้ย? ครั้งต่อไปถ้าเจ้าต้องเผชิญหน้ากับศัตรู มีหวังเจ้าได้ตายด้วยดาบเจ้าเองแน่”

โจวฉวนจีมองไปยังเธอก่อนจะพูด “จะเป็นยังงั้นไปได้ไง? นี่มันก็แค่อุบัติเหตุเองน่า”

“ชิ”

เจียงฉือน้อยทำเบะปาก ถึงแม้เธอจะตำหนิโจวฉวนจี แต่ก็ยังรักษาให้อย่างระมัดระวัง เพราะกังวลว่าเขาจะเจ็บ

หลังจากที่เธอช่วยพันแผลให้แล้ว โจวฉวนจีก็หยิบปิ่นหงส์หยกทลายมารออกมา

ผู้ชายอย่างเขาจะไปใช้ปิ่นได้ยังไงกัน?

ดังนั้นแล้ว เขาจึงอยากจะให้มันกับเจียงฉือน้อย

ปิ่นหงส์หยกทลายมารนั้นเป็นหยกสีขาว และมีรูปร่างเหมือนรูปหงส์ มันแทบจะไม่รู้สึกหนักเลยสักนิดเมื่อโจวฉวนจีถือมันไว้

“นี่สำหรับเจ้านะ มันเป็นสมบัติที่สืบทอดกันมาในครอบครัวของข้า สามารถขับไล่วิญญาณและสิ่งชั่วร้ายได้ ฉะนั้นอย่าทำมันหายล่ะ” โจวฉวนจีพูดอย่างห้วน ๆ ก่อนจะส่งปิ่นปักผมให้กับเจียงฉือน้อย

เขาเคยบอกกับเจียงฉือน้อยเมื่อนานมาแล้วว่า พ่อกับแม่ของเขาได้ทิ้งสมบัติเอาไว้ให้มากมาย แต่มันถูกซ่อนอยู่ภายในจิตใจของเขา เมื่อเขาเติบโตและมีวรยุทธมากพอ เขาถึงจะดึงเอาสมบัติเหล่านั้นออกมาได้

เมื่อเจียงฉือน้อยได้ยินว่ามันเป็นสมบัติของครอบครัว ก็เบิกตากว้างจ้องไปทางโจวฉวนจีด้วยความตกใจ เธอหน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะตอบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “เจ้าใช้สิ่งนี้ในการตามหาตระกูลเจ้าในอนาคตได้นะ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก”

“ไม่เป็นไรหรอก เจ้าก็เป็นคนในครอบครัวของข้าเหมือนกัน ต่อให้ในอนาคตข้างหน้าข้าจะตามหาครอบครัวของข้าเจอ แต่ข้าก็จะพาเจ้าไปด้วยแน่นอน”

จากนั้นเขาก็เดินกลับไปยังริมแม่น้ำ

ทิ้งให้เจียงฉือน้อยรู้สึกตกใจและยิ้มหวานอย่างมีความสุข จากนั้นเธอก็นำปิ่นหงส์หยกทลายมารมาปักผมเอาไว้

เธอสัมผัสมันอย่างแผ่วเบาและเอาแต่ยิ้มไม่หยุด

หลังจากที่พักได้ 2 วัน บาดแผลของโจวฉวนจีก็หายเป็นที่เรียบร้อย เขาจึงกลับมาฝึกวิชากระบี่เพลิงกัลป์ต่อ

เมื่อเขาบรรลุวิชากระบี่เพลิงกัลป์ได้สำเร็จ ปราณกระบี่ของเขาก็สามารถหลอมรวมเข้ากับไฟได้ พลังทำลายล้างของมันมหาศาลมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นวิชาที่ทรงพลังกว่าดาบกระเรียนขาวเสียอีก

แต่หลังจากที่เขาฝึกเสร็จได้เพียงครั้งเดียว ก็ได้ยินเสียงลอยผ่านลมอย่างรวดเร็วมาจากเส้นขอบฟ้า

หืมม?

มีศัตรูมาโจมตีหรอ?

โจวฉวนจีตัวสั่นด้วยความกังวล

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุดข้าก็หาพวกเจ้าสองคนเจอ!”

เสียงหัวเราะของกั๋วไป่หลี่ดังก้องไปทั่วฟ้า เมื่อโจวฉวนได้ยินว่าเป็นเสียงกั๋วไป่หลี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที

กลายเป็นว่าเขาคือสหายเก่านั่นเอง ฟังจากที่กั๋วไป่หลี่พูด ดูเหมือนเขาจะตามหาโจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยมานานมากจริง ๆ

กั๋วไป่หลี่ที่ขี่ดาบลอยมา เขาหัวเราะก่อนจะพูดขึ้น “ไอเจ้าเด็กเหลือขอ โตขึ้นมากเลยนะเนี่ย วรยุทธของเจ้าก็ก้าวหน้าไปได้ไม่เลวเลย แล้วเจ้ายังไปถึง…”

“ระดับรักษาปราณขั้นที่ 10! อะไรวะเนี่ย–”

เมื่อเขาพูดไปได้ครึ่งประโยค สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตกใจในทันที

เด็ก 6 ขวบเนี่ยนะจะมาถึงระดับรักษาปราณขั้นที่ 10?

ยิ่งขั้นสูงมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากที่จะพัฒนามากขึ้นเท่านั้น แล้วไอเด็กเหลือขอนี่มันผ่านช่วงคอขวดมาได้ยังไงกัน?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด