หัตถ์เทวะธิดาพญายม 246 ฐานปราณสวรรค์วารีเพลิง

Now you are reading หัตถ์เทวะธิดาพญายม Chapter 246 ฐานปราณสวรรค์วารีเพลิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 246 ฐานปราณสวรรค์วารีเพลิง

 

“สารเลว หากเจ้ามีฝีมือจงอย่าเอาแต่หดหัวเช่นนี้ ! คิดหรือว่าเพียงซุกซ่อนกายจะสามารถหลีกหนีการโจมตีจากข้าได้ ?!”

 

เพิ่งเหลียนอิ่งขบกรามแน่น ร่างของนางขยับไหวอย่างรวดเร็ว ฝนลูกดอกที่ลุกโพลงด้วยเปลวเพลิงถูกซัดออกมาจากทุกทิศทุกทาง

 

แม้เกอซีจะเคลื่อนกายได้คล่องแคล่วว่องไวเพียงไรย่อมไม่อาจหลบหลีกห่าฝนลูกดอกที่ถูกซัดออกมาโดยรอบทั่วทิศด้วยความชํานาญเช่นนี้ได้

 

มุมปากของเฟิ่งเหลียนอิ่งยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มน่าขนลุก นางกําลังยินดีปรีดาอย่างถึงที่สุดเมื่อนึกถึงร่างของเกอซีที่พรุนเป็นกระชอน ยามต้องถูกฝนลูกดอกซัดเข้าใส่

 

หากทว่ารอยยิ้มกว้างนั้นกลับต้องแข็งค้าง

 

เมื่อนางได้เห็นลูกดอกที่ลุกโชนพุ่งออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว กลับต้องนิ่งค้างคล้ายปะทะเข้ากับบางสิ่ง ความเร็วของมันค่อย ๆ ลดลงปลายลูกดอกเริ่มปัดป่ายไร้ทิศทางมันแกว่งสั่นอยู่กลางอากาศก่อนจะร่วงหล่นลงผิวพื้น

 

เปลวเพลิงที่ลุกโชนค่อย ๆ ดับลงอย่างเชื่องช้า สิ่งที่ปรากฏทําให้ใบหน้าของเฟิ่งเหลียนอิ่งมืดมัวกระทั่งแทบสามารถกลั่นตัวเป็นหยดน้ำค้างแข็งขึ้นได้

 

ร่างของเกอซีค่อย ๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าเฟิ่งเหลียนอิ่งอย่างไม่เร่งร้อน หากทว่าครานี้ ร่างนั้นกลับเกิดปรากฏขึ้นนับจํานวนไม่ถ้วนที่ละร่างที่ละร่าง

 

บนดวงหน้าของร่างที่ก่อกําเนิดใหม่ล้วนประดับด้วยรอยยิ้มอย่างดูแคลน ขณะเดียวกับที่น้ำเสียงใสกระจ่างเสนาะหูซึ่งแบกนําอายสังหารอันเย็นเยียบยะเยือกจิตติดมาด้วยก้องกังวานขึ้นพร้อมกัน “เทพธิดาบัวเยือกแข็ง กลเม็ดเด็ดพรายของเจ้านั้นแสนสามัญ !”

 

เคล็ดวิชานี้คือสิ่งที่เกอซีเคยนํามาใช้ในช่วงชีวิตที่ยังเป็นมือสังหาร “เคล็ดวิชาก้าวย่างมายา” โดยปกติเกอซีย่อมไม่อาจใช้เคล็ดวิชานี้กับผู้ฝึกยุทธซึ่งมีจิตสัมผัสขั้นสูง เนื่องเพราะมันย่อมไร้ผล หากทว่ายามนี้ เมื่อพลังฝีมือของเกอซีสูงส่งยิ่งไปกว่าเดิม ทั้งพลังปราณ ทั้งความรวดเร็ว ล้วนเพิ่ม ทวีขึ้นเหลือกําลัง

 

ยุทธภพนี้ ผู้ที่คล่องแคล่วรวดเร็วยิ่งไปกว่าย่อมเป็นฝ่ายได้ชัย ด้วยเหตุนั้น เมื่อเกอซีดึงเคล็ดวิชาก้าวย่างมายาขึ้นใช้ กระทั่งเฟิ่งเหลียนอิ่งผู้บรรลุขอบเขตพลังปราณขั้นปฐพีสะท้านสะเทือนล้วนไม่อาจมองทะลุผ่านพบร่างที่แท้จริงของเกอซีได้

 

“เยี่ยม ! เยี่ยมมาก ! ไม่คิดเลยว่าเศษสวะกระจอกแห่งปฐมภูมิโลกันตร์จะบีบคั้นข้าได้ถึงเพียงนี้ !”

 

ความเดือดดาลบนดวงหน้าของเฟิ่งเหลียนอิ่งค่อย ๆ คลายลงทีละน้อยก่อนดวงหน้านั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยียบด้านชา ฝ่ามือขวาที่เกาะกุมด้ามกระบี่ยาวสูงค่าซึ่งอาจสนนราคาถึงหลายล้านศิลาเวทคลี่คลายออก ด้ามกระบี่ร่วงกระแทกพื้นเสียงดัง “เคร้ง”

 

“เห็นที่การที่เจ้าคือผู้ได้รับเลือกให้เป็นผู้รับช่วงสืบทอดการครอบครองวังจื่อจินย่อมหาใช่ด้วยเพียงวาสนาแต่ประการเดียวไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมสมควรยิ่งแล้วที่ข้าไม่อาจปล่อยให้เจ้ามีลมหายใจต่อไปได้! เบื้องหน้า คนเยี่ยงเจ้าย่อมเป็นภัยกับข้าสมควรกําจัดทิ้งเสียในยามที่เจ้ายังด้อยฝีมือยังมี เมื่อเจ้าคิดยั่วยวนท่านพี่ยวี่ หากข้าไม่ลงมือปลิดชีวิตเจ้าในวันนี้ ย่อมกลายเป็นขวากหนามทิ่มแทงข้าในวันหน้า!”

 

สายเงารูปกระบี่เริ่มก่อร่างรวมขึ้นเป็นรูปร่างในฝ่ามือของเฟิ่งเหลียนอิ่ง

 

หากทว่ากระบี่ด้ามนี้กลับแตกต่างจากกระบี่ยาวเปลวเพลิงเมื่อครู่ ตลอดทั่วทั้งตัวกระบี่แผ่อายพลังอันเย็นยะเยือกประดุจธารน้ำแข็ง มันส่องแสงทอประกายระยิบตา กระทั่งพืชสมุนไพรบนพื้นซึ่งอยู่ใกล้ขอบเขตรัศมีของมันยังจับตัวเย็นเยือกกลายเป็นแท่งน้ำแข็งไปโดยสมบูรณ์ด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ก่อนสายธารน้ำแข็งจะค่อย ๆ คืบคลานเกาะกินพื้นที่กว้างขวางโดยตลอดรอบด้าน

 

เสียงร้องอันตื่นตระหนกของโจวเหยียนอันดังก้องขึ้นในทันใด “กระบี่ผลึกเยือกแข็ง ! อาวุธทรงอานุภาพขั้นสูง กระบีผลึกเยือกแข็ง… เจ้า… หาได้มีฐานปราณเพลิงมิใช่หรือ ? เหตุใดจึงสามารถใช้กระบี่ผลึกเยือกแข็งได้ ?”

 

หญิงสาวเชิดคางขึ้นเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มหยิ่งผยองที่ฉีกกว้างบนดวงหน้า “เจ้าคิดว่าเทพธิดาผู้นี้ได้รับการขนามนามเป็นยอดอัจฉริยะผู้หาตัวจับได้ยากยิ่งในรอบพันปี แห่งสํานักหลิวหลีมาได้อย่างไรเล่า ? เพราะข้าคือผู้ฝึกยุทธซึ่งมีทั้งฐานปราณสวรรค์แห่งวารี และเปลวเพลิงอันหาได้ยากยิ่งในใต้หล้าอย่างไรเล่า”

 

ได้ฟังเช่นนั้นผู้ดูแลโจวกลับต้องตะลึงค้าง ผู้ครอบครองฐานปราณสวรรค์คู่ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นปรปักษ์ตรงข้ามกันอย่างเด็ดขาด ! เปลวเพลิง และสายน้ำ ฐานปราณสวรรค์ทั้งสองล้วนเป็นการบ่งแสดงถึงการฝึกฝนพลังฝีมือโดยอาศัยธาตุทั้งสอง หากผู้ฝึกยุทธฝึกฝนได้ถูกต้อง ธาตุทั้งสองไม่เพียงจะไม่หักล้างกัน หากทว่ากลับกลายสามารถส่งเสริมกันและกันอีกด้วย

 

ผู้ฝึกยุทธใดสามารถครอบครองฐานปราณสวรรค์แค่เพียงหนึ่งย่อมสามารถกล่าวได้ว่าผู้ฝึกยุทธนั้นนับเป็นยอดอัฉจริยะที่หาตัวจับได้ยากยิ่งในใต้หล้าหากทว่าเฟิ่งเหลียนอิ่งคือยอดฝีมือระดับปฐพีสะท้านสะเทือนซึ่งสามารถครอบครองฐานปราณสวรรค์ถึงสอง !……. เช่นนี้ คุณชายซีจะโค่นล้มสตรีผู้นี้ได้อย่างไร ?!

 

***จบตอน ฐานปราณสวรรค์วารีเพลิง**

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หัตถ์เทวะธิดาพญายม 246 ฐานปราณสวรรค์วารีเพลิง

Now you are reading หัตถ์เทวะธิดาพญายม Chapter 246 ฐานปราณสวรรค์วารีเพลิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 246 ฐานปราณสวรรค์วารีเพลิง

 

“สารเลว หากเจ้ามีฝีมือจงอย่าเอาแต่หดหัวเช่นนี้ ! คิดหรือว่าเพียงซุกซ่อนกายจะสามารถหลีกหนีการโจมตีจากข้าได้ ?!”

 

เพิ่งเหลียนอิ่งขบกรามแน่น ร่างของนางขยับไหวอย่างรวดเร็ว ฝนลูกดอกที่ลุกโพลงด้วยเปลวเพลิงถูกซัดออกมาจากทุกทิศทุกทาง

 

แม้เกอซีจะเคลื่อนกายได้คล่องแคล่วว่องไวเพียงไรย่อมไม่อาจหลบหลีกห่าฝนลูกดอกที่ถูกซัดออกมาโดยรอบทั่วทิศด้วยความชํานาญเช่นนี้ได้

 

มุมปากของเฟิ่งเหลียนอิ่งยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มน่าขนลุก นางกําลังยินดีปรีดาอย่างถึงที่สุดเมื่อนึกถึงร่างของเกอซีที่พรุนเป็นกระชอน ยามต้องถูกฝนลูกดอกซัดเข้าใส่

 

หากทว่ารอยยิ้มกว้างนั้นกลับต้องแข็งค้าง

 

เมื่อนางได้เห็นลูกดอกที่ลุกโชนพุ่งออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว กลับต้องนิ่งค้างคล้ายปะทะเข้ากับบางสิ่ง ความเร็วของมันค่อย ๆ ลดลงปลายลูกดอกเริ่มปัดป่ายไร้ทิศทางมันแกว่งสั่นอยู่กลางอากาศก่อนจะร่วงหล่นลงผิวพื้น

 

เปลวเพลิงที่ลุกโชนค่อย ๆ ดับลงอย่างเชื่องช้า สิ่งที่ปรากฏทําให้ใบหน้าของเฟิ่งเหลียนอิ่งมืดมัวกระทั่งแทบสามารถกลั่นตัวเป็นหยดน้ำค้างแข็งขึ้นได้

 

ร่างของเกอซีค่อย ๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าเฟิ่งเหลียนอิ่งอย่างไม่เร่งร้อน หากทว่าครานี้ ร่างนั้นกลับเกิดปรากฏขึ้นนับจํานวนไม่ถ้วนที่ละร่างที่ละร่าง

 

บนดวงหน้าของร่างที่ก่อกําเนิดใหม่ล้วนประดับด้วยรอยยิ้มอย่างดูแคลน ขณะเดียวกับที่น้ำเสียงใสกระจ่างเสนาะหูซึ่งแบกนําอายสังหารอันเย็นเยียบยะเยือกจิตติดมาด้วยก้องกังวานขึ้นพร้อมกัน “เทพธิดาบัวเยือกแข็ง กลเม็ดเด็ดพรายของเจ้านั้นแสนสามัญ !”

 

เคล็ดวิชานี้คือสิ่งที่เกอซีเคยนํามาใช้ในช่วงชีวิตที่ยังเป็นมือสังหาร “เคล็ดวิชาก้าวย่างมายา” โดยปกติเกอซีย่อมไม่อาจใช้เคล็ดวิชานี้กับผู้ฝึกยุทธซึ่งมีจิตสัมผัสขั้นสูง เนื่องเพราะมันย่อมไร้ผล หากทว่ายามนี้ เมื่อพลังฝีมือของเกอซีสูงส่งยิ่งไปกว่าเดิม ทั้งพลังปราณ ทั้งความรวดเร็ว ล้วนเพิ่ม ทวีขึ้นเหลือกําลัง

 

ยุทธภพนี้ ผู้ที่คล่องแคล่วรวดเร็วยิ่งไปกว่าย่อมเป็นฝ่ายได้ชัย ด้วยเหตุนั้น เมื่อเกอซีดึงเคล็ดวิชาก้าวย่างมายาขึ้นใช้ กระทั่งเฟิ่งเหลียนอิ่งผู้บรรลุขอบเขตพลังปราณขั้นปฐพีสะท้านสะเทือนล้วนไม่อาจมองทะลุผ่านพบร่างที่แท้จริงของเกอซีได้

 

“เยี่ยม ! เยี่ยมมาก ! ไม่คิดเลยว่าเศษสวะกระจอกแห่งปฐมภูมิโลกันตร์จะบีบคั้นข้าได้ถึงเพียงนี้ !”

 

ความเดือดดาลบนดวงหน้าของเฟิ่งเหลียนอิ่งค่อย ๆ คลายลงทีละน้อยก่อนดวงหน้านั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยียบด้านชา ฝ่ามือขวาที่เกาะกุมด้ามกระบี่ยาวสูงค่าซึ่งอาจสนนราคาถึงหลายล้านศิลาเวทคลี่คลายออก ด้ามกระบี่ร่วงกระแทกพื้นเสียงดัง “เคร้ง”

 

“เห็นที่การที่เจ้าคือผู้ได้รับเลือกให้เป็นผู้รับช่วงสืบทอดการครอบครองวังจื่อจินย่อมหาใช่ด้วยเพียงวาสนาแต่ประการเดียวไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมสมควรยิ่งแล้วที่ข้าไม่อาจปล่อยให้เจ้ามีลมหายใจต่อไปได้! เบื้องหน้า คนเยี่ยงเจ้าย่อมเป็นภัยกับข้าสมควรกําจัดทิ้งเสียในยามที่เจ้ายังด้อยฝีมือยังมี เมื่อเจ้าคิดยั่วยวนท่านพี่ยวี่ หากข้าไม่ลงมือปลิดชีวิตเจ้าในวันนี้ ย่อมกลายเป็นขวากหนามทิ่มแทงข้าในวันหน้า!”

 

สายเงารูปกระบี่เริ่มก่อร่างรวมขึ้นเป็นรูปร่างในฝ่ามือของเฟิ่งเหลียนอิ่ง

 

หากทว่ากระบี่ด้ามนี้กลับแตกต่างจากกระบี่ยาวเปลวเพลิงเมื่อครู่ ตลอดทั่วทั้งตัวกระบี่แผ่อายพลังอันเย็นยะเยือกประดุจธารน้ำแข็ง มันส่องแสงทอประกายระยิบตา กระทั่งพืชสมุนไพรบนพื้นซึ่งอยู่ใกล้ขอบเขตรัศมีของมันยังจับตัวเย็นเยือกกลายเป็นแท่งน้ำแข็งไปโดยสมบูรณ์ด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ก่อนสายธารน้ำแข็งจะค่อย ๆ คืบคลานเกาะกินพื้นที่กว้างขวางโดยตลอดรอบด้าน

 

เสียงร้องอันตื่นตระหนกของโจวเหยียนอันดังก้องขึ้นในทันใด “กระบี่ผลึกเยือกแข็ง ! อาวุธทรงอานุภาพขั้นสูง กระบีผลึกเยือกแข็ง… เจ้า… หาได้มีฐานปราณเพลิงมิใช่หรือ ? เหตุใดจึงสามารถใช้กระบี่ผลึกเยือกแข็งได้ ?”

 

หญิงสาวเชิดคางขึ้นเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มหยิ่งผยองที่ฉีกกว้างบนดวงหน้า “เจ้าคิดว่าเทพธิดาผู้นี้ได้รับการขนามนามเป็นยอดอัจฉริยะผู้หาตัวจับได้ยากยิ่งในรอบพันปี แห่งสํานักหลิวหลีมาได้อย่างไรเล่า ? เพราะข้าคือผู้ฝึกยุทธซึ่งมีทั้งฐานปราณสวรรค์แห่งวารี และเปลวเพลิงอันหาได้ยากยิ่งในใต้หล้าอย่างไรเล่า”

 

ได้ฟังเช่นนั้นผู้ดูแลโจวกลับต้องตะลึงค้าง ผู้ครอบครองฐานปราณสวรรค์คู่ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นปรปักษ์ตรงข้ามกันอย่างเด็ดขาด ! เปลวเพลิง และสายน้ำ ฐานปราณสวรรค์ทั้งสองล้วนเป็นการบ่งแสดงถึงการฝึกฝนพลังฝีมือโดยอาศัยธาตุทั้งสอง หากผู้ฝึกยุทธฝึกฝนได้ถูกต้อง ธาตุทั้งสองไม่เพียงจะไม่หักล้างกัน หากทว่ากลับกลายสามารถส่งเสริมกันและกันอีกด้วย

 

ผู้ฝึกยุทธใดสามารถครอบครองฐานปราณสวรรค์แค่เพียงหนึ่งย่อมสามารถกล่าวได้ว่าผู้ฝึกยุทธนั้นนับเป็นยอดอัฉจริยะที่หาตัวจับได้ยากยิ่งในใต้หล้าหากทว่าเฟิ่งเหลียนอิ่งคือยอดฝีมือระดับปฐพีสะท้านสะเทือนซึ่งสามารถครอบครองฐานปราณสวรรค์ถึงสอง !……. เช่นนี้ คุณชายซีจะโค่นล้มสตรีผู้นี้ได้อย่างไร ?!

 

***จบตอน ฐานปราณสวรรค์วารีเพลิง**

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+