หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 45 : 10 ปี กับดาบเงามายา

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 45 : 10 ปี กับดาบเงามายา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 45 : 10 ปี กับดาบเงามายา

“ผ่านฟากฟ้าที่กว้างใหญ่ วิหคมังกรต่างคํารามก้องไกล เทพกระบีโจวทลายรังโจร ร่วมกับผู้ติดตามจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ!”

 

“กวีผู้มากความสามารถที่เป็นคนแต่งบทพูดนี้เป็นใครกันนะ ไม่เลวเลยนะเนี่ย”

 

โจวฉวนจีที่สวมหน้ากากที่เงินอยู่พยักหน้าพลางยิ้มอย่างพึงพอใจ จอมยุทธที่ถูกจับมาเป็นทาสหลายสิบคนต่างตื่นเต้นกันมากบางคนถึงขั้นคุกเข่าลงต่อหน้าเขาเลยที่เดียว

 

ข้างหลังเขา มีจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจที่กําลังต่อสู้กับหัวหน้ากองโจรอย่างดุเดือดอยู่ส่วนเจียงฉือน้อยและฮวงเหลี่ยนชินก็กําลังสู้กับพวกลูกน้อง

อาใหญ่และน้องสอนบินวนอยู่เหนือท้องฟ้า ปีกของพวกมันกว้างกว่า 15 หลาราวกับเครื่องบินรบสมัยใหม่และเสียงกรีดร้องที่ดังก้องไปทั่วยอดเขานั้นราวกับเสียงแห่งความตายที่คอยเตือนว่าพวกมันถึงฆาตแล้ว

 

1 ปีที่ผ่านมานี้ เจียงฉือน้อยและฮวงเหลี่ยนชิ้นแข็งแกร่งกว่าเดิมมากทีเดียว และพวกเขาก็ได้ผ่านประสบการณ์ในการต่อสู้จริงมา

เยอะมาก

 

หญิงสาวทั้งสองมีวรยุทธอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นที่ 3 แล้วด้วย

ส่วนเจียงฉือน้อยก็เติบโตสมวัยเป็นเด็กสาวอายุ 14 เธอนั้นไม่ใช่เด็กสาวตัวน้อยอย่างที่เคยแล้ว ตอนนี้เธอนั้นมีหุ่นที่เพรียวบาง และงดงามผมยาวถูกมัดรวบสูง ผิวพรรณทั้งละเอียดละออและ เรียบเนียนอาจจะดูบอบบางกว่าฮวงเหลี่ยนชินซะด้วยซ้ํา อีกสัก 2-3 ปี เธอจะต้องกลายเป็นสาวงามที่โด่งดังอย่างแน่นอน

ในทางกลับกัน โจวฉวนจีก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 3 ขั้นจนเลื่อนขึ้นระดับสร้างรากฐานขั้นที่ 9 แล้ว

ในหนึ่งปีเขาก็สูงขึ้นบ้าง แต่ก็น่าเสียดายที่ก็ยังเตี้ยกว่าเจียงฉือน้อยประมาณ 1 ช่วงหัวอยู่ดี มันเลยทําให้เขารู้สึกเหมือนแพ้

 

นักโทษต่างมองดูการต่อสู้และร้องตะโกนออกมา

 

“นั่นคือทาสกระบี่ของเทพกระบี่โจว จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจงั้นหรอ? ช่างทรงพลังยิ่งนัก!”

 

“เทพกระบีโจวทําลายทั้งฐานกองโจรนี้ได้โดยไม่ต้องมือไปช่วยเลยด้วยซ้ํา”

“แถมแม่นางทั้ง 2 คนนั้นก็ยังทรงพลังมากอีก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงคนนั้นน่ะ ระดับของพัดที่เธอใช้ต้องสูงมากแหง ๆ เลย”

“ พวกเขาต่างทรงพลังกันสุด ๆ ข้าละหวังจริง ๆ ว่าข้าจะได้เป็นลูกน้องของเทพกระบี่โจวบ้าง”

“นี่เจ้าคิดว่าตัวเองเทียบได้กับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจรึไง?”

โจวฉวนจีหันไปมองการต่อสู้ ในขณะที่แอบบทสนทนาที่ดังอยู่เรื่อย ๆ ด้านหลังเขานั้น ภายใต้หน้ากาก เขาก็แอบยิ้มออกมาที่มุมปาก

 

พูดชมข้าต่อสิ พูดต่อเรื่อย ๆ เลย!

“จากการวิเคราะห์พบว่าท่านเจ้าของดาบมีอายุครบ 10 ปีแล้วระบบกาชาเริ่มทํางาน!”

“ตึง! ยินดีด้วย ท่านเจ้าของดาบได้รับ [ระดับเงิน]ดาบเงามายาและปราณกระบี่อาคมกายทองคํา”

 

เสียงจิตวิญญาณแห่งดาบหยุดลง และดวงตาของโจวฉวนจีก็เปล่งประกาย

ปราณกระบี่อาคมกายทองคํางั้นหรอ!

อาคมกายทองคําของเขาก็ถึงขั้นที่ 3 ระเบิดปราณแล้วซึ่งมันจะช่วยให้เขาสามารถระเบิดพลังวิญญาณออกมาจากร่างกายเพื่อใช้โจมตีศัตรูรอบข้างได้แถมความพละกําลังทางด้านร่างกายของเขา ตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นไปถึง 30,000 ปอนด์แล้ว

 

ถ้าอาคมกายทองคําสามารถอัพเกรดเป็นปราณกระบี่อาคมกายทองคําได้ล่ะก็เขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม แถมยังพัฒนาวร ยุทธไปได้เร็วขึ้นอีกด้วย

เขาเริ่มเปิดดูข้อมูลของดาบเงามายาก่อน

 

ชื่อดาบ : ดาบเงามายา

ระดับ : เงิน

คําอธิบาย : เป็นดาบที่ทําขึ้นมาจากวัสดุพิเศษ เมื่อกวัดแกว่งอย่างรวดเร็ว มันจะสร้างภาพซ้อนขึ้นมาสร้างความสับสนให้แก่ศัตรู ได้อีกทั้งในแต่ละภาพซ้อนที่เกิดขึ้นก็ยังสร้างความเสียหายได้ เช่นกัน

 

หมม ก็ไม่แย่นะ อย่างน้อยทักษะพิเศษของมันก็ไม่ซ้ํากับดาบในตํานานเล่มอื่น

 

โจวฉวนจียิ้มอย่างพออกพอใจ แต่การต่อสู้ยังไม่จบ

 

เขาเริ่มรับปราณกระบี่อาคมกายทองคําทันที

ทันใดนั้น ความทรงจําจํานวนมากก็พุ่งตรงเข้ามาภายในความคิดของเขา

ปราณกระบี่อาคมกายทองคําคือเวอร์ชั่นอัพเกรดของอาคมกายทองคํา

โดยมีทั้งหมด 5 ขั้นด้วยกัน คือ ฟื้นฟูปราณกระบี่ ผิวหยกกระดูกทองคําปราณกระบี่คําราม กายสิทธิ์ทองคํา และร่างกระบี่ในตํา

นาน!

ถึง 4 ขั้นแรกจะเหมือนกับอาคมกายทองคํา แต่เขาก็ต้องเริ่มฝึกใหม่ตั้งแต่ต้นอยู่ดี

 

หลังจากที่เขาได้รับความทรงจํามาครบแล้วเขาก็เปิดข้อมูลคุณสมบัติของตัวเองขึ้นมา

เจ้าของดาบ : โจวฉวนจี

เชื้อสาย : สายเลือดราชวงศ์แห่งมหาจักรวรรดิโจว

อายุ : 10 ปี

วรยุทธ์ : ระดับสร้างรากฐานขั้นที่ 9

วิชาปราณ : ปราณกระบอาคมกายทองคํา

วิชาดาบ : วิชาดาบกระเรียนขาว, วิชากระบี่เพลิงกัลป์, วิชา 8ก้าวทะลวงกระบี่, วิชาดาบสะบั้นสามชีพจร, วิชาขยายวิถีกระบี่

ทักษะพิเศษ : ไม่มี

 

พรสวรรค์ : ทักษะการทําหลายอย่างพร้อมกัน

ดาบ : [ระดับเงิน] ดาบมังกรสีชาด, [ระดับสัมฤทธิ์] ดาบคลื่นเหมันต์, [ระดับเงิน] ดาบชโลมโลหิต, ระดับสัมฤทธิ์] ดาบ พยัคฆ์คําราม, ระดับสัมฤทธิ์]ดาบผ่าวายุ, [ระดับเหล็ก] ดาบเด็ดสุ กร, [ระดับเงิน] ดาบหินกลายทอง, ระดับเงิน] ดาบเสียงสวรรค์, [ระดับทอง] ดาบราชาโลกันตร์, [ระดับเงิน]ดาบเงามายา

ดูยิ่งใหญ่พอตัวเลยนะเนี่ย

โจวฉวนจีคิดขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจ ในเวลาต่อมา เขาก็พลิกมือขวาขึ้นมา และดาบราชาโลกันตร์ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา

เขาเปิดใช้งานวิชาขยายวิถีกระบี่และเขวี่ยงดาบออกไปทันที

 

หัวหน้าใหญ่ที่กําลังอยู่ระหว่างการต่อสู้อันดุเดือดกับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ ก็ได้ยินเสียงลอยตัดผ่านอากาศดังขึ้นมาจากทางข้างหลังเขาเลี้ยวหัวหลบตามสัญชาตญาณ แต่หน้าอกของเขาก็ยังถูกดาบราชาโลกันตร์แทงทะลุอยู่ดี และเลือดของเขาก็พุ่งกระจายไปทั่วฟากฟ้า

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจมองด้วยสายตาอันเฉียบคม ก่อนจะใช้โอกาสนี้ใช้ท่าฟันดาบที่รุนแรงที่สุด เขาตวัดปราณกระบืออกไปและตัดหัวของศัตรูออกในทันที

 

โจวฉวนจียกมือขึ้น และดาบราชาโลกันตร์ก็กลับเข้ามาอยู่ในมือ

 

เหล่านักโทษต่างมองเขาด้วยความเคารพบูชา

นี่แหละเทพกระบี่โจวล่ะ!

เขาสามารถจบการต่อสู้นี้ได้ด้วยกระบวนท่าเดียวเท่านั้น!

เหล่านักโทษต่างลืมไปเสียสนิทว่าโจวฉวนจีก็แค่ลอบโจมตีเท่านั้นพวกเขารับรู้แค่เพียงว่าโจวฉวนจีนั้นแข็งแกร่งสุด ๆ และในทุกท่วงท่าของเขานั้นช่างสง่างาม

เมื่อหัวหน้าใหญ่ตายแล้ว พวกโจรที่ยังเหลือรอดอยู่ก็เริ่มวิ่งหนีไปด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไม่เหลือความกล้าที่จะสู้อีกต่อไป

หลังจากที่การต่อสู้จบลง จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินก็เริ่มปล้นของในฐานของพวกโจรทันทีโดยไม่ต้องรอคําสั่งของโจวฉวนจี

 

เจียงฮือน้อยวิ่งตรงไปหาโจวฉวนจี ก่อนจะยืนเท้าสะเอวพลางหัวเราะคิกคัก“ข้าดูเป็นไงบ้าง? ข้าดูเก่งขึ้นกว่าเดิมยัง?”

“จ้า ๆ เจ้าแข็งแกร่งที่สุดเลยจ้ะ” เขาพูดพลางพยักหน้าให้

เจียงฉือน้อยกลอกตาใส่ แต่ก็ยังรู้สึกพอใจมากอยู่ดี

 

ในวันนี้ เธอฆ่าพวกโจรไปได้ประมาณโหลนึงด้วยความสามารถของเธอเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอยังต้องพึ่งพัดอัคคีเพื่อสังหารศัตรู

อยู่เลย

พอเห็นว่าเธอตื่นเต้นขนาดไหน โจวฉวนจีก็ถอนหายใจ

เขายังจําครั้งแรกที่เจียงฉือน้อยสังหารศัตรูได้อยู่เลย มันก็เหมือนกับการเชือดหมูโดยที่เธอเป็นหมูตัวนั้นซะเอง ท่าทางของเธอที่ดูงอแงไม่เต็มใจที่จะทํา มันก็ทําให้เขาขําขึ้นมาทุกที่ที่นึกถึง

ขณะที่จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินกําลังปล้นของกันอยู่เขาก็ใช้โอกาสนี้เอาดาบเงามายาออก

มา

 

ตัวดาบนั้นมีสีดําและมันวาวทั่วทั้งใบมือและด้ามจับ ไม่มีงานแกะสลักละเอียดอ่อนตรงไหนเลยสักนิด มีเพียงแค่ออร่าที่น่าหวาดกลัวแพร่กระจายออกมา

 

เขาลองตวัดดาบดู 2-3 ครั้ง และก็พบว่าตัวดาบนั้นเบามากๆหนักกว่าดาบผ่าวายุแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

มันค่อนข้างที่จะใช้ง่ายที่เดียว

เขาพลิกมือขวาก่อนจะเก็บดาบเงามายาลงในสุดยอดช่อง

เก็บของ

หลังจากนั้นสักพัก จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินก็เก็บเอาของทุกอย่างออกมาหมดแล้ว

โจวฉวนจีเอาดาบมังกรสีชาดออกมาก่อนจะกระโดดขึ้นไปส่วนเจียงฉือน้อยก็คอยเกาะหลังเขาเอาไว้ และทั้งสองก็บินจากไป

วิหคมังกรทั้งสองคํารามก้องและบินตามพวกเขามา

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินก็หยิบดาบออกมาและบินตามไป

ดาบของฮวงเหลี่ยนชิ้นนั้นเป็นวัตถุวิเศษระดับ 2 โดยวัตถุวิเศษมีทั้งหมด 9 ระดับ และในแต่ละระดับก็จะประกอบไปด้วย 4 ขั้น คือ ขั้นต่ํา ขั้นกลางขั้นสูง และขั้นสุดยอด

ดาบเล่มนี้เป็นของหัวหน้าใหญ่โจรซึ่งก็เพียงพอที่นางจะใช้ได้

 

โจวฉวนจไม่ได้ให้ดาบในตํานานที่เขาได้มาจากระบบยอดดาบใน ตํานานกับใครทั้งสิ้นแม้แต่ดาบระดับเหล็ก

ขณะที่พวกนักโทษกําลังมองพวกเขาจากไป พวกเขาก็เริ่มถอน หายใจออกมา

เทพกระบี่นี่สมกับเป็นเทพกระบี่จริง ๆ เขาเท่สุด ๆ แม้แต่ตอน

จากไป

หลังจากนั้น โจวฉวนจีก็ไม่ได้ไปบุกฐานกองโจรอื่นต่อแต่อย่างใด และเตรียมตัวกลับบ้านแทน

หลังจากที่พวกเขาบินมาได้ชั่วโมงครึ่ง โจวฉวนจีก็หยุดลงทันที

 

พวกวิหคมังกร จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ และฮวงเหลี่ ยนชินก็หยุดลงด้วย

พวกเขาจ้องมองไปยังเส้นขอบฟ้าก่อนจะเห็นมังกรทมิฬบิ นวนอยู่เหนือพื้นดิน

 

มังกรทมิฬตัวนั้นตัวยาวประมาณ 300 หลา เกล็ดสีดําขอ งมันเปล่งประกายระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์และเป็นคลื่นราว กับเทือกเขา ถึงพวกมันจะอยู่ห่างออกไปหลายไมล์ แต่มันก็ยังทําให้รู้สึกเสียวไปยันกระดูกสันหลังอยู่ดี

 

“มังกรตัวใหญ่ขนาดนั้นต้องมีวรยุทธอย่างน้อยระดับ 4 แน่ หรือ บางทีอาจจะระดับ 5 ด้วยซ้ํา”

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ระดับ 4 นั้นเทียบได้กับระดับบัวภายในขณะที่ระดับ 5 นั้นเทียบ ได้กับระดับผุดวิญญาณ

 

โจวฉวนจีขมวดคิ้ว ทําไมพวกเขาถึงไม่เห็นมันระหว่างทางที่ มานี่กัน?

“องค์ชายฉวนจีมันก็ 8 ปีแล้วนะตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่พวกเราเจ อกันน่ะ ตอนนี้ท่านช่างดูน่าประทับใจเสียจริงนะ”

เสียงแก่ ๆ และฟังดูเย็นชาดังลอยมาจากทางมังกรทมิฬ เมื่อโจ วฉวนจีได้ยิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 45 : 10 ปี กับดาบเงามายา

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 45 : 10 ปี กับดาบเงามายา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 45 : 10 ปี กับดาบเงามายา

“ผ่านฟากฟ้าที่กว้างใหญ่ วิหคมังกรต่างคํารามก้องไกล เทพกระบีโจวทลายรังโจร ร่วมกับผู้ติดตามจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ!”

 

“กวีผู้มากความสามารถที่เป็นคนแต่งบทพูดนี้เป็นใครกันนะ ไม่เลวเลยนะเนี่ย”

 

โจวฉวนจีที่สวมหน้ากากที่เงินอยู่พยักหน้าพลางยิ้มอย่างพึงพอใจ จอมยุทธที่ถูกจับมาเป็นทาสหลายสิบคนต่างตื่นเต้นกันมากบางคนถึงขั้นคุกเข่าลงต่อหน้าเขาเลยที่เดียว

 

ข้างหลังเขา มีจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจที่กําลังต่อสู้กับหัวหน้ากองโจรอย่างดุเดือดอยู่ส่วนเจียงฉือน้อยและฮวงเหลี่ยนชินก็กําลังสู้กับพวกลูกน้อง

อาใหญ่และน้องสอนบินวนอยู่เหนือท้องฟ้า ปีกของพวกมันกว้างกว่า 15 หลาราวกับเครื่องบินรบสมัยใหม่และเสียงกรีดร้องที่ดังก้องไปทั่วยอดเขานั้นราวกับเสียงแห่งความตายที่คอยเตือนว่าพวกมันถึงฆาตแล้ว

 

1 ปีที่ผ่านมานี้ เจียงฉือน้อยและฮวงเหลี่ยนชิ้นแข็งแกร่งกว่าเดิมมากทีเดียว และพวกเขาก็ได้ผ่านประสบการณ์ในการต่อสู้จริงมา

เยอะมาก

 

หญิงสาวทั้งสองมีวรยุทธอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นที่ 3 แล้วด้วย

ส่วนเจียงฉือน้อยก็เติบโตสมวัยเป็นเด็กสาวอายุ 14 เธอนั้นไม่ใช่เด็กสาวตัวน้อยอย่างที่เคยแล้ว ตอนนี้เธอนั้นมีหุ่นที่เพรียวบาง และงดงามผมยาวถูกมัดรวบสูง ผิวพรรณทั้งละเอียดละออและ เรียบเนียนอาจจะดูบอบบางกว่าฮวงเหลี่ยนชินซะด้วยซ้ํา อีกสัก 2-3 ปี เธอจะต้องกลายเป็นสาวงามที่โด่งดังอย่างแน่นอน

ในทางกลับกัน โจวฉวนจีก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 3 ขั้นจนเลื่อนขึ้นระดับสร้างรากฐานขั้นที่ 9 แล้ว

ในหนึ่งปีเขาก็สูงขึ้นบ้าง แต่ก็น่าเสียดายที่ก็ยังเตี้ยกว่าเจียงฉือน้อยประมาณ 1 ช่วงหัวอยู่ดี มันเลยทําให้เขารู้สึกเหมือนแพ้

 

นักโทษต่างมองดูการต่อสู้และร้องตะโกนออกมา

 

“นั่นคือทาสกระบี่ของเทพกระบี่โจว จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจงั้นหรอ? ช่างทรงพลังยิ่งนัก!”

 

“เทพกระบีโจวทําลายทั้งฐานกองโจรนี้ได้โดยไม่ต้องมือไปช่วยเลยด้วยซ้ํา”

“แถมแม่นางทั้ง 2 คนนั้นก็ยังทรงพลังมากอีก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงคนนั้นน่ะ ระดับของพัดที่เธอใช้ต้องสูงมากแหง ๆ เลย”

“ พวกเขาต่างทรงพลังกันสุด ๆ ข้าละหวังจริง ๆ ว่าข้าจะได้เป็นลูกน้องของเทพกระบี่โจวบ้าง”

“นี่เจ้าคิดว่าตัวเองเทียบได้กับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจรึไง?”

โจวฉวนจีหันไปมองการต่อสู้ ในขณะที่แอบบทสนทนาที่ดังอยู่เรื่อย ๆ ด้านหลังเขานั้น ภายใต้หน้ากาก เขาก็แอบยิ้มออกมาที่มุมปาก

 

พูดชมข้าต่อสิ พูดต่อเรื่อย ๆ เลย!

“จากการวิเคราะห์พบว่าท่านเจ้าของดาบมีอายุครบ 10 ปีแล้วระบบกาชาเริ่มทํางาน!”

“ตึง! ยินดีด้วย ท่านเจ้าของดาบได้รับ [ระดับเงิน]ดาบเงามายาและปราณกระบี่อาคมกายทองคํา”

 

เสียงจิตวิญญาณแห่งดาบหยุดลง และดวงตาของโจวฉวนจีก็เปล่งประกาย

ปราณกระบี่อาคมกายทองคํางั้นหรอ!

อาคมกายทองคําของเขาก็ถึงขั้นที่ 3 ระเบิดปราณแล้วซึ่งมันจะช่วยให้เขาสามารถระเบิดพลังวิญญาณออกมาจากร่างกายเพื่อใช้โจมตีศัตรูรอบข้างได้แถมความพละกําลังทางด้านร่างกายของเขา ตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นไปถึง 30,000 ปอนด์แล้ว

 

ถ้าอาคมกายทองคําสามารถอัพเกรดเป็นปราณกระบี่อาคมกายทองคําได้ล่ะก็เขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม แถมยังพัฒนาวร ยุทธไปได้เร็วขึ้นอีกด้วย

เขาเริ่มเปิดดูข้อมูลของดาบเงามายาก่อน

 

ชื่อดาบ : ดาบเงามายา

ระดับ : เงิน

คําอธิบาย : เป็นดาบที่ทําขึ้นมาจากวัสดุพิเศษ เมื่อกวัดแกว่งอย่างรวดเร็ว มันจะสร้างภาพซ้อนขึ้นมาสร้างความสับสนให้แก่ศัตรู ได้อีกทั้งในแต่ละภาพซ้อนที่เกิดขึ้นก็ยังสร้างความเสียหายได้ เช่นกัน

 

หมม ก็ไม่แย่นะ อย่างน้อยทักษะพิเศษของมันก็ไม่ซ้ํากับดาบในตํานานเล่มอื่น

 

โจวฉวนจียิ้มอย่างพออกพอใจ แต่การต่อสู้ยังไม่จบ

 

เขาเริ่มรับปราณกระบี่อาคมกายทองคําทันที

ทันใดนั้น ความทรงจําจํานวนมากก็พุ่งตรงเข้ามาภายในความคิดของเขา

ปราณกระบี่อาคมกายทองคําคือเวอร์ชั่นอัพเกรดของอาคมกายทองคํา

โดยมีทั้งหมด 5 ขั้นด้วยกัน คือ ฟื้นฟูปราณกระบี่ ผิวหยกกระดูกทองคําปราณกระบี่คําราม กายสิทธิ์ทองคํา และร่างกระบี่ในตํา

นาน!

ถึง 4 ขั้นแรกจะเหมือนกับอาคมกายทองคํา แต่เขาก็ต้องเริ่มฝึกใหม่ตั้งแต่ต้นอยู่ดี

 

หลังจากที่เขาได้รับความทรงจํามาครบแล้วเขาก็เปิดข้อมูลคุณสมบัติของตัวเองขึ้นมา

เจ้าของดาบ : โจวฉวนจี

เชื้อสาย : สายเลือดราชวงศ์แห่งมหาจักรวรรดิโจว

อายุ : 10 ปี

วรยุทธ์ : ระดับสร้างรากฐานขั้นที่ 9

วิชาปราณ : ปราณกระบอาคมกายทองคํา

วิชาดาบ : วิชาดาบกระเรียนขาว, วิชากระบี่เพลิงกัลป์, วิชา 8ก้าวทะลวงกระบี่, วิชาดาบสะบั้นสามชีพจร, วิชาขยายวิถีกระบี่

ทักษะพิเศษ : ไม่มี

 

พรสวรรค์ : ทักษะการทําหลายอย่างพร้อมกัน

ดาบ : [ระดับเงิน] ดาบมังกรสีชาด, [ระดับสัมฤทธิ์] ดาบคลื่นเหมันต์, [ระดับเงิน] ดาบชโลมโลหิต, ระดับสัมฤทธิ์] ดาบ พยัคฆ์คําราม, ระดับสัมฤทธิ์]ดาบผ่าวายุ, [ระดับเหล็ก] ดาบเด็ดสุ กร, [ระดับเงิน] ดาบหินกลายทอง, ระดับเงิน] ดาบเสียงสวรรค์, [ระดับทอง] ดาบราชาโลกันตร์, [ระดับเงิน]ดาบเงามายา

ดูยิ่งใหญ่พอตัวเลยนะเนี่ย

โจวฉวนจีคิดขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจ ในเวลาต่อมา เขาก็พลิกมือขวาขึ้นมา และดาบราชาโลกันตร์ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา

เขาเปิดใช้งานวิชาขยายวิถีกระบี่และเขวี่ยงดาบออกไปทันที

 

หัวหน้าใหญ่ที่กําลังอยู่ระหว่างการต่อสู้อันดุเดือดกับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ ก็ได้ยินเสียงลอยตัดผ่านอากาศดังขึ้นมาจากทางข้างหลังเขาเลี้ยวหัวหลบตามสัญชาตญาณ แต่หน้าอกของเขาก็ยังถูกดาบราชาโลกันตร์แทงทะลุอยู่ดี และเลือดของเขาก็พุ่งกระจายไปทั่วฟากฟ้า

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจมองด้วยสายตาอันเฉียบคม ก่อนจะใช้โอกาสนี้ใช้ท่าฟันดาบที่รุนแรงที่สุด เขาตวัดปราณกระบืออกไปและตัดหัวของศัตรูออกในทันที

 

โจวฉวนจียกมือขึ้น และดาบราชาโลกันตร์ก็กลับเข้ามาอยู่ในมือ

 

เหล่านักโทษต่างมองเขาด้วยความเคารพบูชา

นี่แหละเทพกระบี่โจวล่ะ!

เขาสามารถจบการต่อสู้นี้ได้ด้วยกระบวนท่าเดียวเท่านั้น!

เหล่านักโทษต่างลืมไปเสียสนิทว่าโจวฉวนจีก็แค่ลอบโจมตีเท่านั้นพวกเขารับรู้แค่เพียงว่าโจวฉวนจีนั้นแข็งแกร่งสุด ๆ และในทุกท่วงท่าของเขานั้นช่างสง่างาม

เมื่อหัวหน้าใหญ่ตายแล้ว พวกโจรที่ยังเหลือรอดอยู่ก็เริ่มวิ่งหนีไปด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไม่เหลือความกล้าที่จะสู้อีกต่อไป

หลังจากที่การต่อสู้จบลง จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินก็เริ่มปล้นของในฐานของพวกโจรทันทีโดยไม่ต้องรอคําสั่งของโจวฉวนจี

 

เจียงฮือน้อยวิ่งตรงไปหาโจวฉวนจี ก่อนจะยืนเท้าสะเอวพลางหัวเราะคิกคัก“ข้าดูเป็นไงบ้าง? ข้าดูเก่งขึ้นกว่าเดิมยัง?”

“จ้า ๆ เจ้าแข็งแกร่งที่สุดเลยจ้ะ” เขาพูดพลางพยักหน้าให้

เจียงฉือน้อยกลอกตาใส่ แต่ก็ยังรู้สึกพอใจมากอยู่ดี

 

ในวันนี้ เธอฆ่าพวกโจรไปได้ประมาณโหลนึงด้วยความสามารถของเธอเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอยังต้องพึ่งพัดอัคคีเพื่อสังหารศัตรู

อยู่เลย

พอเห็นว่าเธอตื่นเต้นขนาดไหน โจวฉวนจีก็ถอนหายใจ

เขายังจําครั้งแรกที่เจียงฉือน้อยสังหารศัตรูได้อยู่เลย มันก็เหมือนกับการเชือดหมูโดยที่เธอเป็นหมูตัวนั้นซะเอง ท่าทางของเธอที่ดูงอแงไม่เต็มใจที่จะทํา มันก็ทําให้เขาขําขึ้นมาทุกที่ที่นึกถึง

ขณะที่จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินกําลังปล้นของกันอยู่เขาก็ใช้โอกาสนี้เอาดาบเงามายาออก

มา

 

ตัวดาบนั้นมีสีดําและมันวาวทั่วทั้งใบมือและด้ามจับ ไม่มีงานแกะสลักละเอียดอ่อนตรงไหนเลยสักนิด มีเพียงแค่ออร่าที่น่าหวาดกลัวแพร่กระจายออกมา

 

เขาลองตวัดดาบดู 2-3 ครั้ง และก็พบว่าตัวดาบนั้นเบามากๆหนักกว่าดาบผ่าวายุแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

มันค่อนข้างที่จะใช้ง่ายที่เดียว

เขาพลิกมือขวาก่อนจะเก็บดาบเงามายาลงในสุดยอดช่อง

เก็บของ

หลังจากนั้นสักพัก จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินก็เก็บเอาของทุกอย่างออกมาหมดแล้ว

โจวฉวนจีเอาดาบมังกรสีชาดออกมาก่อนจะกระโดดขึ้นไปส่วนเจียงฉือน้อยก็คอยเกาะหลังเขาเอาไว้ และทั้งสองก็บินจากไป

วิหคมังกรทั้งสองคํารามก้องและบินตามพวกเขามา

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินก็หยิบดาบออกมาและบินตามไป

ดาบของฮวงเหลี่ยนชิ้นนั้นเป็นวัตถุวิเศษระดับ 2 โดยวัตถุวิเศษมีทั้งหมด 9 ระดับ และในแต่ละระดับก็จะประกอบไปด้วย 4 ขั้น คือ ขั้นต่ํา ขั้นกลางขั้นสูง และขั้นสุดยอด

ดาบเล่มนี้เป็นของหัวหน้าใหญ่โจรซึ่งก็เพียงพอที่นางจะใช้ได้

 

โจวฉวนจไม่ได้ให้ดาบในตํานานที่เขาได้มาจากระบบยอดดาบใน ตํานานกับใครทั้งสิ้นแม้แต่ดาบระดับเหล็ก

ขณะที่พวกนักโทษกําลังมองพวกเขาจากไป พวกเขาก็เริ่มถอน หายใจออกมา

เทพกระบี่นี่สมกับเป็นเทพกระบี่จริง ๆ เขาเท่สุด ๆ แม้แต่ตอน

จากไป

หลังจากนั้น โจวฉวนจีก็ไม่ได้ไปบุกฐานกองโจรอื่นต่อแต่อย่างใด และเตรียมตัวกลับบ้านแทน

หลังจากที่พวกเขาบินมาได้ชั่วโมงครึ่ง โจวฉวนจีก็หยุดลงทันที

 

พวกวิหคมังกร จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ และฮวงเหลี่ ยนชินก็หยุดลงด้วย

พวกเขาจ้องมองไปยังเส้นขอบฟ้าก่อนจะเห็นมังกรทมิฬบิ นวนอยู่เหนือพื้นดิน

 

มังกรทมิฬตัวนั้นตัวยาวประมาณ 300 หลา เกล็ดสีดําขอ งมันเปล่งประกายระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์และเป็นคลื่นราว กับเทือกเขา ถึงพวกมันจะอยู่ห่างออกไปหลายไมล์ แต่มันก็ยังทําให้รู้สึกเสียวไปยันกระดูกสันหลังอยู่ดี

 

“มังกรตัวใหญ่ขนาดนั้นต้องมีวรยุทธอย่างน้อยระดับ 4 แน่ หรือ บางทีอาจจะระดับ 5 ด้วยซ้ํา”

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ระดับ 4 นั้นเทียบได้กับระดับบัวภายในขณะที่ระดับ 5 นั้นเทียบ ได้กับระดับผุดวิญญาณ

 

โจวฉวนจีขมวดคิ้ว ทําไมพวกเขาถึงไม่เห็นมันระหว่างทางที่ มานี่กัน?

“องค์ชายฉวนจีมันก็ 8 ปีแล้วนะตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่พวกเราเจ อกันน่ะ ตอนนี้ท่านช่างดูน่าประทับใจเสียจริงนะ”

เสียงแก่ ๆ และฟังดูเย็นชาดังลอยมาจากทางมังกรทมิฬ เมื่อโจ วฉวนจีได้ยิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+