หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 51 : 11 ปี กับดาบไร้ลักษณ์

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 51 : 11 ปี กับดาบไร้ลักษณ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมื่นกระบีทะลวงสวรรค์ | Have Countless Lege…

 

ตอนที่ 51 : 11 ปี กับดาบไร้ลักษณ์

 

ครึ่งปีต่อมา ทั้งกลุ่มก็ได้กล่าวอําลาหมู่บ้านลําธารขจีก่อนจะจาก

 

ในตอนแรกโจวฉวนจีอยากจะรออีกสักหนึ่งเดือนให้เจียงฉือน้อยแต่เธอก็รู้สึกได้ว่าหมดหวังแล้วจริง ๆ และไม่อยากทําให้เขาช้าไปมากกว่านี้แล้ว

 

ทั้งกลุ่มเดินทางเข้าไปยังถิ่นธุรกันดารและมุ่งหน้าสู่มหาจักรวรรดิโจว

 

โจวฉวนจีไม่อยากจะพาอาใหญ่และน้องสองไปด้วย แต่พอคิดดูอีกที่แล้ว เขาก็ยังพาพวกมันไปด้วยอยู่ดี

 

วิหคมังกรทั้งสองถือเป็นสัตว์หายากที่ดึงดูดสายตาจอมยุทธที่แสนจะโลภมากคนอื่น ๆ ได้ดี ดังนั้นมันจึงอันตรายเกินไปที่จะทิ้งพวกมันไว้ในปากู่หลาน

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจแนะนําให้ซื้อถุงเก็บสัตว์ซึ่งมีขนาดเท่าเมล็ดคัสตาร์ด เพื่อที่โจวฉวนจีจะได้ซ่อนวิหคมังกรไว้ข้างในถุงพร้อมด้วยหินวิญญาณและใส่อาหารเอาไว้เพื่อให้มันมีชีวิตอยู่ข้างในได้

 

แต่ถุงเก็บสัตว์นั้นมีราคาที่ค่อนข้างจะสูงมากและไม่สามารถหาซื้อได้ในอาณาจักรทั่วไป แต่มันถูกควบคุมการซื้อขายเอาไว้โดยตระกูลใหญ่และรัฐบาล

 

โจวฉวนจีนั้นรวยมากอยู่แล้ว เพราะงั้นการจะซื้อมันจากจักรวรรดิก็ง่ายเหมือนปลอกกล้วย

 

ณ พื้นที่ภูมิประเทศที่เป็นภูเขา ทั้งกลุ่มได้เดินข้ามทั้งภูเขามากมายและแม่น้ําลําธาร

 

โจวฉวนจีตบอาใหญ่ขณะที่เดินอยู่พลางถอนหายใจ “เจ้านะตัวเล็กกว่านี้เยอะเลยตอนที่เจอกันครั้งแรกนะ แต่ดูตอนนี้สิว่าเจ้าตัวใหญ่ขนาดไหน เห็นมั้ยล่ะว่าข้าน่ะเลี้ยงเจ้าดีสุด ๆ”

 

เจียงฉือน้อยเม้มปากก่อนจะพูดย้อนขึ้นมา “ไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนให้อาหารรีไง?”

 

โจวฉวนจีจ้องเธอเขม็ง ยัยเด็กนี่เริ่มเข้าสู่วัยต่อต้านแล้วใช่มั้ยเนี่ย?

 

ทําไมเธอต้องมาทําลายความภาคภูมิใจของเขาทุกทีด้วยนะ?

 

ทั้งจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินต่างก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

 

“ข้าเคยได้ยินมาว่า หากวิหคมังกรมีชีวิตอยู่ถึง 1000 ปีได้ มันจะกลายเป็นขุนนางแห่งเผ่าปีศาจล่ะเจ้าค่ะ แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงมั้ย” ฮวงเหลี่ยนชินพูดพลางยิ้ม

 

“แหวะ ข้ามีชีวิตอยู่มาเป็นพันปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นวิหคมังกรที่ทรงพลังเลยสักกะตัว นั้นก็แค่ข่าวลือเท่านั้นแหละ!”

 

เจ้างูสีดําตัวจ้อยพูดออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง ขณะที่มันถูกเจ้าหนูทรายสามตาลากไปกับพื้น

 

ผลจากการที่มันถูกลากไปมา ผิวหนังของมันถลอกปอกเปิดและทั่วทั้งร่างเลยเต็มไปด้วยบาดแผล

 

แต่สิ่งที่มีค่าพอจะพูดถึงก็คือ ถึงแม้มันจะผ่านการทรมาณที่สุดแสนจะสาหัสสากรรจ์ขนาดนี้ แต่ร่างกายของมันก็ยังฟื้นฟูขึ้นมาราวกับว่าร่างกายของมันกําลังปรับตัว

 

โจวฉวนจีพูดตอบกลับ “ข้าจะเลี้ยงดูพวกมันให้เติบใหญ่เป็นขุนนางปีศาจอย่างแน่นอน!”

 

เมื่อวิหคมังกรได้ยิน จู่ ๆ มันก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีใจพวกมันวิ่งวนรอบตัวเขาพลางกางปีกออก จนสร้างลมกรรโชกแรงและเกือบจะทําให้เจ้าหนูทรายสามตาและเจ้างสีดําตัวจ้อยลอยไปกับลม

 

ตอนนี้พวกมันสูงเกือบเท่าตึก 3 ชั้น จนเรียกได้ว่ามันเป็นสัตว์ที่ตัวขนาดใหญ่ยักษ์เลยทีเดียว

 

“นี่เจ้าอยากให้ข้าตายมากนักรึไงห้ะ?”

 

เจ้างูร้องออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด แม้มันจะฟังดูตลกสําหรับคนอื่นก็ตาม

 

และด้วยเหตุผลบางอย่าง ตอนนี้จ้าวมังกรเกล็ดทมิฬเลยกลายเป็นตัวตลกคาเฟสําหรับทุกคน

 

แต่มันก็น่าแปลกที่ขนาดตัวของมันยังคงเท่าเดิม ราวกับว่ามันจะไม่มีทางโตได้มากกว่านี้

 

ทุกครั้งที่พวกเขาพูดถึงเรื่องนี้ เจ้าตัวเล็กก็รู้สึกราวกับถูกพูดแทงใจดํา และมักร้องออกมาด้วยเสียงที่ดัง “นั่นมันคือความสามารถของเผ่าข้าต่างหากเล่า อย่างเจ้าจะไปเข้าใจได้ยังไงกัน?”

 

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้างูแสดงท่าทางหยิ่งยโส มันก็มักจะได้รับการตอบแทนเป็นลูกเตะจากโจวฉวนจีกลับไปเสมอ

 

ทั้งกลุ่มไม่ได้เร่งรีบเดินทางกันแต่อย่างใด โดยพวกเขามักจะเดินเล่นเที่ยวไปรอบในช่วงกลางวัน และกลับมาฝึกฝนกันในช่วงกลางคืน

 

ถ้าหากพวกเขาเจอปีศาจเข้า โจวฉวนจีมักจะแนะนําให้เจียงฮือน้อยลองสู้กับพวกมันเพื่อเก็บประสบการณ์

 

ฮวงเหลี่ยนชินก็เช่นกัน ขณะที่จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจดูจะหลงใหลไปกับวิชาขยายวิถีกระบี่อยู่

 

เขาฝึกวิชาดาบนั่น แม้กระทั่งตอนที่เดิน

 

พวกเขาข้ามภูเขาและเนินเขามากมาย รวมถึงแม่น้ําและที่ราบต่าง ๆ

 

พวกเขาทั้งเดินผ่านเข้าไปในปาที่เต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีร่วงโรยและร่ายรํา ทั้งยังปีนข้ามผ่านภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ําแข็งหนาวเหน็บ

 

2 เดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

“จากการวิเคราะห์พบว่าท่านเจ้าของดาบมีอายุครบ 11 ปีแล้วระบบกาชาเริ่มทํางาน!”

 

“ทิ้ง! ยินดีด้วย ท่านเจ้าของดาบได้รับ [ระดับเงิน] ดาบไร้ลักษณ์เกราะอ่อนทองคํา ยาสมุทรทมิฬ”

 

โจวฉวนจีได้ยินเสียงของจิตวิญญาณแห่งดาบขณะที่เดินอยู่บนถนน

 

เขาอายุ 11 แล้วตอนนี้

 

แต่มันก็ทําให้เขารู้สึกเศร้านิดหน่อยที่เวลานั้นเป็นสิ่งที่คอยเตือนคนเราว่ามีอายุที่มากขึ้นแล้ว

 

หลังจากนั้น เขาก็เริ่มเช็คข้อมูลของดาบไร้ลักษณ์ด้วยความดีใจ

 

ชื่อดาบ : ดาบไร้ลักษณ์

 

ระดับ : เงิน

 

คําอธิบาย : ดาบไร้ลักษณ์ มีเพียงเจ้าของดาบเท่านั้นที่เห็นมันดาบนั้นไร้ซึ่งน้ําหนักแต่กลับทรงพลังอย่างเหลือล้น

 

ดาบไร้ลักษณ์หรอ?

 

เขาหยิบดาบไร้ลักษณ์ออกมาทันที มันทั้งเรียวยาวเหมือนกับดาบผ่าวายุ แต่กลับเบายิ่งกว่าราวกับกําลังถืออากาศเอาไว้

 

เขาลองใช้มันกับวิชาดาบกระเรียนขาวทันทีเพื่อทําความคุ้นเคยกับดาบใหม่

 

เจียงฮือน้อย จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ และฮวงเหลี่ยนชินต่างก็รู้สึกตกใจเมื่อพวกเห็นเห็นสิ่งที่โจวฉวนจีทําอยู่

 

ในสายตาของพวกเขา มือขวาของโจวฉวนจีทําท่าเหมือนถือดาบเอาไว้อยู่ แต่กลับไม่มีอะไรอยู่บนมือ ซึ่งนั่นมันแปลกมาก

 

ฟู่ววววว

 

ลมพายุหนาวเย็นพัดผ่านไปอย่างรุนแรง และรูม่านตาของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็หดตัวลงในทันที หญิงสาวทั้งสองที่ระดับวรยุทธยังต่ําเกินไป เลยไม่อาจเห็นมันได้ชัด แต่มันกลับชัดเจนมากในสายตาของเขา

 

นั่นมาปราณกระบี่หนิ!

 

เขาสร้างปราณกระบี่ขึ้นมาโดยที่ไม่มีดาบเนี่ยนะ?

 

เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับวิชาที่ใช้นิ้วเป็นดาบมาก่อน แต่โจวฉวนจีกลับไม่ได้ทําแบบนั้น

 

งั้นเป็นไปได้มั้ยว่านั่นจะเป็นวิชาดาบใหม่น่ะ?

 

แล้วจู่ ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องเมื่อ 3 เดือนก่อนขึ้นมามันเป็นภาพในตอนที่เขาได้เห็นโจวฉวนจีฝึกใช้วิชาสิบกระบี่

 

นายท่านต้องจู่ ๆ บรรลุขึ้นมาได้แล้วเกิดอยากใช้มันขึ้นมาแหงเลย

 

หลังจากที่จบกระบวนท่าในวิชาดาบกระเรียนขาวแล้ว โจวฉวนจีก็รู้สึกค่อนข้างที่จะพอใจ

ถึงแม้ดาบไร้ลักษณ์นั้นจะไร้น้ําหนัก แต่มันก็ยังทั้งทรงพลังมากและรวดเร็วอยู่ดี มันคือการสังหารสัตรูโดยที่พวกมันไม่มีทางเห็นได้ยังไงล่ะ

 

หลังจากนั้น เขาก็เก็บดาบกลับไปก่อนจะเริ่มเดินหน้าต่อ พลางหยิบเอาเกราะทองคําออกมา

 

เกราะอ่อนทองคํานั้นเป็นชุดเกราะชั้นในสีเหลืองทอง มันทั้งงดงามและเบาหวิว

 

“ชุดเกราะนี้มีพลังป้องกันที่สูงส่ง มันสามารถดูดซับความเสียหายจากจอมยุทธระดับบรรลุญาณได้”

 

จิตวิญญาณแห่งดาบพูดแนะนําขึ้นมาทันที และโจวฉวนจีก็พยักหน้ารับ

 

จู่ ๆ เขาก็เดินไปหาเจียงลือน้อยและพูดขึ้นมา “ชุดเกราะนี่ข้าให้เจ้านะ ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิด”

 

เจียงฉือน้อยไม่รู้วันเกิดจริง ๆ ของตัวเอง เพราะงั้นเธอเลยตัดสินใจเกิดวันเดียวกับเขาซะเลย

 

ในวันเดียวกันของทุก ๆ ปี เจียงฉือน้อยจะเตรียมอาหารหรูๆ และเตรียมเสื้อผ้าที่เธอเป็นคนเย็บเอาไว้ให้เขาด้วย

 

“มันดูจะเป็นชุดเกราะที่ดีมากเลยนะ เจ้าควรจะเป็นคนใส่มันมากกว่า” เธอส่ายหัวพลางพูดตอบ

 

โจวฉวนจียิ้มให้พลางตอบกลับ “ชุดเกราะนี่สามารถป้องกันการ โจมตีของจอมยุทธระดับบรรลุญาณได้ แต่ว่าไม่มีจอมยุทธระดับบร รลุญาณคนไหนที่ทําให้ข้าบาดเจ็บได้หรอกนะ”

 

เขาไม่ได้พูดอวดดีแต่อย่างใด หลังจากที่เขาขึ้นสู่ระดับบรรลุญาณได้แล้ว และด้วยดาบในตํานานกับวิชาดาบที่เขามีอยู่มากมายนี้ เขาจะรู้สึกอายซะมากกว่าถ้าเขายังแพ้ให้กับจอมยุทธระดับเดียวกันได้

 

เขาบังคับให้มันกับเจียงฉือน้อยก่อนจะเดินหน้าต่อไป และตอนนี้เขาก็กลับมาสนใจยาสมุทรทมิฬต่อ

 

“ยาสมุทรทมิฬเป็นยาเสริมปราณวิญญาณ การกินมันจะช่วยเพิ่มพลังกายและวรยุทธของผู้ที่กิน และมันยังช่วยให้ท่านเจ้าของดาบได้รับ ผิวหยกกระดูกทองคํา และ ปราณกระบี่คําราม ของปราณกระบี่อาคมกายทองคําได้ในทันทีอีกด้วย”

 

โจวฉวนจีรู้สึกมีความสุขมากหลังจากที่ได้ยินคําแนะนําของจิตวิญญาณแห่งดาบ

 

การพัฒนาขึ้นในแต่ละขั้นของปราณกระบี่อาคมกายทองคํา จะช่วยให้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

 

ถึงแม้เขาจะแข็งแรงมากถึงประมาณ 60000 ปอนด์ แต่ตั้งแต่ที่เขาใช้ดาบแทบจะตลอดเวลา ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาจึงยังไม่ถูกเปิดเผย

 

อีกด้านหนึ่ง จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินต่างมองหน้ากันและกัน และทั้งคู่ต่างก็เห็นตัวเองที่กําลังตกใจผ่านดวงตาของอีกฝ่าย

 

ชุดเกราะชั้นในที่สามารถป้องกันการโจมตีของจอมยุทธระดับบรรลุญาณได้งั้นหรอ?

 

นี่เจ้านายของพวกเขามีสมบัติอยู่เท่าไหร่กันแน่เนี่ย?

 

พวกเขารู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันทีและเริ่มแอบคาดหวังอยู่ภายในใจพวกเขาจะธุระให้เจ้านายมากขึ้นเพื่อที่พวกเขาจะได้รับรางวัลบ้าง

 

“อี๋”

 

ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงม้าที่น่าหวาดกลัวร้องดังขึ้นมาจากทางฝั่งตะวันออก

 

ทั้งกลุ่มต่างหันไปมองรอบ ๆ ก่อนจะเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดเกราะสีดําขี่ม้าสีแดงตรงมาหาพวกเขา มันทั้งสูงและดูน่ากลัวมาก ใต้กีบเท้าของมันมีเปลวไฟและบนหัวของมันมีเขาอยู่ มันรวดเร็วมากเสียจนในทุก ๆ การวิ่งของมันนั้นไปไกลได้กว่า 20-30 หลา และยังไปไกลถึง 1000 หลาได้ภายใน 3 ลมหายใจเท่านั้น

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจหันกลับไปก่อนจะเข้าไปขวางหน้าทันที “หยุด!” เขาตะโกนขึ้นมา

 

ชายหนุ่มหน้าตาดียังคงมุ่งหน้ามาต่อ ก่อนจะค่อย ๆ หยุดม้าลงเมื่อเขาอยู่ห่างจากโจวฉวนจีและคนอื่น ๆ แค่เพียง 10 หลาเท่านั้น

 

“ข้าคือแม่ทัพอัศวินแห่งมหาจักรวรรดิโจว เหมิงเทียนหลาง ข้ารู้สึกสนใจในวิหคมังกรทั้งสองตัวนั้น จงบอกข้ามาว่าเจ้าสนใจสิ่งใดเพื่อแลกเปลี่ยนกับพวกมัน”

 

ชายหนุ่มหน้าตาดีพูดพลางโบกมือให้ ท่าทางของเขานั้นหยิ่งยโสและน้ําเสียงของเขายังทําเหมือนกับว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธเขา

 

สีหน้าของโจวฉวนจีเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมิงเทียนหลางหรอ?

 

ชายคนที่เสี่ยวจิงหงบอกว่ามีสัญญาว่าจะสู้กันที่เขตชายแดน น่ะหรอ?

 

แม่ทัพอัศวินที่อายุน้อยที่สุดแห่งมหาจักรวรรดิโจวน่ะหรอ!

 

นี่มันเป็นปัญหาใหญ่เลยนะเนี่ย โจวฉวนจีจ้องมองลงไปยังเขา

 

แต่คนที่ทรงพลังอย่างเขาไม่น่าจะมาขี่ม้าเล่นอะไรแถวนี้นะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะต้องเล็งวิหคมังกรของข้าไว้อย่างแน่นอน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 51 : 11 ปี กับดาบไร้ลักษณ์

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 51 : 11 ปี กับดาบไร้ลักษณ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมื่นกระบีทะลวงสวรรค์ | Have Countless Lege…

 

ตอนที่ 51 : 11 ปี กับดาบไร้ลักษณ์

 

ครึ่งปีต่อมา ทั้งกลุ่มก็ได้กล่าวอําลาหมู่บ้านลําธารขจีก่อนจะจาก

 

ในตอนแรกโจวฉวนจีอยากจะรออีกสักหนึ่งเดือนให้เจียงฉือน้อยแต่เธอก็รู้สึกได้ว่าหมดหวังแล้วจริง ๆ และไม่อยากทําให้เขาช้าไปมากกว่านี้แล้ว

 

ทั้งกลุ่มเดินทางเข้าไปยังถิ่นธุรกันดารและมุ่งหน้าสู่มหาจักรวรรดิโจว

 

โจวฉวนจีไม่อยากจะพาอาใหญ่และน้องสองไปด้วย แต่พอคิดดูอีกที่แล้ว เขาก็ยังพาพวกมันไปด้วยอยู่ดี

 

วิหคมังกรทั้งสองถือเป็นสัตว์หายากที่ดึงดูดสายตาจอมยุทธที่แสนจะโลภมากคนอื่น ๆ ได้ดี ดังนั้นมันจึงอันตรายเกินไปที่จะทิ้งพวกมันไว้ในปากู่หลาน

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจแนะนําให้ซื้อถุงเก็บสัตว์ซึ่งมีขนาดเท่าเมล็ดคัสตาร์ด เพื่อที่โจวฉวนจีจะได้ซ่อนวิหคมังกรไว้ข้างในถุงพร้อมด้วยหินวิญญาณและใส่อาหารเอาไว้เพื่อให้มันมีชีวิตอยู่ข้างในได้

 

แต่ถุงเก็บสัตว์นั้นมีราคาที่ค่อนข้างจะสูงมากและไม่สามารถหาซื้อได้ในอาณาจักรทั่วไป แต่มันถูกควบคุมการซื้อขายเอาไว้โดยตระกูลใหญ่และรัฐบาล

 

โจวฉวนจีนั้นรวยมากอยู่แล้ว เพราะงั้นการจะซื้อมันจากจักรวรรดิก็ง่ายเหมือนปลอกกล้วย

 

ณ พื้นที่ภูมิประเทศที่เป็นภูเขา ทั้งกลุ่มได้เดินข้ามทั้งภูเขามากมายและแม่น้ําลําธาร

 

โจวฉวนจีตบอาใหญ่ขณะที่เดินอยู่พลางถอนหายใจ “เจ้านะตัวเล็กกว่านี้เยอะเลยตอนที่เจอกันครั้งแรกนะ แต่ดูตอนนี้สิว่าเจ้าตัวใหญ่ขนาดไหน เห็นมั้ยล่ะว่าข้าน่ะเลี้ยงเจ้าดีสุด ๆ”

 

เจียงฉือน้อยเม้มปากก่อนจะพูดย้อนขึ้นมา “ไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนให้อาหารรีไง?”

 

โจวฉวนจีจ้องเธอเขม็ง ยัยเด็กนี่เริ่มเข้าสู่วัยต่อต้านแล้วใช่มั้ยเนี่ย?

 

ทําไมเธอต้องมาทําลายความภาคภูมิใจของเขาทุกทีด้วยนะ?

 

ทั้งจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินต่างก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

 

“ข้าเคยได้ยินมาว่า หากวิหคมังกรมีชีวิตอยู่ถึง 1000 ปีได้ มันจะกลายเป็นขุนนางแห่งเผ่าปีศาจล่ะเจ้าค่ะ แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงมั้ย” ฮวงเหลี่ยนชินพูดพลางยิ้ม

 

“แหวะ ข้ามีชีวิตอยู่มาเป็นพันปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นวิหคมังกรที่ทรงพลังเลยสักกะตัว นั้นก็แค่ข่าวลือเท่านั้นแหละ!”

 

เจ้างูสีดําตัวจ้อยพูดออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง ขณะที่มันถูกเจ้าหนูทรายสามตาลากไปกับพื้น

 

ผลจากการที่มันถูกลากไปมา ผิวหนังของมันถลอกปอกเปิดและทั่วทั้งร่างเลยเต็มไปด้วยบาดแผล

 

แต่สิ่งที่มีค่าพอจะพูดถึงก็คือ ถึงแม้มันจะผ่านการทรมาณที่สุดแสนจะสาหัสสากรรจ์ขนาดนี้ แต่ร่างกายของมันก็ยังฟื้นฟูขึ้นมาราวกับว่าร่างกายของมันกําลังปรับตัว

 

โจวฉวนจีพูดตอบกลับ “ข้าจะเลี้ยงดูพวกมันให้เติบใหญ่เป็นขุนนางปีศาจอย่างแน่นอน!”

 

เมื่อวิหคมังกรได้ยิน จู่ ๆ มันก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีใจพวกมันวิ่งวนรอบตัวเขาพลางกางปีกออก จนสร้างลมกรรโชกแรงและเกือบจะทําให้เจ้าหนูทรายสามตาและเจ้างสีดําตัวจ้อยลอยไปกับลม

 

ตอนนี้พวกมันสูงเกือบเท่าตึก 3 ชั้น จนเรียกได้ว่ามันเป็นสัตว์ที่ตัวขนาดใหญ่ยักษ์เลยทีเดียว

 

“นี่เจ้าอยากให้ข้าตายมากนักรึไงห้ะ?”

 

เจ้างูร้องออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด แม้มันจะฟังดูตลกสําหรับคนอื่นก็ตาม

 

และด้วยเหตุผลบางอย่าง ตอนนี้จ้าวมังกรเกล็ดทมิฬเลยกลายเป็นตัวตลกคาเฟสําหรับทุกคน

 

แต่มันก็น่าแปลกที่ขนาดตัวของมันยังคงเท่าเดิม ราวกับว่ามันจะไม่มีทางโตได้มากกว่านี้

 

ทุกครั้งที่พวกเขาพูดถึงเรื่องนี้ เจ้าตัวเล็กก็รู้สึกราวกับถูกพูดแทงใจดํา และมักร้องออกมาด้วยเสียงที่ดัง “นั่นมันคือความสามารถของเผ่าข้าต่างหากเล่า อย่างเจ้าจะไปเข้าใจได้ยังไงกัน?”

 

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้างูแสดงท่าทางหยิ่งยโส มันก็มักจะได้รับการตอบแทนเป็นลูกเตะจากโจวฉวนจีกลับไปเสมอ

 

ทั้งกลุ่มไม่ได้เร่งรีบเดินทางกันแต่อย่างใด โดยพวกเขามักจะเดินเล่นเที่ยวไปรอบในช่วงกลางวัน และกลับมาฝึกฝนกันในช่วงกลางคืน

 

ถ้าหากพวกเขาเจอปีศาจเข้า โจวฉวนจีมักจะแนะนําให้เจียงฮือน้อยลองสู้กับพวกมันเพื่อเก็บประสบการณ์

 

ฮวงเหลี่ยนชินก็เช่นกัน ขณะที่จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจดูจะหลงใหลไปกับวิชาขยายวิถีกระบี่อยู่

 

เขาฝึกวิชาดาบนั่น แม้กระทั่งตอนที่เดิน

 

พวกเขาข้ามภูเขาและเนินเขามากมาย รวมถึงแม่น้ําและที่ราบต่าง ๆ

 

พวกเขาทั้งเดินผ่านเข้าไปในปาที่เต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีร่วงโรยและร่ายรํา ทั้งยังปีนข้ามผ่านภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ําแข็งหนาวเหน็บ

 

2 เดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

“จากการวิเคราะห์พบว่าท่านเจ้าของดาบมีอายุครบ 11 ปีแล้วระบบกาชาเริ่มทํางาน!”

 

“ทิ้ง! ยินดีด้วย ท่านเจ้าของดาบได้รับ [ระดับเงิน] ดาบไร้ลักษณ์เกราะอ่อนทองคํา ยาสมุทรทมิฬ”

 

โจวฉวนจีได้ยินเสียงของจิตวิญญาณแห่งดาบขณะที่เดินอยู่บนถนน

 

เขาอายุ 11 แล้วตอนนี้

 

แต่มันก็ทําให้เขารู้สึกเศร้านิดหน่อยที่เวลานั้นเป็นสิ่งที่คอยเตือนคนเราว่ามีอายุที่มากขึ้นแล้ว

 

หลังจากนั้น เขาก็เริ่มเช็คข้อมูลของดาบไร้ลักษณ์ด้วยความดีใจ

 

ชื่อดาบ : ดาบไร้ลักษณ์

 

ระดับ : เงิน

 

คําอธิบาย : ดาบไร้ลักษณ์ มีเพียงเจ้าของดาบเท่านั้นที่เห็นมันดาบนั้นไร้ซึ่งน้ําหนักแต่กลับทรงพลังอย่างเหลือล้น

 

ดาบไร้ลักษณ์หรอ?

 

เขาหยิบดาบไร้ลักษณ์ออกมาทันที มันทั้งเรียวยาวเหมือนกับดาบผ่าวายุ แต่กลับเบายิ่งกว่าราวกับกําลังถืออากาศเอาไว้

 

เขาลองใช้มันกับวิชาดาบกระเรียนขาวทันทีเพื่อทําความคุ้นเคยกับดาบใหม่

 

เจียงฮือน้อย จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ และฮวงเหลี่ยนชินต่างก็รู้สึกตกใจเมื่อพวกเห็นเห็นสิ่งที่โจวฉวนจีทําอยู่

 

ในสายตาของพวกเขา มือขวาของโจวฉวนจีทําท่าเหมือนถือดาบเอาไว้อยู่ แต่กลับไม่มีอะไรอยู่บนมือ ซึ่งนั่นมันแปลกมาก

 

ฟู่ววววว

 

ลมพายุหนาวเย็นพัดผ่านไปอย่างรุนแรง และรูม่านตาของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็หดตัวลงในทันที หญิงสาวทั้งสองที่ระดับวรยุทธยังต่ําเกินไป เลยไม่อาจเห็นมันได้ชัด แต่มันกลับชัดเจนมากในสายตาของเขา

 

นั่นมาปราณกระบี่หนิ!

 

เขาสร้างปราณกระบี่ขึ้นมาโดยที่ไม่มีดาบเนี่ยนะ?

 

เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับวิชาที่ใช้นิ้วเป็นดาบมาก่อน แต่โจวฉวนจีกลับไม่ได้ทําแบบนั้น

 

งั้นเป็นไปได้มั้ยว่านั่นจะเป็นวิชาดาบใหม่น่ะ?

 

แล้วจู่ ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องเมื่อ 3 เดือนก่อนขึ้นมามันเป็นภาพในตอนที่เขาได้เห็นโจวฉวนจีฝึกใช้วิชาสิบกระบี่

 

นายท่านต้องจู่ ๆ บรรลุขึ้นมาได้แล้วเกิดอยากใช้มันขึ้นมาแหงเลย

 

หลังจากที่จบกระบวนท่าในวิชาดาบกระเรียนขาวแล้ว โจวฉวนจีก็รู้สึกค่อนข้างที่จะพอใจ

ถึงแม้ดาบไร้ลักษณ์นั้นจะไร้น้ําหนัก แต่มันก็ยังทั้งทรงพลังมากและรวดเร็วอยู่ดี มันคือการสังหารสัตรูโดยที่พวกมันไม่มีทางเห็นได้ยังไงล่ะ

 

หลังจากนั้น เขาก็เก็บดาบกลับไปก่อนจะเริ่มเดินหน้าต่อ พลางหยิบเอาเกราะทองคําออกมา

 

เกราะอ่อนทองคํานั้นเป็นชุดเกราะชั้นในสีเหลืองทอง มันทั้งงดงามและเบาหวิว

 

“ชุดเกราะนี้มีพลังป้องกันที่สูงส่ง มันสามารถดูดซับความเสียหายจากจอมยุทธระดับบรรลุญาณได้”

 

จิตวิญญาณแห่งดาบพูดแนะนําขึ้นมาทันที และโจวฉวนจีก็พยักหน้ารับ

 

จู่ ๆ เขาก็เดินไปหาเจียงลือน้อยและพูดขึ้นมา “ชุดเกราะนี่ข้าให้เจ้านะ ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิด”

 

เจียงฉือน้อยไม่รู้วันเกิดจริง ๆ ของตัวเอง เพราะงั้นเธอเลยตัดสินใจเกิดวันเดียวกับเขาซะเลย

 

ในวันเดียวกันของทุก ๆ ปี เจียงฉือน้อยจะเตรียมอาหารหรูๆ และเตรียมเสื้อผ้าที่เธอเป็นคนเย็บเอาไว้ให้เขาด้วย

 

“มันดูจะเป็นชุดเกราะที่ดีมากเลยนะ เจ้าควรจะเป็นคนใส่มันมากกว่า” เธอส่ายหัวพลางพูดตอบ

 

โจวฉวนจียิ้มให้พลางตอบกลับ “ชุดเกราะนี่สามารถป้องกันการ โจมตีของจอมยุทธระดับบรรลุญาณได้ แต่ว่าไม่มีจอมยุทธระดับบร รลุญาณคนไหนที่ทําให้ข้าบาดเจ็บได้หรอกนะ”

 

เขาไม่ได้พูดอวดดีแต่อย่างใด หลังจากที่เขาขึ้นสู่ระดับบรรลุญาณได้แล้ว และด้วยดาบในตํานานกับวิชาดาบที่เขามีอยู่มากมายนี้ เขาจะรู้สึกอายซะมากกว่าถ้าเขายังแพ้ให้กับจอมยุทธระดับเดียวกันได้

 

เขาบังคับให้มันกับเจียงฉือน้อยก่อนจะเดินหน้าต่อไป และตอนนี้เขาก็กลับมาสนใจยาสมุทรทมิฬต่อ

 

“ยาสมุทรทมิฬเป็นยาเสริมปราณวิญญาณ การกินมันจะช่วยเพิ่มพลังกายและวรยุทธของผู้ที่กิน และมันยังช่วยให้ท่านเจ้าของดาบได้รับ ผิวหยกกระดูกทองคํา และ ปราณกระบี่คําราม ของปราณกระบี่อาคมกายทองคําได้ในทันทีอีกด้วย”

 

โจวฉวนจีรู้สึกมีความสุขมากหลังจากที่ได้ยินคําแนะนําของจิตวิญญาณแห่งดาบ

 

การพัฒนาขึ้นในแต่ละขั้นของปราณกระบี่อาคมกายทองคํา จะช่วยให้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

 

ถึงแม้เขาจะแข็งแรงมากถึงประมาณ 60000 ปอนด์ แต่ตั้งแต่ที่เขาใช้ดาบแทบจะตลอดเวลา ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาจึงยังไม่ถูกเปิดเผย

 

อีกด้านหนึ่ง จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินต่างมองหน้ากันและกัน และทั้งคู่ต่างก็เห็นตัวเองที่กําลังตกใจผ่านดวงตาของอีกฝ่าย

 

ชุดเกราะชั้นในที่สามารถป้องกันการโจมตีของจอมยุทธระดับบรรลุญาณได้งั้นหรอ?

 

นี่เจ้านายของพวกเขามีสมบัติอยู่เท่าไหร่กันแน่เนี่ย?

 

พวกเขารู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันทีและเริ่มแอบคาดหวังอยู่ภายในใจพวกเขาจะธุระให้เจ้านายมากขึ้นเพื่อที่พวกเขาจะได้รับรางวัลบ้าง

 

“อี๋”

 

ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงม้าที่น่าหวาดกลัวร้องดังขึ้นมาจากทางฝั่งตะวันออก

 

ทั้งกลุ่มต่างหันไปมองรอบ ๆ ก่อนจะเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดเกราะสีดําขี่ม้าสีแดงตรงมาหาพวกเขา มันทั้งสูงและดูน่ากลัวมาก ใต้กีบเท้าของมันมีเปลวไฟและบนหัวของมันมีเขาอยู่ มันรวดเร็วมากเสียจนในทุก ๆ การวิ่งของมันนั้นไปไกลได้กว่า 20-30 หลา และยังไปไกลถึง 1000 หลาได้ภายใน 3 ลมหายใจเท่านั้น

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจหันกลับไปก่อนจะเข้าไปขวางหน้าทันที “หยุด!” เขาตะโกนขึ้นมา

 

ชายหนุ่มหน้าตาดียังคงมุ่งหน้ามาต่อ ก่อนจะค่อย ๆ หยุดม้าลงเมื่อเขาอยู่ห่างจากโจวฉวนจีและคนอื่น ๆ แค่เพียง 10 หลาเท่านั้น

 

“ข้าคือแม่ทัพอัศวินแห่งมหาจักรวรรดิโจว เหมิงเทียนหลาง ข้ารู้สึกสนใจในวิหคมังกรทั้งสองตัวนั้น จงบอกข้ามาว่าเจ้าสนใจสิ่งใดเพื่อแลกเปลี่ยนกับพวกมัน”

 

ชายหนุ่มหน้าตาดีพูดพลางโบกมือให้ ท่าทางของเขานั้นหยิ่งยโสและน้ําเสียงของเขายังทําเหมือนกับว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธเขา

 

สีหน้าของโจวฉวนจีเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมิงเทียนหลางหรอ?

 

ชายคนที่เสี่ยวจิงหงบอกว่ามีสัญญาว่าจะสู้กันที่เขตชายแดน น่ะหรอ?

 

แม่ทัพอัศวินที่อายุน้อยที่สุดแห่งมหาจักรวรรดิโจวน่ะหรอ!

 

นี่มันเป็นปัญหาใหญ่เลยนะเนี่ย โจวฉวนจีจ้องมองลงไปยังเขา

 

แต่คนที่ทรงพลังอย่างเขาไม่น่าจะมาขี่ม้าเล่นอะไรแถวนี้นะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะต้องเล็งวิหคมังกรของข้าไว้อย่างแน่นอน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+