หัตถ์เทวะธิดาพญายม 303 สละทิ้งหนานกงยว ?

Now you are reading หัตถ์เทวะธิดาพญายม Chapter 303 สละทิ้งหนานกงยว ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 303 สละทิ้งหนานกงยว ?

 

แม้เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเขา….ฉางกวนรุ่ย หากแต่เขาย่อมมิอาจทนนิ่งเฉยไม่แทรกตัวเข้ามีส่วนร่วม ชายหนุ่มเหยียดย่างฝ่าเท้าก้าวออกมาเบื้องหน้า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยเห็นหนุ่มน้อยผู้นีปรากฏกายในตําหนักราชันมัจจุราช บรรดาผู้รับใช้ทั้งหลายภายในตําหนักล้วนให้การปฏิบัติต่อคนผู้นี้ด้วยความเคารพอย่างเกินกว่าทั่วไป อาจเพียงพอจะคาดเดาได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์ราชันมัจจุราชกับหนุ่มน้อยผู้นี้ล้วนนับได้ว่าสนิทสนมเกินความคาดหมายอย่างยิ่ง”

 

ยิ่งได้ฟังถ้อยคําที่ฉางกวนรุ่ยเอ่ยกล่าว เฟิงเหลียนยิ่งกลับยิ่งต้องกัดกรามแน่นด้วยแรงริษยา ทว่าเมื่อหันมาเห็นสีหน้าหม่นมัวบนใบหน้าของบุรุษในอาภรณ์สีดําสนิทผู้ยืนอยู่ข้างกาย รอยแย้มยิ้มแห่งความเบิกบานพลันอดไม่ได้ที่จะแผ่ออกพาดขวางดวงหน้างาม

 

พี่ใหญ่คือผู้หนึ่งซึ่งหวังให้ตระกูลเฟิ่งสามารถสานความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับตําหนักราชันมัจจุราชด้วยพิธีสมรส เมื่อยามนี้ เด็กเหลือขอที่น่าขยะแขยงผู้นี้แทรกตัวเข้ามาระหว่างนางกับหนานกงยวี่ ความสัมพันธ์อันพึงมีต่อตําหนักราชันมัจจุราชย่อมสั่นคลอน มีหรือที่พี่ใหญ่จะไม่โกรธเกรี้ยว ?

 

แม้นางจะไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเด็กเหลือขอผู้นี้ใช้กลวิธีใด หากที่รู้นั้นคือ ภายใต้หมอกทึบขาวแห่งนี้ กลุ่มคนที่อยู่ร่วมกับนางในยามนี้ล้วนไม่อาจรับมือเด็กเหลือขอผู้นี้ได้

 

เพียงผู้เดียวที่มีความสามารถพอจะลงมือสังหารเด็ก เหลือขอผู้นี้ได้นั้นก็คือพี่ใหญ่ ‘เฟิ่งอวิ๋นจิง”

 

ถูกต้องบุรุษในอาภรณ์สีดําสนิทเบื้องหน้านางคือ คุณชายแห่งตระกูลเฟิ่ง นายน้อยแห่งตระกูลเพิ่งผู้ทรงอํานาจบารมีน่าเกรงขามหวาดกลัวอย่างที่สุดในอาณาจักรฉางหมิงเฟิ่งอวิ๋นจิ่ง

 

แม้สํานักหลิวหลีจะเป็นหนึ่งในสีสํานักใหญ่แห่งแถบทวีปหมีหลัว หากทว่าแท้จริงล้วนสืบเนื่องมาจากอํานาจของตระกูลเฟิ่ง ภายในสํานักหลิวหลี เฟิ่งเหลียงอิ่งนับเป็นผู้มากความสามารถด้านการสร้างปัญหาได้อย่างไม่หยุดหย่อน กระนั้นนางยังคงได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นําตระกูลรุ่นน้อยแห่งสํานัก ทว่าหากจะเปรียบกับพี่ใหญ่ เฟิ่งอวิ๋นอิ่ง ทั้งในด้านความสามารถ หรือพลังความแข็งแกร่งล้วนอาจกล่าวได้เพียง ดั่งโคลนตมเทียบเปรียบเมฆา

 

นับแต่เยาวว์วัยกระทั่งทุกวันนี้ เฟิ่งเหลียนอิ่งมีเพียงความหวาดกลัวพี่ชายต่างมารดาผู้นี้มาโดยตลอด นอกเสียจากหนานกงยวี่แล้ว นางไม่เคยพบเจอบุรุษใดที่น่าเกรงขามหวาดหวั่นทรงพลังอํานาจที่สามารถเปรียบได้กับพี่ใหญ่ผู้นี้

 

เช่นนั้น หากเพียงพี่ใหญ่ของนางมีใจพร้อมช่วยสังหารคนสารเลวผู้นั้น ล้วนเพียงง่ายดายดั่งขยับนิ้วขยิ้มดตัวน้อย

 

ใบหน้าของเฟิ่งอวิ๋นจิ่งยังคงความเย็นชามีดหม่น ความคิดพลุ่งพล่านถาโถมกระหน่ําอยู่ในหัวของเขาอย่างไม่อาจมีผู้ใดคาดเดาใจได้ ฝ่าเท้าของเขาขยับย่างตรงเข้าหาเกอซีอย่างเชื่องช้า

 

สีหน้าท่าทางของเกอซีในยามนี้หาได้แสดงถึงอาการก้าวร้าวดังเช่นก่อนหน้า หากทว่ากลับกัน เมื่อในยามนี้ดวงหน้านั้นถูกแทนที่ด้วยความเคร่งขรึมระวังภัย ฝ่ามือที่เกาะกุมเถาวัลย์ม่วงอเวจีบีบรัดแน่นขึ้น

 

เฟิ่งอวิ๋นจิ่งมิได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว เพื่อโจมตีกลับกัน เขาค่อย ๆ ขยับกายเดินตรงเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าเกอซี เพื่อเอ่ยกล่าวถ้อยคําที่แฝงความคลุมเครือ

 

“ซีเย่วกระนั้นหรือ ? อาจบางทีข้าสามารถหยิบยื่นโอกาสให้เจ้าไม่ต้องเผชิญหน้ากับความตาย !”

 

บุรุษหนุ่มผู้นั้นเว้นช่วงไปครู่หนึ่ง พลันกลับสืบฝ่าเท้าก้าวตรงเข้ามา ปกปิดช่วงระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองก่อนวาจาหยิ่งยโสจะถูกเอ่ยกล่าวออกไป “เพียงเจ้า สาบานจะสละทิ้งหนานกงยวี่ ไม่พบเจอบุรุษผู้นั้นอีกทั้งให้ความร่วมมือในการสลายอาคมสายริ้วเมฆา ข้าย่อมไม่ลงมือกับเจ้า เช่นนี้เป็นอย่างไร ?”

 

มุมปากเกอซียกโค้งปรากฏรอยยิ้มบาง “ข้าย่อมสามารถ”

 

เพียงวาบหนึ่งที่ประกายแห่งความสุขสมใจฉายพาดผ่านนัยน์ตาของเฟงอวินวิ่งอย่างรวดเร็ว กระทั่งตัวเขาก็ยังไม่ทันตระหนักรู้ หากทว่าฉับพลันกลับได้ยินเกอซีขึ้นเสียงสูง กลั้วเสียงหัวเราะอ่อนบาง “ย่อมสามารถอย่างแน่นอน หากท่านลงมือสังหารผู้ที่คอยติดตามระรานข้าด้วยน้ํามือของท่านเอง….ทั้งคนผู้นั้นย่อมปรากฏอยู่เบื้องหน้าข้าแล้วในยามนี้”

 

แนวสายตาของเกอซีเคลื่อนผ่านตรงไปยังเฟิ่งเหลียนอิ่ง รอยยิ้มที่มุมปากยิ่งเผยความร้ายกาจอย่างยิ่งยวด “หากเพียงท่านลงมือสังหารเฟิ่งเหลียนอิ่ง และเนียจินเฉินด้วยมือของท่านเอง ข้าย่อมช่วยท่านสลายอาคมริ้วเมฆา ดังนี้ท่านเห็นเป็นเช่นไรเล่า ?”

 

“สารเลว !!!” เพียงได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ เฟิ่งเหลียนอิ่งก็แผดเสียงกรีดร้องลั่น นางพุ่งร่างเข้าหาเกอซีโดยไม่คํานึงถึงสิ่งใด “ชั่วช้า ! ข้าจะสังหารเจ้า ! สมควรตาย ! ไปตายซะ ! ตาย !”

 

หากทว่าเพียงจะขยับโจมตีอีกฝ่าย หญิงสาวกลับถูกเฟิ่งอวิ๋นจิ่งขวางยั้ง กระทั่งมิอาจขยับร่างแม้เพียงก้าว

 

เฟิ่งเหลียนอิ่งตระหนกตกใจแหงนเงยศีรษะขึ้นถลึงจ้องหน้าพี่ใหญ่กรีดเสียงอย่างบ้าคลั่ง “เฟิ่งอวิ๋นอิ่ง กระทั่งเจ้ากลับถูกมันยั่วยวนไปด้วยกระนั้นหรือ ?! มันก็แค่คนไร้ยาง อายผู้หนึ่ง! ที่สุดมันมีดีที่ใดกัน ? เจ้าไม่กลัวหรือ หากเรื่องล่วงรู้ถึงหูท่านพ่อ…”

 

“เพี้ยะ !!” เสียงตบก้องสะท้อนในแก้วหู พร้อมร่างบอบบางของเฟิ่งเหลียนอิ่งที่กระเด็นกระแทกพื้นด้วยแรงตบของเฟิ่งอวิ๋นจิ่ง

 

ครั้นหญิงสาวเชิดหน้าขึ้นจึงเผชิญเข้ากับนัยน์ตาที่หม่นมัวเย็นชาของผู้ที่ได้ชื่อว่าพี่ใหญ่ ร่างของนางสั่นสะท้านไปทั่วทุกรูขุมขน ความประหวั่นพรั่นพรึงอย่างมิอาจบรร ยายพลันพรั่งพรูขึ้นท่วมท้นภายในใจ สูบกลืนเม็ดสีบนดวงหน้าให้ซีดเซียวราวซากศพ

 

“พี่ใหญ่ ข้าขอภัย ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น ข้าเพียงหลุดปากไปด้วยความเกรี้ยวกราดเท่านั้น..” ภายในใจที่หลั่งล้นไปด้วยความหวาดผวากลั่นน้ําเสียงให้สั่นเครือด้วยความประหม่า กระทั่งถ้อยคําที่เล็ดรอดล่วงผ่านปากยังแทบฟังไม่ได้ศัพท์

 

***จบตอน สละทิ้งหนานกงยวี่ ?**

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หัตถ์เทวะธิดาพญายม 303 สละทิ้งหนานกงยว ?

Now you are reading หัตถ์เทวะธิดาพญายม Chapter 303 สละทิ้งหนานกงยว ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 303 สละทิ้งหนานกงยว ?

 

แม้เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเขา….ฉางกวนรุ่ย หากแต่เขาย่อมมิอาจทนนิ่งเฉยไม่แทรกตัวเข้ามีส่วนร่วม ชายหนุ่มเหยียดย่างฝ่าเท้าก้าวออกมาเบื้องหน้า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยเห็นหนุ่มน้อยผู้นีปรากฏกายในตําหนักราชันมัจจุราช บรรดาผู้รับใช้ทั้งหลายภายในตําหนักล้วนให้การปฏิบัติต่อคนผู้นี้ด้วยความเคารพอย่างเกินกว่าทั่วไป อาจเพียงพอจะคาดเดาได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์ราชันมัจจุราชกับหนุ่มน้อยผู้นี้ล้วนนับได้ว่าสนิทสนมเกินความคาดหมายอย่างยิ่ง”

 

ยิ่งได้ฟังถ้อยคําที่ฉางกวนรุ่ยเอ่ยกล่าว เฟิงเหลียนยิ่งกลับยิ่งต้องกัดกรามแน่นด้วยแรงริษยา ทว่าเมื่อหันมาเห็นสีหน้าหม่นมัวบนใบหน้าของบุรุษในอาภรณ์สีดําสนิทผู้ยืนอยู่ข้างกาย รอยแย้มยิ้มแห่งความเบิกบานพลันอดไม่ได้ที่จะแผ่ออกพาดขวางดวงหน้างาม

 

พี่ใหญ่คือผู้หนึ่งซึ่งหวังให้ตระกูลเฟิ่งสามารถสานความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับตําหนักราชันมัจจุราชด้วยพิธีสมรส เมื่อยามนี้ เด็กเหลือขอที่น่าขยะแขยงผู้นี้แทรกตัวเข้ามาระหว่างนางกับหนานกงยวี่ ความสัมพันธ์อันพึงมีต่อตําหนักราชันมัจจุราชย่อมสั่นคลอน มีหรือที่พี่ใหญ่จะไม่โกรธเกรี้ยว ?

 

แม้นางจะไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเด็กเหลือขอผู้นี้ใช้กลวิธีใด หากที่รู้นั้นคือ ภายใต้หมอกทึบขาวแห่งนี้ กลุ่มคนที่อยู่ร่วมกับนางในยามนี้ล้วนไม่อาจรับมือเด็กเหลือขอผู้นี้ได้

 

เพียงผู้เดียวที่มีความสามารถพอจะลงมือสังหารเด็ก เหลือขอผู้นี้ได้นั้นก็คือพี่ใหญ่ ‘เฟิ่งอวิ๋นจิง”

 

ถูกต้องบุรุษในอาภรณ์สีดําสนิทเบื้องหน้านางคือ คุณชายแห่งตระกูลเฟิ่ง นายน้อยแห่งตระกูลเพิ่งผู้ทรงอํานาจบารมีน่าเกรงขามหวาดกลัวอย่างที่สุดในอาณาจักรฉางหมิงเฟิ่งอวิ๋นจิ่ง

 

แม้สํานักหลิวหลีจะเป็นหนึ่งในสีสํานักใหญ่แห่งแถบทวีปหมีหลัว หากทว่าแท้จริงล้วนสืบเนื่องมาจากอํานาจของตระกูลเฟิ่ง ภายในสํานักหลิวหลี เฟิ่งเหลียงอิ่งนับเป็นผู้มากความสามารถด้านการสร้างปัญหาได้อย่างไม่หยุดหย่อน กระนั้นนางยังคงได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นําตระกูลรุ่นน้อยแห่งสํานัก ทว่าหากจะเปรียบกับพี่ใหญ่ เฟิ่งอวิ๋นอิ่ง ทั้งในด้านความสามารถ หรือพลังความแข็งแกร่งล้วนอาจกล่าวได้เพียง ดั่งโคลนตมเทียบเปรียบเมฆา

 

นับแต่เยาวว์วัยกระทั่งทุกวันนี้ เฟิ่งเหลียนอิ่งมีเพียงความหวาดกลัวพี่ชายต่างมารดาผู้นี้มาโดยตลอด นอกเสียจากหนานกงยวี่แล้ว นางไม่เคยพบเจอบุรุษใดที่น่าเกรงขามหวาดหวั่นทรงพลังอํานาจที่สามารถเปรียบได้กับพี่ใหญ่ผู้นี้

 

เช่นนั้น หากเพียงพี่ใหญ่ของนางมีใจพร้อมช่วยสังหารคนสารเลวผู้นั้น ล้วนเพียงง่ายดายดั่งขยับนิ้วขยิ้มดตัวน้อย

 

ใบหน้าของเฟิ่งอวิ๋นจิ่งยังคงความเย็นชามีดหม่น ความคิดพลุ่งพล่านถาโถมกระหน่ําอยู่ในหัวของเขาอย่างไม่อาจมีผู้ใดคาดเดาใจได้ ฝ่าเท้าของเขาขยับย่างตรงเข้าหาเกอซีอย่างเชื่องช้า

 

สีหน้าท่าทางของเกอซีในยามนี้หาได้แสดงถึงอาการก้าวร้าวดังเช่นก่อนหน้า หากทว่ากลับกัน เมื่อในยามนี้ดวงหน้านั้นถูกแทนที่ด้วยความเคร่งขรึมระวังภัย ฝ่ามือที่เกาะกุมเถาวัลย์ม่วงอเวจีบีบรัดแน่นขึ้น

 

เฟิ่งอวิ๋นจิ่งมิได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว เพื่อโจมตีกลับกัน เขาค่อย ๆ ขยับกายเดินตรงเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าเกอซี เพื่อเอ่ยกล่าวถ้อยคําที่แฝงความคลุมเครือ

 

“ซีเย่วกระนั้นหรือ ? อาจบางทีข้าสามารถหยิบยื่นโอกาสให้เจ้าไม่ต้องเผชิญหน้ากับความตาย !”

 

บุรุษหนุ่มผู้นั้นเว้นช่วงไปครู่หนึ่ง พลันกลับสืบฝ่าเท้าก้าวตรงเข้ามา ปกปิดช่วงระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองก่อนวาจาหยิ่งยโสจะถูกเอ่ยกล่าวออกไป “เพียงเจ้า สาบานจะสละทิ้งหนานกงยวี่ ไม่พบเจอบุรุษผู้นั้นอีกทั้งให้ความร่วมมือในการสลายอาคมสายริ้วเมฆา ข้าย่อมไม่ลงมือกับเจ้า เช่นนี้เป็นอย่างไร ?”

 

มุมปากเกอซียกโค้งปรากฏรอยยิ้มบาง “ข้าย่อมสามารถ”

 

เพียงวาบหนึ่งที่ประกายแห่งความสุขสมใจฉายพาดผ่านนัยน์ตาของเฟงอวินวิ่งอย่างรวดเร็ว กระทั่งตัวเขาก็ยังไม่ทันตระหนักรู้ หากทว่าฉับพลันกลับได้ยินเกอซีขึ้นเสียงสูง กลั้วเสียงหัวเราะอ่อนบาง “ย่อมสามารถอย่างแน่นอน หากท่านลงมือสังหารผู้ที่คอยติดตามระรานข้าด้วยน้ํามือของท่านเอง….ทั้งคนผู้นั้นย่อมปรากฏอยู่เบื้องหน้าข้าแล้วในยามนี้”

 

แนวสายตาของเกอซีเคลื่อนผ่านตรงไปยังเฟิ่งเหลียนอิ่ง รอยยิ้มที่มุมปากยิ่งเผยความร้ายกาจอย่างยิ่งยวด “หากเพียงท่านลงมือสังหารเฟิ่งเหลียนอิ่ง และเนียจินเฉินด้วยมือของท่านเอง ข้าย่อมช่วยท่านสลายอาคมริ้วเมฆา ดังนี้ท่านเห็นเป็นเช่นไรเล่า ?”

 

“สารเลว !!!” เพียงได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ เฟิ่งเหลียนอิ่งก็แผดเสียงกรีดร้องลั่น นางพุ่งร่างเข้าหาเกอซีโดยไม่คํานึงถึงสิ่งใด “ชั่วช้า ! ข้าจะสังหารเจ้า ! สมควรตาย ! ไปตายซะ ! ตาย !”

 

หากทว่าเพียงจะขยับโจมตีอีกฝ่าย หญิงสาวกลับถูกเฟิ่งอวิ๋นจิ่งขวางยั้ง กระทั่งมิอาจขยับร่างแม้เพียงก้าว

 

เฟิ่งเหลียนอิ่งตระหนกตกใจแหงนเงยศีรษะขึ้นถลึงจ้องหน้าพี่ใหญ่กรีดเสียงอย่างบ้าคลั่ง “เฟิ่งอวิ๋นอิ่ง กระทั่งเจ้ากลับถูกมันยั่วยวนไปด้วยกระนั้นหรือ ?! มันก็แค่คนไร้ยาง อายผู้หนึ่ง! ที่สุดมันมีดีที่ใดกัน ? เจ้าไม่กลัวหรือ หากเรื่องล่วงรู้ถึงหูท่านพ่อ…”

 

“เพี้ยะ !!” เสียงตบก้องสะท้อนในแก้วหู พร้อมร่างบอบบางของเฟิ่งเหลียนอิ่งที่กระเด็นกระแทกพื้นด้วยแรงตบของเฟิ่งอวิ๋นจิ่ง

 

ครั้นหญิงสาวเชิดหน้าขึ้นจึงเผชิญเข้ากับนัยน์ตาที่หม่นมัวเย็นชาของผู้ที่ได้ชื่อว่าพี่ใหญ่ ร่างของนางสั่นสะท้านไปทั่วทุกรูขุมขน ความประหวั่นพรั่นพรึงอย่างมิอาจบรร ยายพลันพรั่งพรูขึ้นท่วมท้นภายในใจ สูบกลืนเม็ดสีบนดวงหน้าให้ซีดเซียวราวซากศพ

 

“พี่ใหญ่ ข้าขอภัย ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น ข้าเพียงหลุดปากไปด้วยความเกรี้ยวกราดเท่านั้น..” ภายในใจที่หลั่งล้นไปด้วยความหวาดผวากลั่นน้ําเสียงให้สั่นเครือด้วยความประหม่า กระทั่งถ้อยคําที่เล็ดรอดล่วงผ่านปากยังแทบฟังไม่ได้ศัพท์

 

***จบตอน สละทิ้งหนานกงยวี่ ?**

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+