เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 38.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 38.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เครย์ลีบัน เพลเลส ถึงกับเปิดเผยบาดแผลของตัวเองออกมาให้เห็น ทั้งยังบอกว่าอยากเป็นคนของเธอ ย่อมไม่มีเหตุผลใดให้เธอผลักไสเขา

ไม่สิ ถ้าไม่บ้า เธอก็คงไม่ผลักไสเขาออกไปแน่

เครย์ลีบันคนนี้จะกลายเป็นหูเป็นตาให้แก่เธอที่ยังเด็กและไม่อาจเข้าออกคฤหาสน์ได้อย่างอิสระ จะกลายเป็นปาก รวมถึงเป็นแขนและขาให้เธอ

และต่อไป เขาจะกลายเป็นหน้ากากของเธอ จนกว่าเธอจะบรรลุนิติภาวะ

“หากจะทำตามพวกเรื่องที่ข้าจะทำในอนาคต มันอาจจะลำบากหน่อยก็ได้นะคะ”

นัยน์ตาสีฟ้าของเครย์ลีบันสั่นไหวราวกับเกิดแผ่นดินไหว

“และเหนือสิ่งอื่นใด…”

เธอถามเรื่องที่สำคัญที่สุดเป็นคำถามสุดท้าย

“เก็บความลับได้มั้ยคะ”

จนกว่าเธอจะเตรียมการพร้อม จะให้ใครหน้าไหนล่วงรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เธอจะทำไม่ได้เด็ดขาด

เธอจะต้องเป็นหลานสาวที่แค่ฉลาดเล็กน้อยของเจ้าตระกูลให้ได้นานที่สุดไประยะหนึ่งเท่าที่จะทำได้

เพื่อไม่ให้เบเจอร์รู้สึกถึงภัยอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา

เพื่อให้ในตอนที่ตระหนักขึ้นมาได้ เธอก็ยืนขวางหน้าเขาในทุกด้าน และยึดครองตำแหน่งเจ้าตระกูลคนต่อไปได้สำเร็จ

และเธอก็ได้เห็น

รอยยิ้มยินดีเหมือนเมื่อคราวก่อนที่ช่วยผูกริบบิ้นที่แขนเสื้อให้กับเธอ มันกำลังเบ่งบานอยู่บนใบหน้าของเครย์ลีบัน

“ต่อไปก็ขอฝากตัวด้วยนะคะ เครย์ลีบัน”

คำเรียกที่เปลี่ยนไปของเธอ ทำให้ไหล่ของเครย์ลีบันสั่นเทาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะประทับริมฝีปากจุมพิตลงบนหลังมือของเธอด้วยความระมัดระวัง

“ข้าเชื่อและขอติดตามคุณหนูครับ”

ไม่จำเป็นต้องมีคำมั่นสัญญาโก้หรูหรือคำปฏิญาณตนใดๆ ทั้งนั้น

แค่ประโยคที่บอกว่าจะเชื่อและติดตามเธอ แค่คำนั้นประโยคเดียวมันก็เพียงพอแล้ว

ตอนนี้ก็สนทนากันจบแล้ว เธอจึงลุกขึ้นจากที่นั่ง

พอเธอขยับตัว เครย์ลีบันเองก็รีบลุกขึ้นตาม

เธอสะบัดชายกระโปรงที่ยับเล็กน้อยให้เข้าที่เข้าทาง พลางเอ่ยพูดกับเครย์ลีบัน

“อีกสักพักก็แจ้งท่านปู่ด้วยนะคะ ว่าอยากจะลองให้ข้าเรียนเสริมเพิ่ม”

“เรียนเพิ่มหรือครับ”

ใบหน้านั้นราวกับจะถามว่า ‘ข้าสอนคุณหนูหรือครับ’

“จะแอบสนทนากับเครย์ลีบันแบบนี้ไปตลอดไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะในอนาคตคงจะมีเรื่องให้ปรึกษาหารือกันมากขึ้นเรื่อยๆ อยู่นะ”

แถมยังมากด้วย

“เพราะฉะนั้นช่วยบอกว่าจะจัดคลาสเรียนตัวต่อตัวให้ข้าตามจำเป็นบ้างเป็นครั้งคราวนะคะ บางทีท่านปู่ก็คงจะไม่คัดค้านอะไรหรอกค่ะ”

เผลอๆ จะหัวเราะชอบใจว่า ‘วะฮ่าฮ่าฮ่า!’ ด้วยซ้ำ

เธอปล่อยเครย์ลีบันที่เอาแต่ยืนเหม่อลอยไม่สมกับเป็นเขาทิ้งไว้ แล้วเดินตรงไปยังประตูเข้าออก

เปิดประตูออกไป ก็เห็นคนงานสองคนกำลังเดินตรงมาทางนี้จากไกลๆ

เธอหันหลังกลับ ตะโกนเสียงดังเพื่อให้พวกเขาได้ยิน

“ถ้าอย่างนั้นลานะคะ อาจารย์!”

ประสานมือไว้ที่ท้อง โค้งศีรษะคำนับกล่าวลา

พอเห็นเธอทำแบบนั้น เครย์ลีบันก็ตั้งสติได้ แล้วกล่าวลาตอบกลับ

“…กลับดีๆ นะครับ คุณหนูฟีเรนเทีย”

หลังจากส่งยิ้มกว้างให้อีกครั้งแทนความหมายว่ามาพยายามทำให้ดีกันเถอะ เธอก็เริ่มต้นออกเดินไปตามทาง

แต่ขนาดเธอมองเองยังรู้เลยว่าฝีเท้าที่ก้าวเดินของเธอมันกระโดดขึ้นลงไปมาถึงขนาดฮัมเพลงอีกด้วย

“ดีๆ”

ได้เครย์ลีบันมาเป็นพวกเร็วกว่าที่คิดไว้มากทีเดียว

เอาละ งั้นคราวนี้จะทำอะไรต่อดีล่ะ

ภายในหัวสมองของเธอกำลังครุ่นคิดอย่างวุ่นวาย สร้างรายการสิ่งที่จะให้เครย์ลีบันเป็นคนออกหน้า ดำเนินเรื่องต่างๆ อย่างกิจการของท่านพ่อ หรือกลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย

“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่…?”

โรเบิร์ตเจ้าของร้านขนมปังอ้าปากค้าง เบิกตากว้าง มองผู้คนมากมายที่ยืนต่อแถวอยู่หน้าร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน

แถวเริ่มตั้งแต่หน้าทางเข้าออกทอดยาวเลยผ่านหน้าร้านขายถ้วยชาม ลามไปจนถึงร้านถัดๆ ไป

คนที่ยืนต่อแถวเป็นผู้หญิงทั้งหมด แต่ทุกคนต่างก็มองส่องเข้าไปในร้านด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด

“เอาละๆ ทางเราได้เตรียมสินค้าไว้เยอะมาก เพราะฉะนั้นช่วยอดใจรอกันหน่อยนะคะ!”

หญิงสาวที่เมื่อคราวก่อนแนะนำตัวว่าชื่อไวโอเล็ต ป้องมือทั้งสองข้าง ตะโกนป่าวประกาศเสียงดัง

แต่ยิ่งสินค้าที่ถูกถือไว้ในมือของผู้คนที่ออกมาจากร้านค้ามากขึ้นเท่าไหร่ ใบหน้าของผู้คนที่กำลังยืนรอก็ยิ่งเปลี่ยนสีหน้าเป็นจะร้องไห้กันอยู่รอมร่อ

ในตอนนั้นเอง ใครคนหนึ่งก็วิ่งออกมาจากร้านค้าที่กำลังยุ่งวุ่นวาย

“ผู้จัดการ!”

ชายหนุ่มผิวขาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลทองแดงเหลือบมองสายตาของผู้คนที่ยืนต่อแถวกันอยู่ ก่อนที่จะเข้าไปหาไวโอเล็ต แล้วเอ่ยพูดในทันที

“ท่าทางคงจะต้องจำกัดจำนวนต่อคนแล้วละครับ ปล่อยไว้แบบนี้สินค้าที่เตรียมไว้คงได้ขายหมดภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงแน่ครับ”

“เหรอ ช่วยไม่ได้สินะ เอาตามนั้นก็แล้วกัน”

คาดการณ์เอาไว้แล้วก็จริงว่าคงจะได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม แต่กระแสตอบรับกลับถล่มทลายขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย

ไม่นึกเลยว่าจะถึงขนาดต้องจำกัดจำนวนที่สามารถซื้อได้ต่อคน เพราะเสื้อผ้าที่เตรียมมาไว้ขายมีจำนวนไม่พอต่อความต้องการแต่ไม่ว่าจะเป็นไวโอเล็ตที่วิ่งวุ่นทั้งวันโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หรือพนักงานร้าน บนใบหน้าของทุกคนต่างก็มีแต่รอยยิ้มเบ่งบาน

ไวโอเล็ตสูดลมหายใจเข้าลึก ยกมือขึ้นป้องปากอีกครั้ง ตะโกนเสียงดังเพื่อให้คนที่อยู่ปลายแถวได้ยิน

“เพื่อให้ผู้คนมากมายได้มีโอกาสซื้อกันได้อย่างทั่วถึง หนึ่งคนสามารถซื้อได้แค่สองตัวเท่านั้นนะคะ! ขอให้เข้าใจกันด้วยค่ะ! หนึ่งคนต่อสองตัวค่ะ!”

คำพูดของนางทำให้ผู้คนที่โลภมากระเบิดความโมโหออกมา แต่คนที่ต่ออยู่ท้ายแถวกลับดีใจเป็นอย่างมาก

ถึงแม้พนักงานจะพยายามกันแล้ว วันแรกของการเปิดกิจการ สุดท้ายเสื้อผ้าทั้งหมดก็ถูกขายออกไปจนหมดก่อนเวลาปิดร้านหลายชั่วโมง ทำให้ร้านขายเสื้อผ้าต้องปิดประตูร้านเร็วกว่ากำหนด

ความนิยมของร้านขายเสื้อผ้าที่เกิดขึ้น ทั้งวันต่อมา วันถัดไป ก็ยังคงมีแต่จะพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีวี่แววว่าจะซาลงเลยแม้แต่น้อย

Related

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 38.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 38.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เครย์ลีบัน เพลเลส ถึงกับเปิดเผยบาดแผลของตัวเองออกมาให้เห็น ทั้งยังบอกว่าอยากเป็นคนของเธอ ย่อมไม่มีเหตุผลใดให้เธอผลักไสเขา

ไม่สิ ถ้าไม่บ้า เธอก็คงไม่ผลักไสเขาออกไปแน่

เครย์ลีบันคนนี้จะกลายเป็นหูเป็นตาให้แก่เธอที่ยังเด็กและไม่อาจเข้าออกคฤหาสน์ได้อย่างอิสระ จะกลายเป็นปาก รวมถึงเป็นแขนและขาให้เธอ

และต่อไป เขาจะกลายเป็นหน้ากากของเธอ จนกว่าเธอจะบรรลุนิติภาวะ

“หากจะทำตามพวกเรื่องที่ข้าจะทำในอนาคต มันอาจจะลำบากหน่อยก็ได้นะคะ”

นัยน์ตาสีฟ้าของเครย์ลีบันสั่นไหวราวกับเกิดแผ่นดินไหว

“และเหนือสิ่งอื่นใด…”

เธอถามเรื่องที่สำคัญที่สุดเป็นคำถามสุดท้าย

“เก็บความลับได้มั้ยคะ”

จนกว่าเธอจะเตรียมการพร้อม จะให้ใครหน้าไหนล่วงรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เธอจะทำไม่ได้เด็ดขาด

เธอจะต้องเป็นหลานสาวที่แค่ฉลาดเล็กน้อยของเจ้าตระกูลให้ได้นานที่สุดไประยะหนึ่งเท่าที่จะทำได้

เพื่อไม่ให้เบเจอร์รู้สึกถึงภัยอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา

เพื่อให้ในตอนที่ตระหนักขึ้นมาได้ เธอก็ยืนขวางหน้าเขาในทุกด้าน และยึดครองตำแหน่งเจ้าตระกูลคนต่อไปได้สำเร็จ

และเธอก็ได้เห็น

รอยยิ้มยินดีเหมือนเมื่อคราวก่อนที่ช่วยผูกริบบิ้นที่แขนเสื้อให้กับเธอ มันกำลังเบ่งบานอยู่บนใบหน้าของเครย์ลีบัน

“ต่อไปก็ขอฝากตัวด้วยนะคะ เครย์ลีบัน”

คำเรียกที่เปลี่ยนไปของเธอ ทำให้ไหล่ของเครย์ลีบันสั่นเทาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะประทับริมฝีปากจุมพิตลงบนหลังมือของเธอด้วยความระมัดระวัง

“ข้าเชื่อและขอติดตามคุณหนูครับ”

ไม่จำเป็นต้องมีคำมั่นสัญญาโก้หรูหรือคำปฏิญาณตนใดๆ ทั้งนั้น

แค่ประโยคที่บอกว่าจะเชื่อและติดตามเธอ แค่คำนั้นประโยคเดียวมันก็เพียงพอแล้ว

ตอนนี้ก็สนทนากันจบแล้ว เธอจึงลุกขึ้นจากที่นั่ง

พอเธอขยับตัว เครย์ลีบันเองก็รีบลุกขึ้นตาม

เธอสะบัดชายกระโปรงที่ยับเล็กน้อยให้เข้าที่เข้าทาง พลางเอ่ยพูดกับเครย์ลีบัน

“อีกสักพักก็แจ้งท่านปู่ด้วยนะคะ ว่าอยากจะลองให้ข้าเรียนเสริมเพิ่ม”

“เรียนเพิ่มหรือครับ”

ใบหน้านั้นราวกับจะถามว่า ‘ข้าสอนคุณหนูหรือครับ’

“จะแอบสนทนากับเครย์ลีบันแบบนี้ไปตลอดไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะในอนาคตคงจะมีเรื่องให้ปรึกษาหารือกันมากขึ้นเรื่อยๆ อยู่นะ”

แถมยังมากด้วย

“เพราะฉะนั้นช่วยบอกว่าจะจัดคลาสเรียนตัวต่อตัวให้ข้าตามจำเป็นบ้างเป็นครั้งคราวนะคะ บางทีท่านปู่ก็คงจะไม่คัดค้านอะไรหรอกค่ะ”

เผลอๆ จะหัวเราะชอบใจว่า ‘วะฮ่าฮ่าฮ่า!’ ด้วยซ้ำ

เธอปล่อยเครย์ลีบันที่เอาแต่ยืนเหม่อลอยไม่สมกับเป็นเขาทิ้งไว้ แล้วเดินตรงไปยังประตูเข้าออก

เปิดประตูออกไป ก็เห็นคนงานสองคนกำลังเดินตรงมาทางนี้จากไกลๆ

เธอหันหลังกลับ ตะโกนเสียงดังเพื่อให้พวกเขาได้ยิน

“ถ้าอย่างนั้นลานะคะ อาจารย์!”

ประสานมือไว้ที่ท้อง โค้งศีรษะคำนับกล่าวลา

พอเห็นเธอทำแบบนั้น เครย์ลีบันก็ตั้งสติได้ แล้วกล่าวลาตอบกลับ

“…กลับดีๆ นะครับ คุณหนูฟีเรนเทีย”

หลังจากส่งยิ้มกว้างให้อีกครั้งแทนความหมายว่ามาพยายามทำให้ดีกันเถอะ เธอก็เริ่มต้นออกเดินไปตามทาง

แต่ขนาดเธอมองเองยังรู้เลยว่าฝีเท้าที่ก้าวเดินของเธอมันกระโดดขึ้นลงไปมาถึงขนาดฮัมเพลงอีกด้วย

“ดีๆ”

ได้เครย์ลีบันมาเป็นพวกเร็วกว่าที่คิดไว้มากทีเดียว

เอาละ งั้นคราวนี้จะทำอะไรต่อดีล่ะ

ภายในหัวสมองของเธอกำลังครุ่นคิดอย่างวุ่นวาย สร้างรายการสิ่งที่จะให้เครย์ลีบันเป็นคนออกหน้า ดำเนินเรื่องต่างๆ อย่างกิจการของท่านพ่อ หรือกลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย

“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่…?”

โรเบิร์ตเจ้าของร้านขนมปังอ้าปากค้าง เบิกตากว้าง มองผู้คนมากมายที่ยืนต่อแถวอยู่หน้าร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน

แถวเริ่มตั้งแต่หน้าทางเข้าออกทอดยาวเลยผ่านหน้าร้านขายถ้วยชาม ลามไปจนถึงร้านถัดๆ ไป

คนที่ยืนต่อแถวเป็นผู้หญิงทั้งหมด แต่ทุกคนต่างก็มองส่องเข้าไปในร้านด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด

“เอาละๆ ทางเราได้เตรียมสินค้าไว้เยอะมาก เพราะฉะนั้นช่วยอดใจรอกันหน่อยนะคะ!”

หญิงสาวที่เมื่อคราวก่อนแนะนำตัวว่าชื่อไวโอเล็ต ป้องมือทั้งสองข้าง ตะโกนป่าวประกาศเสียงดัง

แต่ยิ่งสินค้าที่ถูกถือไว้ในมือของผู้คนที่ออกมาจากร้านค้ามากขึ้นเท่าไหร่ ใบหน้าของผู้คนที่กำลังยืนรอก็ยิ่งเปลี่ยนสีหน้าเป็นจะร้องไห้กันอยู่รอมร่อ

ในตอนนั้นเอง ใครคนหนึ่งก็วิ่งออกมาจากร้านค้าที่กำลังยุ่งวุ่นวาย

“ผู้จัดการ!”

ชายหนุ่มผิวขาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลทองแดงเหลือบมองสายตาของผู้คนที่ยืนต่อแถวกันอยู่ ก่อนที่จะเข้าไปหาไวโอเล็ต แล้วเอ่ยพูดในทันที

“ท่าทางคงจะต้องจำกัดจำนวนต่อคนแล้วละครับ ปล่อยไว้แบบนี้สินค้าที่เตรียมไว้คงได้ขายหมดภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงแน่ครับ”

“เหรอ ช่วยไม่ได้สินะ เอาตามนั้นก็แล้วกัน”

คาดการณ์เอาไว้แล้วก็จริงว่าคงจะได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม แต่กระแสตอบรับกลับถล่มทลายขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย

ไม่นึกเลยว่าจะถึงขนาดต้องจำกัดจำนวนที่สามารถซื้อได้ต่อคน เพราะเสื้อผ้าที่เตรียมมาไว้ขายมีจำนวนไม่พอต่อความต้องการแต่ไม่ว่าจะเป็นไวโอเล็ตที่วิ่งวุ่นทั้งวันโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หรือพนักงานร้าน บนใบหน้าของทุกคนต่างก็มีแต่รอยยิ้มเบ่งบาน

ไวโอเล็ตสูดลมหายใจเข้าลึก ยกมือขึ้นป้องปากอีกครั้ง ตะโกนเสียงดังเพื่อให้คนที่อยู่ปลายแถวได้ยิน

“เพื่อให้ผู้คนมากมายได้มีโอกาสซื้อกันได้อย่างทั่วถึง หนึ่งคนสามารถซื้อได้แค่สองตัวเท่านั้นนะคะ! ขอให้เข้าใจกันด้วยค่ะ! หนึ่งคนต่อสองตัวค่ะ!”

คำพูดของนางทำให้ผู้คนที่โลภมากระเบิดความโมโหออกมา แต่คนที่ต่ออยู่ท้ายแถวกลับดีใจเป็นอย่างมาก

ถึงแม้พนักงานจะพยายามกันแล้ว วันแรกของการเปิดกิจการ สุดท้ายเสื้อผ้าทั้งหมดก็ถูกขายออกไปจนหมดก่อนเวลาปิดร้านหลายชั่วโมง ทำให้ร้านขายเสื้อผ้าต้องปิดประตูร้านเร็วกว่ากำหนด

ความนิยมของร้านขายเสื้อผ้าที่เกิดขึ้น ทั้งวันต่อมา วันถัดไป ก็ยังคงมีแต่จะพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีวี่แววว่าจะซาลงเลยแม้แต่น้อย

Related

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+