เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 36.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 36.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มเย็นยะเยือกขึ้นเรื่อยๆ เวสตินหัวเราะเปลี่ยนบรรยากาศให้คนอื่นๆ อารมณ์ดีขึ้นไปพลาง ตบลงบนหลังมือของชานาเนสเบาๆ

 

ในบรรดาพี่น้อง ชานาเนสมีนิสัยแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้ามากที่สุด แต่เฉพาะกับสามีของนางเท่านั้น ที่นางจะแสดงภาพลักษณ์ด้านอ่อนหวานให้เห็น

 

ดูจากที่ตอนนี้เองก็เก็บสีหน้าเย็นชากลับไป และหัวเราะแสร้งทำเป็นเถียงสู้ไม่ไหว เอาแต่กินอาหารก็รู้ได้แล้ว

 

“ไม่มีอะไรให้ต้องโอ้อวดนักหรอก”

 

ในที่สุดรูลลักก็เปิดปากพูด

 

“หากมีเหตุผลที่สมควร ย่อมไม่มีเหตุผลให้ต้องห้ามไม่ให้เข้าออกคฤหาสน์ก่อนถึงวัยอยู่แล้ว อีกอย่าง จะเมินเฉยสาส์นของจักรพรรดินีก็ไม่ได้ด้วย”

 

ใบหน้าบูดบึ้งของเซรัลจึงค่อยมีรอยยิ้มจางผุดขึ้น

 

“อบรมแนะนำให้ดี อย่าให้เบเลซักก่อเรื่องทำอะไรผิดพลาดในพระราชวังเด็ดขาด”

 

“ครับ ท่านพ่อ”

 

เบเจอร์ยิ้มกว้างพลางเอ่ยตอบ

 

“รวมตัวกันรับประทานอาหารแบบนี้ วันนี้อาหารยิ่งดูจะอร่อยมากขึ้นกว่าเคยนะว่ามั้ยครับ ท่านพ่อ”

 

เวสตินฉีกยิ้มอ่อนโยนอันเป็นเอกลักษณ์ คลายบรรยากาศให้ผ่อนคลายลง

 

“อืม จริงด้วย”

 

“ต่อไปถ้าได้มารวมตัวกันแบบนี้บ่อยๆ ก็คงจะดีนะครับ! อ๊ะ แต่คงจะลำบากเพราะน้องเขยเล็กหรือเปล่าครับเนี่ย ฮ่าฮ่า!”

 

แคลอฮันที่นั่งทานอาหารอยู่เงียบๆ ในมุมหนึ่งของโต๊ะเบิกตากว้าง เมื่ออีกฝ่ายกล่าวอ้างถึงตน

 

“พูดถึงข้าหรือครับ”

 

“ช่วงนี้แทบจะไม่เจอหน้าน้องเขยเล็กเลยนะ! ”

 

“อา ขอโทษครับ…พอดีงานยุ่งไปหน่อย”

 

แคลอฮันโค้งศีรษะพลางเอ่ยพูด

 

“งานอะไรกัน”

 

“…พูดอะไรแบบนั้นคะ คุณ”

 

เบเจอร์แสยะยิ้มพูดเย้ยหยัน ส่วนเซรัลก็พูดแสร้งทำเป็นตำหนิสามี

 

ทั้งๆ ที่พูดแบบนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเซรัลเองก็ใช่ว่าจะถูกลบออกไปจากใบหน้า

 

“เห็นพูดไปทั่วว่าครั้งนี้จะสร้างร้านค้าอะไร เจ้าตั้งใจจะสร้างเรื่องอะไรกันแน่”

 

เบเจอร์เอ่ยถามราวกับต้องการสอบสวนแคลอฮัน

 

มันเป็นคำพูดเยาะเย้ยขนาดที่คนอื่นๆ ที่ได้ยินยังรู้สึกโมโหแทน แต่แคลอฮันกลับเอ่ยตอบด้วยความสงบนิ่ง

 

“ก็อย่างที่บอกน่ะครับ ตั้งใจจะเปิดร้านค้าเล็กๆ”

 

“โดยไม่มีการสนับสนุนจากตระกูล”

 

“ครับ ครั้งนี้ตั้งใจจะลองทำด้วยแรงของข้าเองน่ะครับ”

 

แคลอฮันกล่าวขอบคุณพ่อบ้านที่ช่วยเติมน้ำในแก้วของตน ก่อนจะตอบ

 

“เพราะฉะนั้นถึงได้จะไปขายของตามตลาดอย่างนั้นหรือ”

 

ในคำพูดของเบเจอร์มีเสียงหัวเราะเยาะเล็กๆ ผสมอยู่ด้วย

 

ทั้งเซรัล ทั้งลอเรนซ์กับภริยา ทั้งเวสตินเอง ต่างก็พากันหัวเราะตามไปด้วย

 

“เพราะเจ้าคนเดียว แคลอฮัน ช่วงนี้จะไปไหนข้าก็ไม่กล้าเงยหน้ามองคนอื่นแล้ว หากจะเปิดร้านค้าก็น่าจะเปิดที่เซดาคิวนาร์ให้มันเหมาะสมหน่อย แต่ตลาดเฮลสล็อตเนี่ยนะ…”

 

“หากเงินไม่พอ พวกเราให้ยืมเอามั้ยล่ะ”

 

ลอเรนซ์เอ่ยถามราวกับเป็นห่วงน้องชาย

 

“…ตอนนี้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินหรอกครับ ไม่เป็นไรครับ ท่านพี่”

 

แต่มองจากใบหน้ายิ้มแย้มของทุกคนแล้ว บรรยากาศดูแล้วเหมือนกับพวกเขาไม่เชื่อคำพูดของแคลอฮันเลยแม้แต่น้อย

 

เซรัลเอ่ยแทรกขึ้นมา

 

“ถ้าต้องการที่ว่างสร้างร้านค้าในเซดาคิวราร์ ให้ข้าลองคุยกับที่บ้านให้มั้ยคะ ยังไงถ้าต้องการความช่วยเหลือก็บอกได้ตลอดเลยนะคะ ท่านแคลอฮัน”

 

“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ”

 

“แต่ว่า…”

 

เซรัลลอบแลกเปลี่ยนสายตากับโรเนสภริยาของลอเรนซ์

 

ท่าทางพวกผู้หญิงจะเคยคุยกันเรื่องนี้มาก่อนแล้ว

 

เนื้อหาของบทสนทนาก็คาดเดาได้ง่ายมาก แคลอฮันจึงหัวเราะขมขื่น

 

“ต้องมีศักดิ์ศรีของลอมบาร์เดียบ้างสิ แต่นี่กลับทำธุรกิจกับพวกสามัญชนเนี่ยนะ”

 

เบเจอร์ตำหนิแคลอฮัน

 

“ตอนนี้บนท้องถนนถึงกับพูดคุยกันไปว่าทางบ้านเราละเลยเจ้าเกินไปหรือเปล่าอีกด้วย”

 

“เรื่องนั้นที่พูดกันนั้น…ไม่ทราบเลยครับ”

 

“คนที่ไม่ได้เฉียดไปงานสังคมแม้แต่ปลายจมูกอย่างเจ้าจะไปรู้ได้ยังไงกัน ก็บอกแล้วแท้ๆ ว่าต่อให้ไม่มีที่ไหนเชิญตัวไป ก็ต้องโผล่หน้าออกไปให้คนอื่นเขาเห็นหน้าค่าตาบ้าง…”

 

ฟังผิวเผินอาจจะดูเหมือนเสียงพร่ำบ่นเพราะเป็นห่วงน้องชาย แต่สุดท้ายมันก็แค่คำพูดดูถูกแคลอฮัน และเยินยอตัวเองว่ามีชื่อเสียงในแวดวงสังคมเท่านั้นเอง

 

“กิจการรีดไถเศษเงินจากพวกสามัญชนน่ะ คิดดูใหม่อีกครั้งดีกว่านะ แคลอฮัน”

 

เบเจอร์เดาะลิ้นจิ๊จ๊ะในลำคอเป็นการปิดท้ายพลางพูดท่าทางนั้นเป็นการเมินเฉยแคลอฮันอย่างสิ้นเชิง

 

แคลอฮันสมควรที่จะโกรธเคืองเบเจอร์ที่ทำท่าเช่นนั้นแต่เขากลับทำเพียงแค่นั่งดื่มเหล้าด้วยใบหน้าแปลกพิกลเท่านั้น

 

เบเจอร์กับลอเรนซ์หัวเราะ เมื่อคิดว่าแคลอฮันคงจะทำเช่นนั้นเพราะเถียงไม่ออกเป็นแน่แต่แล้วในตอนนั้นเอง

 

รูลลักใช้ผ้าเช็ดริมฝีปากหลังจากที่ทานอาหารเสร็จ ก่อนจะโยนคำพูดประโยคหนึ่งออกไป

 

“ข้าจะคอยดูนะ แคลอฮัน”

 

แค่นั้นแคลอฮันเองก็ตกใจแล้วถึงขนาดหยุดชะงักมือที่กำลังวางแก้วลง

 

ในขณะเดียวกันใบหน้าของเบเจอร์กลับบิดเบี้ยว

 

มันขึ้นอยู่กับว่าจะตีความแบบไหน อาจจะฟังแล้วตีความกันไปคนละความหมายเลยก็ได้ แต่เบเจอร์กลับมองบิดาด้วยนัยน์ตาลุกโชนราวกับพร้อมที่จะพ่นไฟออกมาได้ทุกเมื่อ

 

คำพูดนั้นมันราวกับจะบอกว่า คาดหวังในตัวแคลอฮันไม่ใช่หรือไงกัน

 

รู้สึกราวกับถูกบิดาที่ไม่เคยแสดงท่าทีแบบนั้นให้ตนเห็นหักหลังกันอย่างไรอย่างนั้น

 

แคลอฮันเหม่อมองรูลลักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเสียงหนักแน่น

 

“ครับ ท่านพ่อ จะพยายามเต็มที่เลยครับ”

 

หลังจากนั้นบทสนทนาที่นำโดยเวสตินก็เริ่มต้นอีกครั้ง แต่มันก็มีแต่คำพูดพล่ามไร้สาระเท่านั้น

 

เบเจอร์ไม่อาจเก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ได้ จึงเอาแต่ยกเหล้าดื่ม ส่วนแคลอฮันก็ได้แต่นั่งนิ่งด้วยใบหน้าที่เอาแต่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างเป็นครั้งคราว

 

 

คนที่กำลังฟังบทสนทนาจากโต๊ะของพวกผู้ใหญ่ไม่ได้มีแค่ฟีเรนเทียคนเดียว

 

คำพูดทั้งหลายแหล่ที่เมินเฉยท่านพ่อ ทำให้สองแฝดที่นั่งประกบข้างเธอเอาแต่ยุ่งอยู่กับการลอบสังเกตสีหน้าของเธอ ส่วนเบเลซักนั้นกำลังยุ่งอยู่กับการหัวเราะคิกคักอยู่กับอาสทัลลีอูที่นั่งอยู่ข้างเขา

 

“เทีย ไม่เป็นไรนะ”

 

ลาลาเน่ที่กำลังดูแลบีชีเย่น้องสาวของอาสทัลลีอูที่ยังเล็กมากก็เอ่ยถามเธอด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน

 

“อะไรเหรอ”

 

“เปล่า คือว่า…”

 

ลาลาเน่ละคำพูดด้วยความระมัดระวัง

 

“ข้าไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย อ๊ะ อร่อยจัง ต้องขอเพิ่มแล้วละ”

 

ฟีเรนเทียจิ้มเนื้อสีเหลืองทองไร้มันพลางเอ่ยพูด เพราะเธอไม่ได้รู้สึกอะไรเลยจริงๆ นะ

 

ไม่สิ ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเสียมากกว่าด้วยซ้ำ

 

อยากให้เวลารีบๆ ผ่านไปไวๆ จัง

 

เธออยากรู้จะตายอยู่แล้ว ว่าหลังจากที่ร้านของท่านพ่อเปิดให้บริการคนพวกนั้นจะทำหน้าแบบไหนกัน

 

“คิกๆ”

 

เสียงหัวเราะชั่วร้ายดังออกมาจากปากของเธอ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 36.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 36.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มเย็นยะเยือกขึ้นเรื่อยๆ เวสตินหัวเราะเปลี่ยนบรรยากาศให้คนอื่นๆ อารมณ์ดีขึ้นไปพลาง ตบลงบนหลังมือของชานาเนสเบาๆ

 

ในบรรดาพี่น้อง ชานาเนสมีนิสัยแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้ามากที่สุด แต่เฉพาะกับสามีของนางเท่านั้น ที่นางจะแสดงภาพลักษณ์ด้านอ่อนหวานให้เห็น

 

ดูจากที่ตอนนี้เองก็เก็บสีหน้าเย็นชากลับไป และหัวเราะแสร้งทำเป็นเถียงสู้ไม่ไหว เอาแต่กินอาหารก็รู้ได้แล้ว

 

“ไม่มีอะไรให้ต้องโอ้อวดนักหรอก”

 

ในที่สุดรูลลักก็เปิดปากพูด

 

“หากมีเหตุผลที่สมควร ย่อมไม่มีเหตุผลให้ต้องห้ามไม่ให้เข้าออกคฤหาสน์ก่อนถึงวัยอยู่แล้ว อีกอย่าง จะเมินเฉยสาส์นของจักรพรรดินีก็ไม่ได้ด้วย”

 

ใบหน้าบูดบึ้งของเซรัลจึงค่อยมีรอยยิ้มจางผุดขึ้น

 

“อบรมแนะนำให้ดี อย่าให้เบเลซักก่อเรื่องทำอะไรผิดพลาดในพระราชวังเด็ดขาด”

 

“ครับ ท่านพ่อ”

 

เบเจอร์ยิ้มกว้างพลางเอ่ยตอบ

 

“รวมตัวกันรับประทานอาหารแบบนี้ วันนี้อาหารยิ่งดูจะอร่อยมากขึ้นกว่าเคยนะว่ามั้ยครับ ท่านพ่อ”

 

เวสตินฉีกยิ้มอ่อนโยนอันเป็นเอกลักษณ์ คลายบรรยากาศให้ผ่อนคลายลง

 

“อืม จริงด้วย”

 

“ต่อไปถ้าได้มารวมตัวกันแบบนี้บ่อยๆ ก็คงจะดีนะครับ! อ๊ะ แต่คงจะลำบากเพราะน้องเขยเล็กหรือเปล่าครับเนี่ย ฮ่าฮ่า!”

 

แคลอฮันที่นั่งทานอาหารอยู่เงียบๆ ในมุมหนึ่งของโต๊ะเบิกตากว้าง เมื่ออีกฝ่ายกล่าวอ้างถึงตน

 

“พูดถึงข้าหรือครับ”

 

“ช่วงนี้แทบจะไม่เจอหน้าน้องเขยเล็กเลยนะ! ”

 

“อา ขอโทษครับ…พอดีงานยุ่งไปหน่อย”

 

แคลอฮันโค้งศีรษะพลางเอ่ยพูด

 

“งานอะไรกัน”

 

“…พูดอะไรแบบนั้นคะ คุณ”

 

เบเจอร์แสยะยิ้มพูดเย้ยหยัน ส่วนเซรัลก็พูดแสร้งทำเป็นตำหนิสามี

 

ทั้งๆ ที่พูดแบบนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเซรัลเองก็ใช่ว่าจะถูกลบออกไปจากใบหน้า

 

“เห็นพูดไปทั่วว่าครั้งนี้จะสร้างร้านค้าอะไร เจ้าตั้งใจจะสร้างเรื่องอะไรกันแน่”

 

เบเจอร์เอ่ยถามราวกับต้องการสอบสวนแคลอฮัน

 

มันเป็นคำพูดเยาะเย้ยขนาดที่คนอื่นๆ ที่ได้ยินยังรู้สึกโมโหแทน แต่แคลอฮันกลับเอ่ยตอบด้วยความสงบนิ่ง

 

“ก็อย่างที่บอกน่ะครับ ตั้งใจจะเปิดร้านค้าเล็กๆ”

 

“โดยไม่มีการสนับสนุนจากตระกูล”

 

“ครับ ครั้งนี้ตั้งใจจะลองทำด้วยแรงของข้าเองน่ะครับ”

 

แคลอฮันกล่าวขอบคุณพ่อบ้านที่ช่วยเติมน้ำในแก้วของตน ก่อนจะตอบ

 

“เพราะฉะนั้นถึงได้จะไปขายของตามตลาดอย่างนั้นหรือ”

 

ในคำพูดของเบเจอร์มีเสียงหัวเราะเยาะเล็กๆ ผสมอยู่ด้วย

 

ทั้งเซรัล ทั้งลอเรนซ์กับภริยา ทั้งเวสตินเอง ต่างก็พากันหัวเราะตามไปด้วย

 

“เพราะเจ้าคนเดียว แคลอฮัน ช่วงนี้จะไปไหนข้าก็ไม่กล้าเงยหน้ามองคนอื่นแล้ว หากจะเปิดร้านค้าก็น่าจะเปิดที่เซดาคิวนาร์ให้มันเหมาะสมหน่อย แต่ตลาดเฮลสล็อตเนี่ยนะ…”

 

“หากเงินไม่พอ พวกเราให้ยืมเอามั้ยล่ะ”

 

ลอเรนซ์เอ่ยถามราวกับเป็นห่วงน้องชาย

 

“…ตอนนี้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินหรอกครับ ไม่เป็นไรครับ ท่านพี่”

 

แต่มองจากใบหน้ายิ้มแย้มของทุกคนแล้ว บรรยากาศดูแล้วเหมือนกับพวกเขาไม่เชื่อคำพูดของแคลอฮันเลยแม้แต่น้อย

 

เซรัลเอ่ยแทรกขึ้นมา

 

“ถ้าต้องการที่ว่างสร้างร้านค้าในเซดาคิวราร์ ให้ข้าลองคุยกับที่บ้านให้มั้ยคะ ยังไงถ้าต้องการความช่วยเหลือก็บอกได้ตลอดเลยนะคะ ท่านแคลอฮัน”

 

“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ”

 

“แต่ว่า…”

 

เซรัลลอบแลกเปลี่ยนสายตากับโรเนสภริยาของลอเรนซ์

 

ท่าทางพวกผู้หญิงจะเคยคุยกันเรื่องนี้มาก่อนแล้ว

 

เนื้อหาของบทสนทนาก็คาดเดาได้ง่ายมาก แคลอฮันจึงหัวเราะขมขื่น

 

“ต้องมีศักดิ์ศรีของลอมบาร์เดียบ้างสิ แต่นี่กลับทำธุรกิจกับพวกสามัญชนเนี่ยนะ”

 

เบเจอร์ตำหนิแคลอฮัน

 

“ตอนนี้บนท้องถนนถึงกับพูดคุยกันไปว่าทางบ้านเราละเลยเจ้าเกินไปหรือเปล่าอีกด้วย”

 

“เรื่องนั้นที่พูดกันนั้น…ไม่ทราบเลยครับ”

 

“คนที่ไม่ได้เฉียดไปงานสังคมแม้แต่ปลายจมูกอย่างเจ้าจะไปรู้ได้ยังไงกัน ก็บอกแล้วแท้ๆ ว่าต่อให้ไม่มีที่ไหนเชิญตัวไป ก็ต้องโผล่หน้าออกไปให้คนอื่นเขาเห็นหน้าค่าตาบ้าง…”

 

ฟังผิวเผินอาจจะดูเหมือนเสียงพร่ำบ่นเพราะเป็นห่วงน้องชาย แต่สุดท้ายมันก็แค่คำพูดดูถูกแคลอฮัน และเยินยอตัวเองว่ามีชื่อเสียงในแวดวงสังคมเท่านั้นเอง

 

“กิจการรีดไถเศษเงินจากพวกสามัญชนน่ะ คิดดูใหม่อีกครั้งดีกว่านะ แคลอฮัน”

 

เบเจอร์เดาะลิ้นจิ๊จ๊ะในลำคอเป็นการปิดท้ายพลางพูดท่าทางนั้นเป็นการเมินเฉยแคลอฮันอย่างสิ้นเชิง

 

แคลอฮันสมควรที่จะโกรธเคืองเบเจอร์ที่ทำท่าเช่นนั้นแต่เขากลับทำเพียงแค่นั่งดื่มเหล้าด้วยใบหน้าแปลกพิกลเท่านั้น

 

เบเจอร์กับลอเรนซ์หัวเราะ เมื่อคิดว่าแคลอฮันคงจะทำเช่นนั้นเพราะเถียงไม่ออกเป็นแน่แต่แล้วในตอนนั้นเอง

 

รูลลักใช้ผ้าเช็ดริมฝีปากหลังจากที่ทานอาหารเสร็จ ก่อนจะโยนคำพูดประโยคหนึ่งออกไป

 

“ข้าจะคอยดูนะ แคลอฮัน”

 

แค่นั้นแคลอฮันเองก็ตกใจแล้วถึงขนาดหยุดชะงักมือที่กำลังวางแก้วลง

 

ในขณะเดียวกันใบหน้าของเบเจอร์กลับบิดเบี้ยว

 

มันขึ้นอยู่กับว่าจะตีความแบบไหน อาจจะฟังแล้วตีความกันไปคนละความหมายเลยก็ได้ แต่เบเจอร์กลับมองบิดาด้วยนัยน์ตาลุกโชนราวกับพร้อมที่จะพ่นไฟออกมาได้ทุกเมื่อ

 

คำพูดนั้นมันราวกับจะบอกว่า คาดหวังในตัวแคลอฮันไม่ใช่หรือไงกัน

 

รู้สึกราวกับถูกบิดาที่ไม่เคยแสดงท่าทีแบบนั้นให้ตนเห็นหักหลังกันอย่างไรอย่างนั้น

 

แคลอฮันเหม่อมองรูลลักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเสียงหนักแน่น

 

“ครับ ท่านพ่อ จะพยายามเต็มที่เลยครับ”

 

หลังจากนั้นบทสนทนาที่นำโดยเวสตินก็เริ่มต้นอีกครั้ง แต่มันก็มีแต่คำพูดพล่ามไร้สาระเท่านั้น

 

เบเจอร์ไม่อาจเก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ได้ จึงเอาแต่ยกเหล้าดื่ม ส่วนแคลอฮันก็ได้แต่นั่งนิ่งด้วยใบหน้าที่เอาแต่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างเป็นครั้งคราว

 

 

คนที่กำลังฟังบทสนทนาจากโต๊ะของพวกผู้ใหญ่ไม่ได้มีแค่ฟีเรนเทียคนเดียว

 

คำพูดทั้งหลายแหล่ที่เมินเฉยท่านพ่อ ทำให้สองแฝดที่นั่งประกบข้างเธอเอาแต่ยุ่งอยู่กับการลอบสังเกตสีหน้าของเธอ ส่วนเบเลซักนั้นกำลังยุ่งอยู่กับการหัวเราะคิกคักอยู่กับอาสทัลลีอูที่นั่งอยู่ข้างเขา

 

“เทีย ไม่เป็นไรนะ”

 

ลาลาเน่ที่กำลังดูแลบีชีเย่น้องสาวของอาสทัลลีอูที่ยังเล็กมากก็เอ่ยถามเธอด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน

 

“อะไรเหรอ”

 

“เปล่า คือว่า…”

 

ลาลาเน่ละคำพูดด้วยความระมัดระวัง

 

“ข้าไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย อ๊ะ อร่อยจัง ต้องขอเพิ่มแล้วละ”

 

ฟีเรนเทียจิ้มเนื้อสีเหลืองทองไร้มันพลางเอ่ยพูด เพราะเธอไม่ได้รู้สึกอะไรเลยจริงๆ นะ

 

ไม่สิ ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเสียมากกว่าด้วยซ้ำ

 

อยากให้เวลารีบๆ ผ่านไปไวๆ จัง

 

เธออยากรู้จะตายอยู่แล้ว ว่าหลังจากที่ร้านของท่านพ่อเปิดให้บริการคนพวกนั้นจะทำหน้าแบบไหนกัน

 

“คิกๆ”

 

เสียงหัวเราะชั่วร้ายดังออกมาจากปากของเธอ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+