หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 46 : องค์ชายแห่งมหาจักรวรรดิโจว

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 46 : องค์ชายแห่งมหาจักรวรรดิโจว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 46 : องค์ชายแห่งมหาจักรวรรดิโจว

“นายท่าน โปรดระวังด้วย!”

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจเตือนเขา ขณะที่เจียงฮือน้อยมองไปทางโจวฉวนจีตามสัญชาตญาณ

 

เธอรู้ชื่อจริงของโจวฉวนจี แต่อีกสองคนรู้แค่ในนามของเทพกระบี่โจวเท่านั้น

เธอเหลือบมองไปทางเขาอย่างรดวเร็วและสีหน้าของเธอก็แสดงให้เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ

โจวฉวนจีก็พยายามที่จะใจเย็นด้วยเช่นกันเขาจะยังเผยตัวตนตอนนี้ไม่ได้

ถึงแม้เขาจะข้ามขั้นไปฆ่าจอมยุทธระดับบัวภายในได้แต่จอมยุทธระดับบัวภายในก็ยังถือว่าเป็นระดับกลางค่อนข้างสูงของมหาจักรวรรดิโจวอยู่ดี

ถ้าราชินีแห่งมหาจักรวรรดิโจวดันเจอตัวเขาเข้าเขาคงจะถูกฆ่าง่าย ๆ เป็นแน่

ทั้ง 4 คนมองไปยังข้างหน้า ก่อนจะเห็นใครบางคนอยู่บนหัวมังกรทมิฬ

เขาเป็นชายแก่ที่สวมเสื้อคลุมยาวหลวม ๆ สีดํา ผมสีขาวของเขาถูกม้วนขึ้นด้วยปิ่นปักผม 2 อันมีทั้งเบ้าตาที่ลึกโหลและสายตาที่แสนจะเย็นชาเขายิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างหยิ่งผยอง

เจียงฉือน้อยถามด้วยเสียงค่อยว่า “พวกเราควรทําไงดี? อ้อมไปดีมั้ย?”

โจวฉวนจีส่ายหัว ฝ่ายตรงข้ามเพ่งเล็งมาทางเขาอย่างชัดเจน แล้ วพวกเขาจะไปเดินบินอ้อมเขาไปได้ยังไงกัน?

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจมองด้วยสีหน้าที่ดูจริงจังและพูดขึ้นว่า “ข้าเกรงว่าระดับวรยุทธของเขาอาจจะสูงกว่าระดับบัวภาย ในก็ได้ครับ”

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ฝ่ายตรงข้ามอาจจะเป็นจอมยุทธทรงพลังที่อยู่ระดับผิดวิญญาณก็เป็นได้

 

ระดับผุดวิญญาณจะช่วยให้จอมยุทธมีอายุถึง 1000 ปีได้ แล้วแต่ละคนที่ถึงระดับนั้นได้ก็หยั่งกับปีศาจกันทั้งนั้น

ไม่ใช่แค่ทรงพลังเพียงอย่างเดียว แต่จิตใจของพวกเขาก็เหนือกว่าจะจินตนาการเสียด้วยซ้ํา

 

โจวฉวนจีบ่นพึมพํา “เราต้องแยกกันหนี…”

“ข้าทําไม่ได้!”

เจียงฉือน้อยคัดค้านหัวชนฝา เธอกอดเอวเขาไว้แน่นและพูดว่า“เราจะหนีหรือไม่ก็ตายไปด้วยกันเท่านั้น”

เมื่อฟังจากสิ่งที่ชายแก่ในชุดดําพูดแล้ว เป้าหมายของเขาก็คือโจวฉวนจีเพราะงั้นยังไงพวกเขาก็หนีกันได้อยู่แล้ว

แต่เธอจะปล่อยให้เขาอยู่ตัวคนเดียวได้ยังไงกันล่ะ?

โจวฉวนจีหันหลังไปและจ้องมองเข้าไปนัยตาของเธอ และเขามองเห็นเพียงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่แสดงออกมาผ่านสายตาเสียจนเขาไม่อาจปฏิเสธได้

ช่างแม่งแล้ว

ฮวงเหลี่ยนชินพูดขึ้นมาทันที “คนผู้นี้บาดเจ็บสาหัสอยู่เจ้าค่ะ”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น แววตาของโจวฉวนจีก็เปล่งประกายขึ้นมาด้วยความหวัง

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจรู้อยู่แล้วว่า นางนั้นมีสายตาที่สามารถมองทะลุเข้าไปยังกระดูกและเส้นเอ็นของผู้อื่นได้ “งั้นก็ไม่แปลกใจที่ว่าทําไมเขาถึงไม่พุ่งตรงเข้ามาหาพวกเรานะ”เขาพูด

ฮวงเหลี่ยนชินพยักหน้าก่อนจะเริ่มเดาออกมา “เขาเรียกหาองค์ชายฉวนจีแต่องค์ชายไม่ได้อยู่ในหมู่พวกเราเพราะงั้นบางที่พวกเราอาจจะกําลังโดนทดสอบอยู่ก็ได้”

ยังไงซะนางและจอมกระบี่แดนเหนือผู้องค์อาจก็ไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับองค์ชายฉวนจําอยู่แล้ว

 

ถ้าเป็นเรื่องที่ว่าองค์ชายเป็นลูกชายของแม่นางจาวฉวนก็อาจจะพอได้ยินมาบ้าง

โจวฉวนจีขมวดคิ้วพลางบ่นพึมพํากับตนเองชายแก่ในชุดสีดําไม่ได้เข้ามาใกล้พวกเขาเลย เอาแต่มองดูพวกเขาจากบนหัวมังกรทมิฬเท่านั้น นั่นมันแปลกซะจริง

 

และเขาก็ตัดสินใจขึ้นมาทันที “พวกเราจะบินไปอีกทาง!”

 

หลังจากที่พูดจบ ทั้ง 4 ก็เปลี่ยนทิศทางในการบินทันที

 

ชายแก่และมังกรทมิฬไม่ได้ไล่ตามพวกเขาไปแต่ยังคอยเฝ้ามองพวกเขาอยู่จากระยะไกล

 

โจวฉวนจีถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางสบถอยู่ภายในใจ

แม่งเอ้ย!

เมื่อกี้พูดล่อซื้อหรอกเหรอเนี่ย!

ถ้าเขาได้เจอไอเวรนั่นในอีก 10 ปีต่อมาอีกล่ะก็เขาจะสั่งสอนให้มันได้รู้สํานึกซะเลย!

หลังจากที่ทั้ง 4 คนออกมาประมาณชั่วโมงครึ่งก็มีจอมยุทธกลุ่มอื่นผ่านมาอีก

 

“องค์ชายฉวนจี มันก็ 8 ปีแล้วนะตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่พวกเราเจอกันน่ะตอนนี้ท่านช่างดูน่าประทับใจเสียจริงนะ”

ชายแก่ในชุดคลุมยาวสีดําร้องออกมา เหล่าจอมยุทธต่างตกใจกลัวเพราะเสียงร้องดังลั่นของเขา จนพวกเขาเกือบจะตกจากวัตถุวิเศษของตัวเอง

เมื่อพวกเขาหันไปมองก็พบกับมังกรทมิฬ พวกเขากลัวจนแทบจะเป็นลมเลยทีเดียว

กลุ่มคนพวกนี้นั้นก็เหมือนกับกลุ่มของโจวฉวนจี ในตอนแรกพวกเขาต่างก็ตกใจกลัวและไม่กล้าขยับไปไหน แต่หลังจากนั้นพอพวกเขารู้ว่ามีบางอย่างแปลก ๆ ก็รีบหนีไปทันที

ตลอดเวลา รอยยิ้มที่หยิ่งผยองนั้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายในชุดสีดําราวกับว่าเขาสามารถที่จะล้มอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน

เมื่อยามพลบค่ํามาถึง ทั้ง 4 ก็กลับมายังหุบเขา จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจที่อาศัยอยู่ข้างนอกเหมือนเดิม ในตอนนี้มีอาคารถึง 6 หลังอยู่ข้างหน้าทางเข้าหุบเขาแล้ว โดย 2 หลังใช้เป็นที่พักอาศัยส่วนที่เหลือใช้เป็นที่เก็บวัสดุและอาหารต่าง ๆ

อาใหญ่และน้องสองก็อาศัยอยู่ข้างนอกหุบเขาเช่นกันเพราะข้างในหุบเขานั้นเล็กเกินไปสําหรับพวกมัน

ฮวงเหลี่ยนชินก็ย้ายออกไปเมื่อครึ่งปีก่อน

โจวฉวนจีไม่ค่อยชอบที่จะให้มีผู้หญิงมาคอยเดินตามเขาไปไหนมาไหนทุกที่อยู่แล้ว เพราะมันทําให้เขารู้สึกไม่สบายใจเอามาก ๆเขามักจะกังวลเสมอว่านางจะมาแอบดูเขาตอนอาบน้ํามั้ย

“เจ้าทั้ง 2 คอยเฝ้าระวังภัยไว้นะ ถ้ามีอันตรายอะไรขึ้นมาให้รีบผิวปากยาว ๆ ได้เลย”

โจวฉวนจีสั่ง และจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินก็พยักหน้าตอบ

ขณะที่ทั้งสองมองโจวฉวนจีและเจียงฮือน้อยกลับเข้าไปในหุบเขานางก็เดินไปยังที่โล่งกว้างก่อนจะเริ่มฝึกดาบ

 

ส่วนจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็กลับเข้าไปในห้องของตนและเริ่มฝึกปราณภายใน

ปาไม่ได้หนาทึบมากนัก แต่ก็มากพอจะปกคลุมท้องฟ้าได้ก็ถือว่าปิดได้ดีทีเดียว

ในคืนนั้น โจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยก็รู้สึกกังวลกันมากจนนอนไม่หลับ

 

หลังจากที่ได้เห็นว่าชายแก่ในชุดสีดําไม่ได้ไล่ตามพวกเขามาจนกระทั่งผ่านพ้นค่ําคืนนี้ไป ในที่สุดพวกเขาก็รู้สึกสบายใจได้

เมื่อยามรุ่งสางมาเยือนในวันที่ 2 โจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยก็นอนเอนตัวอยู่บนม้านั่งชิงช้าเธอตั้งใจกอดคอเขาแน่นจนทําให้เขาเจ็บไปทั้งตัว

 

เธอลืมตากลมโตสีดําขึ้นมา ก่อนจะถามด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “ฉวนจีเจ้าเป็นองค์ชายรึเปล่า?”

เธอไม่เคยคิดจะถามเกี่ยวกับพื้นเพที่มาของเขามาก่อนเพราะเธอกลัวว่าเขาอาจจะรู้สึกเศร้าได้

แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เธอก็รู้สึกแย่นิดหน่อย

ถ้าเขาเป็นองค์ชายจริง ๆ แล้วคนอย่างเธอจะเหมาะสมกับเขามากพอที่จะแต่งงานด้วยได้หรอ?

 

โจวฉวนจีถอนหายใจและพูดตอบ “ใช่ แม่ของข้าตายเพราะแผนการของราชินีนะ ถ้าข้าเปิดเผยสถานะจริงๆของข้าออกไปองค์ราชินีต้องมาฆ่าข้าแน่ ๆ เพราะงั้นห้ามให้คนอื่นรู้เรื่องนี้เด็ดขาด

ล่ะ”

ตัวตนที่น่ารังเกียจอย่างเจ้าชายนี่ทําให้เขาต้องซ่อนตัวมาถึง 8

ตั้ง 8 ปี!

ตลอด 8 ปีมานี้!

หัวใจของเขาเต้นแรงมากเมื่อตอนที่เผชิญหน้ากับชายแก่ในชุดสีดําคนนั้นและมันก็ทําให้เขาโกรธสุด ๆ

รออีกสักปีนึงเถอะ จนกว่าเขาจะเลื่อนขึ้นระดับบรรลุญาณได้เขาจะย้ายไปอยู่มหาจักรวรรดิโจวแน่นอน!

“งั้นเจ้าคือองค์ชายของอาณาจักรไหนล่ะ?”

เจียงฉือน้อยถามด้วยความกังวล มีอาณาจักรอยู่ตั้งมากมายที่อยู่ภายใต้มหาจักรวรรดิโจว

 

แต่ไม่ว่าเขาจะมาจากอาณาจักรไหน แต่สถานะของเขาก็ยังเหนีอกว่าเธออยู่ดี

โจวฉวนจํากลิ้งตัวไปมา และเปลี่ยนไปอยู่ในท่าสบาย ๆ โดยหันหลังให้เธอก่อนจะพูดตอบว่า “มหาจักรวรรดิโจวน่ะ”

 

“มหาจักรวรรดิโจว? มหาจักรวรรดิโจวน่ะหรอ? มหาจักรวรรดิโจวเพียงหนึ่งเดียวนั่นอะนะ?”

 

เจียงฮือน้อยรู้สึกตกตะลึง วินาถีถัดมาเธอก็เริ่มเบิกตากว้าง

มหาจักรวรรดิโจวเนี่ยนะ!

 

โจวฉวนจีเป็นองค์ชายแห่งมหาจักรวรรดิโจว?

 

เดี๋ยวนะ..

 

หรือว่าเขาจะเป็น

เธอเคยได้ยินเรื่องนี้มาจากกลุ่ม 17 อสูรวายุทองคําและคนอื่นๆเมื่อ 8 ปีก่อนเรื่องที่นางสนมแห่งมหาจักรวรรดิโจวแม่นางจาวฉวนหลบหนีออกจากวังหลวงพร้อมกับองค์ชายตัวน้อยแต่ทั้งนางสนมและลูกชายของนางก็ตายกันทั้งคู่เป็นไปได้มั้ยว่าเขาจะ เป็นองค์ชายตัวน้อยคนนั้นน่ะ?

จู่ ๆ เธอก็พลิกตัวเขาก่อนจะจับหน้าของเขาเอาไว้ “งั้นเจ้าก็คือองค์ชายแห่งมหาจักรวรรดิโจว ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมเจ้าถึงได้ร้ายกาจซะขนาดนี้นะ…”

การที่ฆ่าใครสักคนได้ตั้งแต่อายุ 2 ขวบแถมคน ๆ นั้นยังเป็นจอมยุทธฝ่ายอธรรมที่อยู่ระดับบัวภายในอีก!

แล้วยังดังไปทั่วโลกตั้งแต่อายุ 9 ขวบ

ครอบครัวธรรมดาทั่วไปที่ไหนจะให้กําเนิดเจ้าคนที่ร้ายกาจขนาดนี้ได้กัน?

โจวฉวนจีกลอกตาและคิดว่า พี่สาวตัวน้อยของข้านี่ไม่ใช่ว่าตอนนี้พวกเราควรจะรู้สึกเศร้ารีไงกัน?

เจียงฉือน้อยกอดเขาเอาไว้พลางลูบหัว และพูดปลอบเขาอย่างอ่อนโยนว่า “อย่าร้องไปเลยนะฉวนจี ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไปไม่ว่าเจ้าจะเป็นองค์ชายหรือไม่ใช่ก็ตาม”

 

คนอย่างข้าเนี่ยนะจะร้องไห้?

 

โจวฉวนจีถึงกับพูดไม่ออก เขาผลักเธอออกทันทีก่อนจะพลิกตัวลุกขึ้นและวิ่งหนีออกไปไกล ๆ

 

พวกเราก็อายุมากกว่า 10 ขวบกันแล้วนะ จะให้ไปนอนกอดแบบนั้นได้ยังไง?

 

ไม่เหมาะสมเอาซะเลย

ขณะที่เธอมองเขาวิ่งหนีไป เจียงฉือน้อยก็ไม่ยอมแพ้ก่อนจะวิ่งไล่

ตามเขา

ในตอนนั้น ทั้งสองก็เริ่มเล่นต่อสู้กันอยู่ในหุบเขา

ส่วนด้านนอกหุบเขานั้น

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจฝึกวรยุทธอยู่ในห้องของตนเองอยู่ขณะที่ฮวงเหลี่ยนชิ้นมักตื่นเช้าตรู่เพื่อฝึกวิชาดาบต่อหน้าอาใหญ่ และน้องสอง

 

มันเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดี ปราณวิญญาณจะใสสะอาดและมีมากที่สุดในยามเช้า

ฟื้ววว ตุ๊บ!

ในตอนนั้นเอง ฮวงเหลี่ยนชินก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างร่วงลงมาจากด้านบนเหนือปา และหล่นลงข้างหลังเธอ

 

เธอหันกลับไปและรู้สึกอกสั่นขวัญหายทันที

 

นั่นมันหัวคนนี่!

มันคือหัวของชายแก่ในชุดสีดําที่พวกเขาเจอเมื่อวาน ทั่วทั้งหัวอาบไปด้วยเลือดพร้อมทั้งสีหน้าที่ยังยิ้มอยู่อย่างหยิ่งผยอง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 46 : องค์ชายแห่งมหาจักรวรรดิโจว

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 46 : องค์ชายแห่งมหาจักรวรรดิโจว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 46 : องค์ชายแห่งมหาจักรวรรดิโจว

“นายท่าน โปรดระวังด้วย!”

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจเตือนเขา ขณะที่เจียงฮือน้อยมองไปทางโจวฉวนจีตามสัญชาตญาณ

 

เธอรู้ชื่อจริงของโจวฉวนจี แต่อีกสองคนรู้แค่ในนามของเทพกระบี่โจวเท่านั้น

เธอเหลือบมองไปทางเขาอย่างรดวเร็วและสีหน้าของเธอก็แสดงให้เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ

โจวฉวนจีก็พยายามที่จะใจเย็นด้วยเช่นกันเขาจะยังเผยตัวตนตอนนี้ไม่ได้

ถึงแม้เขาจะข้ามขั้นไปฆ่าจอมยุทธระดับบัวภายในได้แต่จอมยุทธระดับบัวภายในก็ยังถือว่าเป็นระดับกลางค่อนข้างสูงของมหาจักรวรรดิโจวอยู่ดี

ถ้าราชินีแห่งมหาจักรวรรดิโจวดันเจอตัวเขาเข้าเขาคงจะถูกฆ่าง่าย ๆ เป็นแน่

ทั้ง 4 คนมองไปยังข้างหน้า ก่อนจะเห็นใครบางคนอยู่บนหัวมังกรทมิฬ

เขาเป็นชายแก่ที่สวมเสื้อคลุมยาวหลวม ๆ สีดํา ผมสีขาวของเขาถูกม้วนขึ้นด้วยปิ่นปักผม 2 อันมีทั้งเบ้าตาที่ลึกโหลและสายตาที่แสนจะเย็นชาเขายิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างหยิ่งผยอง

เจียงฉือน้อยถามด้วยเสียงค่อยว่า “พวกเราควรทําไงดี? อ้อมไปดีมั้ย?”

โจวฉวนจีส่ายหัว ฝ่ายตรงข้ามเพ่งเล็งมาทางเขาอย่างชัดเจน แล้ วพวกเขาจะไปเดินบินอ้อมเขาไปได้ยังไงกัน?

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจมองด้วยสีหน้าที่ดูจริงจังและพูดขึ้นว่า “ข้าเกรงว่าระดับวรยุทธของเขาอาจจะสูงกว่าระดับบัวภาย ในก็ได้ครับ”

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ฝ่ายตรงข้ามอาจจะเป็นจอมยุทธทรงพลังที่อยู่ระดับผิดวิญญาณก็เป็นได้

 

ระดับผุดวิญญาณจะช่วยให้จอมยุทธมีอายุถึง 1000 ปีได้ แล้วแต่ละคนที่ถึงระดับนั้นได้ก็หยั่งกับปีศาจกันทั้งนั้น

ไม่ใช่แค่ทรงพลังเพียงอย่างเดียว แต่จิตใจของพวกเขาก็เหนือกว่าจะจินตนาการเสียด้วยซ้ํา

 

โจวฉวนจีบ่นพึมพํา “เราต้องแยกกันหนี…”

“ข้าทําไม่ได้!”

เจียงฉือน้อยคัดค้านหัวชนฝา เธอกอดเอวเขาไว้แน่นและพูดว่า“เราจะหนีหรือไม่ก็ตายไปด้วยกันเท่านั้น”

เมื่อฟังจากสิ่งที่ชายแก่ในชุดดําพูดแล้ว เป้าหมายของเขาก็คือโจวฉวนจีเพราะงั้นยังไงพวกเขาก็หนีกันได้อยู่แล้ว

แต่เธอจะปล่อยให้เขาอยู่ตัวคนเดียวได้ยังไงกันล่ะ?

โจวฉวนจีหันหลังไปและจ้องมองเข้าไปนัยตาของเธอ และเขามองเห็นเพียงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่แสดงออกมาผ่านสายตาเสียจนเขาไม่อาจปฏิเสธได้

ช่างแม่งแล้ว

ฮวงเหลี่ยนชินพูดขึ้นมาทันที “คนผู้นี้บาดเจ็บสาหัสอยู่เจ้าค่ะ”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น แววตาของโจวฉวนจีก็เปล่งประกายขึ้นมาด้วยความหวัง

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจรู้อยู่แล้วว่า นางนั้นมีสายตาที่สามารถมองทะลุเข้าไปยังกระดูกและเส้นเอ็นของผู้อื่นได้ “งั้นก็ไม่แปลกใจที่ว่าทําไมเขาถึงไม่พุ่งตรงเข้ามาหาพวกเรานะ”เขาพูด

ฮวงเหลี่ยนชินพยักหน้าก่อนจะเริ่มเดาออกมา “เขาเรียกหาองค์ชายฉวนจีแต่องค์ชายไม่ได้อยู่ในหมู่พวกเราเพราะงั้นบางที่พวกเราอาจจะกําลังโดนทดสอบอยู่ก็ได้”

ยังไงซะนางและจอมกระบี่แดนเหนือผู้องค์อาจก็ไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับองค์ชายฉวนจําอยู่แล้ว

 

ถ้าเป็นเรื่องที่ว่าองค์ชายเป็นลูกชายของแม่นางจาวฉวนก็อาจจะพอได้ยินมาบ้าง

โจวฉวนจีขมวดคิ้วพลางบ่นพึมพํากับตนเองชายแก่ในชุดสีดําไม่ได้เข้ามาใกล้พวกเขาเลย เอาแต่มองดูพวกเขาจากบนหัวมังกรทมิฬเท่านั้น นั่นมันแปลกซะจริง

 

และเขาก็ตัดสินใจขึ้นมาทันที “พวกเราจะบินไปอีกทาง!”

 

หลังจากที่พูดจบ ทั้ง 4 ก็เปลี่ยนทิศทางในการบินทันที

 

ชายแก่และมังกรทมิฬไม่ได้ไล่ตามพวกเขาไปแต่ยังคอยเฝ้ามองพวกเขาอยู่จากระยะไกล

 

โจวฉวนจีถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางสบถอยู่ภายในใจ

แม่งเอ้ย!

เมื่อกี้พูดล่อซื้อหรอกเหรอเนี่ย!

ถ้าเขาได้เจอไอเวรนั่นในอีก 10 ปีต่อมาอีกล่ะก็เขาจะสั่งสอนให้มันได้รู้สํานึกซะเลย!

หลังจากที่ทั้ง 4 คนออกมาประมาณชั่วโมงครึ่งก็มีจอมยุทธกลุ่มอื่นผ่านมาอีก

 

“องค์ชายฉวนจี มันก็ 8 ปีแล้วนะตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่พวกเราเจอกันน่ะตอนนี้ท่านช่างดูน่าประทับใจเสียจริงนะ”

ชายแก่ในชุดคลุมยาวสีดําร้องออกมา เหล่าจอมยุทธต่างตกใจกลัวเพราะเสียงร้องดังลั่นของเขา จนพวกเขาเกือบจะตกจากวัตถุวิเศษของตัวเอง

เมื่อพวกเขาหันไปมองก็พบกับมังกรทมิฬ พวกเขากลัวจนแทบจะเป็นลมเลยทีเดียว

กลุ่มคนพวกนี้นั้นก็เหมือนกับกลุ่มของโจวฉวนจี ในตอนแรกพวกเขาต่างก็ตกใจกลัวและไม่กล้าขยับไปไหน แต่หลังจากนั้นพอพวกเขารู้ว่ามีบางอย่างแปลก ๆ ก็รีบหนีไปทันที

ตลอดเวลา รอยยิ้มที่หยิ่งผยองนั้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายในชุดสีดําราวกับว่าเขาสามารถที่จะล้มอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน

เมื่อยามพลบค่ํามาถึง ทั้ง 4 ก็กลับมายังหุบเขา จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจที่อาศัยอยู่ข้างนอกเหมือนเดิม ในตอนนี้มีอาคารถึง 6 หลังอยู่ข้างหน้าทางเข้าหุบเขาแล้ว โดย 2 หลังใช้เป็นที่พักอาศัยส่วนที่เหลือใช้เป็นที่เก็บวัสดุและอาหารต่าง ๆ

อาใหญ่และน้องสองก็อาศัยอยู่ข้างนอกหุบเขาเช่นกันเพราะข้างในหุบเขานั้นเล็กเกินไปสําหรับพวกมัน

ฮวงเหลี่ยนชินก็ย้ายออกไปเมื่อครึ่งปีก่อน

โจวฉวนจีไม่ค่อยชอบที่จะให้มีผู้หญิงมาคอยเดินตามเขาไปไหนมาไหนทุกที่อยู่แล้ว เพราะมันทําให้เขารู้สึกไม่สบายใจเอามาก ๆเขามักจะกังวลเสมอว่านางจะมาแอบดูเขาตอนอาบน้ํามั้ย

“เจ้าทั้ง 2 คอยเฝ้าระวังภัยไว้นะ ถ้ามีอันตรายอะไรขึ้นมาให้รีบผิวปากยาว ๆ ได้เลย”

โจวฉวนจีสั่ง และจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินก็พยักหน้าตอบ

ขณะที่ทั้งสองมองโจวฉวนจีและเจียงฮือน้อยกลับเข้าไปในหุบเขานางก็เดินไปยังที่โล่งกว้างก่อนจะเริ่มฝึกดาบ

 

ส่วนจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็กลับเข้าไปในห้องของตนและเริ่มฝึกปราณภายใน

ปาไม่ได้หนาทึบมากนัก แต่ก็มากพอจะปกคลุมท้องฟ้าได้ก็ถือว่าปิดได้ดีทีเดียว

ในคืนนั้น โจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยก็รู้สึกกังวลกันมากจนนอนไม่หลับ

 

หลังจากที่ได้เห็นว่าชายแก่ในชุดสีดําไม่ได้ไล่ตามพวกเขามาจนกระทั่งผ่านพ้นค่ําคืนนี้ไป ในที่สุดพวกเขาก็รู้สึกสบายใจได้

เมื่อยามรุ่งสางมาเยือนในวันที่ 2 โจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยก็นอนเอนตัวอยู่บนม้านั่งชิงช้าเธอตั้งใจกอดคอเขาแน่นจนทําให้เขาเจ็บไปทั้งตัว

 

เธอลืมตากลมโตสีดําขึ้นมา ก่อนจะถามด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “ฉวนจีเจ้าเป็นองค์ชายรึเปล่า?”

เธอไม่เคยคิดจะถามเกี่ยวกับพื้นเพที่มาของเขามาก่อนเพราะเธอกลัวว่าเขาอาจจะรู้สึกเศร้าได้

แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เธอก็รู้สึกแย่นิดหน่อย

ถ้าเขาเป็นองค์ชายจริง ๆ แล้วคนอย่างเธอจะเหมาะสมกับเขามากพอที่จะแต่งงานด้วยได้หรอ?

 

โจวฉวนจีถอนหายใจและพูดตอบ “ใช่ แม่ของข้าตายเพราะแผนการของราชินีนะ ถ้าข้าเปิดเผยสถานะจริงๆของข้าออกไปองค์ราชินีต้องมาฆ่าข้าแน่ ๆ เพราะงั้นห้ามให้คนอื่นรู้เรื่องนี้เด็ดขาด

ล่ะ”

ตัวตนที่น่ารังเกียจอย่างเจ้าชายนี่ทําให้เขาต้องซ่อนตัวมาถึง 8

ตั้ง 8 ปี!

ตลอด 8 ปีมานี้!

หัวใจของเขาเต้นแรงมากเมื่อตอนที่เผชิญหน้ากับชายแก่ในชุดสีดําคนนั้นและมันก็ทําให้เขาโกรธสุด ๆ

รออีกสักปีนึงเถอะ จนกว่าเขาจะเลื่อนขึ้นระดับบรรลุญาณได้เขาจะย้ายไปอยู่มหาจักรวรรดิโจวแน่นอน!

“งั้นเจ้าคือองค์ชายของอาณาจักรไหนล่ะ?”

เจียงฉือน้อยถามด้วยความกังวล มีอาณาจักรอยู่ตั้งมากมายที่อยู่ภายใต้มหาจักรวรรดิโจว

 

แต่ไม่ว่าเขาจะมาจากอาณาจักรไหน แต่สถานะของเขาก็ยังเหนีอกว่าเธออยู่ดี

โจวฉวนจํากลิ้งตัวไปมา และเปลี่ยนไปอยู่ในท่าสบาย ๆ โดยหันหลังให้เธอก่อนจะพูดตอบว่า “มหาจักรวรรดิโจวน่ะ”

 

“มหาจักรวรรดิโจว? มหาจักรวรรดิโจวน่ะหรอ? มหาจักรวรรดิโจวเพียงหนึ่งเดียวนั่นอะนะ?”

 

เจียงฮือน้อยรู้สึกตกตะลึง วินาถีถัดมาเธอก็เริ่มเบิกตากว้าง

มหาจักรวรรดิโจวเนี่ยนะ!

 

โจวฉวนจีเป็นองค์ชายแห่งมหาจักรวรรดิโจว?

 

เดี๋ยวนะ..

 

หรือว่าเขาจะเป็น

เธอเคยได้ยินเรื่องนี้มาจากกลุ่ม 17 อสูรวายุทองคําและคนอื่นๆเมื่อ 8 ปีก่อนเรื่องที่นางสนมแห่งมหาจักรวรรดิโจวแม่นางจาวฉวนหลบหนีออกจากวังหลวงพร้อมกับองค์ชายตัวน้อยแต่ทั้งนางสนมและลูกชายของนางก็ตายกันทั้งคู่เป็นไปได้มั้ยว่าเขาจะ เป็นองค์ชายตัวน้อยคนนั้นน่ะ?

จู่ ๆ เธอก็พลิกตัวเขาก่อนจะจับหน้าของเขาเอาไว้ “งั้นเจ้าก็คือองค์ชายแห่งมหาจักรวรรดิโจว ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมเจ้าถึงได้ร้ายกาจซะขนาดนี้นะ…”

การที่ฆ่าใครสักคนได้ตั้งแต่อายุ 2 ขวบแถมคน ๆ นั้นยังเป็นจอมยุทธฝ่ายอธรรมที่อยู่ระดับบัวภายในอีก!

แล้วยังดังไปทั่วโลกตั้งแต่อายุ 9 ขวบ

ครอบครัวธรรมดาทั่วไปที่ไหนจะให้กําเนิดเจ้าคนที่ร้ายกาจขนาดนี้ได้กัน?

โจวฉวนจีกลอกตาและคิดว่า พี่สาวตัวน้อยของข้านี่ไม่ใช่ว่าตอนนี้พวกเราควรจะรู้สึกเศร้ารีไงกัน?

เจียงฉือน้อยกอดเขาเอาไว้พลางลูบหัว และพูดปลอบเขาอย่างอ่อนโยนว่า “อย่าร้องไปเลยนะฉวนจี ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไปไม่ว่าเจ้าจะเป็นองค์ชายหรือไม่ใช่ก็ตาม”

 

คนอย่างข้าเนี่ยนะจะร้องไห้?

 

โจวฉวนจีถึงกับพูดไม่ออก เขาผลักเธอออกทันทีก่อนจะพลิกตัวลุกขึ้นและวิ่งหนีออกไปไกล ๆ

 

พวกเราก็อายุมากกว่า 10 ขวบกันแล้วนะ จะให้ไปนอนกอดแบบนั้นได้ยังไง?

 

ไม่เหมาะสมเอาซะเลย

ขณะที่เธอมองเขาวิ่งหนีไป เจียงฉือน้อยก็ไม่ยอมแพ้ก่อนจะวิ่งไล่

ตามเขา

ในตอนนั้น ทั้งสองก็เริ่มเล่นต่อสู้กันอยู่ในหุบเขา

ส่วนด้านนอกหุบเขานั้น

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจฝึกวรยุทธอยู่ในห้องของตนเองอยู่ขณะที่ฮวงเหลี่ยนชิ้นมักตื่นเช้าตรู่เพื่อฝึกวิชาดาบต่อหน้าอาใหญ่ และน้องสอง

 

มันเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดี ปราณวิญญาณจะใสสะอาดและมีมากที่สุดในยามเช้า

ฟื้ววว ตุ๊บ!

ในตอนนั้นเอง ฮวงเหลี่ยนชินก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างร่วงลงมาจากด้านบนเหนือปา และหล่นลงข้างหลังเธอ

 

เธอหันกลับไปและรู้สึกอกสั่นขวัญหายทันที

 

นั่นมันหัวคนนี่!

มันคือหัวของชายแก่ในชุดสีดําที่พวกเขาเจอเมื่อวาน ทั่วทั้งหัวอาบไปด้วยเลือดพร้อมทั้งสีหน้าที่ยังยิ้มอยู่อย่างหยิ่งผยอง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+