หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 22 : 9 มหาจักรพรรดิกระบี่

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 22 : 9 มหาจักรพรรดิกระบี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 22 : 9 มหาจักรพรรดิกระบี่

เจียงฉือน้อยเขย่าแขนกั๋วไป่หลี่ และดึงสติเขากลับมาทันที

“ท่านปู่ ท่านหมายความว่ายังไงที่เขามีศักยภาพระดับปรมาจารย์น่ะ แล้วยังที่บอกอีกว่าเขาจะต้องกลายเป็นจักรพรรดิกระบี่แน่นอนนั่นด้วย?”

เจียงฉือน้อยถามด้วยความสงสัย มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นกั๋วไป่หลี่ตกใจตาค้างเกี่ยวกับเรื่องของโจวฉวนจีแบบนี้ เพราะในใจเธอ โจวฉวนจีเป็นถึงยอดอัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อน และในอนาคต เขาจะต้องกลายเป็นเซียนเทพได้อย่างแน่นอน

กั๋วไป่หลี่มองไปยังโจวฉวนจีอย่างงุนงง ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “วิธีฝึกวรยุทธเพื่อกลายเป็นเซียนเทพน่ะมีเป็นล้านวิธี และถึงแม้ว่าดาบจะเป็นอาวุธที่พบได้บ่อยที่สุด และมักถูกสร้างเป็นวัตถุวิเศษ แต่ก็แทบจะไม่มีใครที่มุ่งฝึกแต่วิถีกระบี่จริง ๆ เลยสักคน แต่ผู้ที่บรรลุในวิถีแห่งกระบี่ได้อย่างแท้จริงน่ะ จะสามารถผจญภัยไปทั่วโลกได้อย่างอิสระเลยเชียวล่ะ”

“และถ้าเทียบในระดับเดียวกัน จอมกระบี่ที่บรรลุจิตดาบได้น่ะ แข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมยุทธทั่ว ๆ ไปซะอีก”

“เมื่อสมัยโบราณ มี 9 มหาจักรพรรดิกระบี่อยู่ พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีอำนาจล้นหลาม และเป็นผู้ปกครองในยุคสมัยนั้น”

“แล้วโวฉวนจีที่บรรลุได้ถึง 2 จิตดาบทั้งที่ยังอายุแค่ 6 ขวบน่ะ พรสวรรค์ระดับนี้ข้าไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนด้วยซ้ำ”

“เพราะงั้นแล้วในตอนนี้ เขาอาจจะกลายเป็นเหมือนจักรพรรดิกระบี่รุ่นปัจจุบันไปแล้วก็ได้ และชื่อเสียงของเขาก็จะกลายเป็นตำนานและเป็นที่จดจำไปตลอดกาลอย่างแน่นอน”

เจียงฉือน้อยร้องด้วยความตกใจเมื่อได้ยินแบบนั้น ถึงแม้เธอจะไม่เข้าใจ แต่ก็รู้สึกได้ว่ามันเจ๋งอยู่ดี

ถ้าโจวฉวนจีกลายเป็นคนที่มีพลังอำนาจมากที่สุดในโลกแล้วล่ะก็ งั้นเธอก็คงไม่จำเป็นจะต้องซ่อนตัวอีกต่อไปแล้ว

เกี่ยวกับ 9 มหาจักรพรรดิกระบี่ กั๋วไป่หลี่เคยอ่านเรื่องพวกนี้มาก่อนในสุสานโบราณของสำนักเขา แต่เพราะเขาอยู่แค่ระดับบัวภายในเท่านั้น จึงเข้าใจได้ที่เขาจะไม่ค่อยรู้อะไรมากเกี่ยวกับเขตรกร้างเเดนเหนือ นับประสาอะไรกับโลกทั้งใบ

อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าน้อยคนนักที่จะมีพรสวรรค์ได้อย่างโจวฉวนจี

แต่ถึงจะมี คน ๆ นั้นก็คงไม่ใช่ระดับที่พบได้ทั่วไปอยู่ดี

ไม่นานหลังจากนั้น

โจวฉวนจีก็เก็บดาบ ก่อนจะมองลงไปที่มือ และเห็นว่าบนผิวหนังของเขาเหมือนมีผิวโลหะปรากฎให้เห็นอยู่ราง ๆ

ในที่สุดเขาก็บรรลุขั้นที่ 2 ของอาคมกายทองคำ กายาโลหะ ได้สำเร็จ

และข้อมูลก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าเขา

เจ้าของดาบ : โจวฉวนจี

เชื้อสาย : สายเลือดราชวงศ์แห่งมหาจักรวรรดิโจว

วรยุทธ : ระดับสร้างรากฐานขั้นที่ 1

วิชาปราณ : อาคมกายทองคำ

วิชาดาบ : วิชาดาบกระเรียนขาว, วิชากระบี่เพลิงกัลป์, วิชา 8 ก้าวทะลวงกระบี่

ทักษะพิเศษ : ไม่มี

พรสวรรค์ : ทักษะการทำหลายอย่างพร้อมกัน

ดาบ : [ระดับเงิน] ดาบมังกรสีชาด, [ระดับสัมฤทธิ์] ดาบคลื่นเหมันต์, [ระดับเงิน] ดาบชโลมโลหิต, [ระดับสัมฤทธิ์] ดาบพยัคฆ์คำราม, [ระดับสัมฤทธิ์] ดาบผ่าวายุ, [ระดับเหล็ก] ดาบเด็ดสุกร

ตอนนี้ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของตัวเขาก็เริ่มมีมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว

แล้วยังมีพรสวรรค์ใหม่ในข้อมูลพวกนั้นอีก ทักษะการทำหลายอย่างพร้อมกัน หรอ?

ฟังดูน่าสงสัยมาเลยนะ

เดี๋ยวก่อนะ!

ดาบเด็ดสุกร?

โจวฉวนจีถูกชื่อของดาบเล่มสุดท้ายดึงดูดใจ เป็นชื่อที่เท่อะไรขนาดนี้!

ดาบเด็ดสุกรปรากฎขึ้นบนมือเขา

เมื่อมองแวบแรก มันดูหยั่งกับมีดปังตอที่ยาวกว่าปกติ ขอบทั้งสองด้านนั้นคม และทั่วทั้งใบมีดมีสีดำสนิท ถ้าเทียบกับดาบในตำนานเล่มอื่น ดาบนี่ดูน่าเกลียดโครต ๆ เลย

และข้อมูลจำนวนหนึ่งก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าเขา

ชื่อดาบ : ดาบเด็ดสุกร

ระดับ : เหล็ก

คำอธิบาย : หลังจากที่สังหารหมูมากว่าหนึ่งล้านตัว ก็เกิดเป็นดาบเด็ดสุกร มันสามารถตัดกระดูกได้ราวกับตัดโคลน ภายใต้รูปลักษณ์ที่แสนจะธรรมดานั้น กลับแฝงไปด้วยพลังที่แสนจะร้ายกาจ

ดาบเล่มนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากการฆ่าหมูกว่าล้านตัวอ่ะนะ?

ต้องเป็นคนแบบไหนกันถึงมีเวลาว่างมากขนาดนั้น?

โจวฉวนจีถึงกับไร้คำพูด ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็เก็บดาบเด็ดสุกรกลับเข้าสุดยอดช่องเก็บของ ก่อนจะเริ่มรับอาคมซ่อนปราณต่อ

“เขาเอามีดปังตอนั่นออกมายังไงน่ะ?”

กั๋วไป่หลี่สังเกตเห็นดาบเด็กสุกร เขารู้สึกสับสนเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เขาส่ายหัวก่อนจะหันเดินออกไป

นับตั้งแต่ที่โจวฉวนจีได้รับลูกแก้วอัสนีเหมันต์มา กั๋วไป่หลี่ก็เริ่มรู้สึกกระสับกระส่าย เขารู้สึกตลอดว่าจะต้องมีปัญหาบางอย่างที่ใหญ่มากเกิดขึ้นแน่นอน

เจียงฉือน้อยเขยิบเข้ามาข้าง ๆ โจวฉวนจี ก่อนจะพบว่าเนื้อหัวของเขาสกปรกมอมแมมขนาดไหน

หลังจากที่เขาขึ้นมาถึงระดับสร้างรากฐานได้แล้ว ปราณวิญญาณของเขาก็ได้ชะล้างสิ่งสกปรกออกมาจากเส้นทางที่ปราณไหลเวียน และขับมันออกมาทางผิวหนัง มันเลยดูเหมือนมีชั้นเหงื่อสกปรกปกคลุมไปทั่วร่างกายเขา

“อี๋ สกปรกจัง”

เจียงฉือน้อยบีบจมูกด้วยมือข้างหนึ่ง พลางใช้มืออีกข้างพัดกลิ่นออก

เธอไม่ได้ขยับหนีไปไหน เพราะตั้งใจว่าจะช่วยโจวฉวนจีล้างตัวหลังจากที่เขาตื่น

หลังจากนั้นสักพัก

โจวฉวนจีก็ลืมตาขึ้น และดวงตาของเขาก็เปล่งประกายไปด้วยความสุข

อาคมซ่อนปราณเป็นแค่คาถาธรรมดา ที่ใช้เพื่อยับยั้งการปล่อยลักษณะของปราณเฉพาะตัวออกมา และซ่อนระดับวรยุทธที่แท้จริงเอาไว้

คาถานี้มีประโยชน์กับเขามากในสถานการณ์ปัจจุบัน ถ้าเขาซ่อนพลังวิญญาณได้สำเร็จละก็ คนอื่น ๆ ก็จะรับรู้ได้แค่ว่าเขาเป็นเด็กธรรมดาเท่านั้น

การฝึกอาคมซ่อนปราณนั้นง่ายมาก ๆ แถมเขายังเอามันไปสอนเจียงฉือน้อยได้ด้วย

“ไปอาบน้ำกัน!”

เมื่อเจียงฉือน้อยเห็นโจวฉวนจีลืมตาตื่น เธอก็อุ้มเขาขึ้นมาก่อนจะเดินตรงไปยังแม่น้ำสายเล็ก ๆ

โจวฉวนจีพยายามดิ้นหนีออกจากอ้อมแขนของเธอทันที เขาหน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะเตือนเธอด้วยความเขินอาย “ต่อจากนี้ไปห้ามอุ้มข้าแบบนี้อีกนะ”

มันก็ไม่เป็นไรหรอกถ้าไม่มีคนอื่นอยู่รอบ ๆ แต่กั๋วไป่หลี่กำลังมองจากที่ไกล ๆ อยู่น่ะสิ

เจียงฉือน้อยหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดขึ้น “ทำไมล่ะ? เจ้าน้องชายตัวน้องของข้าโตขึ้นแล้วหรอเนี่ย? เจ้าไม่อยากให้ข้าเป็นพี่สาวของเจ้าแล้วสิ? ทีตอนเล็ก ๆ ยังเอาแต่โวยวายอยู่เลยถ้าข้าไม่อุ้มเจ้าน่ะ็ก็”

โจวฉวนจีกลอกตาก่อนจะพูดตอบ “เจ้าไม่ต้องทำแบบนี้อีกแล้ว ข้าจะ 7 ขวบแล้วนะ”

หลังจากที่พูดจบ เขาก็หันกลับไปและกระโดดลงไปในแม่น้ำ

เขารู้สึกไม่สบายตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าหลังจากที่เลื่อนระดับวรยุทธมาได้

เจียงฉือน้อยป้องปากขำเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปยังกระท่อมไม้เพื่อเตรียมเสื้อผ้าให้เขา

ในวันนั้น โจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยได้เรียนรู้วิธีใช้อาคมซ่อนปราณ

ส่วนกั๋วไป่หลี่นั่งอยู่ริมแม่น้ำตัวคนเดียวและคิดอะไรบางอย่าง และเขายังคงนั่งอยู่แบบนั้นตลอดทั้งคืน

ยามรุ่งสาง กั๋วไป่หลี่ก็มาปลุกโจวฉวนจีและเจียงฉือน้อย

โจวฉวนจีผลักเท้าเล็ก ๆ ที่อยู่บนหน้าเขาออก ก่อนจะขยี้ตาและพึมพำว่า “เจ้าเป็นใครกัน ถึงกล้ามากวนข้าแต่เช้าอย่างงี้…?”

ตั้งแต่ที่พวกเขาได้เจอกับอาใหญ่และน้องสอง เหล่าเด็ก ๆ ต่างก็สามารถหลับกันได้อย่างสงบสุข เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มีอันตรายเข้ามาใกล้ วิหคมังกรทั้ง 2 ตัวก็จะส่งเสียงดังขึ้นมาทันที

มุมปากของกั๋วไป่หลี่กระตุกเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “พวก 17 อสูรวายุทองคำมันอยู่ที่นี่แล้ว!”

ตัวของโจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยถึงกับสั่นสะท้าน และพวกเขาก็กระโดดลงจากเตียงไม้ตามสัญชาตญาณทันที

เด็กทั้งสองหันมองซ้ายขวา แต่ก็ไม่เจอร่องรอยของ 17 อสูรวายุทองคำแต่อย่างใด

“ท่านปู่!”

เจียงฉือน้อยร้องด้วยความโกรธ ขณะที่แววตาของโจวฉวนจีเต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ

กั๋วไป่หลี่พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “พวกเราต้องไปแล้ว ไม่งั้นจะเจอปัญหาแน่ ลูกแก้วอัสนีเหมันต์เป็นของที่สำคัญมาก แต่มันกลับถูกขโมยไปโดยเด็ก 6 ขวบ เพราะงั้นแล้วมันจะต้องดึงดูความสนใจของทุกสำนักทั่วอาณาจักรเหมันต์แดนใต้อย่างแน่นอน”

เมื่อโจวฉวนจีได้ยิน เขาก็ตื่นเต็มตาทันที

เขาไม่ได้กลัวสำนักไหนในอาณาจักรเหมันต์แดนใต้หรอก แต่เขากลัวว่ามันจะไปดึงดูดความสนใจของพวกจักรวรรดิเข้าซะมากกว่า

จนกว่าเขาจะแข็งแกร่งมากพอ เขาต้องโตเติบมากกว่านี้ ไม่ว่าจะต้องทนต่อความอับอายสักแค่ไหนก็ตาม

“ไปกันเถอะ!”

โดยไม่จำเป็นต้องคิดอะไร โจวฉวนจีก็สั่งให้เจียงฉือน้อยเริ่มเก็บข้าวของทันที

กั๋วไป่หลี่มองพวกเขาและรู้สึกอยากจะขำ ก่อนหน้านี้เขาก็อุตส่าห์คิดคำพูดเพื่อโน้มน้าวใจโจวฉวนจีตั้งนาน

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กคนนี้จะกลัวความตายมากขนาดนี้

จากนั้นไม่นาน หลังจากที่พวกเขาเก็บของเสร็จ โจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยก็ขี่อาใหญ่ และบินขึ้นไปในอากาศ ขณะที่น้องสองบินตามหลังมาติด ๆ

กั๋วไป่หลี่เป็นคนนำทางพวกเขา และพาไปยังทิศตรงข้ามกับสันเขาสวรรค์พ่าย

“ท่านพี่ จับข้าเอาไว้แน่น ๆ ล่ะ ถ้ายังไม่อยากร่วงลงไปตายอนาถน่ะนะ”

โจวฉวนจีหัวเราะเสียงดัง เจียงฉือน้อยจึงรีบกอดรอบเอวเขาไว้แน่นทันทีด้วยความกลัว

แม้ว่าพวกเขาจะกำลังหนีเพื่อเอาชีวิตรอด แต่โจวฉวนจีก็ยังหาทางสร้างความสนุกสนานท่ามกลางความยากลำบากที่เกิดขึ้นได้

ยังไงซะเขาก็มีชีวิตมาแล้วถึง 2 ครั้งนี่นะ

“นี่เจ้าอยากตายนักหรือไง? อาใหญ่ช้าลงหน่อย!”

เจียงฉือน้อยซุกหัวของเธอไว้ที่หลังศรีษะของโจวฉวนจี และร้องโวยวายออกมาเรื่อย ๆ

กั๋วไป่หลี่เมื่อเห็นพวกเขามีอารมณ์ขัน ก็หัวเราะออกมาพลางลูบเคราะยาว

และเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่า เขาค่อนข้างจะมีความสุขมากเลยเมื่อได้อยู่กับโจวฉวนจีและเจียงฉือน้อย

3 วันหลังจากที่พวกเขาเดินทางออกมา ก็มีคน 2 คนเดินทางมายังที่ราบแห่งนั้น

พวกเขาคือ เสี่ยวเฉิงเฟิง และคุณนายจือฉุยนั่นเอง

ทั้ง 2 หยุดลงที่ข้างแม่น้ำ

เสี่ยวเฉิงเฟิงนำกระบอกไม้ไผ่ออกมาจากกระเป๋าเก็บของ และเทแมลงเต่าทองสีม่วงดำออกมา จากนั้นเขาก็หยิบผ้าสีเทาออกมาวางไว้ใกล้กับแมลงเต่าทองสีม่วงดำ

“มันคืออะไรน่ะ?” คุณนายจือฉุยถามอย่างสงสัย

“ผ้าอ้อมขององค์ชายฉวนจีไงล่ะ”

เสี่ยวเฉิงเฟิงพูดพลางหัวเราะเบา ๆ และคุณนายจือฉุยก็เงียบลงทันทีที่ได้ยิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด