หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 19 : การแสดงพลังของเด็ก 6 ขวบปีศาจ

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 19 : การแสดงพลังของเด็ก 6 ขวบปีศาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 19 : การแสดงพลังของเด็ก 6 ขวบปีศาจ

“ภูเขาอัสนีเหมันต์งั้นหรอ นานแล้วนะที่ข้าไม่ได้มาที่นี่น่ะ” ชายชุดดำเงยหน้ามองพลางบ่นพึมพำกับตนเอง ขณะที่เกล็ดหิมะกำลังร่วงหล่นลงบนใบหน้าของเขา

เมื่อ 22 ปีก่อน ชายคนนี้เคยติดตามอาจารย์ของเขามายังภูเขาอัสนีเหมันต์ แต่อาจารย์กลับถูกปีศาจกิน เหลือทิ้งไว้เพียงดาบของอาจารย์เท่านั้น เขาจึงต้องใช้ดาบเล่มนั้นในการเอาชีวิตรอดและคอยซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ

จากนั้น 10 ปีถัดมา เขาหมั่นฝึกฝนวิชาดาบด้วยตนเอง จนสามารถบรรลุได้ในที่สุด

หลังจากที่เขาออกจากถ้ำ เขาก็ไล่สังหารปีศาจบนภูเขาอัสนีเหมันต์จนหมดสิ้น ก่อนจะจากไปพร้อมกับความแค้นที่ได้รับการเติมเต็ม

12 ปีผ่านไปเพียงพริบตา ชื่อเสียงของเขาก็แพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรเหมันต์แดนใต้

ชื่อของเขาก็คือ จอมกระบี่เหมันต์เยือกแข็ง เฉิงเยว่เฝย!

เกล็ดหิมะเยือกแข็งจะปรากฎออกมาและห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้ทุกครั้งที่เขาชักดาบ

“คราวนี้ ลูกแก้วอัสนีเหมันต์จะต้องเป็นของข้า” เฉิงเยว่เฝยพูดก่อนจะเริ่มปีนขึ้นภูเขาไป

2 ชั่วโมงต่อมา

จอมยุทธกว่า 300 คนรวมตัวกันอยู่ที่ไหล่เขาอัสนีเหมันต์ หลูหลี่และเหล่าศิษย์จากสำนักฉวนวายุยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ ขณะที่เฉิงเยว่เฝยแยกตัวออกมายืนอยู่คนเดียวเช่นเดียวกับศิษย์จากสำนักอื่น และระหว่างนั้นไม่มีการสนทนาใด ๆ มีเพียงบรรยากาศตึงเครียดและความกดดันเท่านั้น

พวกเขาเงยหน้าขึ้นเหมือนกำลังมองอะไรบางอย่าง

ศิษย์หญิงจากสำนักฉวนวายุถามหลูหลี่ด้วยเสียงค่อยว่า “ศิษย์พี่ ท่านแน่ใจหรอว่าลูกแก้วอัสนีเหมันต์จะปรากฎออกมาจริง ๆ น่ะ? แล้วถ้าพวกเรามาผิดเวลาล่ะ เราต้องรอแบบนี้ต่อไปหรอคะ?”

นี่เป็นภารกิจแรกของนาง เลยทำให้รู้สึกค่อนข้างกังวล

แต่ไม่ใช่แค่นางคนเดียว นี่ก็เป็นภารกิจแรกในโลกกว้างของศิษย์คนอื่นเช่นกัน และหลูหลี่ก็มีหน้าที่ในการปกป้องพวกเขา

หลูหลี่พูดพลางยิ้มให้ “ความอดทนเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เจ้าพึ่งพาตนเองได้ในอนาคต ฉะนั้นไม่ว่าเจ้าจะทำภารกิจนี้สำเร็จหรือไม่ หรือต้องต่อสู้กับอะไร สุดท้ายสิ่งที่เจ้าต้องมีก็คือ ความอดทน”

“แต่คนพวกนี้ดูไม่เป็นมิตรเอามาก ๆ เลยนะครับ แถมบางคนก็ไม่ใช่ศิษย์รุ่นเยาว์จากสำนักอื่นเลยด้วยซ้ำ”

ศิษย์หนุ่มจากสำนักฉวนวายุพยายามพูดด้วยเสียงค่อยเพราะกลัวว่าคนอื่นอาจได้ยินเข้า

จู่ ๆ หลูหลี่ก็หัวเราะลั่นออกมา ทำให้จอมยุทธ์คนอื่น ๆ รวมถึงเฉิงเยว่เฝยที่อยู่ใกล้ ๆ หันมามองเขา

จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินหลูหลี่พูดขึ้นมาอย่างสบายใจ “แค่มีข้าอยู่ ก็ไม่มีใครสู้กับพวกเราสำนักฉวนวายุได้แล้ว”

ปากดีซะจริง!

สีหน้าของจอมยุทธ์คนอื่น ๆ เริ่มตึงขึ้นมาทันที

เหล่าศิษย์จากสำนักฉวนวายุต่างเทิดทูนหลูหลี่ในความใจกล้านี้ เขาช่างเป็นศิษย์พี่ที่สุดยอดซะจริง!

“หึ” เฉิงเยว่เฝยถอนหายใจอย่างเย้ยหยัน

ขณะนั้นเอง เงาเล็ก ๆ เงาหนึ่งก็กำลังปีนขึ้นบนไหล่เขาอย่างช้า ๆ

และเป็น โจวฉวนจี นั่นเอง

โจวฉวนจีทิ้งอาใหญ่เอาไว้ที่ทางเข้าเขตหิมะ เขาเข้ามาที่นี่เพราะรู้สึกได้ถึงพลังปราณที่ล่อตาล่อใจเขาเป็นอย่างมาก

ตามที่จิตวิญญาณแห่งดาบบอก พลังปราณที่ว่านั้นมันมาจากวัตถุประเภทหนึ่งที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับอาคมกายทองคำของเขาได้

นี่คือจุดที่อาคมกายทองคำทำได้ดี เพราะมันช่วยให้เขาสามารถตรวจจับพลังงานของสิ่งต่าง ๆ บนโลกใบนี้ได้

โจวฉวนจีซ่อนตัวอยู่หลังน้ำแข็งก้อนใหญ่ก่อนจะแอบมองและรู้สึกตกใจเล็กน้อย

“มีจอมยุทธ์อยู่เยอะขนาดนี้เลย? นี่พวกเขามาที่นี่เพราะวัตถุพิเศษนั่นเหมือนกันหรอ?”

โจวฉวนจีสังเกตเห็นว่าจอมยุทธ์พวกนี้ครึ่งนึงอยู่ระดับรักษาปราณ และพวกที่อ่อนที่สุดอยู่แค่ระดับรักษาปราณขั้นที่ 7

และตอนนี้ เขาที่มีทั้งดาบในตำนานอยู่ถึง 4 เล่ม และ 2 จิตดาบ รวมถึงมีร่างกายที่แข็งแรง จึงมั่นใจว่าอย่างน้อยตนก็พอจะมีโอกาสสู้กับพวกเขาได้

ฟิ้วววววววว!

จู่ ๆ ก็มีมีดลอยมาปักเข้าที่ก้อนน้ำแข็งต่อหน้าโจวฉวนจี จนน้ำแข็งทั้งก้อนสั่นสะเทือน

“ใครอยู่ตรงนั้น? หยุดซ่อนตัวแล้วจงออกมาซะ!”

ชายชุดสีฟ้าตะโกนขึ้นด้วยเสียงต่ำ ทำให้คนแถวนั้นทั้งหมดหันมามอง

โจวฉวนจีถอนหายใจแรงก่อนจะลุกขึ้นอย่างช้า ๆ เขายกแขนขึ้นและเดินออกมาจากหลังก้อนน้ำแข็ง

เขาทำเป็นหวาดกลัวก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ “อย่าฆ่าข้าเลย ข้ายังแค่ 6 ขวบ… ข้ายังไม่อยากตาย…”

โจวฉวนจีดูไร้พิษสงด้วยความเป็นเด็ก 6 ขวบ อีกทั้งแก้มเล็ก ๆ ที่เป็นสีแดงระเรื่อเพราะหิมะและความหนาวเย็นของเขา ยังทำให้เหล่าจอมยุทธ์หญิงต่างใจระทวยไปตาม ๆ กัน

“หนูน้อยคนนี้น่ารักจัง!”

“เขาช่างดูบอบบางซะเหลือเกิน แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”

“บางทีเขาอาจจะหลงทางกับพ่อแม่ก็ได้ ว้าาา ข้าล่ะอยากจะหยิกแก้มนั่นซะจริง”

“ใจเย็นก่อน เขาอาจจะเป็นปีศาจแปลงกายมาก็ได้!”

เหล่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์เริ่มพูดถึงรูปลักษณ์ของโจวฉวนจีกันอย่างดุเดือด ในขณะที่เหล่าผู้นำของแต่ละสำนักต่างจ้องมองเขาด้วยความระแวง

ที่นี่คือ สันเขาสวรรค์พ่าย นะ

มันไกลจากเมืองหรือหมู่บ้านของมนุษย์มากนะ เด็ก 6 ขวบทั่วไปไม่มีทางมาถึงที่นี่ได้หรอก

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่รู้สึกถึงปราณปีศาจจากตัวของโจวฉวนจีแต่อย่างใด เลยไม่คิดว่าเขาจะเป็นปีศาจแปลงกายมา

ชายชุดสีฟ้าที่ขว้างมีดใส่เขาก่อนหน้านี้ถามต่อ “เจ้าหนู แล้วพ่อแม่ของเจ้าล่ะ?”

โจวฉวนจีกลืนน้ำลายก่อนที่น้ำตาจะไหลลงบนใบหน้าของเขาทันที เขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะยกมือขวาชี้ขึ้นไปยังแร้งกระดูกที่บินวนอยู่เหนือภูเขาอัสนีเหมันต์และร้องไห้ “พวก…มันกินพ่อแม่ข้าไปแล้ว…”

เมื่อพวกเขาเห็นโจวฉวนจีร้องไห้ เหล่าจอมยุทธ์หลายคนก็ลืมสิ้นทุกข้อข้องใจและความสงสัยไปในทันที

นั่นเป็นเพราะยังไม่มีใครในพวกเขาที่บรรลุจิตวิญญาณซึ่งจำเป็นต้องถึงระดับสร้างรากฐานเสียก่อน จึงยังไม่มีใครสามารถระบุระดับวรยุทธของโจวฉวนจีได้ อีกทั้งด้วยพายุหิมะที่รุนแรงและระยะห่างระหว่างพวกเขา จึงทำให้ไม่มีใครตรวจจับพลังวิญญาณที่โจวฉวนจีมีได้

“เจ้าหนู มานี่มา เดี๋ยวข้าพาเจ้ากลับสำนักฉวนวายุเอง”

หลูหลี่กวักมือเรียกพลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน รอยยิ้มของเขาสร้างความหวั่นไหวให้กับจิตใจของเหล่าศิษย์สาวในสำนักฉวนวายุมาก และความประทับใจของทุกคนที่มีต่อหลูหลี่ก็เพิ่มมากขึ้น

แต่ก่อนที่โจวฉวนจีจะได้ตอบ เสียงฟ้าผ่าก็ดังสนั่นลั่นมาจากยอดเขา และเสียงในคราวนี้ก็ดังกว่าคราวไหน ๆ ขนาดที่ทำให้คนหูหนวกได้ยินได้

ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมองไปยังยอดเขาอัสนีเหมันต์ ก่อนจะเห็นแสงสีน้ำเงินเข้มปรากฏ โดยมีประกายสายฟ้าสีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วนล้อมรอบแสงสีฟ้านั้น

ระยะห่างระหว่างไหล่เขากับยอดเขานั้นห่างแค่เพียงไมล์เดียวเท่านั้น

เฉิงเยว่เฝยเริ่มเคลื่อนไหวเป็นคนแรก เขาว่องไวราวกับกระต่ายขณะกระโดดขึ้นภูเขา

“ลูกแก้วอัสนีเหมันต์ออกมาแล้ว! รีบปีนขึ้นไปบนเขาเร็ว!” จอมยุทธ์คนหนึ่งตะโกนขึ้นมา ก่อนที่คนอื่น ๆ จะเริ่มออกตัวและรีบปีนขึ้นภูเขาอย่างรวดเร็ว

หลูหลี่และเหล่าศิษย์หนุ่มจากสำนักฉวนวายุก็เริ่มวิ่งขึ้นภูเขาเช่นกัน โดยทิ้งเหล่าศิษย์สาวไว้ข้างหลัง

โจวฉวนจีวิ่งออกไปดู

ลูกแก้วอัสนีเหมันต์?

ฟังดูทรงพลังมากเลยแฮะ

จู่ ๆ ศิษย์สาวตัวเล็ก ๆ น่ารักคนหนึ่งก็เดินมาขวาง เธอนั่งยอง ๆ ลงต่อหน้าโจวฉวนจีและกอดเขา “เจ้าน้องชายตัวน้อย ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะปกป้องเจ้าเอง แล้วเจ้าหนาวรึเปล่า?” เธอพูดปลอบโยนเขา

โจวฉวนจีเกือบหายใจไม่ออกเพราะหน้าที่ถูกฝังอยู่บนร่องนมที่แสนนุ่มนิ่ม เขารีบสะบัดตัวออกทันที

และศิษย์สาวคนอื่น ๆ ก็เริ่มเข้ามาห้อมล้อมเด็กหนุ่ม

โจวฉวนจีรีบกระโจนหนีทันที และดาบคลื่นเหมันต์ก็ปรากฏขึ้นใต้เท้าเขา ก่อนที่จะเขาขี่ดาบมุ่งหน้าไปยังยอดเขาทันที

เหล่าศิษย์สาวต่างตกอยู่ในความงุนงง ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

“หึ คิดว่าข้าจะหลงกลอย่างงั้นหรอ?”

โจวฉวนจีลูบใบหน้าที่ยังอุ่น ๆ อยู่ของเขา

เขาเร่งความเร็วขึ้นและรีบมุ่งหน้าไปยังยอดเขา

ดาบคลื่นเหมันต์พุ่งเข้าหาจอมยุทธ์ทีละคน ๆ ทำเอาเหล่าจอมยุทธ์ที่เห็นกลัวแทบตาย

“ไอเด็กนั่น! มันบินได้หรอ!”

“เป็นไปได้ไงเนี่ย?!”

“แม่งเอ้ยยยย – – ไอเด็กผีนั่น”

“มันไปเอาดาบแบบนั้นมาจากไหนเนี่ย?”

“นี่เขาขี่ดาบท่ามกลางอากาศที่หนาวขนาดนี้ แต่ยังคงสภาพร่างกายตัวเองเอาไว้ได้เนี่ยนะ?”

เหล่าจอมยุทธ์ต่างตกอยู่ในความตกใจ พายุหิมะบนภูเขาอัสนีเหมันต์เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นทุกที พวกเขาคงไม่รอดแน่ ๆ ถ้าบินโดยใช้วัตถุวิเศษ เพราะระดับวรยุทธ์ที่ยังต่ำเกินไป

คนที่อยู่หน้าสุด คือ เฉิงเยว่เฝย ในขณะที่ หลูหลี่ ตามมาติด ๆ

ทั้งสองที่ได้ยินเสียงตะโกนอย่างประหลาดใจก็หันกลับไปมองตามสัญชาตญาณ

สิ่งที่พวกเขาเห็น คือ เด็ก 6 ขวบที่กำลังขี่อยู่บนดาบเงิน และกำลังพุ่งแหวกอากาศมาด้วยความเร็วสูง

ตอนนี้โจวฉวนก็ชินกับดาบในตำนานทั้ง 4 เล่มแล้ว

และคุณสมบัติของดาบคลื่นเหมันต์ก็คือ ปราณเยือกแข็ง ดังนั้นยิ่งพายุหิมะรุนแรงมากเท่าไหร่ ดาบคลื่นเหมันต์ก็ยิ่งทรงพลังมากเท่านั้น

“นั่นมันปีศาจรึไง?”

สายตาของเฉิงเยว่เฝยกระตุก และนั่นคือคำแรกที่ผุดขึ้นมาในใจเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด