หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 52 : เหรียญตราแม่ทัพเหมิง

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 52 : เหรียญตราแม่ทัพเหมิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมื่นกระปทะลวงสวรรค์ | Have Countless Lege…

ตอนที่ 52 : เหรียญตราแม่ทัพเหมิง

“เหมิงเทียนหลางจากมหาจักรวรรดิโจวอย่างงั้นหรอ?”

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินต่างรู้สึกตกใจพวกรู้สึกได้ถึงโทษที่อาจจะมาถึง

เหมิงเทียนหลางถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 2 ของตารางจัดอันดับยอดฝีมือในมหาจักรวรรดิโจวเชียวนะ!

ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขาอยู่ระดับเดียวกับเสี่ยวจิงหง

 

บางทีเขาอาจจะมีพลังมากกว่าจอมกระบี่ผู้สูงศักดิ์ด้วยซ้ํา

 

ยังไงซะเสียวจิงหงก็เป็นแค่คนคนเดียว เทียบไม่ได้กับเหมิงเทียนหลางที่เป็นถึงผู้บัญชาการกองทัพอัศวินเหล็กแห่งมหาจักรวรรดิโจว

หรอก

 

เหตุผลที่ว่าทําไมเขาถึงอันดับสูงกว่าเสี่ยวจิงหงหนึ่งขั้นนั่นเป็นเพราะสถานะของเขายังไงล่ะ

 

เหมิงเทียนหลางมองสํารวจอาใหญ่และน้องสองก่อนจะอุทานออกมา “พวกมันได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดีเลยนะเนี่ย แถมยังมีออร่าฆ่าฟันซ่อนอยู่ภายในตัวอีก เหมาะแก่การพาเข้าสู่สนามรบเสียจริง

 

เขาไม่สนใจโจวฉวนจีหรือคนอื่น ๆ เลยสักนิด

 

โดยปกติแล้วในมหาจักรวรรดิโจวจะไม่มีใครกล้าปฏิเสธเขาตราบเท่าที่เขาปาวประกาศนามของตนออกไป

โจวฉวนจีพูด “ท่านแม่ทัพอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ผู้ซึ่งอยู่ถึงอันดับที่ 2 ของตารางจัดอันดับยอดฝีมือในมหาจักรวรรดิโจวท่านต้องการแย่งชิงสัตว์ขี่ไปจากเด็กอย่างข้าหรือ?”

เมื่อเหมิงเทียนหลางได้ยิน เขาก็หันกลับมามองก่อนจะพูดขึ้น “เจ้าวิหคมังกรทั้ง 2 ตัวนี้เป็นของเจ้างั้นหรอเนี่ย?”

 

หมม?

 

วรยุทธของเจ้าเด็กนี่อยู่ถึงระดับบรรลุญาณขั้นที่ 1 เลยงั้นหรอ?

 

ความสงสัยก็กระตุ้นเขาให้ถามขึ้นมาทันที “เจ้าหนู เจ้ามีนามว่าอะไร? แล้วเจ้ามาจากตระกูลหรือสํานักไหนกันล่ะ?” เขาถาม

 

โจวฉวนจีก้าวออกไปข้างหน้าก่อนจะตอบ “ข้าจะเป็นใครมันก็ไม่สําคัญทั้งนั้น แต่ท่านแม่ทัพเหมิงผู้ซึ่งมีฐานะอันแสนจะสูงส่ง ขนาดนั้นวิหคอินทรีพวกนี้เป็นอะไรสําหรับท่านกัน? มันก็ไม่เป็น ไรหรอกถ้าท่านเจอกับคนที่โตกว่านี้ท่านก็แค่ขโมยพวกมันไปจาก คน ๆ นั้นซะ แต่กับข้าที่อายุแค่ 11 ขวบเท่านั้นเนี่ยท่านแน่ใจหรอว่าท่านอยากจะทําแบบนี้น่ะ? ท่านไม่กลัวว่าสิ่งที่ท่านทํานี่จะทําให้ท่านกลายเป็นตัวตลกรึไงกัน?”

เขาเคยได้ยินข่าวอื่นเกี่ยวกับเหมิงเทียนหลางในอาณาจักรเหมันต์แดนใต้

 

ท่านแม่ทัพเหมิงนั้นไม่ได้เป็นทั้งพวกขี้แยหรือปีศาจและไม่ใช่ทั้งพวกรักความถูกต้องชอบธรรมอีกด้วย

สําหรับคนอย่างเหมิงเทียนหลางแล้ว ชื่อเสียงนั้นสําคัญที่สุด

 

เมื่อแม่ทัพอัศวินได้ยินก็ลูบจมูกของเขา และสีหน้าของเขาก็เริ่มรู้อนขึ้นเล็กน้อย

พอเห็นคู่แข่งของเสี่ยวจิงหงแล้ว บุคลิกของท่านแม่ทัพนี่ก็ไม่เลวเลยทีเดียว เขาต้องคํานึงความภาคภูมิใจที่ฝังลึกอยู่ข้างในของเสี่ยวจิงหงด้วยว่าจอมกระบี่ผู้สูงศักดิ์นั้นเกลียดพวกไร้ซึ่งเกียรติ หยาบคายและไร้เหตุผลเป็นที่สุด

 

เหมิงเทียนหลางจ้องมองไปยังโจวฉวนจี ก่อนจะพูดขึ้น “เจ้าหนูบอกข้ามา เงื่อนไขแบบไหนเจ้าถึงจะยอมให้เจ้าพวกนั้นกับข้าน่ะ?เอาเป็นหินวิญญาณระดับสามประมาณ 10000 ก้อนล่ะเป็นไง?”

 

ฮวงเหลี่ยนชิ้นรู้สึกตกใจกับความใจกว้างของเหมิงเทียนหลาง

แต่จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจกลับทําหน้าตึงใส่ เขาก่นด่าสาปแช่งอยู่ภายในใจที่แม่ทัพเหมิงพยายามจะหลอกเด็ก

 

เจ้าวิหคมังกรพวกนี้มีค่ามากกว่านั้นมาก

โจวฉวนจีส่ายหัวและตอบกลับ “ไม่ ข้าจะไม่ให้พวกมันกับใครทั้งนั้นพวกมันคือมรดกที่ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้ามอบให้ข้าก่อนตาย”

 

สีหน้าของเหมิงเทียนหลางเริ่มเปลี่ยนไป และตระหนักได้ว่านี่มันกําลังจะกลายเป็นปัญหาซะแล้ว

การรังแกเด็กนั้นมันไม่ได้ดูเก่งเลยสักนิด

 

แล้วยิ่งการขโมยของสําคัญที่พ่อแม่ของใครบางคนมอบให้นั้นก็ยิ่งไม่ถูกต้องเข้าไปใหญ่

 

ดวงตาของเขาลุกโชนไปด้วยความอิจฉา มันใช้เวลานานมากกว่าเขาจะเจอวิหคอินทรี เขาปรารถนาสุด ๆ ว่าจะได้พวกมันเข้าไปเป็นกองกําลังของมหาจักรวรรดิโจว

 

เขากลอกตาไปมาขณะที่คิด ก่อนจะหัวเราะออกมา “เจ้าหนู งั้นเจ้าอยากจะมาเข้าร่วมกองทัพของมหาจักรวรรดิโจวมั้ยล่ะ?”

ถ้าโจวฉวนจีเข้าร่วมกองทัพล่ะก็ วิหคมังกรพวกนั้นก็จะต้องเข้าร่วมกับกองทัพด้วยอยู่แล้ว

 

เมื่อโจวฉวนจีได้ยิน จู่ ๆ เขาก็มีแผนผุดขึ้นมาในใจทันที

 

เขาถาม “งั้นถ้าข้าเข้าร่วมกองทัพแล้ว เจ้าพอจะช่วยยื่นเสนอชื่อข้าให้เข้าร่วมการคัดเลือกแห่งสวรรค์ของมหาจักรวรรดิโจวได้ไหมล่ะ?”

 

การคัดเลือกแห่งสวรรค์ของมหาจักรวรรดิโจว!

 

เหมิงเทียนหลางเบิกตากว้าง ไอเด็กนี่มันใฝ่สูงมากเลยนะเนี่ย!

 

แต่ด้วยความที่เป็นถึงจอมยุทธระดับบรรลุญาณแล้ว เจ้าเด็กนี่ก็มีคุณสมบัติตามเกณฑ์จริง ๆ

 

แต่ก็แปลกนะ ที่มีจอมยุทธระดับบรรลุญาณในช่วงอายุแค่นี้ด้วย

เป็นไปได้มั้ยว่าเขาจะเป็นถึงอัจฉริยะเทียบได้กับองค์ชายลําดับที่ 2 แห่งมหาจักรวรรดิโจว โจวหยาหลง นะ?

 

เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “การจะเข้าร่วมการคัดเลือกแห่งสวรรค์ของมหาจักรวรรดิโจวได้นั้น เจ้าจะต้องมีชื่อเสียงด้วย แต่ข้านะอยู่ในตําแหน่งที่สามารถยื่นเสนอชื่อเจ้าให้ได้ แถมข้ายังสามารถสร้างโอกาสในการมีชื่อเสียงให้เจ้าได้อีกด้วย แต่ทั้งหมดมันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าด้วยล่ะนะ”

 

เขารู้ดีว่าระดับในการแข่งขันของการคัดเลือกแห่งสวรรค์นั้นสูงแค่ไหนเมื่อตอนที่เขาเคยเข้าร่วมเมื่อนานมาแล้ว

อาจพูดได้เลยว่าทั้งกองทัพต่างก็พยายามที่จะข้ามสะพานไม้ที่อนเดียวนั่นไปให้ได้

แววตาของโจวฉวนจีนั้นเปล่งประกาย “เจ้าอนุญาตให้ข้าเข้าร่วมกองทัพได้ แถมยังเสนอชื่อข้าในการคัดเลือกแห่งสวรรค์ของมหาจักรวรรดิโจวอีกแม้ว่าข้าจะไม่ได้มอบวิหคอินทรีให้ท่านก็ตามน่ะหรอ?”

เจียงฉือน้อย จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ และฮวงเหลี่ยนชินต่างก็มองไปยังเหมิงเทียนหลางด้วยความประหลาดใจอย่างชายคนนี้จะใจดีได้ขนาดนั้นเชียวหรอ?

แม่ทัพเหมิงหัวเราะออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ข้าน่ะอยากได้วิหคมังกรนะ แต่ไม่ใช่เพราะข้าชอบพวกมันหรืออะไรหรอก แต่เพราะว่าพวกมันจะมีประโยชน์ในการต่อสู้มากน่ะสิ ถ้าเจ้าเข้าร่วมกองทัพแล้วเจ้าก็จะพาวิหคมังกรพวกนั้นไปด้วยใช่มั้ยล่ะ? จะ ปล่อยให้สัตว์ที่ทรงพลังขนาดนั้นถูกเลี้ยงเป็นนกแบบนี้ไปได้ยังไงกันพวกมันน่ะควรจะไปอยู่ในสนามรบต่างหากล่ะ!”

ด้วยน้ําเสียงที่ฟังดูไม่สบอารมณ์นั้น คําพูดของเขาก็ฟังดูน่าดึงดูดมากถ้าเป็นเด็กธรรมดาทั่วไปจะต้องถูกเขาล่อหลอกไปได้แน่นอน

แต่โจวฉวนจํากลับไม่รู้สึกหวั่นไหวเลยสักนิด ขณะเดียวกันเขาก็แกล้งทําเป็นตื่นเต้นมาก “ข้าว่าจะไปเข้าร่วมงานประชุมกระบี่ที่จัดโดยศิษย์ของจักรพรรดิกระบี่ก่อนน่ะ หลังจากที่ข้าชนะแล้ว ข้าจะตามท่านไปและเข้าร่วมกองทัพเอง เอางั้นได้มั้ยล่ะ?”

ไอเด็กนี่มันตัดสินใจได้เร็วขนาดนั้นเลยเรอะ?

 

เหมิงเทียนหลางพูดพลางหัวเราะ “ได้แน่นอน ข้า เหมิงเทียนหลางพูดคําไหนคํานั้นอยู่แล้ว!”

 

เขาหยิบเหรียญตราสัมฤทธิ์ออกมาทันที มันมีขนาดเท่าฝ่ามือและถูกสลักตัวอัษกรไว้ว่า “เหมิง”

 

เขาโยนเหรียญนั่นให้โจวฉวนจี ก่อนจะพูดว่า “นี่คือเหรียญตราแม่ทัพเหมิง ด้วยเหรียญนี่ เจ้าสามารถมาหาข้าที่ค่ายทหารของมหาจักรวรรดิโจวได้และในตอนที่เจ้าผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจงยื่นเหรียญตรานี่ออกไป แล้วเจ้าจะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้าเอง”

 

โจวฉวนจีรู้สึกตกใจ

ชายคนนี้ทําตามที่สัญญาไว้อย่างตรงไปตรงมาจริง ๆ

 

หรืออาจพูดได้ว่าท่านแม่ทัพเหมิงนี้ไร้สมองสุด ๆ

 

ถ้าเขารู้ว่าโจวฉวนจีคิดอะไรอยู่ล่ะก็ เขาคงจะได้เป็นบ้าแน่ ๆ

โจวฉวนจีพลิกมองดูเหรียญตราแม่ทัพเหมิงไปมา ก่อนจะถาม“แล้วเจ้าไม่คิดที่จะถามเกี่ยวกับตัวข้าหน่อยหรอ?”

“การที่เจ้าขึ้นสู่ระดับบรรลุญาณได้ตั้งแต่ยังอายุเท่านี้ เจ้าต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน และการที่เจ้ากล้าที่จะปฏิเสธข้าได้ เจ้าก็ไม่ใช่พวกอ่อนแออยู่แล้วล่ะ”

“อีกทั้งเจ้ายังไม่ลืมพระคุณของพ่อแม่เจ้า เพราะงั้นเจ้าต้องไม่ใช่พวกไม่มีหลักการแน่นอน”

 

“ข้า เหมิงเทียนหลาง รู้สึกชอบพอในตัวเจ้ายิ่งนัก เอาล่ะพ่อหนุ่มน้อยเจอกันที่มหาจักรวรรดิโจว!”

 

เหมิงเทียนหลางหัวเราะอย่างไร้กังวลก่อนจะขี่ม้าจากไป

 

เสียงควบม้าดังก้องไปทั่วทั้งฟากฟ้าและผืนดิน เสียงหัวเราะของเขาก็เช่นกัน

 

ไม่นาน เขาก็หายลับขอบฟ้าไป

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจอ้าปากค้าง

ฮวงเหลี่ยนชินและเจียงฉือน้อยก็รู้สึกตกตะลึง พวกเขาต่างตกใจในความตรงไปตรงมาของเหมิงเทียนหลาง

 

โจวฉวนจีเหลือบมองไปยังเจียงฉือน้อย ก่อนจะถามอย่างชิว ๆว่า “เจ้ากําลังคิดอะไรอยู่นะ?”

“เจ้าหมอนั่นมันโง่หรือเปล่าเนี่ย?” เจียงฮือน้อยถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ

 

และโจวฉวนจีก็ระเบิดหัวเราะออกมาทันที เขามองไปทางเธอก่อนจะพูด “เด็กผู้หญิงจะไปเข้าใจความตรงไปตรงมาของผู้ชายได้ยังไงกันเล่า? ถ้าเขาสามารถเป็นถึงแม่ทัพอัศวินแห่งมหาจักรวรรดิโจวได้งั้นเขาก็ต้องมีดีอะไรสักอย่างบ้างนั่นแหละ”

เจียงฉือน้อยกลอกตาใส่ ก่อนจะส่งสายตาไปทางเขาสื่อโดยนัยว่าเขาน่ะเป็นถึงองค์ชายแห่งมหาจักรวรรดิโจวเลยนะ

 

ฮวงเหลี่ยนชิ้นพยักหน้าและพูดว่า “ข้าเห็นว่าเขาดูจะไม่ได้โกหกนะเจ้าคะเพราะงั้นก็ดีเลย”

 

ด้วยการเสนอชื่อของเหมิงเทียนหลางนี้ โจวฉวนจีก็จะมีโอกาสมากขึ้นที่จะได้เข้าร่วมการคัดเลือกแห่งสวรรค์

 

“ถ้าท่านเข้าร่วมกองทัพของมหาจักรวรรดิโจวแล้ว ก็ยากที่จะออกได้นะครับ” จอมกระบีแดนเหนือผู้องอาจพูดเตือน

เขาไม่อยากให้โจวฉวนจีเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ

เพราะถ้าโจวฉวนจีเข้าร่วมล่ะก็ เขาก็จะไม่สามารถฝึกวิชาดาบได้อย่างอิสระอีกต่อไป

 

โจวฉวนจีพูดยืนยันกับเขา “อย่าห่วงไปเลย ถ้าข้าชนะการคัดเลือกแห่งสวรรค์ได้ล่ะก็ เขาจะไม่มีทางขัดขวางข้าไม่ให้ออกได้อย่างแน่นอน”

เพราะเป้าหมายของเขาคือ การลอบสังหารราชินีแห่งมหาจักรวรรดิโจว ยังไงล่ะ!

หลังจากนั้นเขาจะรีบหนีไปอย่างแน่นอน

เมื่อจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจได้ยินก็ยิ้มออกมาทันที

เขารู้ว่าเทพกระบี่โจวนั้นไม่ใช่พวกธรรมดา แต่เป้าหมายในการเป็นทหารของเขานั้นคืออะไรกัน?

พวกเขาไม่ใช่พลเมืองของมหาจักรวรรดิโจวด้วยซ้ํา!

ทันใดนั้นเจ้างูสีดําตัวจ้อยก็พูดขึ้นมา “สายตาของเจ้าหมอนั่นน่ากลัวโคตร ๆ เลย มันทําให้ข้าน่ะกลัวสุด ๆ แถมเขายังสังเกตุเห็นข้าอีกสมแล้วล่ะที่เขาเป็นคนที่เสี่ยวจิงหงมองว่าเป็นคู่แข่งด้วยน่ะ”

โจวฉวนจํากลอกตาใส่ งั้นก็ไม่แปลกใจว่าทําไมไอเจ้างูนี่ปิดปากเงียบมาตลอดตั้งแต่ก่อนหน้านี้นะ

 

และพวกเขาก็เริ่มออกเดินทางต่อ

 

เป็นเพราะพวกเขาได้เผชิญหน้ากับเหมิงเทียนหลางมา พวกเขาเลยตื่นตัวกันมากขึ้นตลอดการเดินทางที่เหลือ

อาณาจักรเหมันต์แดนใต้และมหาจักรวรรดิโจวนั้นอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่อาณาจักรเท่านั้น

 

มหาจักรวรรดิโจวนั้นเป็นศูนย์กลางของหลาย ๆ อาณาจักร ถึงแม้ว่ามหาจักรวรรดินั้นจะปกครองหลายอาณาจักร แต่ก็ไม่ได้ควบคุมมากนักมหาจักรวรรดินั้นอนุญาตให้เกิดการแข่งขันกันหรือแม้กระทั่งทําสงครามกันระหว่างอาณาจักรก็ได้

 

2 เดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในวันนี้ โจวฉวนจีได้เดินทางผ่านสนามรบแห่งหนึ่ง

 

พวกเขาหยุดลงทันที จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจดึงดาบออกมาก่อนจะเดินไปยืนอยู่หน้าพวกเขา “ทุกคนระวังตัวด้วย”เขาพูดเตือน

แต่ในอีกด้าน โจวฉวนจีกลับมองตรงไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้นด้วยแววตาที่เปล่งประกายและดูเหมือนจะตื่นเต้นอยู่นิดหน่อย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 52 : เหรียญตราแม่ทัพเหมิง

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 52 : เหรียญตราแม่ทัพเหมิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมื่นกระปทะลวงสวรรค์ | Have Countless Lege…

ตอนที่ 52 : เหรียญตราแม่ทัพเหมิง

“เหมิงเทียนหลางจากมหาจักรวรรดิโจวอย่างงั้นหรอ?”

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินต่างรู้สึกตกใจพวกรู้สึกได้ถึงโทษที่อาจจะมาถึง

เหมิงเทียนหลางถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 2 ของตารางจัดอันดับยอดฝีมือในมหาจักรวรรดิโจวเชียวนะ!

ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขาอยู่ระดับเดียวกับเสี่ยวจิงหง

 

บางทีเขาอาจจะมีพลังมากกว่าจอมกระบี่ผู้สูงศักดิ์ด้วยซ้ํา

 

ยังไงซะเสียวจิงหงก็เป็นแค่คนคนเดียว เทียบไม่ได้กับเหมิงเทียนหลางที่เป็นถึงผู้บัญชาการกองทัพอัศวินเหล็กแห่งมหาจักรวรรดิโจว

หรอก

 

เหตุผลที่ว่าทําไมเขาถึงอันดับสูงกว่าเสี่ยวจิงหงหนึ่งขั้นนั่นเป็นเพราะสถานะของเขายังไงล่ะ

 

เหมิงเทียนหลางมองสํารวจอาใหญ่และน้องสองก่อนจะอุทานออกมา “พวกมันได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดีเลยนะเนี่ย แถมยังมีออร่าฆ่าฟันซ่อนอยู่ภายในตัวอีก เหมาะแก่การพาเข้าสู่สนามรบเสียจริง

 

เขาไม่สนใจโจวฉวนจีหรือคนอื่น ๆ เลยสักนิด

 

โดยปกติแล้วในมหาจักรวรรดิโจวจะไม่มีใครกล้าปฏิเสธเขาตราบเท่าที่เขาปาวประกาศนามของตนออกไป

โจวฉวนจีพูด “ท่านแม่ทัพอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ผู้ซึ่งอยู่ถึงอันดับที่ 2 ของตารางจัดอันดับยอดฝีมือในมหาจักรวรรดิโจวท่านต้องการแย่งชิงสัตว์ขี่ไปจากเด็กอย่างข้าหรือ?”

เมื่อเหมิงเทียนหลางได้ยิน เขาก็หันกลับมามองก่อนจะพูดขึ้น “เจ้าวิหคมังกรทั้ง 2 ตัวนี้เป็นของเจ้างั้นหรอเนี่ย?”

 

หมม?

 

วรยุทธของเจ้าเด็กนี่อยู่ถึงระดับบรรลุญาณขั้นที่ 1 เลยงั้นหรอ?

 

ความสงสัยก็กระตุ้นเขาให้ถามขึ้นมาทันที “เจ้าหนู เจ้ามีนามว่าอะไร? แล้วเจ้ามาจากตระกูลหรือสํานักไหนกันล่ะ?” เขาถาม

 

โจวฉวนจีก้าวออกไปข้างหน้าก่อนจะตอบ “ข้าจะเป็นใครมันก็ไม่สําคัญทั้งนั้น แต่ท่านแม่ทัพเหมิงผู้ซึ่งมีฐานะอันแสนจะสูงส่ง ขนาดนั้นวิหคอินทรีพวกนี้เป็นอะไรสําหรับท่านกัน? มันก็ไม่เป็น ไรหรอกถ้าท่านเจอกับคนที่โตกว่านี้ท่านก็แค่ขโมยพวกมันไปจาก คน ๆ นั้นซะ แต่กับข้าที่อายุแค่ 11 ขวบเท่านั้นเนี่ยท่านแน่ใจหรอว่าท่านอยากจะทําแบบนี้น่ะ? ท่านไม่กลัวว่าสิ่งที่ท่านทํานี่จะทําให้ท่านกลายเป็นตัวตลกรึไงกัน?”

เขาเคยได้ยินข่าวอื่นเกี่ยวกับเหมิงเทียนหลางในอาณาจักรเหมันต์แดนใต้

 

ท่านแม่ทัพเหมิงนั้นไม่ได้เป็นทั้งพวกขี้แยหรือปีศาจและไม่ใช่ทั้งพวกรักความถูกต้องชอบธรรมอีกด้วย

สําหรับคนอย่างเหมิงเทียนหลางแล้ว ชื่อเสียงนั้นสําคัญที่สุด

 

เมื่อแม่ทัพอัศวินได้ยินก็ลูบจมูกของเขา และสีหน้าของเขาก็เริ่มรู้อนขึ้นเล็กน้อย

พอเห็นคู่แข่งของเสี่ยวจิงหงแล้ว บุคลิกของท่านแม่ทัพนี่ก็ไม่เลวเลยทีเดียว เขาต้องคํานึงความภาคภูมิใจที่ฝังลึกอยู่ข้างในของเสี่ยวจิงหงด้วยว่าจอมกระบี่ผู้สูงศักดิ์นั้นเกลียดพวกไร้ซึ่งเกียรติ หยาบคายและไร้เหตุผลเป็นที่สุด

 

เหมิงเทียนหลางจ้องมองไปยังโจวฉวนจี ก่อนจะพูดขึ้น “เจ้าหนูบอกข้ามา เงื่อนไขแบบไหนเจ้าถึงจะยอมให้เจ้าพวกนั้นกับข้าน่ะ?เอาเป็นหินวิญญาณระดับสามประมาณ 10000 ก้อนล่ะเป็นไง?”

 

ฮวงเหลี่ยนชิ้นรู้สึกตกใจกับความใจกว้างของเหมิงเทียนหลาง

แต่จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจกลับทําหน้าตึงใส่ เขาก่นด่าสาปแช่งอยู่ภายในใจที่แม่ทัพเหมิงพยายามจะหลอกเด็ก

 

เจ้าวิหคมังกรพวกนี้มีค่ามากกว่านั้นมาก

โจวฉวนจีส่ายหัวและตอบกลับ “ไม่ ข้าจะไม่ให้พวกมันกับใครทั้งนั้นพวกมันคือมรดกที่ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้ามอบให้ข้าก่อนตาย”

 

สีหน้าของเหมิงเทียนหลางเริ่มเปลี่ยนไป และตระหนักได้ว่านี่มันกําลังจะกลายเป็นปัญหาซะแล้ว

การรังแกเด็กนั้นมันไม่ได้ดูเก่งเลยสักนิด

 

แล้วยิ่งการขโมยของสําคัญที่พ่อแม่ของใครบางคนมอบให้นั้นก็ยิ่งไม่ถูกต้องเข้าไปใหญ่

 

ดวงตาของเขาลุกโชนไปด้วยความอิจฉา มันใช้เวลานานมากกว่าเขาจะเจอวิหคอินทรี เขาปรารถนาสุด ๆ ว่าจะได้พวกมันเข้าไปเป็นกองกําลังของมหาจักรวรรดิโจว

 

เขากลอกตาไปมาขณะที่คิด ก่อนจะหัวเราะออกมา “เจ้าหนู งั้นเจ้าอยากจะมาเข้าร่วมกองทัพของมหาจักรวรรดิโจวมั้ยล่ะ?”

ถ้าโจวฉวนจีเข้าร่วมกองทัพล่ะก็ วิหคมังกรพวกนั้นก็จะต้องเข้าร่วมกับกองทัพด้วยอยู่แล้ว

 

เมื่อโจวฉวนจีได้ยิน จู่ ๆ เขาก็มีแผนผุดขึ้นมาในใจทันที

 

เขาถาม “งั้นถ้าข้าเข้าร่วมกองทัพแล้ว เจ้าพอจะช่วยยื่นเสนอชื่อข้าให้เข้าร่วมการคัดเลือกแห่งสวรรค์ของมหาจักรวรรดิโจวได้ไหมล่ะ?”

 

การคัดเลือกแห่งสวรรค์ของมหาจักรวรรดิโจว!

 

เหมิงเทียนหลางเบิกตากว้าง ไอเด็กนี่มันใฝ่สูงมากเลยนะเนี่ย!

 

แต่ด้วยความที่เป็นถึงจอมยุทธระดับบรรลุญาณแล้ว เจ้าเด็กนี่ก็มีคุณสมบัติตามเกณฑ์จริง ๆ

 

แต่ก็แปลกนะ ที่มีจอมยุทธระดับบรรลุญาณในช่วงอายุแค่นี้ด้วย

เป็นไปได้มั้ยว่าเขาจะเป็นถึงอัจฉริยะเทียบได้กับองค์ชายลําดับที่ 2 แห่งมหาจักรวรรดิโจว โจวหยาหลง นะ?

 

เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “การจะเข้าร่วมการคัดเลือกแห่งสวรรค์ของมหาจักรวรรดิโจวได้นั้น เจ้าจะต้องมีชื่อเสียงด้วย แต่ข้านะอยู่ในตําแหน่งที่สามารถยื่นเสนอชื่อเจ้าให้ได้ แถมข้ายังสามารถสร้างโอกาสในการมีชื่อเสียงให้เจ้าได้อีกด้วย แต่ทั้งหมดมันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าด้วยล่ะนะ”

 

เขารู้ดีว่าระดับในการแข่งขันของการคัดเลือกแห่งสวรรค์นั้นสูงแค่ไหนเมื่อตอนที่เขาเคยเข้าร่วมเมื่อนานมาแล้ว

อาจพูดได้เลยว่าทั้งกองทัพต่างก็พยายามที่จะข้ามสะพานไม้ที่อนเดียวนั่นไปให้ได้

แววตาของโจวฉวนจีนั้นเปล่งประกาย “เจ้าอนุญาตให้ข้าเข้าร่วมกองทัพได้ แถมยังเสนอชื่อข้าในการคัดเลือกแห่งสวรรค์ของมหาจักรวรรดิโจวอีกแม้ว่าข้าจะไม่ได้มอบวิหคอินทรีให้ท่านก็ตามน่ะหรอ?”

เจียงฉือน้อย จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ และฮวงเหลี่ยนชินต่างก็มองไปยังเหมิงเทียนหลางด้วยความประหลาดใจอย่างชายคนนี้จะใจดีได้ขนาดนั้นเชียวหรอ?

แม่ทัพเหมิงหัวเราะออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ข้าน่ะอยากได้วิหคมังกรนะ แต่ไม่ใช่เพราะข้าชอบพวกมันหรืออะไรหรอก แต่เพราะว่าพวกมันจะมีประโยชน์ในการต่อสู้มากน่ะสิ ถ้าเจ้าเข้าร่วมกองทัพแล้วเจ้าก็จะพาวิหคมังกรพวกนั้นไปด้วยใช่มั้ยล่ะ? จะ ปล่อยให้สัตว์ที่ทรงพลังขนาดนั้นถูกเลี้ยงเป็นนกแบบนี้ไปได้ยังไงกันพวกมันน่ะควรจะไปอยู่ในสนามรบต่างหากล่ะ!”

ด้วยน้ําเสียงที่ฟังดูไม่สบอารมณ์นั้น คําพูดของเขาก็ฟังดูน่าดึงดูดมากถ้าเป็นเด็กธรรมดาทั่วไปจะต้องถูกเขาล่อหลอกไปได้แน่นอน

แต่โจวฉวนจํากลับไม่รู้สึกหวั่นไหวเลยสักนิด ขณะเดียวกันเขาก็แกล้งทําเป็นตื่นเต้นมาก “ข้าว่าจะไปเข้าร่วมงานประชุมกระบี่ที่จัดโดยศิษย์ของจักรพรรดิกระบี่ก่อนน่ะ หลังจากที่ข้าชนะแล้ว ข้าจะตามท่านไปและเข้าร่วมกองทัพเอง เอางั้นได้มั้ยล่ะ?”

ไอเด็กนี่มันตัดสินใจได้เร็วขนาดนั้นเลยเรอะ?

 

เหมิงเทียนหลางพูดพลางหัวเราะ “ได้แน่นอน ข้า เหมิงเทียนหลางพูดคําไหนคํานั้นอยู่แล้ว!”

 

เขาหยิบเหรียญตราสัมฤทธิ์ออกมาทันที มันมีขนาดเท่าฝ่ามือและถูกสลักตัวอัษกรไว้ว่า “เหมิง”

 

เขาโยนเหรียญนั่นให้โจวฉวนจี ก่อนจะพูดว่า “นี่คือเหรียญตราแม่ทัพเหมิง ด้วยเหรียญนี่ เจ้าสามารถมาหาข้าที่ค่ายทหารของมหาจักรวรรดิโจวได้และในตอนที่เจ้าผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจงยื่นเหรียญตรานี่ออกไป แล้วเจ้าจะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้าเอง”

 

โจวฉวนจีรู้สึกตกใจ

ชายคนนี้ทําตามที่สัญญาไว้อย่างตรงไปตรงมาจริง ๆ

 

หรืออาจพูดได้ว่าท่านแม่ทัพเหมิงนี้ไร้สมองสุด ๆ

 

ถ้าเขารู้ว่าโจวฉวนจีคิดอะไรอยู่ล่ะก็ เขาคงจะได้เป็นบ้าแน่ ๆ

โจวฉวนจีพลิกมองดูเหรียญตราแม่ทัพเหมิงไปมา ก่อนจะถาม“แล้วเจ้าไม่คิดที่จะถามเกี่ยวกับตัวข้าหน่อยหรอ?”

“การที่เจ้าขึ้นสู่ระดับบรรลุญาณได้ตั้งแต่ยังอายุเท่านี้ เจ้าต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน และการที่เจ้ากล้าที่จะปฏิเสธข้าได้ เจ้าก็ไม่ใช่พวกอ่อนแออยู่แล้วล่ะ”

“อีกทั้งเจ้ายังไม่ลืมพระคุณของพ่อแม่เจ้า เพราะงั้นเจ้าต้องไม่ใช่พวกไม่มีหลักการแน่นอน”

 

“ข้า เหมิงเทียนหลาง รู้สึกชอบพอในตัวเจ้ายิ่งนัก เอาล่ะพ่อหนุ่มน้อยเจอกันที่มหาจักรวรรดิโจว!”

 

เหมิงเทียนหลางหัวเราะอย่างไร้กังวลก่อนจะขี่ม้าจากไป

 

เสียงควบม้าดังก้องไปทั่วทั้งฟากฟ้าและผืนดิน เสียงหัวเราะของเขาก็เช่นกัน

 

ไม่นาน เขาก็หายลับขอบฟ้าไป

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจอ้าปากค้าง

ฮวงเหลี่ยนชินและเจียงฉือน้อยก็รู้สึกตกตะลึง พวกเขาต่างตกใจในความตรงไปตรงมาของเหมิงเทียนหลาง

 

โจวฉวนจีเหลือบมองไปยังเจียงฉือน้อย ก่อนจะถามอย่างชิว ๆว่า “เจ้ากําลังคิดอะไรอยู่นะ?”

“เจ้าหมอนั่นมันโง่หรือเปล่าเนี่ย?” เจียงฮือน้อยถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ

 

และโจวฉวนจีก็ระเบิดหัวเราะออกมาทันที เขามองไปทางเธอก่อนจะพูด “เด็กผู้หญิงจะไปเข้าใจความตรงไปตรงมาของผู้ชายได้ยังไงกันเล่า? ถ้าเขาสามารถเป็นถึงแม่ทัพอัศวินแห่งมหาจักรวรรดิโจวได้งั้นเขาก็ต้องมีดีอะไรสักอย่างบ้างนั่นแหละ”

เจียงฉือน้อยกลอกตาใส่ ก่อนจะส่งสายตาไปทางเขาสื่อโดยนัยว่าเขาน่ะเป็นถึงองค์ชายแห่งมหาจักรวรรดิโจวเลยนะ

 

ฮวงเหลี่ยนชิ้นพยักหน้าและพูดว่า “ข้าเห็นว่าเขาดูจะไม่ได้โกหกนะเจ้าคะเพราะงั้นก็ดีเลย”

 

ด้วยการเสนอชื่อของเหมิงเทียนหลางนี้ โจวฉวนจีก็จะมีโอกาสมากขึ้นที่จะได้เข้าร่วมการคัดเลือกแห่งสวรรค์

 

“ถ้าท่านเข้าร่วมกองทัพของมหาจักรวรรดิโจวแล้ว ก็ยากที่จะออกได้นะครับ” จอมกระบีแดนเหนือผู้องอาจพูดเตือน

เขาไม่อยากให้โจวฉวนจีเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ

เพราะถ้าโจวฉวนจีเข้าร่วมล่ะก็ เขาก็จะไม่สามารถฝึกวิชาดาบได้อย่างอิสระอีกต่อไป

 

โจวฉวนจีพูดยืนยันกับเขา “อย่าห่วงไปเลย ถ้าข้าชนะการคัดเลือกแห่งสวรรค์ได้ล่ะก็ เขาจะไม่มีทางขัดขวางข้าไม่ให้ออกได้อย่างแน่นอน”

เพราะเป้าหมายของเขาคือ การลอบสังหารราชินีแห่งมหาจักรวรรดิโจว ยังไงล่ะ!

หลังจากนั้นเขาจะรีบหนีไปอย่างแน่นอน

เมื่อจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจได้ยินก็ยิ้มออกมาทันที

เขารู้ว่าเทพกระบี่โจวนั้นไม่ใช่พวกธรรมดา แต่เป้าหมายในการเป็นทหารของเขานั้นคืออะไรกัน?

พวกเขาไม่ใช่พลเมืองของมหาจักรวรรดิโจวด้วยซ้ํา!

ทันใดนั้นเจ้างูสีดําตัวจ้อยก็พูดขึ้นมา “สายตาของเจ้าหมอนั่นน่ากลัวโคตร ๆ เลย มันทําให้ข้าน่ะกลัวสุด ๆ แถมเขายังสังเกตุเห็นข้าอีกสมแล้วล่ะที่เขาเป็นคนที่เสี่ยวจิงหงมองว่าเป็นคู่แข่งด้วยน่ะ”

โจวฉวนจํากลอกตาใส่ งั้นก็ไม่แปลกใจว่าทําไมไอเจ้างูนี่ปิดปากเงียบมาตลอดตั้งแต่ก่อนหน้านี้นะ

 

และพวกเขาก็เริ่มออกเดินทางต่อ

 

เป็นเพราะพวกเขาได้เผชิญหน้ากับเหมิงเทียนหลางมา พวกเขาเลยตื่นตัวกันมากขึ้นตลอดการเดินทางที่เหลือ

อาณาจักรเหมันต์แดนใต้และมหาจักรวรรดิโจวนั้นอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่อาณาจักรเท่านั้น

 

มหาจักรวรรดิโจวนั้นเป็นศูนย์กลางของหลาย ๆ อาณาจักร ถึงแม้ว่ามหาจักรวรรดินั้นจะปกครองหลายอาณาจักร แต่ก็ไม่ได้ควบคุมมากนักมหาจักรวรรดินั้นอนุญาตให้เกิดการแข่งขันกันหรือแม้กระทั่งทําสงครามกันระหว่างอาณาจักรก็ได้

 

2 เดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในวันนี้ โจวฉวนจีได้เดินทางผ่านสนามรบแห่งหนึ่ง

 

พวกเขาหยุดลงทันที จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจดึงดาบออกมาก่อนจะเดินไปยืนอยู่หน้าพวกเขา “ทุกคนระวังตัวด้วย”เขาพูดเตือน

แต่ในอีกด้าน โจวฉวนจีกลับมองตรงไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้นด้วยแววตาที่เปล่งประกายและดูเหมือนจะตื่นเต้นอยู่นิดหน่อย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+