เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 25.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 25.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อได้ยินคำถามของเธอ เฟเรสจึงหยิบดาบไม้ที่วางอยู่ไม่ไกลมาให้เธอดู

 

“แม่นมให้ข้าเป็นของขวัญวันเกิดครั้งก่อน”

 

ดูเหมือนว่ามันจะมีค่ามาก นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นถึงได้มีประกายความคิดถึงพาดผ่าน

 

“อืม ถึงแม้จะไม่มีอาจารย์ที่ดีพอ แต่เจ้าจะต้องพกดาบคอยฝึกซ้อมทุกวัน”

 

เจ้าชายลำดับที่สองคนนี้ ถึงจะเข้าเรียนวิชาฟันดาบที่อะคาเดมีช้ากว่าคนอื่น แต่เขาก็สามารถจบการศึกษามาได้ด้วยคะแนนระดับท็อป จนเป็นที่ฮือฮาไปทั่ว

 

เพราะฉะนั้นถ้าหากฝึกฝนเป็นประจำตั้งแต่ตอนนี้ละก็

 

วืด วืด

 

“แบบนี้เหรอ”

 

คำพูดของเธอทำให้เฟเรสถือดาบไม้กวัดแกว่งไปมาหลายครั้ง

 

แต่เสียงมันไม่ธรรมดาเลย

 

เธอไม่ได้มีความรู้เรื่องดาบ แต่ปกติดาบที่เด็กอายุสิบเอ็ดกวัดแกว่งอย่างไร้ทิศทางนั่นมันส่งเสียงแบบนั้นได้เหรอ

 

แถมยังเป็นเด็กที่กำลังป่วย? ใช้แค่ดาบไม้ด้วยนะ?

 

ต่างจากเธอที่กำลังตื่นตระหนก เฟเรสยังคงแกว่งดาบต่อไปอีกหลายครั้งด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

 

วืด เฟี้ยว

 

เขาไม่ได้ใส่แรงลงไป แค่กวัดแกว่งมันเหมือนของเล่น

 

ทว่าทุกครั้งที่ดาบไม้ทู่ฟาดฟันตัดผ่าอากาศ มันกลับส่งเสียงค่อนข้างหนักหน่วง ทำให้เด็กผู้หญิงที่ไม่เคยได้แตะดาบอย่างเธอยังรับรู้ได้ว่าดาบที่เด็กคนนี้กวัดแกว่งโดยไม่ได้คิดอะไร มันกำลังขยับไปพร้อมกับอะไรบางอย่างที่แข็งแกร่งกว่าแรงมนุษย์

 

“นี่มันตัวโกงสุดๆ เลยไม่ใช่เหรอ…”

 

เด็กอายุสิบเอ็ดที่ไม่เคยได้เรียนวิชาดาบอย่างจริงจัง ทั้งยังกินยาพิษลงไป กลับมีความสามารถระดับนี้เนี่ยนะ

 

ถึงแม้เธอจะรู้อยู่แล้วว่า นับตั้งแต่ที่เจ้าชายลำดับที่สองเข้าไปอยู่ในอะคาเดมีของอาณาจักรที่มือของจักรพรรดินีเอื้อมไปไม่ถึง เขาจะเติบโตเหมือนกับปลาที่ได้พบน้ำก็ตาม แต่เธอไม่รู้เลยว่าเขามีความสามารถเหมือนปีศาจตั้งแต่เด็กแบบนี้

 

ก็รู้อยู่หรอกว่าเป็นคนฝีมือดี แต่ที่จริงแล้วเป็นคนเก่งกาจขนาดนี้เลยเหรอ!

 

“เคยเรียนฟันดาบจากที่ไหนมาก่อนเหรอ”

 

ถามเพื่อให้แน่ใจ

 

“เปล่า”

 

“ถ้างั้นก่อนที่จะได้รับดาบไม้นี่ เคยมีดาบไม้เล่มอื่น”

 

“เปล่า”

 

จริงด้วย ตัวโกงชัดๆ

 

คงจะแปลกที่เธอเอาแต่ถามคำถามไม่หยุด เฟเรสถึงได้เอียงคอมองด้วยความงุนงง

 

“ข้าทำผิดเหรอ ไม่ได้ทำแบบนี้หรอกเหรอ”

 

ดูเหมือนจะไม่ได้รู้แม้กระทั่งว่าความสามารถของตัวเองเป็นยังไง เพราะไม่มีคนให้เปรียบเทียบ

 

เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ

 

“ไม่หรอก ไม่เลวเลย ถ้าฝึกต่อไปเรื่อยๆ จะต้องทำได้ดีแน่!”

 

อยากจะพูดออกไปตามความจริงอยู่เหมือนกัน

 

ว่าดูเหมือนนายมีความสามารถที่เก่งกาจมากเลย

 

แต่หากทำเช่นนั้น บางทีเฟเรสอาจจะเลือกทางเลือกอื่นที่ต่างจากชีวิตก่อนก็ได้

 

ถ้าหากพูดออกไปแบบนั้น มันอาจจะไปกระตุ้นความรู้สึกอยากแก้แค้นอันใหญ่หลวงที่ตอนนี้คงจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในร่างของเด็กคนนี้เข้าก็ได้

 

เด็กหนุ่มตอบรับคำพูดของเธอว่าเข้าใจแล้วอย่างนอบน้อม

 

“เทีย! อยู่ที่ไหน!”

 

ในตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงของท่านพ่อเรียกหาเธอ

 

อา ใช่แล้ว เธอต้องรีบกลับไป

 

“ถ้างั้นข้าไปก่อนนะ ไว้เจอกันครั้งหน้า”

 

“…อื้อ”

 

ไหล่ของเฟเรสลู่ลง เขาไม่อยากถูกทิ้งไว้คนเดียวอีกครั้ง

 

“…จะ…จะพยายามทำให้พวกเราได้พบกันอีกครั้งให้ได้เร็วที่สุดนะ เพราะงั้นระหว่างนั้นเจ้าก็กินยาให้ดี ทำตามที่ข้าบอกด้วยล่ะ”

 

นัยน์ตาสีแดงเข้มเอาแต่จ้องเธอไม่ละสายตา

 

เธอตั้งใจจะมาเพื่อมอบสิ่งที่เจ้าชายลำดับที่สองผู้จะกลายเป็นองค์รัชทายาทในอนาคตต้องการ และสร้างความไว้วางใจให้กับเขาแท้ๆ แต่ความรู้สึกตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนเธอเป็นผู้ปกครองของเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งเสียแล้ว

 

แต่ได้เห็นสภาพย่ำแย่ของเจ้าชายลำดับที่สองแล้ว จะให้โยนยาให้เฉยๆ แล้วทิ้งเขาไป เธอก็ทำไม่ลง

 

“ข้าไปนะ บาย”

 

“…บาย”

 

ก็นะ ยังไงต่อให้ทิ้งไว้เฉยๆ เขาก็จะหาทางกลายเป็นองค์รัชทายาทได้เองอยู่แล้ว

 

แค่ช่วยอะไรเล็กๆ น้อยๆ กับร่างกายเจ็บป่วยในตอนเด็ก มันจะไปมีอะไรได้?

 

ตอนที่ทิ้งเฟเรสเอาไว้ในป่าคนเดียว เธอคิดแบบนั้นจริงๆ

 

ไม่ได้รู้เลยว่าความใจดีแบบนี้ของเธอที่เริ่มต้นจากความสงสาร ซึ่งหากเป็นมนุษย์ไม่ว่าใครก็คงจะมีเหมือนกันแน่นอน จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบไหน

 

ไม่ได้รู้เลยว่า ทุกคำพูดของเธอ มันจะสลักอยู่ในหัวของเด็กคนนั้น

 

ไม่ได้รู้เลยว่า มือที่เธอยื่นออกไป มันมีความหมายอะไรต่อเฟเรส

 

ไม่อาจคาดเดาได้แม้แต่นิดเดียวจริงๆ

 

 

เธอวิ่งฝ่าทุ่งหญ้าออกไปพลางตะโกนเรียกท่านพ่อ

 

“พ่อ!”

 

“เทีย! ”

 

ท่านพ่อวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยใบหน้าตื่นตกใจ

 

“ไปไหนมาน่ะ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

 

โล่งอกที่เธอหายตัวไปแค่ระยะเวลาสั้นๆ ท่านพ่อจึงดูแล้วไม่ได้ตกใจอะไรมากนัก แต่ถึงยังไงนัยน์ตาที่สำรวจตัวเธอก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วง

 

“เจอแล้วหรือครับ”

 

อัศวินสองนายที่กำลังตามหาเธออยู่อีกฝั่งรีบวิ่งเข้ามาทางนี้อย่างเร่งรีบ

 

“ถึงแม้จะเป็นข้างในวังก็เถอะ แต่จะหายตัวไปแบบนี้ไม่ได้นะ มันน่าเป็นห่วงไม่ใช่เหรอ”

 

“ขอโทษค่ะ”

 

“ทำไมจู่ๆ ถึงได้ลงจากรถม้าล่ะ”

 

“ก็คุณลุงพวกนั้นสั่งให้ลงก็เลย…ข้านึกว่าต้องลง…”

 

คำพูดของเธอทำเอาไหล่ของเหล่าอัศวินผวาเฮือก

 

“เพราะฉะนั้นลงมาแล้วก็เลยเห็นกระรอกน่ารักโผล่มาทางด้านนั้น เลยวิ่งตามไปน่ะค่ะ…”

 

เพียงพริบตา เจ้าชายลำดับที่สองก็กลายเป็น ‘กระรอกน่ารัก’ ไปเสียแล้ว

 

ท่านพ่อมองเธอก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อย แล้วจึงหัวเราะอ่อนแรงคล้ายกับว่าช่วยไม่ได้

 

“ขออภัยครับ”

 

“พวกข้าแค่ทำตามคำสั่ง…”

 

แต่แล้วในตอนที่อัศวินสองนายเกาศีรษะแกรกๆ ด้วยความกระอักกระอ่วนพลางเอ่ยพูด

 

“ขอโทษเรื่องอันใด”

 

ก็มีหญิงงามนางหนึ่งหัวเราะพลางมองพวกเรา นางมาพร้อมกับนางกำนัลหลายคนคล้ายกับออกมาเดินเล่นผ่อนคลาย

 

จักรพรรดินีแห่งอาณาจักรแลมบลู ราวีนี่ อังเกนัส ดิวเรลลี่

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 25.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 25.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อได้ยินคำถามของเธอ เฟเรสจึงหยิบดาบไม้ที่วางอยู่ไม่ไกลมาให้เธอดู

 

“แม่นมให้ข้าเป็นของขวัญวันเกิดครั้งก่อน”

 

ดูเหมือนว่ามันจะมีค่ามาก นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นถึงได้มีประกายความคิดถึงพาดผ่าน

 

“อืม ถึงแม้จะไม่มีอาจารย์ที่ดีพอ แต่เจ้าจะต้องพกดาบคอยฝึกซ้อมทุกวัน”

 

เจ้าชายลำดับที่สองคนนี้ ถึงจะเข้าเรียนวิชาฟันดาบที่อะคาเดมีช้ากว่าคนอื่น แต่เขาก็สามารถจบการศึกษามาได้ด้วยคะแนนระดับท็อป จนเป็นที่ฮือฮาไปทั่ว

 

เพราะฉะนั้นถ้าหากฝึกฝนเป็นประจำตั้งแต่ตอนนี้ละก็

 

วืด วืด

 

“แบบนี้เหรอ”

 

คำพูดของเธอทำให้เฟเรสถือดาบไม้กวัดแกว่งไปมาหลายครั้ง

 

แต่เสียงมันไม่ธรรมดาเลย

 

เธอไม่ได้มีความรู้เรื่องดาบ แต่ปกติดาบที่เด็กอายุสิบเอ็ดกวัดแกว่งอย่างไร้ทิศทางนั่นมันส่งเสียงแบบนั้นได้เหรอ

 

แถมยังเป็นเด็กที่กำลังป่วย? ใช้แค่ดาบไม้ด้วยนะ?

 

ต่างจากเธอที่กำลังตื่นตระหนก เฟเรสยังคงแกว่งดาบต่อไปอีกหลายครั้งด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

 

วืด เฟี้ยว

 

เขาไม่ได้ใส่แรงลงไป แค่กวัดแกว่งมันเหมือนของเล่น

 

ทว่าทุกครั้งที่ดาบไม้ทู่ฟาดฟันตัดผ่าอากาศ มันกลับส่งเสียงค่อนข้างหนักหน่วง ทำให้เด็กผู้หญิงที่ไม่เคยได้แตะดาบอย่างเธอยังรับรู้ได้ว่าดาบที่เด็กคนนี้กวัดแกว่งโดยไม่ได้คิดอะไร มันกำลังขยับไปพร้อมกับอะไรบางอย่างที่แข็งแกร่งกว่าแรงมนุษย์

 

“นี่มันตัวโกงสุดๆ เลยไม่ใช่เหรอ…”

 

เด็กอายุสิบเอ็ดที่ไม่เคยได้เรียนวิชาดาบอย่างจริงจัง ทั้งยังกินยาพิษลงไป กลับมีความสามารถระดับนี้เนี่ยนะ

 

ถึงแม้เธอจะรู้อยู่แล้วว่า นับตั้งแต่ที่เจ้าชายลำดับที่สองเข้าไปอยู่ในอะคาเดมีของอาณาจักรที่มือของจักรพรรดินีเอื้อมไปไม่ถึง เขาจะเติบโตเหมือนกับปลาที่ได้พบน้ำก็ตาม แต่เธอไม่รู้เลยว่าเขามีความสามารถเหมือนปีศาจตั้งแต่เด็กแบบนี้

 

ก็รู้อยู่หรอกว่าเป็นคนฝีมือดี แต่ที่จริงแล้วเป็นคนเก่งกาจขนาดนี้เลยเหรอ!

 

“เคยเรียนฟันดาบจากที่ไหนมาก่อนเหรอ”

 

ถามเพื่อให้แน่ใจ

 

“เปล่า”

 

“ถ้างั้นก่อนที่จะได้รับดาบไม้นี่ เคยมีดาบไม้เล่มอื่น”

 

“เปล่า”

 

จริงด้วย ตัวโกงชัดๆ

 

คงจะแปลกที่เธอเอาแต่ถามคำถามไม่หยุด เฟเรสถึงได้เอียงคอมองด้วยความงุนงง

 

“ข้าทำผิดเหรอ ไม่ได้ทำแบบนี้หรอกเหรอ”

 

ดูเหมือนจะไม่ได้รู้แม้กระทั่งว่าความสามารถของตัวเองเป็นยังไง เพราะไม่มีคนให้เปรียบเทียบ

 

เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ

 

“ไม่หรอก ไม่เลวเลย ถ้าฝึกต่อไปเรื่อยๆ จะต้องทำได้ดีแน่!”

 

อยากจะพูดออกไปตามความจริงอยู่เหมือนกัน

 

ว่าดูเหมือนนายมีความสามารถที่เก่งกาจมากเลย

 

แต่หากทำเช่นนั้น บางทีเฟเรสอาจจะเลือกทางเลือกอื่นที่ต่างจากชีวิตก่อนก็ได้

 

ถ้าหากพูดออกไปแบบนั้น มันอาจจะไปกระตุ้นความรู้สึกอยากแก้แค้นอันใหญ่หลวงที่ตอนนี้คงจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในร่างของเด็กคนนี้เข้าก็ได้

 

เด็กหนุ่มตอบรับคำพูดของเธอว่าเข้าใจแล้วอย่างนอบน้อม

 

“เทีย! อยู่ที่ไหน!”

 

ในตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงของท่านพ่อเรียกหาเธอ

 

อา ใช่แล้ว เธอต้องรีบกลับไป

 

“ถ้างั้นข้าไปก่อนนะ ไว้เจอกันครั้งหน้า”

 

“…อื้อ”

 

ไหล่ของเฟเรสลู่ลง เขาไม่อยากถูกทิ้งไว้คนเดียวอีกครั้ง

 

“…จะ…จะพยายามทำให้พวกเราได้พบกันอีกครั้งให้ได้เร็วที่สุดนะ เพราะงั้นระหว่างนั้นเจ้าก็กินยาให้ดี ทำตามที่ข้าบอกด้วยล่ะ”

 

นัยน์ตาสีแดงเข้มเอาแต่จ้องเธอไม่ละสายตา

 

เธอตั้งใจจะมาเพื่อมอบสิ่งที่เจ้าชายลำดับที่สองผู้จะกลายเป็นองค์รัชทายาทในอนาคตต้องการ และสร้างความไว้วางใจให้กับเขาแท้ๆ แต่ความรู้สึกตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนเธอเป็นผู้ปกครองของเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งเสียแล้ว

 

แต่ได้เห็นสภาพย่ำแย่ของเจ้าชายลำดับที่สองแล้ว จะให้โยนยาให้เฉยๆ แล้วทิ้งเขาไป เธอก็ทำไม่ลง

 

“ข้าไปนะ บาย”

 

“…บาย”

 

ก็นะ ยังไงต่อให้ทิ้งไว้เฉยๆ เขาก็จะหาทางกลายเป็นองค์รัชทายาทได้เองอยู่แล้ว

 

แค่ช่วยอะไรเล็กๆ น้อยๆ กับร่างกายเจ็บป่วยในตอนเด็ก มันจะไปมีอะไรได้?

 

ตอนที่ทิ้งเฟเรสเอาไว้ในป่าคนเดียว เธอคิดแบบนั้นจริงๆ

 

ไม่ได้รู้เลยว่าความใจดีแบบนี้ของเธอที่เริ่มต้นจากความสงสาร ซึ่งหากเป็นมนุษย์ไม่ว่าใครก็คงจะมีเหมือนกันแน่นอน จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบไหน

 

ไม่ได้รู้เลยว่า ทุกคำพูดของเธอ มันจะสลักอยู่ในหัวของเด็กคนนั้น

 

ไม่ได้รู้เลยว่า มือที่เธอยื่นออกไป มันมีความหมายอะไรต่อเฟเรส

 

ไม่อาจคาดเดาได้แม้แต่นิดเดียวจริงๆ

 

 

เธอวิ่งฝ่าทุ่งหญ้าออกไปพลางตะโกนเรียกท่านพ่อ

 

“พ่อ!”

 

“เทีย! ”

 

ท่านพ่อวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยใบหน้าตื่นตกใจ

 

“ไปไหนมาน่ะ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

 

โล่งอกที่เธอหายตัวไปแค่ระยะเวลาสั้นๆ ท่านพ่อจึงดูแล้วไม่ได้ตกใจอะไรมากนัก แต่ถึงยังไงนัยน์ตาที่สำรวจตัวเธอก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วง

 

“เจอแล้วหรือครับ”

 

อัศวินสองนายที่กำลังตามหาเธออยู่อีกฝั่งรีบวิ่งเข้ามาทางนี้อย่างเร่งรีบ

 

“ถึงแม้จะเป็นข้างในวังก็เถอะ แต่จะหายตัวไปแบบนี้ไม่ได้นะ มันน่าเป็นห่วงไม่ใช่เหรอ”

 

“ขอโทษค่ะ”

 

“ทำไมจู่ๆ ถึงได้ลงจากรถม้าล่ะ”

 

“ก็คุณลุงพวกนั้นสั่งให้ลงก็เลย…ข้านึกว่าต้องลง…”

 

คำพูดของเธอทำเอาไหล่ของเหล่าอัศวินผวาเฮือก

 

“เพราะฉะนั้นลงมาแล้วก็เลยเห็นกระรอกน่ารักโผล่มาทางด้านนั้น เลยวิ่งตามไปน่ะค่ะ…”

 

เพียงพริบตา เจ้าชายลำดับที่สองก็กลายเป็น ‘กระรอกน่ารัก’ ไปเสียแล้ว

 

ท่านพ่อมองเธอก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อย แล้วจึงหัวเราะอ่อนแรงคล้ายกับว่าช่วยไม่ได้

 

“ขออภัยครับ”

 

“พวกข้าแค่ทำตามคำสั่ง…”

 

แต่แล้วในตอนที่อัศวินสองนายเกาศีรษะแกรกๆ ด้วยความกระอักกระอ่วนพลางเอ่ยพูด

 

“ขอโทษเรื่องอันใด”

 

ก็มีหญิงงามนางหนึ่งหัวเราะพลางมองพวกเรา นางมาพร้อมกับนางกำนัลหลายคนคล้ายกับออกมาเดินเล่นผ่อนคลาย

 

จักรพรรดินีแห่งอาณาจักรแลมบลู ราวีนี่ อังเกนัส ดิวเรลลี่

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+