ฮองเฮาสุดที่รัก 101

Now you are reading ฮองเฮาสุดที่รัก Chapter 101 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โม่ฉีฉีปลอบโยนพวกนางขึ้น“ อย่าปล่อยให้นางทำลายอารมณ์ของเรา เนื่องจากเราทุกคนรู้ว่านางเป็นคนผิด ดังนั้นอย่าไปโกรธ ทำไมเราต้องลงโทษตัวเองเนื่องจากความผิดพลาดของนาง? มาฝึกกันต่อดีกว่า”

“เพคะ!” นางสนมที่เหลือต่างก็พูดขึ้น

       เนื่องจากอากาศเริ่มร้อนขึ้นโม่ฉีฉี ได้สั่งให้ผู้คนเตรียมซุปบ๊วยเปรี้ยวสำหรับพวกนางและพวกมันก็มีรสชาติที่ดีมากภายใต้แดดที่ร้อน

       สำหรับหยาง ซื่อซาน นางมุ่งตรงไปห้องอักษรของฮ่องเต้หลังจากเหตุการณ์นั้น “ฝ่าบาทเพคะ พระองค์ต้องให้ความเป็นธรรมกับหม่อมฉันนะเพคะ !” หยาง ซื่อซานเดินไปหาเขาด้วยท่าทางไม่พอใจและมองเขาด้วยความเสียใจ

จวินเชียนเช่อ จ้องที่นางก่อนที่จะกลับไปที่งานของเขา“ เกิดอะไรขึ้น”

“ ใครบางคนรังแกหม่อมฉันเพคะ” หยาง ซื่อซานบ่นขึ้น

       รอยยิ้มเย้ยหยันสามารถมองเห็นได้ที่มุมปากของจวินเชียนเช่อ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้น “ใครบางคนกล้าที่จะกลั่นแกล้งกุ้ยเฟยเชียวหรือ ใครจะมีความกล้าหาญมากมายเช่นนั้นในวังหลังแห่งนี้?”

“จะมีใครอีกถ้าไม่ใช่ฮองเฮาของฝ่าบาทเล่าเพคะ? ฮึ่ม! นางไม่เคยชอบ หม่อมฉัน ตอนนี้ที่หม่อมฉันได้เข้ามาในวังและกลายเป็นกุ้ยเฟย นางก็ยิ่งเกลียดหม่อมฉันมากขึ้นไปอีก! นางพยายามกลั่นแกล้งหม่อมอยู่เรื่อยๆ! หม่อมฉันเพิ่งจะชนเข้ากับนางในสวนหลวง และนางก็ตำหนิหม่อมฉัน อย่างรุนแรง! ฝ่าบาทต้องให้ความเป็นธรรมกับหม่อมฉันนะเพคะ!” นางดึงแขนของเขาอย่างออดอ้อน

       จวินเชียนเช่อ จ้องไปที่นางก่อนถามขึ้น “ฮองเฮาทรงตำหนิเจ้าอย่างไร” เขามักจะไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในวังหลัง แต่เขาสนใจเมื่อมันเป็นเรื่องของโม่ฉีฉี

       หยาง ซื่อซาน เริ่มย้ำสิ่งที่เกิดขึ้นในสวน ตอนนี้นางได้บิดเบือนสิ่งที่เกิดขึ้นมันเล็กน้อยเพื่อตัวนางเอง “หลังจากนั้นฮองเฮาก็กล่าวว่าผู้ชายไม่สามารถพึ่งพาได้ นางยังกล่าวอีกด้วยว่าการไม่ได้รับความรักจากฝ่าบาทก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่นางสามารถมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขได้ นี่เป็นสิ่งที่มารดาของแผนดินควรพูดหรือเพคะ? นั่นหมายความว่าเด็กสาวที่อยู่ด้านนอกเหล่านั่นควรเดินตามรอยเท้าของนางหรือและเริ่มไม่เชื่อฟังสามีของพวกนางหรือเพคะ”

       สามีหรือ? ความขมขื่นเกิดขึ้นภายในใจของจวินเชียนเช่อ โม่ฉีฉีคงอาจจะเห็นเขาเป็นสามีของนางในขณะนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่นางไม่อยากได้ความรักของเขาอีกต่อไป

“นี่เป็นเรื่องสำคัญยิ่งเพคะฝ่าบาท พระองค์ต้องไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปนะเพคะ” หยาง ซื่อซานพูดอย่างไม่พอใจ

       จวินเชียนเช่อ พยักหน้า“ เจิ้นเข้าใจ เจิ้นจะจัดการเรื่องนี้ เจ้าควรออกก่อน”

“เพคะฝ่าบาท  พระองค์จะต้องไม่ลืมเรื่องนี้นะเพคะ หม่อมฉันทูลลาเพคะ” ช่วงเวลาที่หยาง ซื่อซานก้าวออกจากไป นางก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจขึ้น ‘โม่ฉีฉี ข้าอยากจะดูว่าเจ้าจะยังหยิ่งผยองอยู่ได้อีกนานแค่ไหน หืมม ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าในแบบที่เจ้าปฏิบัติต่อข้าก่อนหน้านี้!”

       หลังอาหารมื้อเย็น จู่ๆ โม่ฉีฉี ก็ตัดสินใจที่จะเรียนเย็บปักถักร้อยจากปันเซี่ยง น่าเสียดายที่นางไม่เก่งและเจาะนิ้วของนางมากกว่าผ้า

       ในขณะที่นางคร่ำครวญถึงการขาดทักษะของหญิง เสียงประกาศก็ดังมาจากด้านนอกเพื่อแจ้งให้พวกนางทราบถึงการมาถึงของจวินเชียนเช่อ  

“ทำไมขยะถึงมาที่นี่ดึกดื่นเช่นนี้?” โม่ฉีฉีครวญครางกับตัวเอง

       จวินเชียนเช่อ เดินเข้ามาและโม่ฉีฉีก็ทำความเคารพอย่างสง่างามต่อหน้าเขา“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”

“ไม่ต้องมากพิธี” จวินเชียนเช่อ พูดขึ้นก่อนที่จะนั่งอยู่หน้าโต๊ะ

       โม่ฉีฉีพึมพำในใจของนาง : ถ้าเจ้าไม่ต้องการที่จะทำตามแบบแผนจริง ๆ ทำไมเจ้าถึงรอให้ข้าทำเสร็จ ก่อนที่จะพูดแบบนั้น?

       จวินเชียนเช่อ ดูเครื่องมือเย็บปักถักร้อยบนโต๊ะ ก่อนที่จะมองไปที่โม่ฉีฉี “ นี่คือของเจ้าหรือ”

       โม่ฉีฉีรีบเก็บพวกมันลงไปและส่งพวกมันไปให้กับปันเซี่ยง “หม่อมฉันรู้สึกเบื่อและไม่มีอะไรให้ทำ ดังนั้นหม่อมฉันจึงตัดสินใจเรียนรู้จากปันเซี่ยงเล็กน้อยเพคะ”

“เจ้าวางแผนจะทำอะไร” จวินเชียนเช่อ ถามพยายามทำให้มันฟังดูเป็นกันเองมากที่สุด

โม่ฉีฉีอยู่ครู่หนึ่ง“หม่อมฉันวางแผนจะสร้างนกเพคะ” นางต้องการเป็นนกตัวเล็ก ๆ ที่สามารถบินออกจากกรงนี้ได้อย่างอิสระ

“เจ้าวางแผนที่จะมอบให้ใคร” จวินเชียนเช่อ ถามขณะจิบชา แม้ว่าเขาจะพยายามทำให้ดูเป็นกันเอง แต่หัวใจของเขาก็เต้นเร็วมากเมื่อเขารอคำตอบของนาง

“หม่อมฉันยังไม่ได้พิจารณาในเรื่องนั้นเพคะ”ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะไม่มอบมันให้เจ้าอยู่แล้ว! เจ้าพยายามจะฆ่าข้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้าข้าสามารถไล่เจ้าออกไปจากตำหนักของข้าได้ ข้าคงทำไปปแล้ว!

“เจ้าควรเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ พวกมันอาจช่วยปรับปรุงอารมณ์ของเจ้าได้” จวินเชียนเช่อพูดอย่างสงบขึ้น บอกตามจริงเขาต้องการถุงหอมจากนางจริง ๆ แต่ในฐานะฮ่องเต้ เขาไม่สามารถขอมันจากนางได้ เขาหวังว่านางจะเข้าใจคำใบ้เหล่านี้ แต่กลับกลายเป็นว่าโม่ฉีฉี เป็นคนใจแคบกว่าที่เขาคิด

“พระองค์พูดถูกเพคะฝ่าบา หม่อมฉันควรเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ เมื่อใดก็ตามที่หม่อมฉันมีเวลา ตอนนี้มันก็ดึกแล้วทำไมฝ่าบาทยังไม่ได้พักผ่อนอีกเพคะ” โม่ฉีฉียิ้มหวังว่าเขาจะจากไปโดยเร็วที่สุด

       จวินเชียนเช่อ มองไปที่นาง

       รอยยิ้มบนใบหน้าของโม่ฉีฉี เปลี่ยนไปชั่วครู่หนึ่ง แต่นางก็ยังยิ้มต่อไป

“เจิ้นได้ยินว่ามีบางสิ่งที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นระหว่างฮองเฮากับหยางกุ้ยเฟยก่อนหน้านี้ในวันนี้” เสียงของจวินเชียนเช่อสงบโดยไม่มีอารมณ์ใด ๆ

       โม่ฉีฉี บ่นความไม่พอใจขึ้น “ โอ้ ดูเหมือนหยางกุ้ยเฟยจะไปตำหนิกับฝ่าบาทอีกครั้ง! นั่นเป็นสาเหตุที่พระองค์มาที่นี่คืนนี้หรือเพคะ! เพื่อมาซักถาม หม่อมฉัน! เพื่อมาลงโทษหม่อมฉัน!”

       จวินเชียนเช่อ ขมวดคิ้ว ก่อนที่จะพูดอย่างไร้ความหมายขึ้น“ เจิ้นไม่ได้พูดว่าเจิ้นมาที่นี่เพื่อตั้งคำถามหรือลงโทษเจ้า”

“ในเมื่อฝ่าบาทเชื่อหยางกุ้ยเฟย นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพระองค์มาที่นี่เพื่อถามคำถามหม่อมฉันหรือเพคะ? ท้ายที่สุดหยางกุ้ยเฟย ก็เป็นผู้หญิงที่พระองค์รักและพระองค์ก็คงจะเชื่อในทุกสิ่งที่นางพูด! สำหรับหม่อมฉัน ไม่ว่าหม่อมฉันจะทำอะไรก็ผิดไปหมด หากพระองค์คิดว่าหม่อมฉัน ไม่สมควรได้รับตำแหน่งนี้ ทำไมพระองค์ไม่ลดตำแหน่งของหม่อมฉัน และทำให้หยางกุ้ยเฟย เป็นฮองเฮาของพระองค์แทนเล่าเพคะ!” อย่างน้อยข้าก็ไม่ต้องมาจัดการกับผู้หญิงมากมายทุกๆ วันเพื่อเจ้า

“เจิ้นเป็นคนไร้เหตุผลสำหรับเจ้าขนาดนั้นเลยหรือ?” เสียงของจวินเชียนเช่อ ตอนนี้เย็นลงมาก ทำไมนางถึงทำกับเขาราวกับคนเป็นศัตรูกันเช่นนี้?

“หม่อมฉันไม่มีความกล้ามากขนาดนั้นเพคะ”โม่ฉีฉีพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ

       จวินเชียนเช่อ จ้องไปที่นางสักสองสามวินาที ก่อนจะออกไปด้วยความโกรธ

       โม่ฉีฉีทำหน้าบึ้งตามหลังเขาไป“โกรธไปเลย มันไม่ใช่ความผิดของข้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!”

       อีกไม่กี่วันข้างหน้า โม่ฉีฉี ก็ยังคงศึกษาแผนที่ต่อไป นางเริ่มเยี่ยมชมห้องน้ำในวังด้วยเช่นกัน

       สำหรับจวินเชียนเช่อ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมนางถึงหลงใหลในห้องน้ำขนาดนั้น แต่เพราะนางไม่ได้ก่อปัญหาใด เขาจึงขี้เกียจเกินไปที่จะยุ่งกับนาง อย่างไรก็ตามเรื่องในราชสำนักก็กำลังยุ่งมากในขณะนี้

       วันนี้มีกษัตริย์ต่างแดนคนหนึ่งมาเยี่ยมแคว้นและจวินเชียนเช่อ ก็ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับเขา

       โม่ฉีฉีดีใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ เพราะนั่นหมายความว่าจวินเชียนเช่อ จะไม่อยู่ในตำหนักของเขา นี่เป็นโอกาสของนางที่จะตรวจสอบห้องน้ำของเขา เมื่อครั้งที่แล้วนางไปถึงที่นั่นมันก็สายเกินไปเขาก็มาถึงตำหนักของเขาแล้ว นางจะต้องไม่ทำผิดซ้ำอีกในครั้งนี้

       ดังนั้นเมื่อได้แผนที่มา โม่ฉีฉี จึงแอบไปที่ตำหนักของจวินเชียนเช่อ

       สำหรับกษัตริย์ที่มาเยือนราชสำนักนั้นกำลังประสบปัญหาเล็กน้อยในขณะนี้เพราะไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เขาพูด

       จวินเชียนเช่อ และเหล่าขุนนางคนอื่นๆ ทำได้เพียงแค่จ้องมองไปที่กษัตริย์ในขณะที่เขาพูดมีชีวิตชีวาเท่านั้น

“กษัตริย์กำลังพูดอะไร”

“ข้าไม่รู้ ภาษาที่เขาพูด ดูเหมือนมาจากภาคตะวันตก”

“โอ้” กษัตริย์ต่างแดนถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด

       สายตาของจวินเชียนเช่อ สว่างขึ้นเมื่อเขาได้ยินวลีที่คุ้นเคย หัวของเขาตรงไปที่โม่ฉีฉี นางมักจะพูดคำที่ไม่อาจเข้าใจได้ต่อหน้าเขา นางดูเหมือนจะพูดคำนั้นมากเป็นปกติด้วย เขาหันไปหาขันทีหลินก่อนจะพูดขึ้น “ รีบไปพาฮองเฮามาที่นี่”

“พ่ะย่ะค่ะ!” ขันทีหลินไปรับโม่ฉีฉีทันที เมื่อขันทีหลินเดินผ่านตำหนักของจวินเชียนเช่อ เขาจะเห็นว่าโม่ฉีฉี ยืนอยู่ตรงนั้นและมองไปรอบ ๆ เหมือนขโมย

       ขันทีหลินเดินมาหานางพร้อมกับมีเครื่องหมายคำถามลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา

       โม่ฉีฉี กำลังรอให้ทหารเฝ้ายามเดินไปยังสถานที่อื่นและเมื่อพวกเขาทำเช่นนั้น นางก็รีบไปที่ประตูของตำหนัก ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงที่อยู่ข้างหลังนางทักทายนางขึ้น “กระหม่อมถวายบังคมฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”

       โธ่เว้ย! โม่ฉีฉีเกือบจะล้มลงไปบนพื้น ทำไมนางถึงโชคไม่ดีเช่นนี้ เสียงนั้นเป็นของขันทีหลิน เขามักจะติดอยู่กับแยกจวินเชียนเช่อเสมอ นางก้มศีรษะลงเหมือนเด็กทำความผิด ก่อนจะหันหลังกลับไปและพูดขึ้น “ฝ่าบาท หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ หม่อมฉันไม่ควรแอบเข้ามาในตำหนักของพระองค์

       ขันทีหลิน ตอบกลับด้วยความเคารพขึ้นทันที “ฮองเฮากำลังตามหาฝ่าบาทอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทอยู่ที่ท้องพระโรง พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”

       โม่ฉีฉียกศีรษะของนางขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อนางรู้ว่ามีเพียงขันทีหลินอยู่ข้างหน้านาง นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นนางแก้ไขผมยุ่ง ๆ ของนางอย่างเชื่องช้า ก่อนที่จะพูดขึ้น “เนื่องจากพระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ เปิ่นกงก็คงต้องกลับไปก่อน”

“โปรดรอสักครู่ฮองเฮา”ขันทีหลินพูดขึ้นด้วยความเคารพ

“มีอะไรอีกหรือขันทีหลิน?”โม่ฉีฉีอย่างขึ้นอย่างอดทน

“ฝ่าบาททรงเชิญให้ฮองเฮาไปที่ท้องพระโรงพ่ะย่ะค่ะ”ขันทีหลินตอบขึ้น

       โม่ฉีฉี นวดหน้าผากของนาง ในขณะที่พูดพึมพำกับตัวเอง“ อย่าบอกจวินเชียนเช่อ มีพลังวิเศษและสามารถมองเห็นอนาคตได้? เขารู้ว่าข้าจะมาที่นี่วันนี้ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ขันทีมารอข้าที่นี่หรือ” จากนั้นนางหันไปหาขันทีหลิน “ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดพระองค์จึงทรงเรียกหาเปิ่นกง ท้องพระโรงเป็นสถานที่สำหรับผู้ชาย มันไม่เหมาะสมที่เปิ่นกงจะอยู่ที่นั่น ”

“กระหม่อมไม่รู้ว่าทำไมฝ่าบาทจึงทรงเรียกหาฮองเฮา แต่ฝ่าบาทกำลังรออยู่ มันไม่ดีที่จะปล่อยให้ฝ่าบาทรอนานเกินไปพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีหลินตอบอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้ม

       โม่ฉีฉี ส่ายหัวของนางอย่างช่วยไม่ได้ ในท้ายที่สุด นางก็ทำได้แค่ปลอบใจตัวเองด้วยการคิดว่านี่อาจเป็นพรและไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และถ้ามันจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายจริงๆมันก็ไม่ใช่ว่านางจะสามารถหนีรอดไปได้ นางตบหน้าอกก่อนพูดขึ้น “เอาล่ะ ไปกันเถอะ!”

       นางตามขันทีหลินไปที่ท้องพระโรงซึ่งเหล่าขุนนางต่างก็ยังคงพยายามคิดว่ากษัตริย์ต่างประเทศกำลังพยายามพูดอะไรอยู่

       เมื่อโม่ฉีฉี เดินเข้ามาพร้อมกับทักทายจวินเชียนเช่ออย่างคนมีความผิดติดตัว “ฝ่าบาท!” นางโบกมือให้เขาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของนาง

       กษัตริย์ต่างแดนเห็นว่าท่าทางของนางและรับเดินเข้าไปจับมือของนางอย่างตื่นเต้น“นี่มันดีมากจริงๆ!”

       ใบหน้าของจวินเชียนเช่อ เปลี่ยนเป็นสีฟ้าเมื่อเขาเห็นกษัตริย์ต่างประเทศจับมือนาง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด