หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 23 : การออกเดินทางของกั๋วไป่หลี่

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 23 : การออกเดินทางของกั๋วไป่หลี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 23 : การออกเดินทางของกั๋วไป่หลี่

พวกเขาสามารถเดินทางได้เร็วขึ้นเพราะวิหคมังกร และภายในครึ่งวัน พวกเขาก็เดินทางไปได้หลายพันไมล์เลยทีเดียว

กั๋วไป่หลี่ไม่ได้วางแผนที่จะหยุดพัก และยังคงมุ่งหน้าต่อไป

เขาอยากจะกลับไปยังสำนักกระบี่เร้นลับให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นเขาต้องพาโจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัยซะก่อน

นั่นเป็นทั้งหมดที่เขาพอจะทำให้ได้ ส่วนอนาคตก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาเอง

พวกเขายังคงเดินทางต่อเนื่อง 7 วัน 7 คืน

พวกเขาเดินทางวนรอบป่ากู่หลานที่อยู่อีกฟากหนึ่งของอาณาจักรเหมันต์แดนใต้

โดยป่ากู่หลานเป็นเทือกเขาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในแถบชายแดนของอาณาจักรเหมันต์แดนใต้ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีปีศาจอยู่จำนวนมาก จอมยุทธ์ส่วนใหญ่เลยมักใช้ที่นี่ในการฝึก

พวกเขาร่อนลงในหุบเขาที่ถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขาจาก 3 ทิศทาง และข้างบนยังถูกปกคลุมอย่างหนาทึบ จึงไม่มีใครจะสามารถสอดแนมพวกเขาจากด้านบนได้ อีกทั้งทางเข้าหุบเขายังค่อนข้างแคบและปกคลุมไปด้วยหมอกหนา จึงไม่มีใครที่จะสอดส่องพวกเขาจากภายในหุบเขาได้เช่นกัน

ณ ที่ทางเข้ามีแผ่นศิลาจารึกอยู่ ซึ่งบนแผ่นศิลานั้นมีหินทรงพระจันทร์เสี้ยวอยู่ 9 ก้อน

กั๋วไป่หลี่ที่คอยนำทางโจวฉวนจีและเจียงฉือน้อย ก็หยุดยืนอยู่หน้าศิลา ก่อนจะสั่งทั้ง 2 คนว่า “ข้าได้กางเขตแดนป้องกันภายในหุบเขาเอาไว้ หากมีผู้บุกรุกเข้ามา พวกมันจะถูกหมอกพิษทำร้าย และร่างจะกายจะเป็นอัมพาต สำหรับจอมยุทธ์ที่อ่อนแอก็อาจจะตายตรงนั้นเลยก็ได้ ดังนั้นแล้วพวกเจ้าต้องจำลำดับปุ่มพวกนี้ให้ดีล่ะ”

โจวฉวนจีพยักหน้าก่อนจะพูดตอบ “งั้นเริ่มกันเลย ข้าจำทุกอย่างที่ข้าเห็นได้อยู่แล้ว”

กั๋วไป่หลี่ก็เริ่มทันที เขาขยับปุ่มหินทั้ง 9 ก้อน แม้ว่าทิศทางและการโค้งจะแตกต่างกันทั้งหมด แต่ทุกครั้งที่เขาขยับปุ่ม เขาจะหยุดสักครู่เพื่อให้โจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยได้จำ

เมื่อกลไกพลังงานถูกเปิดออก หมอกพิษที่ทางเข้าหุบเขาก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว

โจวฉวนจีขยับไปข้างหน้าและลองใช้กลไกดูบ้าง ก่อนจะเห็นหมอกพิษกลับมาและหายไปอีกครั้ง

ทันใดนั้นเขาก็นึกคำถามออก ซึ่งเป็นคำถามที่สำคัญมาก ๆ

“แล้วงี้หมอกพิษมันจะมีวันหมดมั้ย?”

กั๋วไป่หลี่ลูบหัวเขาก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง หมอกพิษพวกนี้มาจากข้างในภูเขา ข้าได้ปลูกสมุนไพรพิเศษเอาไว้มากมาย จนพอใช้งานไปได้หลายร้อยปีเลยทีเดียว และถ้าดูตามนิสัยเจ้าแล้ว ข้าแน่ใจว่าเดี๋ยวภายใน 20 ปี เจ้าก็จะออกไปจากที่นี่อยู่ดี”

เมื่อโจวฉวนจีได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจ

เขาเปิดใช้งานกลไกอีกครั้ง และจับมือของเจียงฉือน้อยเอาไว้ก่อนจะพาเธอเข้าไปข้างใน

หลังจากที่พวกเขาเดินวนไปตามทางเข้า พวกเขาก็เริ่มเห็นกลไกใหม่

จากการคำนวณ ผลกระทบของกลไกนั้นไปได้ไกลกว่า 30 เมตร สังเกตจากซากปีศาจที่ตายเกลื่อนอยู่ระหว่างทางเต็มไปหมด

พื้นที่ด้านในของหุบเขาเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น ข้างในนั้นมีสิ่งก่อสร้าง และข้างหน้าอาคารพวกนั้นก็มีทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบนั้นใสสะอาดมากจนมองเห็นลงไปยันก้นบ่อ และมีปลาเล็กปลาน้อยมากมายแหวกว่ายอยู่ในนั้น ส่วนกำแพงภูเขานั้นเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ และพืชพันธุ์มากมาย ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูราวกับสรวงสวรรค์

“ว้าวว!”

เจียงฉือน้อยร้องอย่างตกใจ ก่อนที่เธอจะดึงโจวฉวนจีและวิ่งไปทั่วทันที

อาใหญ่และน้องสองก็เริ่มวิ่งเล่นไล่จับเหมือนกัน

กั๋วไป่หลี่ลูบเครายาวพลางหัวเราะด้วยความภาคภูมิ “ก่อนหน้านี้ข้าใช้เวลาอยู่หลายเดือนในการเก็บกวาดที่นี่เชียวนะ”

อย่างไรก็ตาม โจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยดูจะไม่ได้ฟังเขาเลย และเอาแต่วิ่งเล่นไปทั่ว

กั๋วไป่หลี่เริ่มตรวจสอบทั่วทั้งหุบเขา เผื่อจะมีปีศาจทรงพลังหรือแมลงมีพิษซ่อนตัวอยู่ที่นี่ได้

แต่โชคดีที่ไม่มีอันตรายใด ๆ ซ่อนตัวอยู่ภายในหุบเขานี้

ในที่สุดพวกเขาก็หาที่ลงหลักปักฐานได้เสียที

ยามดึก พวกเขาสามารถมองเห็นพระจันทร์และดวงดาวผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีตะเกียงน้ำมัน แต่แสงจันทร์ก็ช่วยสาดส่องไปทั่วหุบเขา

โจวฉวนจีสร้างชิงช้าขึ้นมา เพื่อที่เขาและเจียงฉือน้อยจะได้นั่งเล่นแกว่งไปมา พลางมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนได้

“ที่นี่ดีจังเลย ข้าหวังว่าพวกเราจะไม่ต้องหนีไปไหนอีกแล้วนะ”

เจียงฉือน้อยกอดโจวฉวนจีพลางหัวเราะเบา ๆ แต่โจวฉวนจีรู้สึกอึดอัด ราวกับเขาจะถูกกอดรัดจนตายให้ได้ แต่เจียงฉือน้อยก็ไม่ยอมปล่อยเขา และเขาก็ไม่ได้อยากจะใช้แรงให้เจียงฉือน้อยปล่อยสักเท่าไหร่

โจวฉวนจีนั้นแข็งแกร่งเกินไป และไม่มีทางที่เจียงฉือน้อยจะสู้แรงของเขาได้แน่นอน

บางทีสาวน้อยคนนี้ก็ติดเขามากเกินไปแล้ว

นี่เธอคิดว่าเขาเป็นของเล่นของเธอรึไงเนี่ย!

โจวฉวนจีขยับช่วงตัวด้านบนและเปลี่ยนเป็นท่าทางที่สบายมากขึ้น ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “รอจนกว่าข้าจะโตกว่านี้ แล้วข้าจะพาเจ้ากลับไปยังเมืองมนุษย์ และพวกเราจะไปอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่กันนะ”

ตอนนี้โจวฉวนจีก็เป็นถึงจอมยุทธ์ระดับสร้างรากฐานแล้ว เขาจึงสามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายที่อาณาจักรไหนก็ได้

อย่างไรก็ตาม เขาต้องรอเวลาอีกสัก 2-3 ปี ให้แน่ใจก่อนว่าองค์ราชินีจะเชื่อว่าเขาตายแล้วจริง ๆ

เพราะเวลาเพียง 4 ปีเป็นแค่เวลาสั้น ๆ สำหรับมหาจักรวรรดิโจวเท่านั้นยังไงล่ะ

“แต่ที่นี่ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ”

เจียงฉือน้อยพึบพำด้วยเสียงค่อย

ตั้งแต่ที่เธอได้เจอกับเฉินฮัวและกลุ่ม 17 อสูรวายุทองคำ เธอก็รู้สึกว่ามนุษย์นั้นน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก

โจวฉวนจีปลอบเธอก่อนจะพูดขึ้น “อย่าห่วงไปเลย ต่อให้พวกเราจะกลับมาที่นี่ในอนาคต ก็คงไม่มีใครกล้าที่จะรังแกพวกเราได้อีกแน่นอน!”

ห่างออกไปไม่ไกลนัก กั๋วไป่หลี่ที่กำลังนั่งอยู่บนต้นไม้ข้างทะเลสาบและฝึกวรยุทธอยู่ เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

เขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารผ่านน้ำเสียงของโจวฉวนจีอยู่แวบนึง

ไอเจ้าเด็กนั่นมันอยากฆ่าใครกันนะ?

เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นพรสวรรค์หรือคำสาปกันแน่ ที่ทำให้เขาเก็บงำความปรารถนาที่จะแก้แค้นเอาไว้ภายในใจตั้งแต่อายุยังน้อย

กั๋วไป่หลี่รู้สึกกังวลเล็กน้อย เขามีลางสังหรณ์ว่าโลกจะเปลี่ยนไปเพราะโจวฉวนจี

ในช่วง 2 เดือนหลังจากนั้น โจวฉวนจีพาเจียงฉือน้อยไปออกผจญภัยทุกวัน เพื่อให้เจียงฉือน้อยได้ลองฝึกต่อสู้ดูบ้าง

ส่วนตอนกลางคืน กั๋วไป่หลี่จะสอนคาถาง่าย ๆ ให้กับเจียงฉือน้อย เช่น ลูกไฟ กระสุนวารี อัญเชิญวายุ หรือคาถาอื่น ๆ

จากนั้นไม่นาน เจียงฉือน้อยก็ขึ้นสู่ระดับรักษาปราณขั้นที่ 5 ได้สำเร็จ

โจวฉวนจีอาจจะไม่มีความก้าวหน้ามากนัก แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นมากทีเดียว ตามที่กั๋วไป่หลี่คาดไว้ แรงของเจ้าปีศาจน้อยตัวนี้ในที่สุดก็ขึ้นไปถึง 1700 ปอนด์แล้ว และยิ่งถ้าเขาใช้อาคากายทองคำด้วย ความแข็งแกร่งของเขาก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก

จนในที่สุด วันที่กั๋วไป่หลี่เตรียมออกเดินทางก็มาถึง

ณ ทางเข้าหุบเขา โจวฉวนจีถามเขาว่า “ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงไปเร็วกว่าที่บอกล่ะ?”

กั๋วไป่หลี่ลูบเครายาวพลางยิ้มให้ เขาสวมชุดคลุมสีขาว ราวกับเขาเป็นเซียนที่บรรลุในวิถีแห่งวรยุทธแล้ว กั๋วไป่หลี่มองไปยังโจวฉวนจีก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าข้าไม่ไป แล้วเจ้าจะมุ่งฝึกวรยุทธของตัวเองอย่างเต็มที่ได้ยังไงล่ะ?”

โจวฉวนจียิ้มให้และไม่ตอบกลับอะไร

เมื่อกั๋วไป่หลี่อยู่รอบ ๆ มันคงไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก ถ้าโจวฉวนจีจะเอาดาบในตำนานทุกเล่มออกมา

คนเรามักต้องซ่อนไพ่ตายเอาไว้เสมอ

“ข้าได้สอนทุกอย่างที่ข้าอยากสอนเจ้าแล้ว และข้าจะไม่มาบ่นจู้จี้กับเจ้าอีก แต่ขอเพียงอย่างเดียว”

กั๋วไป่หลี่ลูบหัวเจียงฉือน้อย แสดงให้เห็นถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความใจดี ก่อนจะหันไปมองโจวฉวนจีและพูดว่า “เจ้าต้องระวังตัวไว้เสมอนะ”

หลังจากที่เขาพูดจบ ก็หันหลังกลับและจากไป

ดาบเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขา และหมุนรอบตัวจนกระทั่งหยุดอยู่เบื้องหน้า ก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นดาบได้อย่างง่ายดาย

“โจวฉวนจี ข้าหวังว่าคราวหน้าที่เราพบกัน ชื่อของเจ้าจะสั่นคลอนไปทั่วทั้งโลก และจงอย่าได้บอกใครเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเราเป็นอันขาดล่ะ”

ฟิ้วววววววว —

กั๋วไป่หลี่บินจากไปพร้อมกับดาบของเขาอย่างรวดเร็ว และหายเข้าไปยังส่วนลึกของป่า

ดวงตาของเจียงฉือน้อยเป็นสีแดงก่ำ และเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลลงมา

โจวฉวนจีก็รู้สึกคันตาเล็ก ๆ อยู่เหมือนกัน ชายแก่คนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างใจดีเลยล่ะ

เขาเข้าใจสิ่งที่กั๋วไป่หลี่สื่อในตอนท้าย เขาไม่ได้พูดแบบนั้นเพราะเขาไม่ชอบโจวฉวนจีหรืออะไรหรอก

แต่เขาแค่กังวลว่า ตัวเขาเองจะกลายเป็นภาระสำหรับโจวฉวนจี

โจวฉวนจีไม่มีพ่อแม่ และมีแค่เจียงฉือน้อยเท่านั้น กั๋วไป่หลี่ที่รู้ว่าในอนาคตโจวฉวนจีจะต้องกลายเป็นคนที่ไม่ธรรมดาแน่ เขาถึงไม่อยากจะกลายเป็นจุดอ่อนสำหรับโจวฉวนจี

โจวฉวนจีถอนหายใจยาวก่อนจะเปิดกลไก และหมอกพิษก็กลับมาอีกครั้ง

“กรู้วววว–”

จากที่ไกล ๆ อาใหญ่ก็กางปีกและร้องออกมา พร้อมทั้งน้องสองที่อยู่ข้างหลัง

โจวฉวนจีสะกิดเจียงฉือน้อยด้วยไหล่ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านพี่ ไปกันเถอะ คืนนี้ข้าอยากกินกระต่ายย่าง!”

เจียงฉือน้อยจากที่ร้องไห้อยุ่ก็หัวเราะออกมา เธอกลอกตาใส่โจวฉวนจีก่อนจะตอบกลับ “กระต่ายมันน่ารักเกินไป เอามันไปย่างก็ไม่อร่อยหรอกนะ เพราะงั้นเราจะทำซุปกระต่ายกันแทน!”

“ไม่เอา ก็ข้าอยากกินนี่!”

โจวฉวนจีพูดพร้อมรอยยิ้มที่กว้าง เขาขยับมือ และดาบคลื่นเหมันต์ก็ปรากฎขึ้นต่อหน้า เขากระโดดขึ้นบนดาบคลื่นเหมันต์ก่อนจะเอื้อมมือไปหาเจียงฉือน้อย

เจียงฉือน้อยเบ้ปากและดูจะไม่พอใจ แต่เธอก็ยังเอื้อมมือออกไปอยู่ดี

ยื่นมือของเจ้าออกมา และตามข้าไปยังปลายสุดขอบโลกกัน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด