หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 37 : ผู้แข็งแกร่งไม่จําเป็นต้องเข้าใจผู้อ่อนแอ

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 37 : ผู้แข็งแกร่งไม่จําเป็นต้องเข้าใจผู้อ่อนแอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 37 : ผู้แข็งแกร่งไม่จําเป็นต้องเข้าใจผู้อ่อนแอ

 

2 วันต่อมา

 

ณ เมืองกลืนเมฆา จัตุรัสสนามฝึกซ้อม

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจยังคนยืนอยู่บนดาบเช่นเดิม แต่คราวนี้เขากลับลืมตาอยู่

 

รอบสนามฝึกนั้นรายล้อมไปด้วยผู้คนไม่ต่ํากว่าพันคน

 

“ข้าได้ยินมาว่าเทพกระบี่โจวจะตอบรับคําท้าวันนี้ใช่มั้ย?”

 

“ใช่แล้ว ข่าวมันแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองแล้ว”

 

“ชิ แล้วเจ้าคิดว่าใครจะแกร่งกว่ากันล่ะ? ระหว่างเทพกระบี่โจว กับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจน่ะ?”

 

“จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจน่าจะแกร่งกว่านะ ยังไงเขาก็ดังมาได้สักพักแล้วหนิ”

 

“แถมพวกโจรที่พ่ายแพ้ให้กับเทพกระบี่โจวทั้งหมดก็ยังเป็นแค่ระดับสร้างรากฐานอยู่เลย พวกมันไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นซักหน่อย”

 

ผู้คนต่างเริ่มพูดคุยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการของแต่ละฝ่าย ถึงแม้ส่วนใหญ่จะไม่เข้าข้างเทพกระบี่โจวแต่พวกเขาก็ยังรอและหวังว่าเขาจะปรากฏตัวออกมา

 

เสี่ยวเฉิงเฟิง คุณจายจือฉุย และจางหรูหยูก็อยู่ในหมู่ฝูงชนด้วยเช่นกัน

 

นอกเหนือจากพวกเขาแล้ว ตาแก่ชิงและชายในชุดสีม่วงจากเผ่าปีศาจก็มองสนามฝึกผ่านหน้าต่างบนห้องอยู่

 

“นายน้อย เจอเจ้าหญิงฉวนหยายัง?”

 

ตาแก่ชิงถามด้วยความสงสัย การต่อสู้ในวันนี้นั้นเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อเมืองกลืนเมฆามากที่สุดแล้ว เพราะงั้นเจ้าหญิงฉวนหยาที่ค่อนข้างจะแก่นแก้วและร่าเริงก็ควรจะมาอยู่ที่นี่ด้วย

 

ชายในชุดสีม่วงส่ายหัวก่อนจะพูดว่า “ยังไม่เจอ”

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ท่ามกลางฝูงชน มีชายหนุ่มร่างผอมบางที่สวมเสื้อสีเทาขาดๆคนหนึ่งกําลังพยายามเบียดตัวไปข้างหน้า

 

“ขอโทษที! ขอทางหน่อย!”

 

ชายหนุ่มคนนั้นพยายามเบียดตัวไปข้างหน้าพลางตะโกนบอก ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะสกปรกไปบ้าง แต่เขาหล่อใช้ได้ทีเดียว ดวงตาของเขาทั้งสดใสและเปล่งประกายเผยออร่าความหล่อเหลาออกมา

 

ไม่นานนัก เขาก็เบียดตัวขึ้นไปข้างหน้าได้ และมองตรงไปยังจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจที่ยืนอยู่บนสนามฝึก ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

 

เขามองซ้ายขวาเพื่อดูว่าเทพกระบี่โจวมารียัง

 

ทันใดนั้น เขาก็เห็นเสี่ยวฉิงเฟิงและคุณนายจือฉุย ก่อนจะหันกลับมาด้วยความหวาดกลัว และรีบหันหลังกลับทันที

 

“ทําไมทั้งสองคนนั้นถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” เขาบ่นพึมพํา พลางเม้มริมฝีปาก

 

คนนึงเป็นถึงลูกสมุนขององค์ราชินี ส่วนอีกคนนั้นเป็นสาวใช้ของนางสนมเฉิน

 

หรือว่าจะมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นกันนะ?

 

พอคิดแบบนั้น เขาก็กลอกตามองด้วยความตื่นเต้น

 

และเขาก็เริ่มแอบมองเสี่ยวเฉิงเฟิงและคุณนายจือฉุยบ่อย

 

ที่สนามฝึกซ้อม จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจยืนพลางขมวดคิ้ว ตอนนี้ก็เที่ยงตรงแล้ว แต่ทําไมเทพกระบี่โจวถึงยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีก?

 

เขาไม่ได้ท้าทายเทพกระบี่โจวเพื่อชื่อเสียงหรือเพื่อแก้แค้นอะไร

 

แต่เขาทําเพียงเพราะได้ยินมาว่าเทพกระบี่โจวนั้นเป็นถึงสุดยอดผู้ที่สามารถบรรลุได้หลายจิตดาบ อีกทั้งเขายังสังหารศัตรูทั้งหมดของเขาได้ในดาบเดียวเท่านั้น เขาเลยอยากจะท้าประลองเทพกระบี่โจวสุดๆ

 

วิถีแห่งกระบี่ที่เขาไล่ตามอยู่มีเพียงหนทางแห่งการต่อสู้เท่านั้น!

 

ทางเดียวที่เขาจะขึ้นไปสู่จุดสูงสุดแห่งวิถีกระบี่ได้ก็คือ การเอาชนะจอมกระบี่ผู้ทรงพลังทีละคนๆ

 

แต่เขาก็ไม่ได้นับว่าเทพกระบี่โจวเป็นคู่ต่อสู้ด้วยหรืออะไร เลยเป็นเหตุผลว่าทําไมเขาถึงไม่ค่อยกังวลนัก

 

ยังไงซะก็ดูเหมือนว่าเทพกระบี่โจวจะเทียบเขาไม่ได้เลยสักนิด

 

ถึงเขาจะไม่มา ก็พอจะเข้าใจได้ล่ะนะ

 

แต่เมื่อ 2 วันก่อน ข่าวได้แพร่กระจายไปทั่วว่าเทพกระบี่โจวกําลังมา ซึ่งมันก็กระตุ้นให้เขาเริ่มสนใจในตัวเทพกระบี่โจวมากขึ้น

 

“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นเทพกระบี่โจวหรือเทพกระบี่ไหน ภายใต้ดาบราชันย์ของข้า ข้าจะทําให้เจ้าหวาดกลัวเสียจนไม่กล้าจะถือดาบอีกต่อไปเลย”

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจคิดอย่างมั่นใจ และภาพเงาก็สะท้อนผ่านขึ้นมาในใจเขา

 

ชายผู้เป็นเป้าหมายสูงสุดของเขา

 

จอมกระบี่ผู้สูงศักดิ์ เสี่ยวจิงหงยังไงล่ะ!

เมื่อไหร่ก็ตามที่เขานึกถึงเมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขาได้พ่ายแพ้ให้กับเสี่ยวจิงหง เขาก็อดที่จะกัดฟันแน่นไม่ได้

 

ฝูงชนที่สังเกตเห็นสีหน้าของเขา ก็คิดว่าเขาเริ่มจะหมดความอดทน

 

“นี่เทพกระบี่โจวจะมาหรือไม่มาเนี่ย?!”

 

เสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความฉุนเฉียวดังขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน แต่เพราะคนที่พลุกพล่านอยู่มาก เลยไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดกันแน่

 

จางหรูหยูที่ได้ยินก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “ถ้าเทพกระบี่โจวบอกว่าเขาจะมา เขาก็ต้องมาแน่ๆ! เขาน่ะคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!”

 

ผู้คนที่อยู่รอบๆตัวเขา ทั้งหมดต่างหันมามองเขาด้วยสีหน้าที่แปลกใจ

 

นี่มันลูกชายของจางเถียนเจียนไม่ใช่หรอ?

 

ไม่ใช่ว่าจางเถียนเจียนอคติกับเทพกระบี่โจวสุดๆหรอ?

 

หรือว่าคนทรยศนั่นจะมาจากตระกูลจางกัน?

 

จางหรูหยูไม่ได้สนใจความเห็นของผู้คนสักเท่าไหร่ เขาเคารพในตัวเทพกระบี่โจวจริง และกล้าที่จะแสดงออกมาด้วยเสียงที่ดังสนั่น!

 

ฟิ้ววววว

 

ในตอนนั้นเอง เสียงที่บินลอยตัดผ่านลมก็ดังขึ้นแทรกเสียงโหวกเหวกที่อยู่รอบๆสนามฝึก

 

ดาบเล่มบางลอยข้ามอาคารและร่อนลงห่างออกไป 5 หลา ต่อหน้าจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ ใบมีดปักลงสู่พื้น และสั่นสะเทือนอย่างไม่หยุด

 

ดาบผ่าวายุ!

 

เมื่อได้เห็นดาบนี้ จอมกระบี่แดนเหนือถึงกับหรี่ตาลงและอุทานออกมาด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “ดาบดีนี่!”

 

ทั้งสถานที่ตกอยู่ในความเงียบ ผู้คนเริ่มหันไปมองราวกับคลื่น และมองดูว่าดาบนั้นมาจากไหน

 

พวกเขาเห็นเพียงเงาเล็กๆ ที่กําลังลอยอยู่บนดาบ

 

เขาสูงประมาณ 4 ฟุตและสวมเสื้อคลุมยาวสีดําปักลูกไม้ลิ่มทอง หน้ากากสีเงินสวมอยู่บนใบหน้า ขณะที่เขาไพลมือไว้ข้างหลัง และยืนอยู่บนดาบยาวสีเงินดําที่แสนจะงดงาม

 

เขานั้นคือโจวฉวนจีนั่นเอง!

 

ด้วยดาบราชาโลกันตร์แล้ว เขาก็สามารถไปถึงสนามฝึกได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะมองลงไปยังจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ

 

“เทพกระบี่โจวอยู่ที่นี่แล้ว!”

 

จางหรูหยูตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้โจวฉวนจีจะสวมหน้ากากอยู่ แต่เขาก็ยังรู้ได้ในทันที

 

จอมกระบี่เพียงผู้เดียวที่มีรูปลักษณ์และออร่าที่พิเศษยิ่งกว่าใคร จะเป็นใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่เทพกระบี่โจว?

 

ความตื่นเต้นของเขาได้ปลุกระดมคนอื่นๆขึ้นมาด้วยเหมือนกัน

 

แม้ว่าคนอื่นจะไม่อยากให้เทพกระบี่โจวดูน่าประทับใจสักเท่าไหร่

แต่พวกเขาก็อยู่ที่นั่นเพียงเพื่อสนุกกับโชว์ที่กําลังจะเกิดขึ้นเท่านั้น

 

“งั้นนี่ก็คือเทพกระบี่โจวหรอ? เขาดูเหมือนกับเด็กเลยนะนั่น”

 

“เจ้าพูดอะไรนะ? เขาย้อนคืนวัยต่างหากล่ะ!”

 

“เขาสวมหน้ากากอยู่นี้ ดูเหมือนเขากลัวจะขายขี้หน้ามากเลยนะนั้น”

 

“ดาบของเขาดูทรงพลังมากเลย ถึงข้าจะไม่แน่ใจว่าระดับอะไรก็เถอะ”

 

“ฮ่า ๆ มันก็แค่การแสดงเปิดตัวเท่านั้นแหละ ถ้าเกิดเขาคุกเข่าขอขมาขึ้นมา มันจะน่าอับอายสักแค่ไหนกันนะ?”

 

เหล่าผู้ชมเริ่มพูดคุยกันทีละคนๆ และสายตาทั้งหมดก็จับจ้องไปยังโจวฉวนจี

 

ชายในชุดสีม่วงส่ายหัวและพูดขึ้นว่า “ระดับสร้างรากฐาน ขั้นที่ 6 ท้าทายระดับบรรลุญาณขั้นที่ 3 งั้นหรอ เขากําลังรนหาที่ตายอยู่ชัดๆ”

 

ถึงโจวฉวนจีจะใช้อาคมซ่อนปราณอยู่ แต่ชายคนนั้นก็ยังมองเห็นระดับวรยุทธของเขาได้อยู่ดี

 

ตาแก่หัวเราะเบาๆ “พวกเด็กวัยรุ่นบ้าบิ่นมันก็มีอยู่ทั่วโลกนั่นแหละ”

 

นอกจากพวกเขาแล้ว เสียวเฉิงเฟิงและคุณนายจือฉุยก็ส่ายหัวเช่นกัน

 

เสี่ยวเฉิงเพิ่งหัวเราะกับตัวเอง “ดูเหมือนว่าข้าจะคาดหวังมากเกินไปสินะ”

 

เขาคิดว่ามันจะต้องเป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมแน่

 

แต่ดูจะเสียเวลาเปล่าซะแล้ว

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจมองเห็นระดับวรยุทธของโจวฉวนจีได้ทันที ก่อนจะพูดพลางขมวดคิ้วว่า “นี่เจ้าไม่รู้หรอว่า ข้าขึ้นระดับบรรลุญาณแล้วน่ะ?”

 

ระดับรักษาปราณ ระดับสร้างรากฐาน ระดับบรรลุญาณ ระดับบัวภายใน ระดับผุดวิญญาณ ระดับราศีกําเนิด ระดับราศีคาดการณ์ ระดับขัดเกลาวิญญาณ และระดับนิพพาน!

 

ความต่างในแต่ละระดับนั้นมีมากเสียจนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเหนือกว่าอีกฝ่ายนึ่งได้

 

โจวฉวนจีจ้องมองไปยังเขาและพูดว่า “ผู้แข็งแกร่งนั้นไม่จําเป็นต้องเข้าใจผู้อ่อนแอหรอก”

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจทํานิ่ว นี่หัวของเจ้านี่มัน ผิดปกติไปแล้วรึไงกัน?

 

เหล่าผู้ชมรอบๆสนามฝึกต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจ

 

ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นกระพริบตาปริบๆ มองไปยังโจวฉวนจีด้วยความสงสัย

 

ชายคนนี้นี่หยิ่งซะจริง!

 

ขณะเดียวกัน แววตาของจางหรูหยูก็เปล่งประกาย นี่มันเทพกระบี่โจวแน่นอน เขาคือคนที่โดดเด่นที่สุดในยุคของพวกเราเลยล่ะ

 

ชายในชุดสีม่วงหัวเราะพลางส่ายหัวและพูดว่า “ไอเด็กนี่ มันพิเศษซะจริง”

 

คําว่า “พิเศษ” ของเขานั้นแฝงความหมายเชิงดูถูกเอาไว้

 

“หึ!”

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจถอนหายใจ เขาหยิ่งพอที่จะทนต่อคําดูถูกของผู้อื่นได้ยังไงกัน?

 

เขากระโดดลงมาทันที และดาบที่อยู่ใต้เท้าของเขาก็ดึงขึ้นมาจากพื้นและร่อนลงสู่มือเขา ด้วยการเคลื่อนไหวนั้น เขาก็ฟาดฟันเข้าใส่โจวฉวนจีทันที

 

เขาว่องไวมาก การเคลื่อนไหวทั้งหมดของเขานั้นใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวิเลยด้วยซ้ํา

 

โจวฉวนจีพุ่งไปยังด้านหลังของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจด้วย 8 ก้าวทะลวงกระบี่ เขายกมือขวาขึ้น และดาบราชาโลกันตร์ก็ลอยมาอยู่ในมือเขา

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจร่อนลงขณะที่หันไปไปถามด้วยความประหลาดใจ “นี่เจ้าใช้วิชาเคลื่อนไหวอะไรกัน?”

 

ฟิ้ววววว

 

พืบบบบ!

 

ประกายแสงที่เย็นเฉียบสว่างวาบขึ้นมา จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจจึงเอี้ยวหัวหลบตามสัญชาตญาณ แต่แก้มของเขาก็ยังโดนดาบผ่าวายุเฉือนเข้าจนเลือดไหลออกมาอยู่ดี

 

ก่อนหน้านี้ดาบผ่าวายุยังปักอยู่ที่พื้นอยู่ จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจเลยไม่ได้สนใจมัน เพราะงั้นเขาเลยเสียเปรียบยังไง

 

สีหน้าของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจเริ่มซีดหยั่งกับเป็นศพในทันที และแววตาของเขาก็เริ่มปล่อยจิตสังหารออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 37 : ผู้แข็งแกร่งไม่จําเป็นต้องเข้าใจผู้อ่อนแอ

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 37 : ผู้แข็งแกร่งไม่จําเป็นต้องเข้าใจผู้อ่อนแอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 37 : ผู้แข็งแกร่งไม่จําเป็นต้องเข้าใจผู้อ่อนแอ

 

2 วันต่อมา

 

ณ เมืองกลืนเมฆา จัตุรัสสนามฝึกซ้อม

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจยังคนยืนอยู่บนดาบเช่นเดิม แต่คราวนี้เขากลับลืมตาอยู่

 

รอบสนามฝึกนั้นรายล้อมไปด้วยผู้คนไม่ต่ํากว่าพันคน

 

“ข้าได้ยินมาว่าเทพกระบี่โจวจะตอบรับคําท้าวันนี้ใช่มั้ย?”

 

“ใช่แล้ว ข่าวมันแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองแล้ว”

 

“ชิ แล้วเจ้าคิดว่าใครจะแกร่งกว่ากันล่ะ? ระหว่างเทพกระบี่โจว กับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจน่ะ?”

 

“จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจน่าจะแกร่งกว่านะ ยังไงเขาก็ดังมาได้สักพักแล้วหนิ”

 

“แถมพวกโจรที่พ่ายแพ้ให้กับเทพกระบี่โจวทั้งหมดก็ยังเป็นแค่ระดับสร้างรากฐานอยู่เลย พวกมันไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นซักหน่อย”

 

ผู้คนต่างเริ่มพูดคุยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการของแต่ละฝ่าย ถึงแม้ส่วนใหญ่จะไม่เข้าข้างเทพกระบี่โจวแต่พวกเขาก็ยังรอและหวังว่าเขาจะปรากฏตัวออกมา

 

เสี่ยวเฉิงเฟิง คุณจายจือฉุย และจางหรูหยูก็อยู่ในหมู่ฝูงชนด้วยเช่นกัน

 

นอกเหนือจากพวกเขาแล้ว ตาแก่ชิงและชายในชุดสีม่วงจากเผ่าปีศาจก็มองสนามฝึกผ่านหน้าต่างบนห้องอยู่

 

“นายน้อย เจอเจ้าหญิงฉวนหยายัง?”

 

ตาแก่ชิงถามด้วยความสงสัย การต่อสู้ในวันนี้นั้นเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อเมืองกลืนเมฆามากที่สุดแล้ว เพราะงั้นเจ้าหญิงฉวนหยาที่ค่อนข้างจะแก่นแก้วและร่าเริงก็ควรจะมาอยู่ที่นี่ด้วย

 

ชายในชุดสีม่วงส่ายหัวก่อนจะพูดว่า “ยังไม่เจอ”

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ท่ามกลางฝูงชน มีชายหนุ่มร่างผอมบางที่สวมเสื้อสีเทาขาดๆคนหนึ่งกําลังพยายามเบียดตัวไปข้างหน้า

 

“ขอโทษที! ขอทางหน่อย!”

 

ชายหนุ่มคนนั้นพยายามเบียดตัวไปข้างหน้าพลางตะโกนบอก ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะสกปรกไปบ้าง แต่เขาหล่อใช้ได้ทีเดียว ดวงตาของเขาทั้งสดใสและเปล่งประกายเผยออร่าความหล่อเหลาออกมา

 

ไม่นานนัก เขาก็เบียดตัวขึ้นไปข้างหน้าได้ และมองตรงไปยังจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจที่ยืนอยู่บนสนามฝึก ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

 

เขามองซ้ายขวาเพื่อดูว่าเทพกระบี่โจวมารียัง

 

ทันใดนั้น เขาก็เห็นเสี่ยวฉิงเฟิงและคุณนายจือฉุย ก่อนจะหันกลับมาด้วยความหวาดกลัว และรีบหันหลังกลับทันที

 

“ทําไมทั้งสองคนนั้นถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” เขาบ่นพึมพํา พลางเม้มริมฝีปาก

 

คนนึงเป็นถึงลูกสมุนขององค์ราชินี ส่วนอีกคนนั้นเป็นสาวใช้ของนางสนมเฉิน

 

หรือว่าจะมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นกันนะ?

 

พอคิดแบบนั้น เขาก็กลอกตามองด้วยความตื่นเต้น

 

และเขาก็เริ่มแอบมองเสี่ยวเฉิงเฟิงและคุณนายจือฉุยบ่อย

 

ที่สนามฝึกซ้อม จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจยืนพลางขมวดคิ้ว ตอนนี้ก็เที่ยงตรงแล้ว แต่ทําไมเทพกระบี่โจวถึงยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีก?

 

เขาไม่ได้ท้าทายเทพกระบี่โจวเพื่อชื่อเสียงหรือเพื่อแก้แค้นอะไร

 

แต่เขาทําเพียงเพราะได้ยินมาว่าเทพกระบี่โจวนั้นเป็นถึงสุดยอดผู้ที่สามารถบรรลุได้หลายจิตดาบ อีกทั้งเขายังสังหารศัตรูทั้งหมดของเขาได้ในดาบเดียวเท่านั้น เขาเลยอยากจะท้าประลองเทพกระบี่โจวสุดๆ

 

วิถีแห่งกระบี่ที่เขาไล่ตามอยู่มีเพียงหนทางแห่งการต่อสู้เท่านั้น!

 

ทางเดียวที่เขาจะขึ้นไปสู่จุดสูงสุดแห่งวิถีกระบี่ได้ก็คือ การเอาชนะจอมกระบี่ผู้ทรงพลังทีละคนๆ

 

แต่เขาก็ไม่ได้นับว่าเทพกระบี่โจวเป็นคู่ต่อสู้ด้วยหรืออะไร เลยเป็นเหตุผลว่าทําไมเขาถึงไม่ค่อยกังวลนัก

 

ยังไงซะก็ดูเหมือนว่าเทพกระบี่โจวจะเทียบเขาไม่ได้เลยสักนิด

 

ถึงเขาจะไม่มา ก็พอจะเข้าใจได้ล่ะนะ

 

แต่เมื่อ 2 วันก่อน ข่าวได้แพร่กระจายไปทั่วว่าเทพกระบี่โจวกําลังมา ซึ่งมันก็กระตุ้นให้เขาเริ่มสนใจในตัวเทพกระบี่โจวมากขึ้น

 

“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นเทพกระบี่โจวหรือเทพกระบี่ไหน ภายใต้ดาบราชันย์ของข้า ข้าจะทําให้เจ้าหวาดกลัวเสียจนไม่กล้าจะถือดาบอีกต่อไปเลย”

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจคิดอย่างมั่นใจ และภาพเงาก็สะท้อนผ่านขึ้นมาในใจเขา

 

ชายผู้เป็นเป้าหมายสูงสุดของเขา

 

จอมกระบี่ผู้สูงศักดิ์ เสี่ยวจิงหงยังไงล่ะ!

เมื่อไหร่ก็ตามที่เขานึกถึงเมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขาได้พ่ายแพ้ให้กับเสี่ยวจิงหง เขาก็อดที่จะกัดฟันแน่นไม่ได้

 

ฝูงชนที่สังเกตเห็นสีหน้าของเขา ก็คิดว่าเขาเริ่มจะหมดความอดทน

 

“นี่เทพกระบี่โจวจะมาหรือไม่มาเนี่ย?!”

 

เสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความฉุนเฉียวดังขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน แต่เพราะคนที่พลุกพล่านอยู่มาก เลยไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดกันแน่

 

จางหรูหยูที่ได้ยินก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “ถ้าเทพกระบี่โจวบอกว่าเขาจะมา เขาก็ต้องมาแน่ๆ! เขาน่ะคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!”

 

ผู้คนที่อยู่รอบๆตัวเขา ทั้งหมดต่างหันมามองเขาด้วยสีหน้าที่แปลกใจ

 

นี่มันลูกชายของจางเถียนเจียนไม่ใช่หรอ?

 

ไม่ใช่ว่าจางเถียนเจียนอคติกับเทพกระบี่โจวสุดๆหรอ?

 

หรือว่าคนทรยศนั่นจะมาจากตระกูลจางกัน?

 

จางหรูหยูไม่ได้สนใจความเห็นของผู้คนสักเท่าไหร่ เขาเคารพในตัวเทพกระบี่โจวจริง และกล้าที่จะแสดงออกมาด้วยเสียงที่ดังสนั่น!

 

ฟิ้ววววว

 

ในตอนนั้นเอง เสียงที่บินลอยตัดผ่านลมก็ดังขึ้นแทรกเสียงโหวกเหวกที่อยู่รอบๆสนามฝึก

 

ดาบเล่มบางลอยข้ามอาคารและร่อนลงห่างออกไป 5 หลา ต่อหน้าจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ ใบมีดปักลงสู่พื้น และสั่นสะเทือนอย่างไม่หยุด

 

ดาบผ่าวายุ!

 

เมื่อได้เห็นดาบนี้ จอมกระบี่แดนเหนือถึงกับหรี่ตาลงและอุทานออกมาด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “ดาบดีนี่!”

 

ทั้งสถานที่ตกอยู่ในความเงียบ ผู้คนเริ่มหันไปมองราวกับคลื่น และมองดูว่าดาบนั้นมาจากไหน

 

พวกเขาเห็นเพียงเงาเล็กๆ ที่กําลังลอยอยู่บนดาบ

 

เขาสูงประมาณ 4 ฟุตและสวมเสื้อคลุมยาวสีดําปักลูกไม้ลิ่มทอง หน้ากากสีเงินสวมอยู่บนใบหน้า ขณะที่เขาไพลมือไว้ข้างหลัง และยืนอยู่บนดาบยาวสีเงินดําที่แสนจะงดงาม

 

เขานั้นคือโจวฉวนจีนั่นเอง!

 

ด้วยดาบราชาโลกันตร์แล้ว เขาก็สามารถไปถึงสนามฝึกได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะมองลงไปยังจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ

 

“เทพกระบี่โจวอยู่ที่นี่แล้ว!”

 

จางหรูหยูตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้โจวฉวนจีจะสวมหน้ากากอยู่ แต่เขาก็ยังรู้ได้ในทันที

 

จอมกระบี่เพียงผู้เดียวที่มีรูปลักษณ์และออร่าที่พิเศษยิ่งกว่าใคร จะเป็นใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่เทพกระบี่โจว?

 

ความตื่นเต้นของเขาได้ปลุกระดมคนอื่นๆขึ้นมาด้วยเหมือนกัน

 

แม้ว่าคนอื่นจะไม่อยากให้เทพกระบี่โจวดูน่าประทับใจสักเท่าไหร่

แต่พวกเขาก็อยู่ที่นั่นเพียงเพื่อสนุกกับโชว์ที่กําลังจะเกิดขึ้นเท่านั้น

 

“งั้นนี่ก็คือเทพกระบี่โจวหรอ? เขาดูเหมือนกับเด็กเลยนะนั่น”

 

“เจ้าพูดอะไรนะ? เขาย้อนคืนวัยต่างหากล่ะ!”

 

“เขาสวมหน้ากากอยู่นี้ ดูเหมือนเขากลัวจะขายขี้หน้ามากเลยนะนั้น”

 

“ดาบของเขาดูทรงพลังมากเลย ถึงข้าจะไม่แน่ใจว่าระดับอะไรก็เถอะ”

 

“ฮ่า ๆ มันก็แค่การแสดงเปิดตัวเท่านั้นแหละ ถ้าเกิดเขาคุกเข่าขอขมาขึ้นมา มันจะน่าอับอายสักแค่ไหนกันนะ?”

 

เหล่าผู้ชมเริ่มพูดคุยกันทีละคนๆ และสายตาทั้งหมดก็จับจ้องไปยังโจวฉวนจี

 

ชายในชุดสีม่วงส่ายหัวและพูดขึ้นว่า “ระดับสร้างรากฐาน ขั้นที่ 6 ท้าทายระดับบรรลุญาณขั้นที่ 3 งั้นหรอ เขากําลังรนหาที่ตายอยู่ชัดๆ”

 

ถึงโจวฉวนจีจะใช้อาคมซ่อนปราณอยู่ แต่ชายคนนั้นก็ยังมองเห็นระดับวรยุทธของเขาได้อยู่ดี

 

ตาแก่หัวเราะเบาๆ “พวกเด็กวัยรุ่นบ้าบิ่นมันก็มีอยู่ทั่วโลกนั่นแหละ”

 

นอกจากพวกเขาแล้ว เสียวเฉิงเฟิงและคุณนายจือฉุยก็ส่ายหัวเช่นกัน

 

เสี่ยวเฉิงเพิ่งหัวเราะกับตัวเอง “ดูเหมือนว่าข้าจะคาดหวังมากเกินไปสินะ”

 

เขาคิดว่ามันจะต้องเป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมแน่

 

แต่ดูจะเสียเวลาเปล่าซะแล้ว

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจมองเห็นระดับวรยุทธของโจวฉวนจีได้ทันที ก่อนจะพูดพลางขมวดคิ้วว่า “นี่เจ้าไม่รู้หรอว่า ข้าขึ้นระดับบรรลุญาณแล้วน่ะ?”

 

ระดับรักษาปราณ ระดับสร้างรากฐาน ระดับบรรลุญาณ ระดับบัวภายใน ระดับผุดวิญญาณ ระดับราศีกําเนิด ระดับราศีคาดการณ์ ระดับขัดเกลาวิญญาณ และระดับนิพพาน!

 

ความต่างในแต่ละระดับนั้นมีมากเสียจนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเหนือกว่าอีกฝ่ายนึ่งได้

 

โจวฉวนจีจ้องมองไปยังเขาและพูดว่า “ผู้แข็งแกร่งนั้นไม่จําเป็นต้องเข้าใจผู้อ่อนแอหรอก”

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจทํานิ่ว นี่หัวของเจ้านี่มัน ผิดปกติไปแล้วรึไงกัน?

 

เหล่าผู้ชมรอบๆสนามฝึกต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจ

 

ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นกระพริบตาปริบๆ มองไปยังโจวฉวนจีด้วยความสงสัย

 

ชายคนนี้นี่หยิ่งซะจริง!

 

ขณะเดียวกัน แววตาของจางหรูหยูก็เปล่งประกาย นี่มันเทพกระบี่โจวแน่นอน เขาคือคนที่โดดเด่นที่สุดในยุคของพวกเราเลยล่ะ

 

ชายในชุดสีม่วงหัวเราะพลางส่ายหัวและพูดว่า “ไอเด็กนี่ มันพิเศษซะจริง”

 

คําว่า “พิเศษ” ของเขานั้นแฝงความหมายเชิงดูถูกเอาไว้

 

“หึ!”

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจถอนหายใจ เขาหยิ่งพอที่จะทนต่อคําดูถูกของผู้อื่นได้ยังไงกัน?

 

เขากระโดดลงมาทันที และดาบที่อยู่ใต้เท้าของเขาก็ดึงขึ้นมาจากพื้นและร่อนลงสู่มือเขา ด้วยการเคลื่อนไหวนั้น เขาก็ฟาดฟันเข้าใส่โจวฉวนจีทันที

 

เขาว่องไวมาก การเคลื่อนไหวทั้งหมดของเขานั้นใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวิเลยด้วยซ้ํา

 

โจวฉวนจีพุ่งไปยังด้านหลังของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจด้วย 8 ก้าวทะลวงกระบี่ เขายกมือขวาขึ้น และดาบราชาโลกันตร์ก็ลอยมาอยู่ในมือเขา

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจร่อนลงขณะที่หันไปไปถามด้วยความประหลาดใจ “นี่เจ้าใช้วิชาเคลื่อนไหวอะไรกัน?”

 

ฟิ้ววววว

 

พืบบบบ!

 

ประกายแสงที่เย็นเฉียบสว่างวาบขึ้นมา จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจจึงเอี้ยวหัวหลบตามสัญชาตญาณ แต่แก้มของเขาก็ยังโดนดาบผ่าวายุเฉือนเข้าจนเลือดไหลออกมาอยู่ดี

 

ก่อนหน้านี้ดาบผ่าวายุยังปักอยู่ที่พื้นอยู่ จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจเลยไม่ได้สนใจมัน เพราะงั้นเขาเลยเสียเปรียบยังไง

 

สีหน้าของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจเริ่มซีดหยั่งกับเป็นศพในทันที และแววตาของเขาก็เริ่มปล่อยจิตสังหารออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+