หัตถ์เทวะธิดาพญายม 292 ยื่นมือเข้าช่วย

Now you are reading หัตถ์เทวะธิดาพญายม Chapter 292 ยื่นมือเข้าช่วย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 292 ยื่นมือเข้าช่วย

 

ที่สุดเมื่อทุกคนสามารถแลเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น จึงเพิ่งประจักษ์ตาว่าเงาสายสีม่วงเมื่อครู่แท้จริงคือเถาวัลย์ ยิ่งไปกว่านั้นเถาวัลย์เถานี้ยังปลดปล่อยขุมพลังกดข่มอันร้ายกาจน่าสะพรึงยิ่ง

 

“เจ้าอยากหาความสําราญกับผู้ใด ?” เสียงหนุ่มน้อยผู้นั้นดังก้องในโสตประสาทของพวกมัน น้ำเสียงนั้นใสกระจ่าง เนื้อเสียงระรื่นหูชวนเคลิบเคลิ้ม ทว่าเพียงเมื่อกระแสเสียงนั้นกระทบรูหูกลับประหนึ่งเสียงภูตผีชั่วร้ายจากขุมนรกอเวจี

 

บุรุษที่ถูกเถาวัลย์รัดเบิกตากว้างคล้ายอยากเอ่ยร้องขอชีวิต ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากแม้เพียงคํา ในหูของมันกลับได้ยินเสียงดัง “กร๊อก” ลําคอของมันหักพับร่างของมันไร้วิญญาณในทันที

 

มุมปากหนุ่มน้อยผู้นั้นยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เหี้ยมโหด “พวกเจ้าที่เหลือ ยังจะมีผู้ใดต้องการหาความสําราญร่วมกับข้าอีกหรือไม่ ?”

 

หนุ่มน้อยผู้ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าพวกมันทั้งหมดย่อมเป็นเกอซีอย่างแน่แท้

 

หลังผ่านเข้าสู่หมอกขาวที่หนาทึบเพียงไม่นาน เกอซีก็หลุดออกจากกลุ่มของพวกหนานกงยวี่

 

ทว่านับแต่แยกหลุดออกมาจากกลุ่ม เกอซีรู้เพียงเถาวัลย์ม่วงในมือของนางกระชุ่มกระชวยน่าตื่นตายิ่งนัก

 

เพียงย่างกรายเข้ามาในม่านหมอกขาว เกอซีจึงพบว่าภายใต้หมอกหนาเหล่านี้ล้วนไม่ปรากฏสิ่งใดมากไปกว่าการดูดซับพลังงานในกาย

 

ภายใต้หมอกขาวพวกนี้ล้วนยากยิ่งจะปกป้องคลื่นอายเย็นซึ่งค่อย ๆ คืบคลานเข้าสู่จุดตันเถียนของยอดฝีมือทั้งหลาย ชะลอการเคลื่อนไหวให้เชื่องช้าลงทีละน้อย

 

หากพวกเขามีสิ่งช่วยเสริมพลังปราณ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ย่อมไม่อาจนับเป็นอย่างไรได้ หากทว่าภายใต้ม่านหมอกขาวแห่งนี้ สิ่งเสริมพลังปราณใดล้วนไม่อาจใช้การได้ ทุกคนล้วนต้องอาศัยพละกําลังที่แท้จริงทางกายเพื่อต้านทานความเหน็บหนาวที่รุมเร้า ทว่าเมื่อพละกําลังทางกายของทุกคนถูกสูบกลืนให้ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เพียงชั่วระยะเวลาอันสั้น สีหน้าของทุกคนจึงแปรเปลี่ยนเป็นซีดเซียวแทบ

 

คงมีเพียงหนานกงยวี่ และเกอซีที่ดูคล้ายไม่ได้รับผลกระทบใดจากหมอกขาว

 

และเพิ่งจะยามนี้เองที่เกอซีค้นพบว่าหนานกงยี่คือผู้ฝึกยุทธซึ่งมีรากฐานพลังทวิคู่วิญญาณ แม้เขาไม่อาจขับพลังปราณในกายเมื่ออยู่ภายใต้หมอกทึบแห่งนี้ได้ก็จริง ทว่าอายเย็นในม่านหมอกแห่งนี้ล้วนไม่อาจส่งผลใดต่อเขาได้

 

ขณะที่เกอซีนั้นกลับกัน ด้วยเหตุที่หมอกขาวไม่อาจส่งผลกระทบใดต่อนางได้นั้นเป็นเพราะพฤกษาเวทที่นางเพิ่งได้ครอบครองเมื่อไม่นานนี้

 

หญิงสาวคาดเดาไม่ถูกจริง ๆ ว่าเหตุใดอายพลังในม่านหมอกขาวแห่งนี้จึงไร้ผลต่อเถาวัลย์ม่วงอเวจีอย่างสิ้นเชิง ! 

 

เพียงข้ามผ่านเข้าสู่หมอกขาวแห่งนี้ได้ไม่นาน เถาวัลย์ม่วงอเวจีก็ค่อย ๆ แอบออกมาสํารวจโลกภายนอกร่วมกับนางอย่างไม่ให้สุ่มเสียงใด ไม่แต่เพียงเท่านั้น มันยังดูตื่นตาตื่นใจเบิกบานเริงร่า ขณะกําลังสูบกลืนพลังจากหมอกขาว และนั่นคือเหตุให้เกอซีรู้สึกอบอุ่นสบาย ร่องรอยแห่งความหนาวเย็นใดไม่ปรากฏแม้เพียงเศษเสี้ยว

 

ทว่าสิ่งที่เกอซีไม่คาดคิดนั้นคือ เมื่อเถาวัลย์ม่วงอเวจีสูบกินคลื่นพลังจํานวนมหาศาลจากหมอกขาวแล้วนั้น พลังเวทของมันกลับเลื่อนขั้นขึ้นกว่าเดิมอีกเล็กน้อย

 

ทว่าน่าเสียดายที่ความแปรเปลี่ยนจากการดูดกลืนขุมพลังภายใต้หมอกขาวส่งผลก่อเกิดหลุมพลังวน เมื่อเถาวัลย์ม่วงอเวจีคือพฤกษาเวทของนางหญิงสาวจึงมีส่วนเกี่ยวพันกับหลุมพลังวนที่สูบกลืนสรรพสิ่งนี้โดยตรง เช่นนั้นร่างของนางจึงถูกสูบเข้าสู่คลื่นวนนั้น ! ครั้นเมื่อรู้สึกตัวตื่นอีกครา เกอซีจึงพบว่าตนกระเด็นหลุดออกมาจากกลุ่ม ยามนี้นางจึงอยู่แต่เพียงลําพัง

 

เมื่อหวนนึกถึงครั้งที่นางถูกสูบเข้าสู่คลื่นพลังวน หญิงสาวยังคงจดจําใบหน้าตื่นตกใจ น้ำเสียงที่สั่นเครือบ่งบอกความทุกข์กังวลของหนานกงยวี่ได้อย่างชัดเจน ภายในใจของนางบีบรัดแน่นอย่างอดมิได้ บุรุษผู้นั้น….นี่เขาห่วงใยนางอย่างแท้จริงถึงเพียงนี้กระนั้นหรือ ?

 

เกอซีดึงความคิดที่ลื่นไหลราวขบวนรถจากหนานกงยวี่กลับมา พลางกวาดสายตาเย็นยะเยือกไปยังกลุ่มชายผู้คลุมหน้า ก่อนที่ท้ายสุดจะเคลื่อนสายตามายังสาวน้อยผู้ไร้อาภรณ์เรือนร่างเปลือยเปล่า

 

เสื้อผ้าบนร่างของหญิงสาวผู้นั้นถูกฉีกขาดกระทั่งเผยให้เห็นเนื้อผิวเนียนละเอียด ทว่าน่าสลดนักเมื่อสิ่งที่เผยให้เห็นคือรอยฟกช้ำที่น่ากลัว และรอยแผลทั่วเรือนร่าง

 

ใบหน้าของหญิงสาวผู้เปลือยเปล่างุนงงว่างเปล่าประดุจนางตื่นกลัว และสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดแล้ว กระทั่งเมื่อสายตาของนางหยุดชะงักอยู่กับเกอซี ที่สุดจึงตระหนักได้ว่าตนปลอดภัยแล้ว เมื่อนั้นเสียงสะอื้นไห้ของนางจึงระเบิดทะลักออกมา

 

เพียงครู่ที่นางคิดว่าตนต้องถูกทําลายจนย่อยยับ ! แม้นหากความตายยังไม่เยือนถึงในวันนี้ ชีวิตที่หลงเหลืออยู่ของนางย่อมมิต่างใดกับซากศพที่ยังคงเหลือลมหายใจ

 

หากทว่า เสี้ยวนาทีแห่งวิกฤตินั้น หนุ่มน้อยผู้งดงามประดุจเทพเซียนผู้นี้กลับปรากฏกายขึ้นราวผู้กล้าที่ย่างเหยียบอยู่บนม่านเมฆาขาวหนาทึบ เพื่อช่วยปลดเปลื้องนางออกจากขุมนรกแห่งนี้

 

แนวสายตาแห่งความเย็นยะเยือกด้านชาถูกย้ายเคลื่อนมาสู่กลุ่มคนสวมผ้าคลุมหน้าที่ยังยืนอยู่ด้วยอาการหวาดผวา “โดยปกติข้าหาใช่ผู้ที่ชอบสอดมือเข้ายุ่งเรื่องของผู้อื่นไม่ทว่าผู้ใดใช้ให้พวกเจ้ากระทําตนน่ารังเกียจสะอิดสะเอียนเยี่ยงนี้ ! การกระทําของพวกเจ้าต่ำช้ายิ่งกว่าฝูงสุกร ! ในวันนี้นับว่าพวกเจ้าโชคดีเสียจริงที่ได้มาเจอข้าไม่บ่อยนัก ที่ขาผู้นี้จะนึกอยากช่วยเหลือผู้อื่นขึ้นมา เพราะจะอย่างไรเสีย แค่หยุดออกแรงช่วยเพียงครู่ คงไม่หนักหนาเท่าไรกระมัง ?”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หัตถ์เทวะธิดาพญายม 292 ยื่นมือเข้าช่วย

Now you are reading หัตถ์เทวะธิดาพญายม Chapter 292 ยื่นมือเข้าช่วย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 292 ยื่นมือเข้าช่วย

 

ที่สุดเมื่อทุกคนสามารถแลเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น จึงเพิ่งประจักษ์ตาว่าเงาสายสีม่วงเมื่อครู่แท้จริงคือเถาวัลย์ ยิ่งไปกว่านั้นเถาวัลย์เถานี้ยังปลดปล่อยขุมพลังกดข่มอันร้ายกาจน่าสะพรึงยิ่ง

 

“เจ้าอยากหาความสําราญกับผู้ใด ?” เสียงหนุ่มน้อยผู้นั้นดังก้องในโสตประสาทของพวกมัน น้ำเสียงนั้นใสกระจ่าง เนื้อเสียงระรื่นหูชวนเคลิบเคลิ้ม ทว่าเพียงเมื่อกระแสเสียงนั้นกระทบรูหูกลับประหนึ่งเสียงภูตผีชั่วร้ายจากขุมนรกอเวจี

 

บุรุษที่ถูกเถาวัลย์รัดเบิกตากว้างคล้ายอยากเอ่ยร้องขอชีวิต ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากแม้เพียงคํา ในหูของมันกลับได้ยินเสียงดัง “กร๊อก” ลําคอของมันหักพับร่างของมันไร้วิญญาณในทันที

 

มุมปากหนุ่มน้อยผู้นั้นยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เหี้ยมโหด “พวกเจ้าที่เหลือ ยังจะมีผู้ใดต้องการหาความสําราญร่วมกับข้าอีกหรือไม่ ?”

 

หนุ่มน้อยผู้ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าพวกมันทั้งหมดย่อมเป็นเกอซีอย่างแน่แท้

 

หลังผ่านเข้าสู่หมอกขาวที่หนาทึบเพียงไม่นาน เกอซีก็หลุดออกจากกลุ่มของพวกหนานกงยวี่

 

ทว่านับแต่แยกหลุดออกมาจากกลุ่ม เกอซีรู้เพียงเถาวัลย์ม่วงในมือของนางกระชุ่มกระชวยน่าตื่นตายิ่งนัก

 

เพียงย่างกรายเข้ามาในม่านหมอกขาว เกอซีจึงพบว่าภายใต้หมอกหนาเหล่านี้ล้วนไม่ปรากฏสิ่งใดมากไปกว่าการดูดซับพลังงานในกาย

 

ภายใต้หมอกขาวพวกนี้ล้วนยากยิ่งจะปกป้องคลื่นอายเย็นซึ่งค่อย ๆ คืบคลานเข้าสู่จุดตันเถียนของยอดฝีมือทั้งหลาย ชะลอการเคลื่อนไหวให้เชื่องช้าลงทีละน้อย

 

หากพวกเขามีสิ่งช่วยเสริมพลังปราณ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ย่อมไม่อาจนับเป็นอย่างไรได้ หากทว่าภายใต้ม่านหมอกขาวแห่งนี้ สิ่งเสริมพลังปราณใดล้วนไม่อาจใช้การได้ ทุกคนล้วนต้องอาศัยพละกําลังที่แท้จริงทางกายเพื่อต้านทานความเหน็บหนาวที่รุมเร้า ทว่าเมื่อพละกําลังทางกายของทุกคนถูกสูบกลืนให้ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เพียงชั่วระยะเวลาอันสั้น สีหน้าของทุกคนจึงแปรเปลี่ยนเป็นซีดเซียวแทบ

 

คงมีเพียงหนานกงยวี่ และเกอซีที่ดูคล้ายไม่ได้รับผลกระทบใดจากหมอกขาว

 

และเพิ่งจะยามนี้เองที่เกอซีค้นพบว่าหนานกงยี่คือผู้ฝึกยุทธซึ่งมีรากฐานพลังทวิคู่วิญญาณ แม้เขาไม่อาจขับพลังปราณในกายเมื่ออยู่ภายใต้หมอกทึบแห่งนี้ได้ก็จริง ทว่าอายเย็นในม่านหมอกแห่งนี้ล้วนไม่อาจส่งผลใดต่อเขาได้

 

ขณะที่เกอซีนั้นกลับกัน ด้วยเหตุที่หมอกขาวไม่อาจส่งผลกระทบใดต่อนางได้นั้นเป็นเพราะพฤกษาเวทที่นางเพิ่งได้ครอบครองเมื่อไม่นานนี้

 

หญิงสาวคาดเดาไม่ถูกจริง ๆ ว่าเหตุใดอายพลังในม่านหมอกขาวแห่งนี้จึงไร้ผลต่อเถาวัลย์ม่วงอเวจีอย่างสิ้นเชิง ! 

 

เพียงข้ามผ่านเข้าสู่หมอกขาวแห่งนี้ได้ไม่นาน เถาวัลย์ม่วงอเวจีก็ค่อย ๆ แอบออกมาสํารวจโลกภายนอกร่วมกับนางอย่างไม่ให้สุ่มเสียงใด ไม่แต่เพียงเท่านั้น มันยังดูตื่นตาตื่นใจเบิกบานเริงร่า ขณะกําลังสูบกลืนพลังจากหมอกขาว และนั่นคือเหตุให้เกอซีรู้สึกอบอุ่นสบาย ร่องรอยแห่งความหนาวเย็นใดไม่ปรากฏแม้เพียงเศษเสี้ยว

 

ทว่าสิ่งที่เกอซีไม่คาดคิดนั้นคือ เมื่อเถาวัลย์ม่วงอเวจีสูบกินคลื่นพลังจํานวนมหาศาลจากหมอกขาวแล้วนั้น พลังเวทของมันกลับเลื่อนขั้นขึ้นกว่าเดิมอีกเล็กน้อย

 

ทว่าน่าเสียดายที่ความแปรเปลี่ยนจากการดูดกลืนขุมพลังภายใต้หมอกขาวส่งผลก่อเกิดหลุมพลังวน เมื่อเถาวัลย์ม่วงอเวจีคือพฤกษาเวทของนางหญิงสาวจึงมีส่วนเกี่ยวพันกับหลุมพลังวนที่สูบกลืนสรรพสิ่งนี้โดยตรง เช่นนั้นร่างของนางจึงถูกสูบเข้าสู่คลื่นวนนั้น ! ครั้นเมื่อรู้สึกตัวตื่นอีกครา เกอซีจึงพบว่าตนกระเด็นหลุดออกมาจากกลุ่ม ยามนี้นางจึงอยู่แต่เพียงลําพัง

 

เมื่อหวนนึกถึงครั้งที่นางถูกสูบเข้าสู่คลื่นพลังวน หญิงสาวยังคงจดจําใบหน้าตื่นตกใจ น้ำเสียงที่สั่นเครือบ่งบอกความทุกข์กังวลของหนานกงยวี่ได้อย่างชัดเจน ภายในใจของนางบีบรัดแน่นอย่างอดมิได้ บุรุษผู้นั้น….นี่เขาห่วงใยนางอย่างแท้จริงถึงเพียงนี้กระนั้นหรือ ?

 

เกอซีดึงความคิดที่ลื่นไหลราวขบวนรถจากหนานกงยวี่กลับมา พลางกวาดสายตาเย็นยะเยือกไปยังกลุ่มชายผู้คลุมหน้า ก่อนที่ท้ายสุดจะเคลื่อนสายตามายังสาวน้อยผู้ไร้อาภรณ์เรือนร่างเปลือยเปล่า

 

เสื้อผ้าบนร่างของหญิงสาวผู้นั้นถูกฉีกขาดกระทั่งเผยให้เห็นเนื้อผิวเนียนละเอียด ทว่าน่าสลดนักเมื่อสิ่งที่เผยให้เห็นคือรอยฟกช้ำที่น่ากลัว และรอยแผลทั่วเรือนร่าง

 

ใบหน้าของหญิงสาวผู้เปลือยเปล่างุนงงว่างเปล่าประดุจนางตื่นกลัว และสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดแล้ว กระทั่งเมื่อสายตาของนางหยุดชะงักอยู่กับเกอซี ที่สุดจึงตระหนักได้ว่าตนปลอดภัยแล้ว เมื่อนั้นเสียงสะอื้นไห้ของนางจึงระเบิดทะลักออกมา

 

เพียงครู่ที่นางคิดว่าตนต้องถูกทําลายจนย่อยยับ ! แม้นหากความตายยังไม่เยือนถึงในวันนี้ ชีวิตที่หลงเหลืออยู่ของนางย่อมมิต่างใดกับซากศพที่ยังคงเหลือลมหายใจ

 

หากทว่า เสี้ยวนาทีแห่งวิกฤตินั้น หนุ่มน้อยผู้งดงามประดุจเทพเซียนผู้นี้กลับปรากฏกายขึ้นราวผู้กล้าที่ย่างเหยียบอยู่บนม่านเมฆาขาวหนาทึบ เพื่อช่วยปลดเปลื้องนางออกจากขุมนรกแห่งนี้

 

แนวสายตาแห่งความเย็นยะเยือกด้านชาถูกย้ายเคลื่อนมาสู่กลุ่มคนสวมผ้าคลุมหน้าที่ยังยืนอยู่ด้วยอาการหวาดผวา “โดยปกติข้าหาใช่ผู้ที่ชอบสอดมือเข้ายุ่งเรื่องของผู้อื่นไม่ทว่าผู้ใดใช้ให้พวกเจ้ากระทําตนน่ารังเกียจสะอิดสะเอียนเยี่ยงนี้ ! การกระทําของพวกเจ้าต่ำช้ายิ่งกว่าฝูงสุกร ! ในวันนี้นับว่าพวกเจ้าโชคดีเสียจริงที่ได้มาเจอข้าไม่บ่อยนัก ที่ขาผู้นี้จะนึกอยากช่วยเหลือผู้อื่นขึ้นมา เพราะจะอย่างไรเสีย แค่หยุดออกแรงช่วยเพียงครู่ คงไม่หนักหนาเท่าไรกระมัง ?”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+