หัตถ์เทวะธิดาพญายม 393 มีความสุขดีใช่หรือไม่ ?

Now you are reading หัตถ์เทวะธิดาพญายม Chapter 393 มีความสุขดีใช่หรือไม่ ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 393 มีความสุขดีใช่หรือไม่ ? ผู้ที่นางหมายโจมตีคือเซียซึ่งหมิง ! อาวุโสเจียงเห็นได้ชัดว่ายามนี้หมอเซียอยู่เบี้องหน้าเกอซีผู้ชักกระบี่ยาวที่เอิบอาบไปด้วยประกายอันเย็นเยียบ สีหน้าของอาวุโสเจียงพลันแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดน่ากลัวถึงที่สุด มันส่งเสียงร้องคํารามหนักหน่วง ขณะพุ่งร่างเข้าใส่ “เจ้ากล้า— !! ทว่ายังไม่ทันถึงตัว มันพลันได้ยินเสียงดัง นั้วะ นั้วะ นั้วะ นั้วะ นั้วะ ติดตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของหมอเซียผู้ที่ร่างยามนี้ของมันกลับกลายดูคล้ายกลองหนัง ที่หล่นกระแทกใส่พื้นอย่างหนักหน่วงก่อนจะกลิ้งกระเด็นม้วน ถูกต้อง มันคือกลองอย่างแน่แท้ เนื่องเพราะยามนี้ ตลอดทั้งสองแขนสองขาของมันล้วนถูกเถาวัลย์ตัดขาด กระทั่งสิ่งที่คงหลงเหลือมีเพียงศีรษะที่ติดอยู่กับร่างกาย ขณะท่อนแขน และท่อนขาล้วนแน่นิ่งสงบอยู่บนพื้นด้านข้าง แม้ปลายนิ้วทั้งสิบเริ่มกลับกลายเป็นเขียวคล้ําทว่าพวกมันล้วนยังคงขยับ กระตุกเคลื่อนไหว เกอซีค่อย ๆ ย่างสามขุมเข้าหาหมอเซียผู้ยังคงแหกปากร้องตะโกนไม่หยุดหย่อน นางยกยิ้มอ่อนโยนไร้เดียงสา”ท่านหมอเซีย ครั้งท่านสั่งคนลงมือสังหารแม่นมเฉินด้วยการควักอวัยวะภายในออก ท่านมีความสุขดีใช่หรือไม่ ?” “อ้า! ท่านต้องมีความสุขอย่างแน่แท้” นางถอนหายใจเบาบาง “เช่นนั้นข้าก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยส่งเสริมให้ท่านมีความสุขสันต์ยิ่งไปกว่า” เพียงถ้อยคําเหล่านั้นถูกเปล่งออกมา กระบี่ด้ามยาวในมือของนางพลันตวัดกวัดแกว่งราวภูตผี มันพุ่งตรงเข้าหาใบหน้าของท่านหมอเซียราวหมายจะกล่าวทักทาย นัยน์ตาของหมอเซียยามนี้ราวได้เห็นความตายมันอัดล้นไปด้วยความตื่นกลัวและสิ้นหวัง เพียงชั่วครู่ มันกลับไม่อาจแลเห็นสิ่งใด ดวงหน้านั้นปราศจากจมูก หู ขนคิ้ว หรือกระทั่งลูกนัยน์ตา มันยังคงหลงเหลือปาก หากแต่ลิ้นล้วนมิได้คงอยู่อีกต่อไป เช่นนั้นมันจึงไม่อาจส่งเสียงใดเล็ดลอด ทว่าช่างเถิด เพราะจะอย่างไรเสีย มันยังคงมีสองหูที่ได้ยินทุกสิ่งอย่างชัดเจน ทั้งยังคงสติสัมปชัญญะสมบูรณ์พร้อม ความเจ็บปวดทรมานในยามนี้หฤโหดราวจิตวิญญาณของมันกําลังฉวัดเฉวียนอยู่ท่ามกลางความเป็นและความตาย เกอซีชักด้ามกระบี่ยาวกลับคืนโดยไม่ใส่ใจปาดเช็ดคราบโลหิตที่แปดเปื้อน นางเขวี่ยงกระบี่ทั้งด้ามทิ้งแทนที่ หญิงสาวส่งสายตามองหมอเซีย น้ําเสียงที่อ่อนหวานบนดวงหน้าที่อ่อนโยนดังติดตามมา”เมื่อเจ้าสังหารแม่นมเฉิน ทั้งยังทรมานเซี่ยวหลี ข้าย่อมไม่อาจให้เจ้าสิ้นใจได้โดยง่ายๆ “ยามนี้เจ้าไม่อาจเห็น ไม่อาจเจรจา ไม่อาจเดิน ทั้งไม่อาจกระทําสิ่งใด ทว่าด้วยร่างที่แข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธเจ้าย่อมไม่สิ้นใจโดยง่าย ทั้งยามนี้เจ้าย่อมไม่อาจปลิดชีวิตตนเองด้วยเช่นกัน “เจ้าจะ ได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวดทรมานดั่งขุมนรกทุกคืนทุกวันอันแสนยาวนาน ยามนี้เจ้าไร้สิ้นสามารถจะปลดปล่อยตนเองทั้งย่อมไม่อาจหลีกหนี เชื่อได้ว่าความรู้สึกเช่นนี้ย่อมสร้างความสุขสันต์ให้เจ้าอย่างยิ่ง” บนพื้นคือหมอเซียผู้ยามนี้ไม่อาจกล่าวว่ามีร่างกายได้อีกต่อไป มันกําลังสั่นสะท้าน อีกทั้งพยามยามพลิกกายบิดไปมา ทว่ายามนี้ไม่เหลือผู้ใดชายตามอง หรือใส่ใจความเป็นความตายของมันอีกต่อไป สําหรับเกอซี มันผู้นี้ได้ตายจากไปแล้วความแค้นของแม่นมเฉินได้รับการชําระล้างให้สมแค้น สําหรับอาวุโสเจียง เซียชงหมิงผู้ไร้สิ้นท่อนแขนท่อนขาไม่อาจแลเห็นสิ่งใดย่อมเสมือนไม่เหลือคุณค่าใด คนเยี่ยงนี้ไร้ค่าจะใส่ใจ ทุกคนต่างตะลึงพูดไม่ออกกว่าครึ่งวัน* เมื่อได้เห็นการลงมือที่เหี้ยมโหดของเกอซี *ครึ่งวัน หมายถึงนานมาก เห็นได้ชัดว่าเบื้องหน้าพวกมันทุกคนเป็นเพียงหนุ่มน้อยผู้มีวัยสิบหกหรือสิบเจ็ดปีเท่านั้น ผู้ใดเลยคาดคิดว่าหนุ่มน้อยผู้นี้จะบั่นท่อนแขนท่อนขา ควักนัยน์ตา นั่นจมูก ลิ้น ใบหูศัตรูได้โดยสีหน้าเรียบนิ่งไม่แปรเปลี่ยนแม้เพียงน้อย ไม่สิ ดวงหน้าของหนุ่มน้อยผู้นี้กลับระบายด้วยรอยยิ้มกระชากใจเสียด้วยซ้ํา หนุ่มน้อยผู้นี้….น่าสะพรึงเกินประมาณ ! กระทั่งอาวุโสเจียงผู้เคยมีใจคิดหว่านล้อมเกอซีไว้ข้างกายยามนี้ยังต้องถอดถอนความคิด ร่องรอยแห่งความหวันผวาเริ่มเบ่งบานภายในใจ หากปล่อยให้หนุ่มน้อยผู้นี้เติบใหญ่ อาจบางทีกระทั่งตัวมันก็มิใช่คู่ประมือ ! เช่นนั้น เมื่อใดที่ได้เคล็ดวิชาสมานเส้นโลหิตแดงดํา ต้องรีบกําจัดเด็กหนุ่มผู้นี้ทิ้งเสีย ! ***จบตอน มีความสุขดีใช่หรือไม่ ?***

ตอนที่ 393 มีความสุขดีใช่หรือไม่ ?

ผู้ที่นางหมายโจมตีคือเซียซึ่งหมิง !

อาวุโสเจียงเห็นได้ชัดว่ายามนี้หมอเซียอยู่เบี้องหน้าเกอซีผู้ชักกระบี่ยาวที่เอิบอาบไปด้วยประกายอันเย็นเยียบ

สีหน้าของอาวุโสเจียงพลันแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดน่ากลัวถึงที่สุด มันส่งเสียงร้องคํารามหนักหน่วง ขณะพุ่งร่างเข้าใส่ “เจ้ากล้า— !!

ทว่ายังไม่ทันถึงตัว มันพลันได้ยินเสียงดัง นั้วะ นั้วะ นั้วะ นั้วะ นั้วะ

ติดตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของหมอเซียผู้ที่ร่างยามนี้ของมันกลับกลายดูคล้ายกลองหนัง

ที่หล่นกระแทกใส่พื้นอย่างหนักหน่วงก่อนจะกลิ้งกระเด็นม้วน

ถูกต้อง มันคือกลองอย่างแน่แท้

เนื่องเพราะยามนี้ ตลอดทั้งสองแขนสองขาของมันล้วนถูกเถาวัลย์ตัดขาด กระทั่งสิ่งที่คงหลงเหลือมีเพียงศีรษะที่ติดอยู่กับร่างกาย

ขณะท่อนแขน และท่อนขาล้วนแน่นิ่งสงบอยู่บนพื้นด้านข้าง แม้ปลายนิ้วทั้งสิบเริ่มกลับกลายเป็นเขียวคล้ําทว่าพวกมันล้วนยังคงขยับ กระตุกเคลื่อนไหว

เกอซีค่อย ๆ ย่างสามขุมเข้าหาหมอเซียผู้ยังคงแหกปากร้องตะโกนไม่หยุดหย่อน นางยกยิ้มอ่อนโยนไร้เดียงสา”ท่านหมอเซีย ครั้งท่านสั่งคนลงมือสังหารแม่นมเฉินด้วยการควักอวัยวะภายในออก ท่านมีความสุขดีใช่หรือไม่ ?” “อ้า! ท่านต้องมีความสุขอย่างแน่แท้” นางถอนหายใจเบาบาง

“เช่นนั้นข้าก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยส่งเสริมให้ท่านมีความสุขสันต์ยิ่งไปกว่า”

เพียงถ้อยคําเหล่านั้นถูกเปล่งออกมา กระบี่ด้ามยาวในมือของนางพลันตวัดกวัดแกว่งราวภูตผี มันพุ่งตรงเข้าหาใบหน้าของท่านหมอเซียราวหมายจะกล่าวทักทาย

นัยน์ตาของหมอเซียยามนี้ราวได้เห็นความตายมันอัดล้นไปด้วยความตื่นกลัวและสิ้นหวัง

เพียงชั่วครู่ มันกลับไม่อาจแลเห็นสิ่งใด ดวงหน้านั้นปราศจากจมูก หู ขนคิ้ว หรือกระทั่งลูกนัยน์ตา

มันยังคงหลงเหลือปาก หากแต่ลิ้นล้วนมิได้คงอยู่อีกต่อไป เช่นนั้นมันจึงไม่อาจส่งเสียงใดเล็ดลอด

ทว่าช่างเถิด เพราะจะอย่างไรเสีย มันยังคงมีสองหูที่ได้ยินทุกสิ่งอย่างชัดเจน ทั้งยังคงสติสัมปชัญญะสมบูรณ์พร้อม

ความเจ็บปวดทรมานในยามนี้หฤโหดราวจิตวิญญาณของมันกําลังฉวัดเฉวียนอยู่ท่ามกลางความเป็นและความตาย

เกอซีชักด้ามกระบี่ยาวกลับคืนโดยไม่ใส่ใจปาดเช็ดคราบโลหิตที่แปดเปื้อน นางเขวี่ยงกระบี่ทั้งด้ามทิ้งแทนที่

หญิงสาวส่งสายตามองหมอเซีย น้ําเสียงที่อ่อนหวานบนดวงหน้าที่อ่อนโยนดังติดตามมา”เมื่อเจ้าสังหารแม่นมเฉิน ทั้งยังทรมานเซี่ยวหลี ข้าย่อมไม่อาจให้เจ้าสิ้นใจได้โดยง่ายๆ “ยามนี้เจ้าไม่อาจเห็น ไม่อาจเจรจา ไม่อาจเดิน ทั้งไม่อาจกระทําสิ่งใด ทว่าด้วยร่างที่แข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธเจ้าย่อมไม่สิ้นใจโดยง่าย ทั้งยามนี้เจ้าย่อมไม่อาจปลิดชีวิตตนเองด้วยเช่นกัน “เจ้าจะ ได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวดทรมานดั่งขุมนรกทุกคืนทุกวันอันแสนยาวนาน ยามนี้เจ้าไร้สิ้นสามารถจะปลดปล่อยตนเองทั้งย่อมไม่อาจหลีกหนี เชื่อได้ว่าความรู้สึกเช่นนี้ย่อมสร้างความสุขสันต์ให้เจ้าอย่างยิ่ง”

บนพื้นคือหมอเซียผู้ยามนี้ไม่อาจกล่าวว่ามีร่างกายได้อีกต่อไป มันกําลังสั่นสะท้าน อีกทั้งพยามยามพลิกกายบิดไปมา ทว่ายามนี้ไม่เหลือผู้ใดชายตามอง หรือใส่ใจความเป็นความตายของมันอีกต่อไป

สําหรับเกอซี มันผู้นี้ได้ตายจากไปแล้วความแค้นของแม่นมเฉินได้รับการชําระล้างให้สมแค้น

สําหรับอาวุโสเจียง เซียชงหมิงผู้ไร้สิ้นท่อนแขนท่อนขาไม่อาจแลเห็นสิ่งใดย่อมเสมือนไม่เหลือคุณค่าใด คนเยี่ยงนี้ไร้ค่าจะใส่ใจ

ทุกคนต่างตะลึงพูดไม่ออกกว่าครึ่งวัน* เมื่อได้เห็นการลงมือที่เหี้ยมโหดของเกอซี

*ครึ่งวัน หมายถึงนานมาก

เห็นได้ชัดว่าเบื้องหน้าพวกมันทุกคนเป็นเพียงหนุ่มน้อยผู้มีวัยสิบหกหรือสิบเจ็ดปีเท่านั้น ผู้ใดเลยคาดคิดว่าหนุ่มน้อยผู้นี้จะบั่นท่อนแขนท่อนขา ควักนัยน์ตา นั่นจมูก ลิ้น ใบหูศัตรูได้โดยสีหน้าเรียบนิ่งไม่แปรเปลี่ยนแม้เพียงน้อย

ไม่สิ ดวงหน้าของหนุ่มน้อยผู้นี้กลับระบายด้วยรอยยิ้มกระชากใจเสียด้วยซ้ํา

หนุ่มน้อยผู้นี้….น่าสะพรึงเกินประมาณ !

กระทั่งอาวุโสเจียงผู้เคยมีใจคิดหว่านล้อมเกอซีไว้ข้างกายยามนี้ยังต้องถอดถอนความคิด

ร่องรอยแห่งความหวันผวาเริ่มเบ่งบานภายในใจ หากปล่อยให้หนุ่มน้อยผู้นี้เติบใหญ่ อาจบางทีกระทั่งตัวมันก็มิใช่คู่ประมือ !

เช่นนั้น เมื่อใดที่ได้เคล็ดวิชาสมานเส้นโลหิตแดงดํา ต้องรีบกําจัดเด็กหนุ่มผู้นี้ทิ้งเสีย !

***จบตอน มีความสุขดีใช่หรือไม่ ?***

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หัตถ์เทวะธิดาพญายม 393 มีความสุขดีใช่หรือไม่ ?

Now you are reading หัตถ์เทวะธิดาพญายม Chapter 393 มีความสุขดีใช่หรือไม่ ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 393 มีความสุขดีใช่หรือไม่ ? ผู้ที่นางหมายโจมตีคือเซียซึ่งหมิง ! อาวุโสเจียงเห็นได้ชัดว่ายามนี้หมอเซียอยู่เบี้องหน้าเกอซีผู้ชักกระบี่ยาวที่เอิบอาบไปด้วยประกายอันเย็นเยียบ สีหน้าของอาวุโสเจียงพลันแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดน่ากลัวถึงที่สุด มันส่งเสียงร้องคํารามหนักหน่วง ขณะพุ่งร่างเข้าใส่ “เจ้ากล้า— !! ทว่ายังไม่ทันถึงตัว มันพลันได้ยินเสียงดัง นั้วะ นั้วะ นั้วะ นั้วะ นั้วะ ติดตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของหมอเซียผู้ที่ร่างยามนี้ของมันกลับกลายดูคล้ายกลองหนัง ที่หล่นกระแทกใส่พื้นอย่างหนักหน่วงก่อนจะกลิ้งกระเด็นม้วน ถูกต้อง มันคือกลองอย่างแน่แท้ เนื่องเพราะยามนี้ ตลอดทั้งสองแขนสองขาของมันล้วนถูกเถาวัลย์ตัดขาด กระทั่งสิ่งที่คงหลงเหลือมีเพียงศีรษะที่ติดอยู่กับร่างกาย ขณะท่อนแขน และท่อนขาล้วนแน่นิ่งสงบอยู่บนพื้นด้านข้าง แม้ปลายนิ้วทั้งสิบเริ่มกลับกลายเป็นเขียวคล้ําทว่าพวกมันล้วนยังคงขยับ กระตุกเคลื่อนไหว เกอซีค่อย ๆ ย่างสามขุมเข้าหาหมอเซียผู้ยังคงแหกปากร้องตะโกนไม่หยุดหย่อน นางยกยิ้มอ่อนโยนไร้เดียงสา”ท่านหมอเซีย ครั้งท่านสั่งคนลงมือสังหารแม่นมเฉินด้วยการควักอวัยวะภายในออก ท่านมีความสุขดีใช่หรือไม่ ?” “อ้า! ท่านต้องมีความสุขอย่างแน่แท้” นางถอนหายใจเบาบาง “เช่นนั้นข้าก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยส่งเสริมให้ท่านมีความสุขสันต์ยิ่งไปกว่า” เพียงถ้อยคําเหล่านั้นถูกเปล่งออกมา กระบี่ด้ามยาวในมือของนางพลันตวัดกวัดแกว่งราวภูตผี มันพุ่งตรงเข้าหาใบหน้าของท่านหมอเซียราวหมายจะกล่าวทักทาย นัยน์ตาของหมอเซียยามนี้ราวได้เห็นความตายมันอัดล้นไปด้วยความตื่นกลัวและสิ้นหวัง เพียงชั่วครู่ มันกลับไม่อาจแลเห็นสิ่งใด ดวงหน้านั้นปราศจากจมูก หู ขนคิ้ว หรือกระทั่งลูกนัยน์ตา มันยังคงหลงเหลือปาก หากแต่ลิ้นล้วนมิได้คงอยู่อีกต่อไป เช่นนั้นมันจึงไม่อาจส่งเสียงใดเล็ดลอด ทว่าช่างเถิด เพราะจะอย่างไรเสีย มันยังคงมีสองหูที่ได้ยินทุกสิ่งอย่างชัดเจน ทั้งยังคงสติสัมปชัญญะสมบูรณ์พร้อม ความเจ็บปวดทรมานในยามนี้หฤโหดราวจิตวิญญาณของมันกําลังฉวัดเฉวียนอยู่ท่ามกลางความเป็นและความตาย เกอซีชักด้ามกระบี่ยาวกลับคืนโดยไม่ใส่ใจปาดเช็ดคราบโลหิตที่แปดเปื้อน นางเขวี่ยงกระบี่ทั้งด้ามทิ้งแทนที่ หญิงสาวส่งสายตามองหมอเซีย น้ําเสียงที่อ่อนหวานบนดวงหน้าที่อ่อนโยนดังติดตามมา”เมื่อเจ้าสังหารแม่นมเฉิน ทั้งยังทรมานเซี่ยวหลี ข้าย่อมไม่อาจให้เจ้าสิ้นใจได้โดยง่ายๆ “ยามนี้เจ้าไม่อาจเห็น ไม่อาจเจรจา ไม่อาจเดิน ทั้งไม่อาจกระทําสิ่งใด ทว่าด้วยร่างที่แข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธเจ้าย่อมไม่สิ้นใจโดยง่าย ทั้งยามนี้เจ้าย่อมไม่อาจปลิดชีวิตตนเองด้วยเช่นกัน “เจ้าจะ ได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวดทรมานดั่งขุมนรกทุกคืนทุกวันอันแสนยาวนาน ยามนี้เจ้าไร้สิ้นสามารถจะปลดปล่อยตนเองทั้งย่อมไม่อาจหลีกหนี เชื่อได้ว่าความรู้สึกเช่นนี้ย่อมสร้างความสุขสันต์ให้เจ้าอย่างยิ่ง” บนพื้นคือหมอเซียผู้ยามนี้ไม่อาจกล่าวว่ามีร่างกายได้อีกต่อไป มันกําลังสั่นสะท้าน อีกทั้งพยามยามพลิกกายบิดไปมา ทว่ายามนี้ไม่เหลือผู้ใดชายตามอง หรือใส่ใจความเป็นความตายของมันอีกต่อไป สําหรับเกอซี มันผู้นี้ได้ตายจากไปแล้วความแค้นของแม่นมเฉินได้รับการชําระล้างให้สมแค้น สําหรับอาวุโสเจียง เซียชงหมิงผู้ไร้สิ้นท่อนแขนท่อนขาไม่อาจแลเห็นสิ่งใดย่อมเสมือนไม่เหลือคุณค่าใด คนเยี่ยงนี้ไร้ค่าจะใส่ใจ ทุกคนต่างตะลึงพูดไม่ออกกว่าครึ่งวัน* เมื่อได้เห็นการลงมือที่เหี้ยมโหดของเกอซี *ครึ่งวัน หมายถึงนานมาก เห็นได้ชัดว่าเบื้องหน้าพวกมันทุกคนเป็นเพียงหนุ่มน้อยผู้มีวัยสิบหกหรือสิบเจ็ดปีเท่านั้น ผู้ใดเลยคาดคิดว่าหนุ่มน้อยผู้นี้จะบั่นท่อนแขนท่อนขา ควักนัยน์ตา นั่นจมูก ลิ้น ใบหูศัตรูได้โดยสีหน้าเรียบนิ่งไม่แปรเปลี่ยนแม้เพียงน้อย ไม่สิ ดวงหน้าของหนุ่มน้อยผู้นี้กลับระบายด้วยรอยยิ้มกระชากใจเสียด้วยซ้ํา หนุ่มน้อยผู้นี้….น่าสะพรึงเกินประมาณ ! กระทั่งอาวุโสเจียงผู้เคยมีใจคิดหว่านล้อมเกอซีไว้ข้างกายยามนี้ยังต้องถอดถอนความคิด ร่องรอยแห่งความหวันผวาเริ่มเบ่งบานภายในใจ หากปล่อยให้หนุ่มน้อยผู้นี้เติบใหญ่ อาจบางทีกระทั่งตัวมันก็มิใช่คู่ประมือ ! เช่นนั้น เมื่อใดที่ได้เคล็ดวิชาสมานเส้นโลหิตแดงดํา ต้องรีบกําจัดเด็กหนุ่มผู้นี้ทิ้งเสีย ! ***จบตอน มีความสุขดีใช่หรือไม่ ?***

ตอนที่ 393 มีความสุขดีใช่หรือไม่ ?

ผู้ที่นางหมายโจมตีคือเซียซึ่งหมิง !

อาวุโสเจียงเห็นได้ชัดว่ายามนี้หมอเซียอยู่เบี้องหน้าเกอซีผู้ชักกระบี่ยาวที่เอิบอาบไปด้วยประกายอันเย็นเยียบ

สีหน้าของอาวุโสเจียงพลันแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดน่ากลัวถึงที่สุด มันส่งเสียงร้องคํารามหนักหน่วง ขณะพุ่งร่างเข้าใส่ “เจ้ากล้า— !!

ทว่ายังไม่ทันถึงตัว มันพลันได้ยินเสียงดัง นั้วะ นั้วะ นั้วะ นั้วะ นั้วะ

ติดตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของหมอเซียผู้ที่ร่างยามนี้ของมันกลับกลายดูคล้ายกลองหนัง

ที่หล่นกระแทกใส่พื้นอย่างหนักหน่วงก่อนจะกลิ้งกระเด็นม้วน

ถูกต้อง มันคือกลองอย่างแน่แท้

เนื่องเพราะยามนี้ ตลอดทั้งสองแขนสองขาของมันล้วนถูกเถาวัลย์ตัดขาด กระทั่งสิ่งที่คงหลงเหลือมีเพียงศีรษะที่ติดอยู่กับร่างกาย

ขณะท่อนแขน และท่อนขาล้วนแน่นิ่งสงบอยู่บนพื้นด้านข้าง แม้ปลายนิ้วทั้งสิบเริ่มกลับกลายเป็นเขียวคล้ําทว่าพวกมันล้วนยังคงขยับ กระตุกเคลื่อนไหว

เกอซีค่อย ๆ ย่างสามขุมเข้าหาหมอเซียผู้ยังคงแหกปากร้องตะโกนไม่หยุดหย่อน นางยกยิ้มอ่อนโยนไร้เดียงสา”ท่านหมอเซีย ครั้งท่านสั่งคนลงมือสังหารแม่นมเฉินด้วยการควักอวัยวะภายในออก ท่านมีความสุขดีใช่หรือไม่ ?” “อ้า! ท่านต้องมีความสุขอย่างแน่แท้” นางถอนหายใจเบาบาง

“เช่นนั้นข้าก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยส่งเสริมให้ท่านมีความสุขสันต์ยิ่งไปกว่า”

เพียงถ้อยคําเหล่านั้นถูกเปล่งออกมา กระบี่ด้ามยาวในมือของนางพลันตวัดกวัดแกว่งราวภูตผี มันพุ่งตรงเข้าหาใบหน้าของท่านหมอเซียราวหมายจะกล่าวทักทาย

นัยน์ตาของหมอเซียยามนี้ราวได้เห็นความตายมันอัดล้นไปด้วยความตื่นกลัวและสิ้นหวัง

เพียงชั่วครู่ มันกลับไม่อาจแลเห็นสิ่งใด ดวงหน้านั้นปราศจากจมูก หู ขนคิ้ว หรือกระทั่งลูกนัยน์ตา

มันยังคงหลงเหลือปาก หากแต่ลิ้นล้วนมิได้คงอยู่อีกต่อไป เช่นนั้นมันจึงไม่อาจส่งเสียงใดเล็ดลอด

ทว่าช่างเถิด เพราะจะอย่างไรเสีย มันยังคงมีสองหูที่ได้ยินทุกสิ่งอย่างชัดเจน ทั้งยังคงสติสัมปชัญญะสมบูรณ์พร้อม

ความเจ็บปวดทรมานในยามนี้หฤโหดราวจิตวิญญาณของมันกําลังฉวัดเฉวียนอยู่ท่ามกลางความเป็นและความตาย

เกอซีชักด้ามกระบี่ยาวกลับคืนโดยไม่ใส่ใจปาดเช็ดคราบโลหิตที่แปดเปื้อน นางเขวี่ยงกระบี่ทั้งด้ามทิ้งแทนที่

หญิงสาวส่งสายตามองหมอเซีย น้ําเสียงที่อ่อนหวานบนดวงหน้าที่อ่อนโยนดังติดตามมา”เมื่อเจ้าสังหารแม่นมเฉิน ทั้งยังทรมานเซี่ยวหลี ข้าย่อมไม่อาจให้เจ้าสิ้นใจได้โดยง่ายๆ “ยามนี้เจ้าไม่อาจเห็น ไม่อาจเจรจา ไม่อาจเดิน ทั้งไม่อาจกระทําสิ่งใด ทว่าด้วยร่างที่แข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธเจ้าย่อมไม่สิ้นใจโดยง่าย ทั้งยามนี้เจ้าย่อมไม่อาจปลิดชีวิตตนเองด้วยเช่นกัน “เจ้าจะ ได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวดทรมานดั่งขุมนรกทุกคืนทุกวันอันแสนยาวนาน ยามนี้เจ้าไร้สิ้นสามารถจะปลดปล่อยตนเองทั้งย่อมไม่อาจหลีกหนี เชื่อได้ว่าความรู้สึกเช่นนี้ย่อมสร้างความสุขสันต์ให้เจ้าอย่างยิ่ง”

บนพื้นคือหมอเซียผู้ยามนี้ไม่อาจกล่าวว่ามีร่างกายได้อีกต่อไป มันกําลังสั่นสะท้าน อีกทั้งพยามยามพลิกกายบิดไปมา ทว่ายามนี้ไม่เหลือผู้ใดชายตามอง หรือใส่ใจความเป็นความตายของมันอีกต่อไป

สําหรับเกอซี มันผู้นี้ได้ตายจากไปแล้วความแค้นของแม่นมเฉินได้รับการชําระล้างให้สมแค้น

สําหรับอาวุโสเจียง เซียชงหมิงผู้ไร้สิ้นท่อนแขนท่อนขาไม่อาจแลเห็นสิ่งใดย่อมเสมือนไม่เหลือคุณค่าใด คนเยี่ยงนี้ไร้ค่าจะใส่ใจ

ทุกคนต่างตะลึงพูดไม่ออกกว่าครึ่งวัน* เมื่อได้เห็นการลงมือที่เหี้ยมโหดของเกอซี

*ครึ่งวัน หมายถึงนานมาก

เห็นได้ชัดว่าเบื้องหน้าพวกมันทุกคนเป็นเพียงหนุ่มน้อยผู้มีวัยสิบหกหรือสิบเจ็ดปีเท่านั้น ผู้ใดเลยคาดคิดว่าหนุ่มน้อยผู้นี้จะบั่นท่อนแขนท่อนขา ควักนัยน์ตา นั่นจมูก ลิ้น ใบหูศัตรูได้โดยสีหน้าเรียบนิ่งไม่แปรเปลี่ยนแม้เพียงน้อย

ไม่สิ ดวงหน้าของหนุ่มน้อยผู้นี้กลับระบายด้วยรอยยิ้มกระชากใจเสียด้วยซ้ํา

หนุ่มน้อยผู้นี้….น่าสะพรึงเกินประมาณ !

กระทั่งอาวุโสเจียงผู้เคยมีใจคิดหว่านล้อมเกอซีไว้ข้างกายยามนี้ยังต้องถอดถอนความคิด

ร่องรอยแห่งความหวันผวาเริ่มเบ่งบานภายในใจ หากปล่อยให้หนุ่มน้อยผู้นี้เติบใหญ่ อาจบางทีกระทั่งตัวมันก็มิใช่คู่ประมือ !

เช่นนั้น เมื่อใดที่ได้เคล็ดวิชาสมานเส้นโลหิตแดงดํา ต้องรีบกําจัดเด็กหนุ่มผู้นี้ทิ้งเสีย !

***จบตอน มีความสุขดีใช่หรือไม่ ?***

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+