หัตถ์เทวะธิดาพญายม 225 ความริษยาของเฟิ่งเหลียนอิ่ง

Now you are reading หัตถ์เทวะธิดาพญายม Chapter 225 ความริษยาของเฟิ่งเหลียนอิ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งมังกร หนึ่งสุกรต่างพากันเงียบเสียง ทั้งคู่รีบขยับโยกย้ายกายไปแอบซุ่มมองผ่านช่องรอยแตกบนบานประตู สิ่งที่ทั้งคู่พบเห็นนั้นคือสตรีผู้สวมใส่อาภรณ์สีขาวสะอาดที่หรูหราสง่างาม นางยืนเด่นอยู่เบื้องหน้าทางเข้าวัง ดวงตาที่สุกสกาวทั้งคู่ส่งผ่านเข้ามาภายในวังจื่อจินด้วยความมุ่งมั่น

 

เจ้ามังกรทองตัวจ้อยหัวเราะอย่างมีเลศนัยพลางกล่าวขึ้นอย่างภาคภูมิ “ข้าก็ไม่รู้ว่ายายตัวร้ายนั่นเข้ามาถึงใจกลางอาณาจักรกำบังแห่งนี้ได้อย่างไร เพียงการจะเข้ามาถึงด้านในวังจื่อจินแห่งนี้หาใช่เรื่องงายดาย หากไม่ใช่เพราะข้ายื่นมือเข้าช่วยท่านแม่ของเจ้า นางย่อมไม่สามมารถเข้าถึงด้านในของวังจื่อจินได้ วางใจเถิด ในตอนนี้สตรีผู้นั้นย่อมไม่อาจกล้ำกรายเข้ามาได้ทั้งกว่าที่นางจะหาทางเข้ามาได้ ท่านแม่ของเจ้าก็ได้กลายเป็นผู้รับสืบทอดวังจื่อจินคนใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว”

 

ยิ่งได้รับสายตาแห่งความชื่นชมบูชาจากต้านต้าน เจ้ามังกรทองตัวจิ๋วก็ยิ่งผงกหัวปลก ๆ ด้วยอาการแห่งความภาคภูมิ ทว่าใบหน้าอันทรงความหยิ่งผยองกลับต้องแปรเปลี่ยนเป็นตะลึงจังงัง

 

เมื่อมองตรงออกไปนอกตัววัง เขากลับเห็นสตรีในอาภรณ์สีขาวผู้นั้นคว้าแผ่นหยกชิ้นหนึ่งขึ้นมา มุมปากแดงระเรื่อขยักยกขึ้นเล็กน้อย แผ่นหยกชิ้นนั้นลอยเลื่อนขึ้นสู่อากาศก่อนจะปลดปล่อยแสงเรืองรองสีฟ้าออกมาอย่างรวดเร็ว

 

เพียงเสี้ยวนาทีถัดมา บานประตูวังจื่อจินพลันเปิดออก แม้ไร้แรงลม สตรีผู้นั้นค่อย ๆ ก้าวตรงเข้ามาในวังพร้อมเสียงหัวเราะเบา ๆ

 

สีหน้าของมังกรทองตัวน้อยแปรเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงพร้อมแรงลมที่หนักหน่วงใต้พื้นเท้าที่ช้อนร่างน้อย ๆ ทั้งคู่ลอยขึ้นกลางอากาศก่อนจะลอยเลื่อนตรงเข้าไปซุกซ่อนอยู่ใต้ชายกระโปรงของเกอซี

*****

เฟิ่งเหลียนอิ่งเก็บแผ่นหยกกลับไปพร้อมตรงเข้าสู่บานประตูวังจื่อจินที่เปิดกว้างพร้อมรอยยิ้มโล่งใจบนใบหน้า

 

เมื่อวังจื่อจินยังไม่หายไป ผนึกปกป้องบานประตูยังคงแข็งแกร่งเช่นนี้ย่อมหมายความถึงตำแหน่งผู้สืบทอดยังคงไม่ถูกผู้ใดช่วงชิงไป

 

ดีเยี่ยมยิ่งนักที่นางมาได้ทันการ ! ทั้งยังโชคดีนักที่นางมีหยกสลายอาคมที่อาจารย์มอบไว้จึงสามารถผ่านเข้าสู่วังจื่อจินแห่งนี้โดยง่าย

 

เฟิ่งเหลียนอิ่งก้าวตรงเข้าสู่วังอย่างแช่มช้อย และเมื่อภายในวังหาได้มีขนาดกว้างใหญ่แต่ประการใด นางจึงสามารถเห็นทุกสิ่งที่เกิดปรากฏได้เพียงปราดตามองแค่ครั้ง

 

ผู้ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอย่างจิตใจจดจ่ออยู่ข้างเตาหลอมนั้นคือเกอซี ดวงตาของเฟิ่งเหลียนอิ่งเบิกกว้าง ประกายตาแห่งความเหลือเชื่อที่ลึกลับฉายวาบผ่านแววตาคู่นั้น

 

นี่มันเจ้าเด็กหน้าเหม็นนั่น !  นี่มันเจ้าคนที่คอยตามตอแยพี่ยวี่อยู่ไม่ห่าง เจ้าหมอจอมโวคุยโตผู้นั้น !

 

ทว่าพลังฝีมือของเขาอยู่เพียงขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่มเท่านั้นไม่ใช่หรือ ?*

*ขณะนี้ พลังปราณของเกอซีอยู่ในระดับแปดของพลังปราณขั้นที่ 2 ปฐมภูมิโลกันตร์ ทว่ามีเพียงมังกรน้อย และต้านต้านที่รับรู้ความจริงข้อนี้ได้อันสืบเนื่องมาจากการมีพันธสัญญาระหว่างกัน ส่วนผู้อื่นนั้นยากยิ่งนักที่จะสามารถล่วงรู้ขั้นพลังปราณที่แท้จริงของเกอซี เช่นนั้นเฟิ่งเหลียนอิ่งจึงเข้าใจว่าเกอซียังอยู่ในระดับพลังปราณขั้นที่ 1 คือเมล็ดพันธุ์เพาะบ่มเท่านั้น

 

คนผู้นี้สามารถส่งตนเองเข้ามาสู่ใจกลางอาณาจักรกำบังได้อย่างไร ? ทั้งยังหาญกล้าน้อมรับบททดสอบเพื่อเป็นผู้สืบทอดวังจื่อจินอีกด้วย ?

 

เขาใช้กลวิธีลึกลับใดจึงสามารถผ่านปราการทดสอบอันหฤโหดแห่งอาณาจักรกำบังมาได้ ? ผู้ใดช่วยส่งเสริมเขามาถึงในที่นี้ ? ทั้งยังทำให้นางต้องเพิ่มคู่แข่งในการรับช่วงสืบทอดวังจื่อจินอีกด้วย ?

 

อย่าบอกนะว่า…..เป็นพี่ยวี่ ?

 

เพียงคิดเช่นนั้น ใบหน้าที่งดงามของเฟิ่งเหลียนอิ่งพลันบิดเบ้ ในแววตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังพลันพุ่งตรงไปยังเกอซี

 

ภายในวังจื่อจินแห่งนี้ไร้แสงสว่างไร้บานหน้าต่าง ทว่าภายในกลับปรากฏรัศมีบางอย่างที่ส่องทุกสิ่งให้สว่างไสว ทั้งในยามนี้ รัศมีนั้นก็กำลังจับสะท้อนส่องใบหน้าเกอซีให้เปล่งประกาย แสงสว่างที่จับต้องเผยให้เห็นดวงหน้าที่งดงามไร้ที่ติเบื้องหน้าสายตาเฟิ่งเหลียนอิ่ง

 

ริมฝีปากแดงชาด คิ้วคมลึกประดุจแต่งแต้ม ผิวพรรณที่ผุดผ่องเนียนละเอียดดั่งหยกหิมะนั้นช่างงดงามกระทั่งแทบจะโปร่งใส แผงขนตายาวกระพือไหวคล้ายแผงพัดที่ตกต้องพาดผ่านเหนือพวงแก้มงาม แม้สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้านี้คือดวงหน้าแห่งบุรุษเพศ ทว่ากลับสามารถเผยความงดงามอย่างโดดเด่นเหนือกว่าตัวนางเสียด้วยซ้ำ

 

และหาก …….หากนี่คือรูปลักษณ์แห่งอิสตรี นางจะงดงามปานประดุจมารปีศาจกระชากวิญญาณสักเพียงใด ? นางจะเป็นสตรีผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์อันหาใดเปรียบมิได้ ครองความงดงามที่สามารถล่มสลายเมืองทั้งผองให้พินาศลงได้สักเพียงไร ?

 

เฟิ่งเหลียนอิ่งกัดกรามแน่น ทว่ามุมปากนั้นกลับเหยียดออกกระทั่งเผยให้เห็นรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย “สวรรค์เปิดทาง เจ้ากลับไม่เลือกเดิน แม้ขุมนรกไร้ทางดำเนินสู่เจ้ากลับยืนกรานจะก้าวล่วง ในวันนี้เจ้าจะได้ปิดฉากตนลงที่นี่ จงอย่าได้ตำหนิผู้ใด เมื่อตัวเจ้าประเมินความสามารถของตนไว้สูงส่งจนเกินไป ทั้งยังหอบพาตนเองมาส่งให้ข้าถึงมือ ฮึ่ม ! เจ้าเป็นแค่เพียงพวกฝีมือขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่มกระจอก ๆ ยังคิดกล้าเหิมเกริมช่วงชิงตำแหน่งผู้สืบทอดวังจื่อจินกับข้ากระนั้นหรือ ! เช่นนั้นคงมีเพียงความตายเท่านั้นที่จะสาสมกับความทะเยอทะยานของเจ้า !”

 

พร้อมกันนั้น นางยกปลายประบี่ขึ้น ร่างขยับตรงเข้าหาเกอซีอย่างไม่เร่งร้อน ปลายประบี่อันเยียบเย็นค่อย ๆ ขยับใกล้เข้าหาดวงหน้าไร้มลทินของเกอซีทีละน้อย ๆ

 

ใบหน้านี้เอง ที่ทำให้นาง เฟิ่งเหลียนอิ่ง ทั้งรังเกียจ ทั้งริษยา หากนางทำลายโฉมหน้านี้ นางก็ใคร่อยากรู้ยิ่งนักว่า พี่ยวี่จะยังคงปฏิบัติต่อคนผู้นี้ดังเดิมอีกหรือไม่ ?

 

***จบตอน ความริษยาของเฟิ่งเหลียนอิ่ง***

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด