อยากกินไหมล่ะ 900 เอาชนะคุณด้วยรสเผ็ด

Now you are reading อยากกินไหมล่ะ Chapter 900 เอาชนะคุณด้วยรสเผ็ด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 900 เอาชนะคุณด้วยรสเผ็ด

“ไม่อาจเผ็ดชาจนเกินไปงั้นรึ? น่าสนใจดีนี่” หยวนโจวพึมพำกับตนเอง

เมื่อประตูปิดลงแล้ว คำถามและคำตอบก็ก่อตัวขึ้นในหัวของหยวนโจว

“ไม่แปลกใจเลยที่เขาฝากข้อความให้จ้าวซินมาบอก” หัวใจของหยวนโจวรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น

อันที่จริงแล้วข้อความจากเฉาจื่อซูในครั้งนี้เป็นวิธีการแสดงให้หยวนโจวเห็นถึงแง่ดีของเขา รสชาติอาหารอันเป็นที่ชื่นชอบในการทดสอบเป็นสิ่งที่แม้แต่โจวซื่อเจี๋ยก็ยังไม่รู้เลย

ถึงแม้ว่าโจวซื่อเจี๋ยจะเป็นถึงประธาน แต่เขาก็หาใช่เชฟในการแข่งขัน รายละเอียดปลีกย่อยเช่นนี้จะมีเพียงพวกเชฟในการแข่งขันเท่านั้นแหละที่ล่วงรู้ได้

แล้วการมาบอกหยวนโจวเช่นนี้ก็น่าจะเป็นวิธีการขอโทษของเฉาจื่อซูอีกแบบหนึ่ง

“คนพวกนี้ตั้งใจทำงานหนักเพื่อโปรโมทอาหารตำหรับเสฉวนกันจริงๆ” หยวนโจวรำพึง

ใช่แล้วล่ะ สาเหตุที่พวกเขาไม่ต้องการให้อาหารในการแข่งขันเผ็ดชาเกินไปนักย่อมเพื่อให้เป็นที่รู้จักของคนหมู่มากได้ง่ายขึ้น ถึงอย่างไรรสเผ็ดจัดของอาหารตำหรับเสฉวนก็เป็นผลมาจากความนิยมในท้องถิ่นนั่นเอง

บุคคลภายนอกอาจจะไม่ชอบอาหารรสเผ็ดของพวกเขา ดังนั้นเพื่อให้อาหารตำหรับเสฉวนเป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก พวกเขาจึงต้องลดความเผ็ดลง

“แต่ถ้าอาหารตำหรับเสฉวนไม่เผ็ดก็ไม่ใช่อาหารตำหรับเสฉวนอีกต่อไปแล้วน่ะสิ” หยวนโจวพึมพำ

“การทำอาหารรสเผ็ดที่จะเหมาะกับต่อมรับรสของบุคคลภายนอก นี่คงจะเป็นหัวข้อที่ค่อนข้างน่าสนใจมากเชียวล่ะ” หยวนโจวได้ข้อสรุป

เหตุผลเดียวที่เขาจะเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้เป็นเพราะเขาสามารถทำอาหารตำหรับเสฉวนแบบฉบับต้นตำหรับได้ แน่นอนว่าเขายังต้องเอาชนะให้ได้ด้วยเนื่องจากเขาอยากได้รางวัลของเจ้าระบบ

ไม่อาจกล่าวว่าหยวนโจวหัวโบราณเกินไปได้ ตัวเขาในตอนนี้มีความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุภารกิจนี้ได้

“ภารกิจในตอนนี้ค่อนข้างหนักหนาทีเดียว งั้นฉันขอนอนอย่างน้อยซักชั่วโมงก็แล้วกัน” หยวนโจวตัดสินใจที่จะขึ้นไปชั้นบนเพื่ออ่านตำราและค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสามหอมแห่งท้องสมุทรเสียก่อน ยังเหลือเวลาอีก 73 ชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาตามนัดหมายและเวลา 73 ชั่วโมงก็ไม่ใช่เวลาที่มากมายอะไรเลย

หลังจากขึ้นชั้นบนไปแล้ว หยวนโจวก็ล้างมือไปพลางนึกถึงตารางเวลาประจำวันใหม่ๆของตนเองไปด้วย เขาสวมใส่หน้ากากอนามัยด้วยเนื่องจากไม่ทราบว่าลมหายใจของเขาจะส่งผลต่อตำราโบราณหรือไม่ ป้องกันไว้น่าจะดีกว่า

ซ่งจาจู๋หาใช่ตำราเล่มหนาจนเกินไป แม้ว่าเขาจะค่อยๆอ่านไปทีละคำทีละบรรทัด แต่เขาก็ใช้เวลาแค่ 15 นาทีก็ถึงส่วนบทนำสู่สามหอมแห่งท้องสมุทรแล้ว

มีบางคำเลือนรางไปเนื่องจากผ่านพ้นเวลาไปนานแล้ว แต่จากคำทั้งหลายที่เขาสามารถมองเห็นได้ เห็นได้ชัดว่านี่คืออาหารที่เคยมีการปรุงขึ้นมาก่อน มันให้ทั้งรสหวาน เปรี้ยวและเค็มไปพร้อมๆกัน รสชาติที่ผสมผสานเข้าด้วยกันมีเอกลักษณ์เฉพาะแต่กลับเข้ากันได้เป็นอย่างดี

เหมือนกับ ‘ส่วนที่ดีที่สุดที่ทำให้ถั่วทั้งสามชนิดเต็มไปด้วยกลิ่นหอมราวกับท้องสมุทร’ ที่ประธานโจวกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้เลยว่าคำอธิบายช่วยอะไรไม่ได้มากสักเท่าไหร่ จากตำราโบราณทำให้พิสูจน์ได้ว่าการคาดเดาก่อนหน้านี้ของหยวนโจวนั้นถูกต้อง รสชาติทั้งสามในจานนี้ก็คือรสหวาน เค็มและเปรี้ยว

“ตำราเองก็บอกว่านี่คืออาหารจานพิเศษของตระกูลหยาง แต่กลับไม่สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตระกูลหยางนี้ได้เลย แต่ความจริงแล้วมันเป็นอาหารจานพิเศษที่กล่าวถึงสิ่งหนึ่ง ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสามารถปรุงขึ้นมาได้แต่ยังอร่อยอีกต่าง” หยวนโจวเพ่งพินิจพลางขมวดคิ้ว

หลังจากอ่านตำราดูแล้ว หยวนโจวก็ค่อยๆปิดกล่องลงอีกครั้งก่อนที่เขาจะถอดหน้ากากออก

“ตามที่ประธานโจวบอกมา เชฟที่มีชื่อเสียงมากมายนอกเหนือไปจากเขาก็เคยค้นคว้าหาข้อมูลอาหารจานนี้มาแล้ว ในเมื่อแต่ก่อนก็เคยมีคนปรุงอาหารจานนี้ขึ้นมา ฉันก็ต้องทำให้ได้เหมือนกัน” หยวนโจวพึมพำกับตัวเอง

“การคัดเลือกสุดยอดร้านอาหารในอีกสัปดาห์กับสามหอมแห่งท้องสมุทรในอีกสองวัน ฉันมีเวลาจำกัดเสียแล้วสิ” หยวนโจวตัดสินใจเข้าห้องน้ำเพื่อหาแรงบันดาลใจเมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าตนเองมีเวลาจำกัดแล้ว

“ฉันเคยได้ยินมาว่าจะจุดประกายแรงบันดาลใจได้ง่ายจากห้องน้ำ” หยวนโจวกล่าวขณะที่เข้าห้องน้ำไปพร้อมกับเสื้อผ้าที่จะซัก

หลังจากอาบน้ำเสร็จ แผนขั้นแรกสำหรับสามหอมแห่งท้องสมุทรของหยวนโจวก็ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

“พอได้อาบน้ำแล้วฉันก็รู้สึกผ่อนคลายสบายตัวขึ้นมากเลย” หยวนโจวพึมพำ “ฉันน่าจะลองเสนอเมนูออกไปดูนะ”

หยวนโจวที่อยู่ในชุดนอนเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา เมนูที่เขากำลังยื่นเสนอเป็นเมนูสำหรับการคัดเลือกสุดยอดร้านอาหาร

ตามกฎกติกาของการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเสนอเมนูอาหารล่วงหน้า เป็นที่พอเข้าใจได้ว่าการแข่งขันในครั้งนี้เข้มงวดมากทีเดียวจึงไม่อนุญาตให้ผู้เข้าแข่งขันทำอะไรก็ได้ที่อยากจะทำ ด้วยเหตุนี้ก็เลยต้องมีการตั้งกฎขึ้นมา

เมื่อหยวนโจวได้ยินกฎเช่นนี้ในครั้งแรก เขาก็วางแผนที่จะเสนอเมนูของตนเองเอาในวันสุดท้าย ถึงอย่างไรเขาก็รู้จักอาหารมากมายเหลือเกินและคงเป็นเรื่องยากที่จะให้เขาตัดสินใจว่าจะใช้อะไรระหว่างการแข่งขันดี

แต่หลังจากได้รับคำเตือนของเฉาจื่อซูในวันนี้แล้วก็ทำให้เขาตัดสินใจได้

“ฉันจะทำอาหารจานเนื้อ จานผักแล้วก็จานเย็นง่ายๆอย่างละที่ โดยไม่สนใจกลวิธีอะไรทั้งนั้น” หยวนโจวตัดสินใจ

ถูกต้องแล้วล่ะ ในการแข่งขันครั้งนี้ต้องการอาหารแค่สามจานเท่านั้น ดังนั้นการผสมผสานของอาหารหลายๆอย่างเข้าด้วยกันย่อมเป็นสิ่งที่เชฟสามารถวางแผนเอาไว้ได้

ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาสามารถเตรียมอาหารจานเนื้อ จานผักแล้วก็ซุปเอาไว้อย่างละที่ หรือไม่พวกเขาก็สามารถเตรียมอาหารจานเนื้อ จานผักแล้วก็จานเย็นอย่างละที่หรือแทนที่อย่างที่สามด้วยเครื่องดื่มหรือของหวาน อย่างไรเสียพวกเขาก็ต้องแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานกันอย่างลงตัวของพวกมันออกมาด้วย

หยวนโจวเข้าเว็บไซต์แล้วตอบลงไปว่าน้ำลายไก่ เต้าหู้ผัดพริกเสฉวนและเนื้อสไลซ์ต้ม

อาหารทั้งสามจานนี้เป็นที่ทราบกันดีว่ามีรสเผ็ดโดยมีน้ำลายไก่และเนื้อสไลซ์ต้มเป็นตัวแทนอาหารท้องถิ่นฉงชิ่งตำหรับเสฉวนนั่นเอง

ในอาหารท้องถิ่นฉงชิ่งตำหรับเสฉวน พวกเขามีเป้าหมายที่จะไปให้ถึงจุดสูงสุดของรสชาติและอาหารเหล่านั้นต่างก็มีรสเผ็ดมากทีเดียว พวกเขาเคยกล่าวเอาไว้ว่าอาหารควรจะตกแต่งด้วยพริกแดงให้ดูราวกับเสื้อผ้าอาภรณ์

ยิ่งไปกว่านั้นน้ำลายไก่ก็ได้ชื่อมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าอาหารจานนี้เผ็ดมากเสียจนทำให้คนต้องเริ่มหลั่งน้ำลายอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่ว่าใครก็คงสามารถจินตนาการได้ว่าอาหารจานนี้เผ็ดขนาดไหน

หยวนโจวยืนกรานที่จะใช้อาหารจานที่เผ็ดที่สุดเพื่อเอาชนะการตัดสิน นอกจากนี้เขาก็อยากสั่งสอนพวกเขาที่บังอาจละทิ้งลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ของบางสิ่งเพียงเพื่อเอาอกเอาใจคนหมู่มาก คงไม่นานนักหรอกก่อนที่พวกเขาจะเข้าถึงคนธรรมดาๆพวกนั้นได้เสียอีก

หลังจากกรอกชื่ออาหารลงไปแล้ว หยวนโจวก็กดส่งทันที จากนั้นเขาก็ใช้เวลาอ่านตำราไปอีก 10 นาทีก่อนที่จะไปเข้านอน

หยวนโจวหลับสนิทตลอดทั้งคืน ถึงแม้ว่าเขาจะเข้านอนช้ากว่าปกติไปหนึ่งชั่วโมง แต่เขาก็ยังตื่นนอนตามปกติอยู่ดี เขาเริ่มออกกำลังกายและเตรียมตัวทำกิจวัตรประจำวันของตัวเองเช่นเคย

และเมื่อถึงวันรุ่งขึ้น จ้าวซินก็ไปทำงานที่ร้านซูตามปกติ

เมื่อเฉาจื่อซูมาถึง จ้าวซินก็ไปยังที่ทำงานของเฉาจื่อซูเพื่อรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้

ก๊อก ก๊อก จ้าวซินเคาะประตู

“เข้ามาสิ” เฉาจื่อซูกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้พลางไล่มองรายชื่อวัตถุดิบแบบผ่านๆ

“หัวหน้าเชฟครับ” จ้าวซินยังคงกลัวที่จะโทรหาอาจารย์ของตนเอง ถึงอย่างไรเขาก็เพิ่งจะถูกดุด่าอย่างรุนแรงมาเมื่อเร็วๆนี้เอง

“เป็นไง?” เฉาจื่อซูถามพลางเงยหน้าขึ้นมา

จ้าวซินก้มหน้าลงต่ำ เขาไม่กล้ามองเฉาจื่อซูตรงๆ ถึงอย่างไรพักนี้เขาก็ได้เห็นสีหน้าผิดหวังอย่างสุดซึ้งของอาจารย์ตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้ามองหน้าอาจารย์ของตนอีก

“เงยหน้ามาพูดดีๆ” น้ำเสียงเข้มงวดของเฉาจื่อซูดังขึ้น

“ครับ อาจารย์” จ้าวซินเงยหน้าขึ้นโดยอัตโนมัติ

“ว่ามา” เฉาจื่อซูถามขึ้นหลังจากพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเมื่อเขาได้เห็นว่าจ้าวซินดูเหมือนจะไม่คับแค้นใจอีกต่อไปแล้ว

“อาจารย์ครับ ผมไปขอโทษหัวหน้าเชฟหยวนแล้วฝากข้อความของคุณให้เขาเมื่อคืนนี้แล้ว” จ้าวซินรายงาน

“อืม แล้วเขาว่ายังไงบ้างล่ะ?” เฉาจื่อซูถามขึ้น

“หัวหน้าเชฟหยวนสีหน้าไม่เปลี่ยนเลยครับ แถมเขายังไม่พูดอะไรอีกด้วย” จ้าวซินแสดงความคิดเห็นและตอบไปด้วย

“งั้นเขาก็ส่งนายกลับทันทีเลยงั้นรึ?” เฉาจื่อซูถาม

“ครับ” จ้าวซินพยักหน้า

“น่าสนใจจริงๆ ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจความหมายที่ฉันต้องการจะสื่อแถมยังไม่ตอบข้อความนี้มาตั้งแต่แรกอีกต่างหาก” เฉาจื่อซูกล่าวพลางลูบศีรษะล้านเลี่ยนของตัวเอง

“อาจารย์ครับ?” จ้าวซินชักจะรู้สึกสับสนขึ้นมา

“ดูท่าหัวหน้าเชฟหยวนผู้นี้คงจะทำอาหารรสเผ็ดเสียแล้วล่ะ” เฉาจื่อซูกล่าวด้วยความมั่นใจ

“ทำไมล่ะครับ?” จ้าวซินรู้สึกสับสนโดยสิ้นเชิงเสียแล้ว

แม้แต่เขาก็ยังพอเข้าใจสิ่งที่คณะกรรมการต้องการได้เลย เป็นไปไม่ได้เลยที่หยวนโจวจะไม่เข้าใจ ในเมื่อเขารู้แล้วทำไมจึงยังยืนกรานที่จะทำเช่นนั้นอยู่อีกเล่า? ตกลงเขามั่นใจในตัวเองจริงๆหรือเปล่านะ? จ้าวซินตั้งคำถามกับตัวเอง

“ขอผมตรวจสอบหน่อยเถอะว่าเขาส่งเมนูมาแล้วหรือยังนะ” เฉาจื่อซูไม่ตอบ แต่เขากลับเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์

“เป็นน้ำลายไก่ เนื้อสไลซ์ต้มแล้วก็เต้าหู้ผัดพริกเสฉวนงั้นหรอกรึ” ในที่สุดเฉาจื่อซูก็แน่ใจแล้วว่าหยวนโจวกำลังจะทำอาหารรสเผ็ดนั่นเอง

เรื่องนั้นคาดเดาได้ไม่ยากเลย แต่ก่อนเมื่อมีคนลองทำอาหารรสเผ็ด พวกเขาล้วนแล้วแต่ลงเอยด้วยความล้มเหลว

หาใช่เพราะอาหารของพวกเขาไม่อร่อย แต่เป็นเพราะอาหารของพวกเขาไม่เหมาะสมต่างหากเล่า

สั้นๆก็คือเหมือนกับ คุณเป็นคนที่ดีมากเชียวล่ะ แต่ฉันไม่ได้รักคุณนี่นา อาหารพวกนี้อาจจะประทับใจผู้ตัดสินแต่ทว่าก็ยังถูกปฏิเสธในท้ายที่สุดอยู่ดีนั่นแหละ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด