หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 43 : ขึ้นสู่ตารางจัดอันดับผู้มีชื่อเสียงแห่งมหาจักรวรรดิโจว

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 43 : ขึ้นสู่ตารางจัดอันดับผู้มีชื่อเสียงแห่งมหาจักรวรรดิโจว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 43 : ขึ้นสู่ตารางจัดอันดับผู้มีชื่อเสียงแห่งมหาจักรวรรดิโจว

 

*อยากจะเป็นทาสข้าไปชั่วชีวิตเนี่ยนะ?

 

โจวฉวนจีหยุดเดินและหันหลังกลับไป ก่อนจะเห็นจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจอยู่ในท่าคุกเข่าแล้วเขาก็ใจอ่อนนิดหน่อย

 

เขาเห็นเลือดที่ไหลซิบลงมาตามหน้าผากของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ ราวกับดอกไม้โลหิตที่เบ่งบานอยู่บนดิน

 

เจียงฉือน้อยเบ้ปากพลางพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเขาหยิ่งสุด ๆ ไปเลยหรอ?”

 

เขารู้สึกลังเลใจ ก็ดูจะไม่อันตรายอะไรนะ ถ้าจะเอาจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจมาอยู่ใต้อํานาจเขาน่ะ

 

เพราะยังไงซะ เขาก็ต้องทําตามแผนล้างแค้นที่วางไว้ต่อไปอยู่ดี

 

พอคิดแบบนั้นแล้ว เขาก็พูดกับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจว่า “10 วันหลังจากนี้ ถ้าข้าเจอเจ้าที่หน้าประตูทางเข้าหลักของเขตชายแดนอีกข้าจะรับเจ้ามาเป็นทาสของข้า เอง”

 

หลังจากที่พูดจบ เขาก็จากไปพร้อมกับเจียงฉือน้อย

 

เมื่อจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกดีใจขึ้นมาเขารีบเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะร้องออกมาว่า “ขอบคุณท่านจริง ๆ นายท่านของข้า!”

 

แต่เส้นชีพจรสําคัญทั่วร่างของเขานั้นฉีกขาดหมดดังนั้นการจะไปยังเขตชายแดนภายใน 10 วันได้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย

 

โจวฉวนจีไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจะรีบจากไปพร้อมกับเจียงฉือน้อย

 

เหล่าจอมยุทธและผู้คนทั่วไปไม่ได้ไล่ตามเขาไป เพราะกลัวว่าจะไปมีเรื่องกับเทพกระบี่โจว

หลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นเหตุการณ์เลวร้ายมาได้ด้วยดีข่าวเกี่ยวกับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจได้กลายมาเป็นทาสรับใช้ของเทพกระบโจวก็กลายเป็นข่าวดังไปในที่สุด

 

จางหรูหยูมองไปยังจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจพลางกรอกตาและคิดในใจ

 

การที่ได้มาเห็นจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มของเทพกระบีโจว มันก็ทําให้เขารู้สึกอิจฉานิดหน่อยเหมือนกัน

 

แต่การที่ต้องมากลายเป็นทาสจอมกระบี่มันก็หมายความว่าเขาจะสูญเสียอิสระเช่นกัน เพราะงั้นเขาจะไม่ทําแบบนั้นแน่นอน

 

เขาควรชื่นชมเทพกระบี่โจวแค่ภายในใจเท่านั้น

 

โจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยรีบเดินน้ําอ้าวผ่านตรอกแห่งหนึ่งตรงไปยังประตูเมือง

 

“นี่เจ้าคิดจะเอาเขาไปด้วยจริง ๆ หรอ?”

 

เจียงฉือน้อยถามด้วยความรู้สึกไม่เต็มใจ เธอรักช่วงเวลาที่ได้อยู่สองต่อสองกับโจวฉวนจีมาก เลยรู้สึกไม่สบายใจสักเท่าไหร่ที่จะมีคนอื่นมาร่วมทางไปด้วย

 

โจวฉวนจีพูด “ไม่ต้องห่วงหรอก พอถึงเวลาจริง ๆ ข้าจะปล่อยให้เขาอยู่ด้านนอกหุบเขาเป็นยามเฝ้าที่ให้พวกเราเอง”

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจนั้นมีพรสวรรค์และค่อนข้างจะเก่งทีเดียว

 

ถึงแม้จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจจะเป็นภัยต่อราชินีแห่งมหาจักรวรรดิโจวไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้แย่อะไรถ้าเขาจะมีคนคอยวิ่งงานให้เขาสักคนล่ะนะ

 

เจียงฉือน้อยเริ่มเข้าใจและรู้สึกว่ามันก็สมเหตุสมผลดี

 

ด้วยความสามารถของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจถ้าทั้งสองเจออันตรายเข้าเมื่อไหร่ เขาก็จะกลายเป็นโล่ให้กับพวกเขาได้

 

พวกเขายังคงมุ่งหน้าต่อไป

 

หลังจากที่เดินผ่านถนนมาได้ 2 เส้น โจวฉวนจีก็หยุดลงกระทันหัน

 

แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยความโกรธเคืองเขาหันกลับไปและตะโกนขึ้นว่า “ใครตามข้ามาอีกกันห้ะ?”

 

เจียงฉือน้อยที่ได้ยินเหมือนกัน ก็หันไปมองด้วยความกังวล

 

และเธอก็เห็นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีดําคนหนึ่งเดินออกมาจากมุม นางดูสวยมาก เรือนผมยาวสลวยถูกม้วนรวบขึ้นไว้ด้านบนศรีษะแม้ใบหน้าของนางจะดูเย็นชา แต่โดย รวมกลับดูมีเสน่ห์เหลือเกิน

 

“เจ้าเป็นใครกัน?” โจวฉวนจีถามด้วยเสียงต่ํา

 

เขามองออกว่าหญิงสาวคนนี้มีวรยุทธอยู่แค่ระดับสร้างรากฐานขั้นที่ 1 เท่านั้นนางเลยไม่ได้เป็นอันตรายอะไรกับเขา

 

หญิงสาวในชุดสีดํากัดฟันเดินตรงไปหาเขา ก่อนจะคุกเข่า ลงและพูดขึ้นว่า“คารวะท่านพวกเราเคยเจอกันมาก่อนข้าคือคนที่อยากจะเป็นสาวใช้ให้แก่ท่านแต่ท่านก็ปฏิเสธข้าไปเจ้าค่ะ”

 

“เจ้านั่นเอง!”

 

เจียงฉือน้อยเบิกตากว้างตกใจ ในตอนนั้น ใบหน้าของ นางเปื้อนฝุ่นเต็มไปหมดเธอเลยไม่คิดว่านางจะดูสวยขนาด

 

หญิงสาวในชุดสีดําพยักหน้าและพูดขึ้นว่า “ข้ามีนามว่า ฮวงเหลี่ยนชิ้นข้าอยากให้ท่านพาข้าไปด้วยจริง ๆ เพราะตอนนี้ข้าไม่มีที่ไปแล้วเจ้าค่ะ”

 

โจวฉวนจีพูดพลางขมวดคิ้ว “บอกข้ามาตรง ๆ เจ้าต้องการอะไรกันแน่!”

 

หญิงสาวมุ่งมั่นที่จะมาเป็นสาวใช้ของเขาให้ได้จริง ๆ ดังนั้นมันต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่เป็นแน่

 

ฮวงเหลี่ยนชินก้มหน้าลงและหายใจเข้าลึก ๆ “ข้าอยากจะล้างแค้นเจ้าค่ะ” นางกล่าว

 

กะไว้แล้วเชียว!

 

โจวฉวนจีสบถภายในใจ ข้ายังไม่ได้ล้างแค้นในส่วนเรื่องข้าเลยสักนิดแล้วมาตอนนี้เจ้าอยากจะให้ข้าช่วยเนี่ยนะ?

 

“ความจริงก็คือ ข้ามีความแค้นฝังลึกกับคนในราชวงค์ของมหาจักรวรรดิโจวเจ้าค่ะ”

 

ฮวงเหลี่ยนชินยังคงพูดต่อไปโดยไม่รู้เลยว่าโจวฉวนอีกำลังคิดบางอย่างอยู่

 

กับคนในราชวงศ์ของมหาจักวรรดิโจวงั้นหรอ?

 

“อ้อ?” โจวฉวนจีหรี่ตาลงก่อนจะถามว่า “คนไหนในราชวงศ์ของมหาจักรวรรดิโจวล่ะ”

 

“โจวหยาหลงเจ้าค่ะ!” ฮวงเหลี่ยนชินกัดฟันของนางพลางพูดต่อว่า “เมื่อตอนที่ข้ายังเด็ก โจวหยาหลงได้มายังเมืองที่ข้าอาศัยอยู่แต่เขากลับเสียสติจากการฝึกวรยุทธและ ไล่ฆ่าคนทั้งเมืองพ่อของข้าได้ซ่อนข้าไว้ในห้องใต้ดิน ข้าเลย รอดมาได้เจ้าค่ะ”

 

“ทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยเพลิงโหมกระหน่ําและซากศพเกลี่อนกลาด… ข้าไม่มีทางลืมเหตุการณ์ในวันนั้นได้เลย…”

 

โจวฉวนจีรู้สึกตกใจ โจวหยาหลงเสียสติจากการฝึกวรยุทธเนี่ยนะ?

 

ทําไมข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนั้นมาก่อนเลย?

 

แต่หลังจากที่ลองคิด ๆ ดูมันก็ดูมีเหตุผลอยู่ถ้าข่าวแบบนี้แพร่กระจายออกไป มันจะต้องส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของโจว หยาหลงแน่นอนเพราะงั้นก็เป็นไปได้ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่ง ที่เกิดขึ้นในวันนั้นจะถูกปิดบังเอาไว้

 

มีเมืองอยู่มากมายในมหาจักรวรรดิโจว การทําลายแค่เมีอง ๆ เดียวยังไงก็ไม่ได้มีผลกระทบสําคัญอะไรต่อทั้งจักรวรรดิอยู่แล้ว

 

“แต่นั่นคือ โจวหยาหลง เลยนะ เจ้าอยากให้ข้าไปตายรีไง?”

 

โจวฉวนจีดูจะไม่แยแสนักขณะที่พูดเจียงฮือนน้อยมองไปยังฮวงเหลี่ยนชิ้นด้วยความระแวง

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อตอนที่เธอถูกพวก 17 อสูรวายุทองคําจับตัวไปเธอก็เคยได้ยินตํานานเกี่ยวกับโจวหยาหลงมาเหมือนกัน

 

โจวหยานั้นมีพลังที่มากกว่าจอมกระบี่ผู้สูงศักดิ์ เสี่ยวจิงงนัก

 

ที่สําคัญกว่านั้น เขาก็มีแนวโน้มจะได้สืบทอดเป็นองค์จักรพรรดิแห่งมหาจักรวรรดิโจวด้วยและทั่วทั้งมหาจักรวรรดิโจวก็จะตกไปอยู่ในกํามือเขา

 

จักรพรรดิแห่งมหาจักรวรรดิโจวนะ ยังมีอํานาจมากกว่าราชวงศ์ปีศาจกู่หลานเสียอีก

 

ฮวงเหลี่ยนชินเงยหน้าขึ้นและพูดตอบ “เพราะว่าท่านนั้นมีพรสวรรค์มากเป็นไหน ๆ ข้าได้เห็นมากับตาตนเองแล้วว่าถึงท่านจะยังอายุไม่ถึง 10 ขวบแต่ท่านก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว จริง ๆ และด้วยพรสวรรค์ของท่านแล้วข้าแน่ใจว่าท่านจะต้องต่อกรกับโจวหยาหลงได้แน่นอนเจ้าค่ะ”

 

โจวฉวนจีขมวดคิ้วและถามขึ้นมา “แล้วเจ้าแน่ใจได้ยังไงว่าข้าอายุน้อยกว่า 10 ขวบน่ะ?”

 

ฮวงเหลี่ยนชินตอบด้วยความจริงใจว่า “ข้ามีความสามารถพิเศษตั้งแต่จําความได้ ข้าก็สามารถมองทะลุชีพจรสําคัญทั่วร่างและกระดูกของมนุษย์ได้เจ้าค่ะและจากประสบ กาณ์ของข้า ข้าเลยตัดสินอายุของท่านจากกระดูกได้ว่าท่านมีอายุไม่ถึง10 ปีเจ้าค่ะ”

 

โจวฉวนจีรู้สึกตกใจเช่นเดียวกับเจียงฉือน้อย

 

สายตาที่มองทะลุได้งั้นหรอ?

 

โจวฉวนจีมองนางด้วยความชื่นชม นางคนนี้ช่างโชคดีซะจริง

 

ถ้านางมีความสามารถแบบนั้นจริง งั้นนางก็มีค่าพอที่จะเลี้ยงดู

 

เขาก็ได้ทาสจอมกระบี่มาด้วยแล้ว ทําไมเขาจะมีเพิ่มอีกสักคนไม่ได้ล่ะ?

 

ยังไงเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับราชินีแห่งมหาจักรวรรดิโจวในอนาคตด้วยอยู่ดี เพราะงั้นมันก็เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องสู้กับโจวหยาหลงด้วย

 

ในเวลานั้น ฮวงเหลี่ยนชินก็มั่นใจว่าเขาจะต้องพานางไปด้วยอย่างแน่นอน

 

เขาบ่นพึมพํา “ลุกขึ้น แล้วตามพวกข้ามา”

 

เมื่อนางได้ยินแบบนั้น ฮวงเหลี่ยนชินก็เงยหน้าขึ้นด้วย ความดีใจ

 

เจียงฉือน้อยเบิกตากว้าง และเริ่มมโนถึงเรื่องที่โจวฉวนจีเคยบอกว่าอยากจะมีภรรยาสวย ๆ และนางสนมมารายล้อมเขาเยอะ ๆ ตอนโตเธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีก่อนจะ หยิกเอวของโจวฉวนจี

 

ซี้ดดด

 

โจวฉวนจีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เป็นเพราะฮวงเหลี่ยนซินอยู่แถวนี้เขาเลยไม่กล้าร้องเจ็บออกมาและได้แต่ทนเอา

 

และแล้วฮวงเหลี่ยนชิน จึงได้กลายมาเป็นสาวใช้ของเขา

 

หลังจากออกมาจากเมืองกลืนเมฆา ทั้ง 3 ก็ยังคงมุ่งหน้าไปยังเมืองถัดไป

 

ฮวงเหลี่ยนชินซื้อรถม้ามาด้วยเงินของนางเอง เพื่อให้โจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยได้รักษาบาดแผลของตนเองกันด้วยท่าทางที่ดูจะเข้าใจกันแบบนี้นางเลยเอาชนะใจเจียงอน้อยได้

 

นางคนนี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดนะเนี่ย

 

เมื่อโจวฉวนจีมองไปยังทั้งสองที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานเขาก็ถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ ช่างเป็นเด็กสาวที่ซี่ อซื้ออะไรขนาดนี้นะดูเหมือนว่าเขาจะต้องคอยจับตาดูเธออย่างใกล้ชิดซะแล้วไม่งั้นมีหวังเธอคงโดนใครก็ไม่รู้จับ ตัวไปขายแหง

 

2 วันต่อมา พวกเขาก็ได้มาถึงอีกเมืองหนึ่งและตอนนี้ใจวฉวนจีก็ฟื้นตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย

 

ส่วนทางด้านร่างกายของเจียงฉือน้อยอาจจะยังไม่ดีขึ้นเท่าเขาเธอเลยยังมีเดินกะเผลกอยู่บ้าง แต่ก็โชคดีที่ฮวงเหลี่ยนชินคอยอยู่ด้วยดูแลเธอให้

 

หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในเมืองแล้ว ก็เริ่มซื้อข้าวของที่จําเป็นเช่นอาหารหรือวัสดุต่าง ๆ

 

โจวฉวนจีเองก็เขียนเนื้อย่างจืดๆที่ไม่ใส่เกลือเต็มทนแล้ว

 

8 วันต่อมา

 

พวกเขาก็มาถึงยังขอบชายแดน จากที่ไกล ๆ โจวฉวนจีก็มองเห็นจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจยืนอยู่ที่ประตู

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็เห็นพวกเขาเหมือนกันและเริ่มรู้สึกตื่นเต้นทันที

 

ในตอนนั้น โจวฉวนจีถอดหน้ากากออกไปแล้วแต่เขายังจําเจียงฉือน้อยได้

 

เขาไม่ได้ตกใจอะไร แต่คอยเฝ้ามองอยู่เงียบๆขณะที่โจวฉวนจีกําลังเดินผ่านไป

 

“จี ๆ เจ้าได้ยินข่าวยัง? เทพกระบี่โจวตอนนี้ขึ้นตารางจัดอันดับผู้มีชื่อเสียงแห่งมหาจักรวรรดิโจวแล้วนะ!”

 

“มันแน่อยู่แล้วสิ ฆ่าได้ตาแก่ชิงแถมยังทําลายกายหยาบของเจ้าชายปีศาจได้อีก จะไม่ดังได้ไงล่ะ?”

 

“ใช่ ๆ! แม้แต่จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็ยังก้มหัวให้เขาด้วย”

 

“หลังจากการต่อสู้ที่เมืองกลืนเมฆา เทพกระบี่โจวก็ดังไปทั่วมหาจักรวรรดิโจวแล้ว”

 

“ละข้าได้ยินมาว่าเทพกระบี่โจวมีร่างกายเป็นคนแคระเนี่ยจริงดิ?”

ขณะที่พวกกําลังผ่านประตูเมืองไปโจวฉวนจีก็ได้ยินเสียงยามเฝ้าประตูพูดคุยกันเกี่ยวกับเทพกระบี่โจว

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 43 : ขึ้นสู่ตารางจัดอันดับผู้มีชื่อเสียงแห่งมหาจักรวรรดิโจว

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 43 : ขึ้นสู่ตารางจัดอันดับผู้มีชื่อเสียงแห่งมหาจักรวรรดิโจว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 43 : ขึ้นสู่ตารางจัดอันดับผู้มีชื่อเสียงแห่งมหาจักรวรรดิโจว

 

*อยากจะเป็นทาสข้าไปชั่วชีวิตเนี่ยนะ?

 

โจวฉวนจีหยุดเดินและหันหลังกลับไป ก่อนจะเห็นจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจอยู่ในท่าคุกเข่าแล้วเขาก็ใจอ่อนนิดหน่อย

 

เขาเห็นเลือดที่ไหลซิบลงมาตามหน้าผากของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ ราวกับดอกไม้โลหิตที่เบ่งบานอยู่บนดิน

 

เจียงฉือน้อยเบ้ปากพลางพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเขาหยิ่งสุด ๆ ไปเลยหรอ?”

 

เขารู้สึกลังเลใจ ก็ดูจะไม่อันตรายอะไรนะ ถ้าจะเอาจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจมาอยู่ใต้อํานาจเขาน่ะ

 

เพราะยังไงซะ เขาก็ต้องทําตามแผนล้างแค้นที่วางไว้ต่อไปอยู่ดี

 

พอคิดแบบนั้นแล้ว เขาก็พูดกับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจว่า “10 วันหลังจากนี้ ถ้าข้าเจอเจ้าที่หน้าประตูทางเข้าหลักของเขตชายแดนอีกข้าจะรับเจ้ามาเป็นทาสของข้า เอง”

 

หลังจากที่พูดจบ เขาก็จากไปพร้อมกับเจียงฉือน้อย

 

เมื่อจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกดีใจขึ้นมาเขารีบเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะร้องออกมาว่า “ขอบคุณท่านจริง ๆ นายท่านของข้า!”

 

แต่เส้นชีพจรสําคัญทั่วร่างของเขานั้นฉีกขาดหมดดังนั้นการจะไปยังเขตชายแดนภายใน 10 วันได้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย

 

โจวฉวนจีไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจะรีบจากไปพร้อมกับเจียงฉือน้อย

 

เหล่าจอมยุทธและผู้คนทั่วไปไม่ได้ไล่ตามเขาไป เพราะกลัวว่าจะไปมีเรื่องกับเทพกระบี่โจว

หลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นเหตุการณ์เลวร้ายมาได้ด้วยดีข่าวเกี่ยวกับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจได้กลายมาเป็นทาสรับใช้ของเทพกระบโจวก็กลายเป็นข่าวดังไปในที่สุด

 

จางหรูหยูมองไปยังจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจพลางกรอกตาและคิดในใจ

 

การที่ได้มาเห็นจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มของเทพกระบีโจว มันก็ทําให้เขารู้สึกอิจฉานิดหน่อยเหมือนกัน

 

แต่การที่ต้องมากลายเป็นทาสจอมกระบี่มันก็หมายความว่าเขาจะสูญเสียอิสระเช่นกัน เพราะงั้นเขาจะไม่ทําแบบนั้นแน่นอน

 

เขาควรชื่นชมเทพกระบี่โจวแค่ภายในใจเท่านั้น

 

โจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยรีบเดินน้ําอ้าวผ่านตรอกแห่งหนึ่งตรงไปยังประตูเมือง

 

“นี่เจ้าคิดจะเอาเขาไปด้วยจริง ๆ หรอ?”

 

เจียงฉือน้อยถามด้วยความรู้สึกไม่เต็มใจ เธอรักช่วงเวลาที่ได้อยู่สองต่อสองกับโจวฉวนจีมาก เลยรู้สึกไม่สบายใจสักเท่าไหร่ที่จะมีคนอื่นมาร่วมทางไปด้วย

 

โจวฉวนจีพูด “ไม่ต้องห่วงหรอก พอถึงเวลาจริง ๆ ข้าจะปล่อยให้เขาอยู่ด้านนอกหุบเขาเป็นยามเฝ้าที่ให้พวกเราเอง”

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจนั้นมีพรสวรรค์และค่อนข้างจะเก่งทีเดียว

 

ถึงแม้จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจจะเป็นภัยต่อราชินีแห่งมหาจักรวรรดิโจวไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้แย่อะไรถ้าเขาจะมีคนคอยวิ่งงานให้เขาสักคนล่ะนะ

 

เจียงฉือน้อยเริ่มเข้าใจและรู้สึกว่ามันก็สมเหตุสมผลดี

 

ด้วยความสามารถของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจถ้าทั้งสองเจออันตรายเข้าเมื่อไหร่ เขาก็จะกลายเป็นโล่ให้กับพวกเขาได้

 

พวกเขายังคงมุ่งหน้าต่อไป

 

หลังจากที่เดินผ่านถนนมาได้ 2 เส้น โจวฉวนจีก็หยุดลงกระทันหัน

 

แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยความโกรธเคืองเขาหันกลับไปและตะโกนขึ้นว่า “ใครตามข้ามาอีกกันห้ะ?”

 

เจียงฉือน้อยที่ได้ยินเหมือนกัน ก็หันไปมองด้วยความกังวล

 

และเธอก็เห็นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีดําคนหนึ่งเดินออกมาจากมุม นางดูสวยมาก เรือนผมยาวสลวยถูกม้วนรวบขึ้นไว้ด้านบนศรีษะแม้ใบหน้าของนางจะดูเย็นชา แต่โดย รวมกลับดูมีเสน่ห์เหลือเกิน

 

“เจ้าเป็นใครกัน?” โจวฉวนจีถามด้วยเสียงต่ํา

 

เขามองออกว่าหญิงสาวคนนี้มีวรยุทธอยู่แค่ระดับสร้างรากฐานขั้นที่ 1 เท่านั้นนางเลยไม่ได้เป็นอันตรายอะไรกับเขา

 

หญิงสาวในชุดสีดํากัดฟันเดินตรงไปหาเขา ก่อนจะคุกเข่า ลงและพูดขึ้นว่า“คารวะท่านพวกเราเคยเจอกันมาก่อนข้าคือคนที่อยากจะเป็นสาวใช้ให้แก่ท่านแต่ท่านก็ปฏิเสธข้าไปเจ้าค่ะ”

 

“เจ้านั่นเอง!”

 

เจียงฉือน้อยเบิกตากว้างตกใจ ในตอนนั้น ใบหน้าของ นางเปื้อนฝุ่นเต็มไปหมดเธอเลยไม่คิดว่านางจะดูสวยขนาด

 

หญิงสาวในชุดสีดําพยักหน้าและพูดขึ้นว่า “ข้ามีนามว่า ฮวงเหลี่ยนชิ้นข้าอยากให้ท่านพาข้าไปด้วยจริง ๆ เพราะตอนนี้ข้าไม่มีที่ไปแล้วเจ้าค่ะ”

 

โจวฉวนจีพูดพลางขมวดคิ้ว “บอกข้ามาตรง ๆ เจ้าต้องการอะไรกันแน่!”

 

หญิงสาวมุ่งมั่นที่จะมาเป็นสาวใช้ของเขาให้ได้จริง ๆ ดังนั้นมันต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่เป็นแน่

 

ฮวงเหลี่ยนชินก้มหน้าลงและหายใจเข้าลึก ๆ “ข้าอยากจะล้างแค้นเจ้าค่ะ” นางกล่าว

 

กะไว้แล้วเชียว!

 

โจวฉวนจีสบถภายในใจ ข้ายังไม่ได้ล้างแค้นในส่วนเรื่องข้าเลยสักนิดแล้วมาตอนนี้เจ้าอยากจะให้ข้าช่วยเนี่ยนะ?

 

“ความจริงก็คือ ข้ามีความแค้นฝังลึกกับคนในราชวงค์ของมหาจักรวรรดิโจวเจ้าค่ะ”

 

ฮวงเหลี่ยนชินยังคงพูดต่อไปโดยไม่รู้เลยว่าโจวฉวนอีกำลังคิดบางอย่างอยู่

 

กับคนในราชวงศ์ของมหาจักวรรดิโจวงั้นหรอ?

 

“อ้อ?” โจวฉวนจีหรี่ตาลงก่อนจะถามว่า “คนไหนในราชวงศ์ของมหาจักรวรรดิโจวล่ะ”

 

“โจวหยาหลงเจ้าค่ะ!” ฮวงเหลี่ยนชินกัดฟันของนางพลางพูดต่อว่า “เมื่อตอนที่ข้ายังเด็ก โจวหยาหลงได้มายังเมืองที่ข้าอาศัยอยู่แต่เขากลับเสียสติจากการฝึกวรยุทธและ ไล่ฆ่าคนทั้งเมืองพ่อของข้าได้ซ่อนข้าไว้ในห้องใต้ดิน ข้าเลย รอดมาได้เจ้าค่ะ”

 

“ทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยเพลิงโหมกระหน่ําและซากศพเกลี่อนกลาด… ข้าไม่มีทางลืมเหตุการณ์ในวันนั้นได้เลย…”

 

โจวฉวนจีรู้สึกตกใจ โจวหยาหลงเสียสติจากการฝึกวรยุทธเนี่ยนะ?

 

ทําไมข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนั้นมาก่อนเลย?

 

แต่หลังจากที่ลองคิด ๆ ดูมันก็ดูมีเหตุผลอยู่ถ้าข่าวแบบนี้แพร่กระจายออกไป มันจะต้องส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของโจว หยาหลงแน่นอนเพราะงั้นก็เป็นไปได้ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่ง ที่เกิดขึ้นในวันนั้นจะถูกปิดบังเอาไว้

 

มีเมืองอยู่มากมายในมหาจักรวรรดิโจว การทําลายแค่เมีอง ๆ เดียวยังไงก็ไม่ได้มีผลกระทบสําคัญอะไรต่อทั้งจักรวรรดิอยู่แล้ว

 

“แต่นั่นคือ โจวหยาหลง เลยนะ เจ้าอยากให้ข้าไปตายรีไง?”

 

โจวฉวนจีดูจะไม่แยแสนักขณะที่พูดเจียงฮือนน้อยมองไปยังฮวงเหลี่ยนชิ้นด้วยความระแวง

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อตอนที่เธอถูกพวก 17 อสูรวายุทองคําจับตัวไปเธอก็เคยได้ยินตํานานเกี่ยวกับโจวหยาหลงมาเหมือนกัน

 

โจวหยานั้นมีพลังที่มากกว่าจอมกระบี่ผู้สูงศักดิ์ เสี่ยวจิงงนัก

 

ที่สําคัญกว่านั้น เขาก็มีแนวโน้มจะได้สืบทอดเป็นองค์จักรพรรดิแห่งมหาจักรวรรดิโจวด้วยและทั่วทั้งมหาจักรวรรดิโจวก็จะตกไปอยู่ในกํามือเขา

 

จักรพรรดิแห่งมหาจักรวรรดิโจวนะ ยังมีอํานาจมากกว่าราชวงศ์ปีศาจกู่หลานเสียอีก

 

ฮวงเหลี่ยนชินเงยหน้าขึ้นและพูดตอบ “เพราะว่าท่านนั้นมีพรสวรรค์มากเป็นไหน ๆ ข้าได้เห็นมากับตาตนเองแล้วว่าถึงท่านจะยังอายุไม่ถึง 10 ขวบแต่ท่านก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว จริง ๆ และด้วยพรสวรรค์ของท่านแล้วข้าแน่ใจว่าท่านจะต้องต่อกรกับโจวหยาหลงได้แน่นอนเจ้าค่ะ”

 

โจวฉวนจีขมวดคิ้วและถามขึ้นมา “แล้วเจ้าแน่ใจได้ยังไงว่าข้าอายุน้อยกว่า 10 ขวบน่ะ?”

 

ฮวงเหลี่ยนชินตอบด้วยความจริงใจว่า “ข้ามีความสามารถพิเศษตั้งแต่จําความได้ ข้าก็สามารถมองทะลุชีพจรสําคัญทั่วร่างและกระดูกของมนุษย์ได้เจ้าค่ะและจากประสบ กาณ์ของข้า ข้าเลยตัดสินอายุของท่านจากกระดูกได้ว่าท่านมีอายุไม่ถึง10 ปีเจ้าค่ะ”

 

โจวฉวนจีรู้สึกตกใจเช่นเดียวกับเจียงฉือน้อย

 

สายตาที่มองทะลุได้งั้นหรอ?

 

โจวฉวนจีมองนางด้วยความชื่นชม นางคนนี้ช่างโชคดีซะจริง

 

ถ้านางมีความสามารถแบบนั้นจริง งั้นนางก็มีค่าพอที่จะเลี้ยงดู

 

เขาก็ได้ทาสจอมกระบี่มาด้วยแล้ว ทําไมเขาจะมีเพิ่มอีกสักคนไม่ได้ล่ะ?

 

ยังไงเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับราชินีแห่งมหาจักรวรรดิโจวในอนาคตด้วยอยู่ดี เพราะงั้นมันก็เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องสู้กับโจวหยาหลงด้วย

 

ในเวลานั้น ฮวงเหลี่ยนชินก็มั่นใจว่าเขาจะต้องพานางไปด้วยอย่างแน่นอน

 

เขาบ่นพึมพํา “ลุกขึ้น แล้วตามพวกข้ามา”

 

เมื่อนางได้ยินแบบนั้น ฮวงเหลี่ยนชินก็เงยหน้าขึ้นด้วย ความดีใจ

 

เจียงฉือน้อยเบิกตากว้าง และเริ่มมโนถึงเรื่องที่โจวฉวนจีเคยบอกว่าอยากจะมีภรรยาสวย ๆ และนางสนมมารายล้อมเขาเยอะ ๆ ตอนโตเธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีก่อนจะ หยิกเอวของโจวฉวนจี

 

ซี้ดดด

 

โจวฉวนจีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เป็นเพราะฮวงเหลี่ยนซินอยู่แถวนี้เขาเลยไม่กล้าร้องเจ็บออกมาและได้แต่ทนเอา

 

และแล้วฮวงเหลี่ยนชิน จึงได้กลายมาเป็นสาวใช้ของเขา

 

หลังจากออกมาจากเมืองกลืนเมฆา ทั้ง 3 ก็ยังคงมุ่งหน้าไปยังเมืองถัดไป

 

ฮวงเหลี่ยนชินซื้อรถม้ามาด้วยเงินของนางเอง เพื่อให้โจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยได้รักษาบาดแผลของตนเองกันด้วยท่าทางที่ดูจะเข้าใจกันแบบนี้นางเลยเอาชนะใจเจียงอน้อยได้

 

นางคนนี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดนะเนี่ย

 

เมื่อโจวฉวนจีมองไปยังทั้งสองที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานเขาก็ถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ ช่างเป็นเด็กสาวที่ซี่ อซื้ออะไรขนาดนี้นะดูเหมือนว่าเขาจะต้องคอยจับตาดูเธออย่างใกล้ชิดซะแล้วไม่งั้นมีหวังเธอคงโดนใครก็ไม่รู้จับ ตัวไปขายแหง

 

2 วันต่อมา พวกเขาก็ได้มาถึงอีกเมืองหนึ่งและตอนนี้ใจวฉวนจีก็ฟื้นตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย

 

ส่วนทางด้านร่างกายของเจียงฉือน้อยอาจจะยังไม่ดีขึ้นเท่าเขาเธอเลยยังมีเดินกะเผลกอยู่บ้าง แต่ก็โชคดีที่ฮวงเหลี่ยนชินคอยอยู่ด้วยดูแลเธอให้

 

หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในเมืองแล้ว ก็เริ่มซื้อข้าวของที่จําเป็นเช่นอาหารหรือวัสดุต่าง ๆ

 

โจวฉวนจีเองก็เขียนเนื้อย่างจืดๆที่ไม่ใส่เกลือเต็มทนแล้ว

 

8 วันต่อมา

 

พวกเขาก็มาถึงยังขอบชายแดน จากที่ไกล ๆ โจวฉวนจีก็มองเห็นจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจยืนอยู่ที่ประตู

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็เห็นพวกเขาเหมือนกันและเริ่มรู้สึกตื่นเต้นทันที

 

ในตอนนั้น โจวฉวนจีถอดหน้ากากออกไปแล้วแต่เขายังจําเจียงฉือน้อยได้

 

เขาไม่ได้ตกใจอะไร แต่คอยเฝ้ามองอยู่เงียบๆขณะที่โจวฉวนจีกําลังเดินผ่านไป

 

“จี ๆ เจ้าได้ยินข่าวยัง? เทพกระบี่โจวตอนนี้ขึ้นตารางจัดอันดับผู้มีชื่อเสียงแห่งมหาจักรวรรดิโจวแล้วนะ!”

 

“มันแน่อยู่แล้วสิ ฆ่าได้ตาแก่ชิงแถมยังทําลายกายหยาบของเจ้าชายปีศาจได้อีก จะไม่ดังได้ไงล่ะ?”

 

“ใช่ ๆ! แม้แต่จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็ยังก้มหัวให้เขาด้วย”

 

“หลังจากการต่อสู้ที่เมืองกลืนเมฆา เทพกระบี่โจวก็ดังไปทั่วมหาจักรวรรดิโจวแล้ว”

 

“ละข้าได้ยินมาว่าเทพกระบี่โจวมีร่างกายเป็นคนแคระเนี่ยจริงดิ?”

ขณะที่พวกกําลังผ่านประตูเมืองไปโจวฉวนจีก็ได้ยินเสียงยามเฝ้าประตูพูดคุยกันเกี่ยวกับเทพกระบี่โจว

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+