เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 45.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 45.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เสียชีวิตแล้ว?” รูลลักขยับกายที่นั่งพิงพนักเก้าอี้ เขายืดตัวนั่งหลังตรงในขณะที่เอ่ยถามกลับไป “ค่ะ เมื่อสองวันก่อน พบศพที่แม่น้ำเซเบสทางตอนใต้ค่ะ” “หากพบตัวที่แม่น้ำ ก็น่าจะระบุตัวตนได้ยากทีเดียว?” “สถานที่ที่พบตัวอาจจะเป็นแม่น้ำก็จริง แต่เห็นว่าสาเหตุการเสียชีวิตไม่ใช่การจมน้ำค่ะ มือทั้งสองข้างเองก็ถูกมัดไว้…” “คงจะถูกจัดการแถวแม่น้ำที่เปลี่ยวไร้ผู้คนสินะ” รูลลักเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอ “จะทำยังไงดีคะ” แคทเธอรีนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ตอนนี้ก็ยืนยันแล้วว่าแม่นมเสียชีวิต ต่อไปจะต้องทำยังไงดี…” แววตาของหญิงสาวที่พึมพำเช่นนั้นดูมีสีหน้าไม่ค่อยดีเอาเสียเลย นางตามสืบหาร่องรอยของเจ้าชายลำดับที่สองจากวังจักรพรรดิที่ตนทำงานอยู่มาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่ข่าวคราวของเจ้าชายก็ยังเงียบสนิทจนนางไม่อาจตามหาร่องรอยได้แม้แต่น้อย ไม่ว่าอย่างไรแคทเธอรีนก็รู้สึกว่าเรื่องนี้นางสมควรจะต้องรับผิดชอบ “แคทเธอรีน” “ค่ะ ท่านเจ้าตระกูล” “เจ้าเพียงแค่ใช้ชีวิตของเจ้าก็พอแล้วถ้าหากได้ข้อมูลอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อลอมบาร์เดีย ก็แค่จดจำมันเอาไว้แล้วหาโอกาสบอกใบ้ข้า” “แต่ว่า…” แคทเธอรีนกำชายกระโปรงแน่นจนเกิดรอยยับ “คนอื่นๆ ไม่ได้ยินอะไรมาบ้างเลยหรือคะ ท่านเจ้าตระกูล” ณ ที่แห่งนี้ การถามถึงข้อมูลที่คนอื่นๆ ได้มาถือเป็นเรื่องต้องห้าม เหล่าสมาชิกนักเรียนทุนที่มาร่วมงานพบปะ ทำได้เพียงแค่นำชิ้นส่วนข่าวสารเล็กๆ มาแจ้งเท่านั้น ส่วนคนที่มีหน้าที่รวบรวมปะติดปะต่อมันให้เป็นชิ้นเดียวคือเจ้าตระกูล ทั้งๆ ที่ทราบเรื่องนั้นเป็นอย่างดี แต่แคทเธอรีนก็ยังรวบรวมความกล้าถามออกไป “ไม่ได้มีความหมายอื่นใดแอบแฝงนะคะ ก็แค่คิดว่าร่องรอยของเจ้าชายลำดับที่สองน่าจะสำคัญกับท่านเจ้าตระกูลมากก็เลย…” รูลลักเองก็เข้าใจในความรู้สึกของหญิงสาวดี เขาจึงไม่ได้ตำหนิอะไร เพียงแค่ส่ายหน้าเป็นการยืนยันว่าคำพูดของนางถูกต้องแล้วเท่านั้น “นี่มันช่างน่าตลกจริงๆ เลยไม่ใช่หรือ แคทเธอรีน คนคนหนึ่งที่ถึงจะเป็นเจ้าชาย แต่ก็เป็นเพียงแค่เด็กไร้ตัวตนคนนั้น กลับเป็นคนที่จำเป็นต่อข้ามากขนาดนี้” คำพูดนั้นผสมเสียงหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง เหตุผลที่รูลลักตามหาตัวเจ้าชายลำดับที่สองนั่นง่ายมาก ก็เพื่อต่อกรกับอังเกนัส หรือจักรพรรดินีราวีนี่นั่นเอง ไพ่ตายสำคัญที่สุดที่จักรพรรดินีกำไว้ในกำมือใบนั้น ก็คือการที่นางจะต้องเป็นมารดาของโอรสเพียงองค์เดียวขององค์จักรพรรดิ แต่ในเมื่อยังมีโอรสของฝ่าบาทอยู่อีกพระองค์ จักรพรรดินีย่อมไม่อาจทำสิ่งใดได้ง่าย ทว่าท่าทางไม่แยแสของจักรพรรดิ แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ายังมีโอรสอีกองค์ที่พระองค์เคยฝังรากให้แตกหน่อนั่น มันยิ่งทำให้จักรพรรดินีเหิมเกริมมากยิ่งกว่าเดิม “เป็นเพราะข้าเคลื่อนไหวช้าเกินไป” รูลลักเสียใจ หากเขาทราบข่าวการเสียชีวิตของมารดาของเจ้าชายลำดับที่สองเร็วกว่านี้เสียหน่อย หากเขาให้การคุ้มครองเจ้าชายลำดับที่สองเอาไว้ใต้ร่มเงาของลอมบาร์เดียแล้วละก็จักรพรรดินีย่อมไม่มีทางกล้ายื่นมือเข้ามายุ่งกับปัญหาผู้สืบทอดของรูลลักคนนี้ โดยไม่เจียมกะลาหัวตัวเองได้ “ตระกูลอังเกนัสชอบยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดใต้จมูกข้าอยู่เรื่อยแต่สถานการณ์ในตอนนี้ข้ากลับทำได้แค่วางมือมองดูอยู่เฉยๆ เนี่ยนะ! เหอะ!” ราวีนี่อังเกนัสปฏิบัติกับเบเจอร์บุตรชายคนโตของเขาราวกับเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งยังยื่นมือเข้ามาสอดแทรกเรื่องของลอมบาร์เดีย แต่ทางฝั่งเขากลับไม่สามารถทำอะไรพวกนั้นได้เลย หายไปไหนกันแน่ เขาไม่สามารถตามหาได้เลยว่าจักรพรรดินีเอาตัวเจ้าชายลำดับที่สองไปซ่อนไว้ที่ไหน รูลลักขมวดคิ้วแน่น “หรือจะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว…” ได้ยินว่าวังแยกเล็กๆ ในป่าลึกที่เจ้าชายลำดับที่สองเคยอาศัยอยู่ด้วยกันกับพระมารดานั้นก็ว่างลงไปนานแล้ว วังเล็กที่ถูกปล่อยทิ้งร้างผุพังไม่ต่างจากถูกทำลายลงไปนั่นไม่มีทั้งร่องรอยของเจ้าชาย และยังไม่มีข้ารับใช้คอยปรนนิบัติให้เห็นเลยสักคน เพราะอย่างนั้นรูลลักจึงได้ออกคำสั่ง ให้แคทเธอรีนรวมถึงนักเรียนทุนคนอื่นๆ ที่ทำงานในพระราชวัง ช่วยสืบข่าวคราวแม่นมของเจ้าชายลำดับที่สองแทน เขาคิดว่าบางทีจักรพรรดินีอาจจะส่งตัวเจ้าชายลำดับที่สองกับแม่นมไปยังผืนดินที่อังเกนัสเป็นเจ้าของที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้ แต่จู่ๆ ก็กลับพบว่าแม่นมคนนั้นกลายเป็นศพอยู่ทางใต้เสียแล้ว มีโอกาสสูงมากที่พวกเขาไม่สามารถหาศพของเจ้าชายลำดับที่สองได้เจอ เพราะมันอาจจะล่องลอยไปกับสายน้ำ “ในพระราชวังที่มีแต่พวกผู้ใหญ่ การตามหาตัวข้ารับใช้กับเด็กตัวเล็กๆ คนเดียวย่อมไม่มีทางเป็นเรื่องยากขนาดนี้อยู่แล้ว” รูลลักถอนหายใจพลางส่ายหน้า เด็กที่อาศัยอยู่ในพระราชวังมีเพียงแค่เหล่าเจ้าชายเท่านั้น รูลลักคิดว่าบางทีคราวนี้อาจจะถึงเวลาล้มเลิกความตั้งใจในการตามหาตัวเจ้าชายลำดับที่สองได้แล้ว “เด็กตัวเล็กๆ …” ในหัวสมองของแคทเธอรีนที่ได้ยินคำพูดนั่น จู่ๆ ก็มีบางสิ่งวาบผ่านเข้ามา “ค่ะ! แต่ไม่สนุกเลยสักนิดค่ะ ยกเว้นที่ได้เพื่อนใหม่มานะคะ!” นั่นคือคำพูดของฟีเรนเทียที่นางได้พบเมื่อครู่นี้ แคทเธอลีนลองทบทวนคำพูดที่ได้ยินมา “เขาบอกว่าป่วย บอกว่าอยู่คนเดียว…” คนเดียว ตามคำสั่งของรูลลัก จนถึงตอนนี้พวกนางกำลังตามหาเจ้าชายลำดับที่สองโดยเน้นเป้าไปที่เด็กตัวเล็กๆ กับเหล่านางกำนัลข้ารับใช้ เป็นเพราะพวกนางไม่คิดว่าจักรพรรดินีจะปล่อยเจ้าชายลำดับที่สองทิ้งไว้ตามลำพัง แต่ถ้าหากจักรพรรดินีซ่อนตัวเจ้าชายลำดับที่สองเอาไว้คนเดียวที่ไหนสักแห่งล่ะ ถ้าหากแม่นมคนนั้นเป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวเพื่อตบตาเท่านั้นล่ะ แคทเธอรีนตกอยู่ในภวังค์ความคิด ก่อนที่นางจะเปิดปากพูดกับรูลลักอย่างระมัดระวัง

“เสียชีวิตแล้ว?”

รูลลักขยับกายที่นั่งพิงพนักเก้าอี้ เขายืดตัวนั่งหลังตรงในขณะที่เอ่ยถามกลับไป

“ค่ะ เมื่อสองวันก่อน พบศพที่แม่น้ำเซเบสทางตอนใต้ค่ะ”

“หากพบตัวที่แม่น้ำ ก็น่าจะระบุตัวตนได้ยากทีเดียว?”

“สถานที่ที่พบตัวอาจจะเป็นแม่น้ำก็จริง แต่เห็นว่าสาเหตุการเสียชีวิตไม่ใช่การจมน้ำค่ะ มือทั้งสองข้างเองก็ถูกมัดไว้…”

“คงจะถูกจัดการแถวแม่น้ำที่เปลี่ยวไร้ผู้คนสินะ”

รูลลักเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอ

“จะทำยังไงดีคะ”

แคทเธอรีนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“ตอนนี้ก็ยืนยันแล้วว่าแม่นมเสียชีวิต ต่อไปจะต้องทำยังไงดี…”

แววตาของหญิงสาวที่พึมพำเช่นนั้นดูมีสีหน้าไม่ค่อยดีเอาเสียเลย

นางตามสืบหาร่องรอยของเจ้าชายลำดับที่สองจากวังจักรพรรดิที่ตนทำงานอยู่มาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่ข่าวคราวของเจ้าชายก็ยังเงียบสนิทจนนางไม่อาจตามหาร่องรอยได้แม้แต่น้อย

ไม่ว่าอย่างไรแคทเธอรีนก็รู้สึกว่าเรื่องนี้นางสมควรจะต้องรับผิดชอบ

“แคทเธอรีน”

“ค่ะ ท่านเจ้าตระกูล”

“เจ้าเพียงแค่ใช้ชีวิตของเจ้าก็พอแล้วถ้าหากได้ข้อมูลอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อลอมบาร์เดีย ก็แค่จดจำมันเอาไว้แล้วหาโอกาสบอกใบ้ข้า”

“แต่ว่า…”

แคทเธอรีนกำชายกระโปรงแน่นจนเกิดรอยยับ

“คนอื่นๆ ไม่ได้ยินอะไรมาบ้างเลยหรือคะ ท่านเจ้าตระกูล”

ณ ที่แห่งนี้ การถามถึงข้อมูลที่คนอื่นๆ ได้มาถือเป็นเรื่องต้องห้าม

เหล่าสมาชิกนักเรียนทุนที่มาร่วมงานพบปะ ทำได้เพียงแค่นำชิ้นส่วนข่าวสารเล็กๆ มาแจ้งเท่านั้น ส่วนคนที่มีหน้าที่รวบรวมปะติดปะต่อมันให้เป็นชิ้นเดียวคือเจ้าตระกูล

ทั้งๆ ที่ทราบเรื่องนั้นเป็นอย่างดี แต่แคทเธอรีนก็ยังรวบรวมความกล้าถามออกไป

“ไม่ได้มีความหมายอื่นใดแอบแฝงนะคะ ก็แค่คิดว่าร่องรอยของเจ้าชายลำดับที่สองน่าจะสำคัญกับท่านเจ้าตระกูลมากก็เลย…”

รูลลักเองก็เข้าใจในความรู้สึกของหญิงสาวดี เขาจึงไม่ได้ตำหนิอะไร เพียงแค่ส่ายหน้าเป็นการยืนยันว่าคำพูดของนางถูกต้องแล้วเท่านั้น

“นี่มันช่างน่าตลกจริงๆ เลยไม่ใช่หรือ แคทเธอรีน คนคนหนึ่งที่ถึงจะเป็นเจ้าชาย แต่ก็เป็นเพียงแค่เด็กไร้ตัวตนคนนั้น กลับเป็นคนที่จำเป็นต่อข้ามากขนาดนี้”

คำพูดนั้นผสมเสียงหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง

เหตุผลที่รูลลักตามหาตัวเจ้าชายลำดับที่สองนั่นง่ายมาก

ก็เพื่อต่อกรกับอังเกนัส หรือจักรพรรดินีราวีนี่นั่นเอง

ไพ่ตายสำคัญที่สุดที่จักรพรรดินีกำไว้ในกำมือใบนั้น ก็คือการที่นางจะต้องเป็นมารดาของโอรสเพียงองค์เดียวขององค์จักรพรรดิ

แต่ในเมื่อยังมีโอรสของฝ่าบาทอยู่อีกพระองค์ จักรพรรดินีย่อมไม่อาจทำสิ่งใดได้ง่าย

ทว่าท่าทางไม่แยแสของจักรพรรดิ แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ายังมีโอรสอีกองค์ที่พระองค์เคยฝังรากให้แตกหน่อนั่น มันยิ่งทำให้จักรพรรดินีเหิมเกริมมากยิ่งกว่าเดิม

“เป็นเพราะข้าเคลื่อนไหวช้าเกินไป”

รูลลักเสียใจ

หากเขาทราบข่าวการเสียชีวิตของมารดาของเจ้าชายลำดับที่สองเร็วกว่านี้เสียหน่อย หากเขาให้การคุ้มครองเจ้าชายลำดับที่สองเอาไว้ใต้ร่มเงาของลอมบาร์เดียแล้วละก็จักรพรรดินีย่อมไม่มีทางกล้ายื่นมือเข้ามายุ่งกับปัญหาผู้สืบทอดของรูลลักคนนี้ โดยไม่เจียมกะลาหัวตัวเองได้

“ตระกูลอังเกนัสชอบยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดใต้จมูกข้าอยู่เรื่อยแต่สถานการณ์ในตอนนี้ข้ากลับทำได้แค่วางมือมองดูอยู่เฉยๆ เนี่ยนะ! เหอะ!”

ราวีนี่อังเกนัสปฏิบัติกับเบเจอร์บุตรชายคนโตของเขาราวกับเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งยังยื่นมือเข้ามาสอดแทรกเรื่องของลอมบาร์เดีย แต่ทางฝั่งเขากลับไม่สามารถทำอะไรพวกนั้นได้เลย

หายไปไหนกันแน่ เขาไม่สามารถตามหาได้เลยว่าจักรพรรดินีเอาตัวเจ้าชายลำดับที่สองไปซ่อนไว้ที่ไหน

รูลลักขมวดคิ้วแน่น

“หรือจะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว…”

ได้ยินว่าวังแยกเล็กๆ ในป่าลึกที่เจ้าชายลำดับที่สองเคยอาศัยอยู่ด้วยกันกับพระมารดานั้นก็ว่างลงไปนานแล้ว

วังเล็กที่ถูกปล่อยทิ้งร้างผุพังไม่ต่างจากถูกทำลายลงไปนั่นไม่มีทั้งร่องรอยของเจ้าชาย และยังไม่มีข้ารับใช้คอยปรนนิบัติให้เห็นเลยสักคน

เพราะอย่างนั้นรูลลักจึงได้ออกคำสั่ง ให้แคทเธอรีนรวมถึงนักเรียนทุนคนอื่นๆ ที่ทำงานในพระราชวัง ช่วยสืบข่าวคราวแม่นมของเจ้าชายลำดับที่สองแทน

เขาคิดว่าบางทีจักรพรรดินีอาจจะส่งตัวเจ้าชายลำดับที่สองกับแม่นมไปยังผืนดินที่อังเกนัสเป็นเจ้าของที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้

แต่จู่ๆ ก็กลับพบว่าแม่นมคนนั้นกลายเป็นศพอยู่ทางใต้เสียแล้ว

มีโอกาสสูงมากที่พวกเขาไม่สามารถหาศพของเจ้าชายลำดับที่สองได้เจอ เพราะมันอาจจะล่องลอยไปกับสายน้ำ

“ในพระราชวังที่มีแต่พวกผู้ใหญ่ การตามหาตัวข้ารับใช้กับเด็กตัวเล็กๆ คนเดียวย่อมไม่มีทางเป็นเรื่องยากขนาดนี้อยู่แล้ว”

รูลลักถอนหายใจพลางส่ายหน้า

เด็กที่อาศัยอยู่ในพระราชวังมีเพียงแค่เหล่าเจ้าชายเท่านั้น

รูลลักคิดว่าบางทีคราวนี้อาจจะถึงเวลาล้มเลิกความตั้งใจในการตามหาตัวเจ้าชายลำดับที่สองได้แล้ว

“เด็กตัวเล็กๆ …”

ในหัวสมองของแคทเธอรีนที่ได้ยินคำพูดนั่น จู่ๆ ก็มีบางสิ่งวาบผ่านเข้ามา

“ค่ะ! แต่ไม่สนุกเลยสักนิดค่ะ ยกเว้นที่ได้เพื่อนใหม่มานะคะ!”

นั่นคือคำพูดของฟีเรนเทียที่นางได้พบเมื่อครู่นี้

แคทเธอลีนลองทบทวนคำพูดที่ได้ยินมา

“เขาบอกว่าป่วย บอกว่าอยู่คนเดียว…”

คนเดียว

ตามคำสั่งของรูลลัก จนถึงตอนนี้พวกนางกำลังตามหาเจ้าชายลำดับที่สองโดยเน้นเป้าไปที่เด็กตัวเล็กๆ กับเหล่านางกำนัลข้ารับใช้

เป็นเพราะพวกนางไม่คิดว่าจักรพรรดินีจะปล่อยเจ้าชายลำดับที่สองทิ้งไว้ตามลำพัง

แต่ถ้าหากจักรพรรดินีซ่อนตัวเจ้าชายลำดับที่สองเอาไว้คนเดียวที่ไหนสักแห่งล่ะ

ถ้าหากแม่นมคนนั้นเป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวเพื่อตบตาเท่านั้นล่ะ

แคทเธอรีนตกอยู่ในภวังค์ความคิด ก่อนที่นางจะเปิดปากพูดกับรูลลักอย่างระมัดระวัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 45.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 45.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เสียชีวิตแล้ว?” รูลลักขยับกายที่นั่งพิงพนักเก้าอี้ เขายืดตัวนั่งหลังตรงในขณะที่เอ่ยถามกลับไป “ค่ะ เมื่อสองวันก่อน พบศพที่แม่น้ำเซเบสทางตอนใต้ค่ะ” “หากพบตัวที่แม่น้ำ ก็น่าจะระบุตัวตนได้ยากทีเดียว?” “สถานที่ที่พบตัวอาจจะเป็นแม่น้ำก็จริง แต่เห็นว่าสาเหตุการเสียชีวิตไม่ใช่การจมน้ำค่ะ มือทั้งสองข้างเองก็ถูกมัดไว้…” “คงจะถูกจัดการแถวแม่น้ำที่เปลี่ยวไร้ผู้คนสินะ” รูลลักเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอ “จะทำยังไงดีคะ” แคทเธอรีนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ตอนนี้ก็ยืนยันแล้วว่าแม่นมเสียชีวิต ต่อไปจะต้องทำยังไงดี…” แววตาของหญิงสาวที่พึมพำเช่นนั้นดูมีสีหน้าไม่ค่อยดีเอาเสียเลย นางตามสืบหาร่องรอยของเจ้าชายลำดับที่สองจากวังจักรพรรดิที่ตนทำงานอยู่มาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่ข่าวคราวของเจ้าชายก็ยังเงียบสนิทจนนางไม่อาจตามหาร่องรอยได้แม้แต่น้อย ไม่ว่าอย่างไรแคทเธอรีนก็รู้สึกว่าเรื่องนี้นางสมควรจะต้องรับผิดชอบ “แคทเธอรีน” “ค่ะ ท่านเจ้าตระกูล” “เจ้าเพียงแค่ใช้ชีวิตของเจ้าก็พอแล้วถ้าหากได้ข้อมูลอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อลอมบาร์เดีย ก็แค่จดจำมันเอาไว้แล้วหาโอกาสบอกใบ้ข้า” “แต่ว่า…” แคทเธอรีนกำชายกระโปรงแน่นจนเกิดรอยยับ “คนอื่นๆ ไม่ได้ยินอะไรมาบ้างเลยหรือคะ ท่านเจ้าตระกูล” ณ ที่แห่งนี้ การถามถึงข้อมูลที่คนอื่นๆ ได้มาถือเป็นเรื่องต้องห้าม เหล่าสมาชิกนักเรียนทุนที่มาร่วมงานพบปะ ทำได้เพียงแค่นำชิ้นส่วนข่าวสารเล็กๆ มาแจ้งเท่านั้น ส่วนคนที่มีหน้าที่รวบรวมปะติดปะต่อมันให้เป็นชิ้นเดียวคือเจ้าตระกูล ทั้งๆ ที่ทราบเรื่องนั้นเป็นอย่างดี แต่แคทเธอรีนก็ยังรวบรวมความกล้าถามออกไป “ไม่ได้มีความหมายอื่นใดแอบแฝงนะคะ ก็แค่คิดว่าร่องรอยของเจ้าชายลำดับที่สองน่าจะสำคัญกับท่านเจ้าตระกูลมากก็เลย…” รูลลักเองก็เข้าใจในความรู้สึกของหญิงสาวดี เขาจึงไม่ได้ตำหนิอะไร เพียงแค่ส่ายหน้าเป็นการยืนยันว่าคำพูดของนางถูกต้องแล้วเท่านั้น “นี่มันช่างน่าตลกจริงๆ เลยไม่ใช่หรือ แคทเธอรีน คนคนหนึ่งที่ถึงจะเป็นเจ้าชาย แต่ก็เป็นเพียงแค่เด็กไร้ตัวตนคนนั้น กลับเป็นคนที่จำเป็นต่อข้ามากขนาดนี้” คำพูดนั้นผสมเสียงหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง เหตุผลที่รูลลักตามหาตัวเจ้าชายลำดับที่สองนั่นง่ายมาก ก็เพื่อต่อกรกับอังเกนัส หรือจักรพรรดินีราวีนี่นั่นเอง ไพ่ตายสำคัญที่สุดที่จักรพรรดินีกำไว้ในกำมือใบนั้น ก็คือการที่นางจะต้องเป็นมารดาของโอรสเพียงองค์เดียวขององค์จักรพรรดิ แต่ในเมื่อยังมีโอรสของฝ่าบาทอยู่อีกพระองค์ จักรพรรดินีย่อมไม่อาจทำสิ่งใดได้ง่าย ทว่าท่าทางไม่แยแสของจักรพรรดิ แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ายังมีโอรสอีกองค์ที่พระองค์เคยฝังรากให้แตกหน่อนั่น มันยิ่งทำให้จักรพรรดินีเหิมเกริมมากยิ่งกว่าเดิม “เป็นเพราะข้าเคลื่อนไหวช้าเกินไป” รูลลักเสียใจ หากเขาทราบข่าวการเสียชีวิตของมารดาของเจ้าชายลำดับที่สองเร็วกว่านี้เสียหน่อย หากเขาให้การคุ้มครองเจ้าชายลำดับที่สองเอาไว้ใต้ร่มเงาของลอมบาร์เดียแล้วละก็จักรพรรดินีย่อมไม่มีทางกล้ายื่นมือเข้ามายุ่งกับปัญหาผู้สืบทอดของรูลลักคนนี้ โดยไม่เจียมกะลาหัวตัวเองได้ “ตระกูลอังเกนัสชอบยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดใต้จมูกข้าอยู่เรื่อยแต่สถานการณ์ในตอนนี้ข้ากลับทำได้แค่วางมือมองดูอยู่เฉยๆ เนี่ยนะ! เหอะ!” ราวีนี่อังเกนัสปฏิบัติกับเบเจอร์บุตรชายคนโตของเขาราวกับเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งยังยื่นมือเข้ามาสอดแทรกเรื่องของลอมบาร์เดีย แต่ทางฝั่งเขากลับไม่สามารถทำอะไรพวกนั้นได้เลย หายไปไหนกันแน่ เขาไม่สามารถตามหาได้เลยว่าจักรพรรดินีเอาตัวเจ้าชายลำดับที่สองไปซ่อนไว้ที่ไหน รูลลักขมวดคิ้วแน่น “หรือจะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว…” ได้ยินว่าวังแยกเล็กๆ ในป่าลึกที่เจ้าชายลำดับที่สองเคยอาศัยอยู่ด้วยกันกับพระมารดานั้นก็ว่างลงไปนานแล้ว วังเล็กที่ถูกปล่อยทิ้งร้างผุพังไม่ต่างจากถูกทำลายลงไปนั่นไม่มีทั้งร่องรอยของเจ้าชาย และยังไม่มีข้ารับใช้คอยปรนนิบัติให้เห็นเลยสักคน เพราะอย่างนั้นรูลลักจึงได้ออกคำสั่ง ให้แคทเธอรีนรวมถึงนักเรียนทุนคนอื่นๆ ที่ทำงานในพระราชวัง ช่วยสืบข่าวคราวแม่นมของเจ้าชายลำดับที่สองแทน เขาคิดว่าบางทีจักรพรรดินีอาจจะส่งตัวเจ้าชายลำดับที่สองกับแม่นมไปยังผืนดินที่อังเกนัสเป็นเจ้าของที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้ แต่จู่ๆ ก็กลับพบว่าแม่นมคนนั้นกลายเป็นศพอยู่ทางใต้เสียแล้ว มีโอกาสสูงมากที่พวกเขาไม่สามารถหาศพของเจ้าชายลำดับที่สองได้เจอ เพราะมันอาจจะล่องลอยไปกับสายน้ำ “ในพระราชวังที่มีแต่พวกผู้ใหญ่ การตามหาตัวข้ารับใช้กับเด็กตัวเล็กๆ คนเดียวย่อมไม่มีทางเป็นเรื่องยากขนาดนี้อยู่แล้ว” รูลลักถอนหายใจพลางส่ายหน้า เด็กที่อาศัยอยู่ในพระราชวังมีเพียงแค่เหล่าเจ้าชายเท่านั้น รูลลักคิดว่าบางทีคราวนี้อาจจะถึงเวลาล้มเลิกความตั้งใจในการตามหาตัวเจ้าชายลำดับที่สองได้แล้ว “เด็กตัวเล็กๆ …” ในหัวสมองของแคทเธอรีนที่ได้ยินคำพูดนั่น จู่ๆ ก็มีบางสิ่งวาบผ่านเข้ามา “ค่ะ! แต่ไม่สนุกเลยสักนิดค่ะ ยกเว้นที่ได้เพื่อนใหม่มานะคะ!” นั่นคือคำพูดของฟีเรนเทียที่นางได้พบเมื่อครู่นี้ แคทเธอลีนลองทบทวนคำพูดที่ได้ยินมา “เขาบอกว่าป่วย บอกว่าอยู่คนเดียว…” คนเดียว ตามคำสั่งของรูลลัก จนถึงตอนนี้พวกนางกำลังตามหาเจ้าชายลำดับที่สองโดยเน้นเป้าไปที่เด็กตัวเล็กๆ กับเหล่านางกำนัลข้ารับใช้ เป็นเพราะพวกนางไม่คิดว่าจักรพรรดินีจะปล่อยเจ้าชายลำดับที่สองทิ้งไว้ตามลำพัง แต่ถ้าหากจักรพรรดินีซ่อนตัวเจ้าชายลำดับที่สองเอาไว้คนเดียวที่ไหนสักแห่งล่ะ ถ้าหากแม่นมคนนั้นเป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวเพื่อตบตาเท่านั้นล่ะ แคทเธอรีนตกอยู่ในภวังค์ความคิด ก่อนที่นางจะเปิดปากพูดกับรูลลักอย่างระมัดระวัง

“เสียชีวิตแล้ว?”

รูลลักขยับกายที่นั่งพิงพนักเก้าอี้ เขายืดตัวนั่งหลังตรงในขณะที่เอ่ยถามกลับไป

“ค่ะ เมื่อสองวันก่อน พบศพที่แม่น้ำเซเบสทางตอนใต้ค่ะ”

“หากพบตัวที่แม่น้ำ ก็น่าจะระบุตัวตนได้ยากทีเดียว?”

“สถานที่ที่พบตัวอาจจะเป็นแม่น้ำก็จริง แต่เห็นว่าสาเหตุการเสียชีวิตไม่ใช่การจมน้ำค่ะ มือทั้งสองข้างเองก็ถูกมัดไว้…”

“คงจะถูกจัดการแถวแม่น้ำที่เปลี่ยวไร้ผู้คนสินะ”

รูลลักเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอ

“จะทำยังไงดีคะ”

แคทเธอรีนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“ตอนนี้ก็ยืนยันแล้วว่าแม่นมเสียชีวิต ต่อไปจะต้องทำยังไงดี…”

แววตาของหญิงสาวที่พึมพำเช่นนั้นดูมีสีหน้าไม่ค่อยดีเอาเสียเลย

นางตามสืบหาร่องรอยของเจ้าชายลำดับที่สองจากวังจักรพรรดิที่ตนทำงานอยู่มาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่ข่าวคราวของเจ้าชายก็ยังเงียบสนิทจนนางไม่อาจตามหาร่องรอยได้แม้แต่น้อย

ไม่ว่าอย่างไรแคทเธอรีนก็รู้สึกว่าเรื่องนี้นางสมควรจะต้องรับผิดชอบ

“แคทเธอรีน”

“ค่ะ ท่านเจ้าตระกูล”

“เจ้าเพียงแค่ใช้ชีวิตของเจ้าก็พอแล้วถ้าหากได้ข้อมูลอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อลอมบาร์เดีย ก็แค่จดจำมันเอาไว้แล้วหาโอกาสบอกใบ้ข้า”

“แต่ว่า…”

แคทเธอรีนกำชายกระโปรงแน่นจนเกิดรอยยับ

“คนอื่นๆ ไม่ได้ยินอะไรมาบ้างเลยหรือคะ ท่านเจ้าตระกูล”

ณ ที่แห่งนี้ การถามถึงข้อมูลที่คนอื่นๆ ได้มาถือเป็นเรื่องต้องห้าม

เหล่าสมาชิกนักเรียนทุนที่มาร่วมงานพบปะ ทำได้เพียงแค่นำชิ้นส่วนข่าวสารเล็กๆ มาแจ้งเท่านั้น ส่วนคนที่มีหน้าที่รวบรวมปะติดปะต่อมันให้เป็นชิ้นเดียวคือเจ้าตระกูล

ทั้งๆ ที่ทราบเรื่องนั้นเป็นอย่างดี แต่แคทเธอรีนก็ยังรวบรวมความกล้าถามออกไป

“ไม่ได้มีความหมายอื่นใดแอบแฝงนะคะ ก็แค่คิดว่าร่องรอยของเจ้าชายลำดับที่สองน่าจะสำคัญกับท่านเจ้าตระกูลมากก็เลย…”

รูลลักเองก็เข้าใจในความรู้สึกของหญิงสาวดี เขาจึงไม่ได้ตำหนิอะไร เพียงแค่ส่ายหน้าเป็นการยืนยันว่าคำพูดของนางถูกต้องแล้วเท่านั้น

“นี่มันช่างน่าตลกจริงๆ เลยไม่ใช่หรือ แคทเธอรีน คนคนหนึ่งที่ถึงจะเป็นเจ้าชาย แต่ก็เป็นเพียงแค่เด็กไร้ตัวตนคนนั้น กลับเป็นคนที่จำเป็นต่อข้ามากขนาดนี้”

คำพูดนั้นผสมเสียงหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง

เหตุผลที่รูลลักตามหาตัวเจ้าชายลำดับที่สองนั่นง่ายมาก

ก็เพื่อต่อกรกับอังเกนัส หรือจักรพรรดินีราวีนี่นั่นเอง

ไพ่ตายสำคัญที่สุดที่จักรพรรดินีกำไว้ในกำมือใบนั้น ก็คือการที่นางจะต้องเป็นมารดาของโอรสเพียงองค์เดียวขององค์จักรพรรดิ

แต่ในเมื่อยังมีโอรสของฝ่าบาทอยู่อีกพระองค์ จักรพรรดินีย่อมไม่อาจทำสิ่งใดได้ง่าย

ทว่าท่าทางไม่แยแสของจักรพรรดิ แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ายังมีโอรสอีกองค์ที่พระองค์เคยฝังรากให้แตกหน่อนั่น มันยิ่งทำให้จักรพรรดินีเหิมเกริมมากยิ่งกว่าเดิม

“เป็นเพราะข้าเคลื่อนไหวช้าเกินไป”

รูลลักเสียใจ

หากเขาทราบข่าวการเสียชีวิตของมารดาของเจ้าชายลำดับที่สองเร็วกว่านี้เสียหน่อย หากเขาให้การคุ้มครองเจ้าชายลำดับที่สองเอาไว้ใต้ร่มเงาของลอมบาร์เดียแล้วละก็จักรพรรดินีย่อมไม่มีทางกล้ายื่นมือเข้ามายุ่งกับปัญหาผู้สืบทอดของรูลลักคนนี้ โดยไม่เจียมกะลาหัวตัวเองได้

“ตระกูลอังเกนัสชอบยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดใต้จมูกข้าอยู่เรื่อยแต่สถานการณ์ในตอนนี้ข้ากลับทำได้แค่วางมือมองดูอยู่เฉยๆ เนี่ยนะ! เหอะ!”

ราวีนี่อังเกนัสปฏิบัติกับเบเจอร์บุตรชายคนโตของเขาราวกับเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งยังยื่นมือเข้ามาสอดแทรกเรื่องของลอมบาร์เดีย แต่ทางฝั่งเขากลับไม่สามารถทำอะไรพวกนั้นได้เลย

หายไปไหนกันแน่ เขาไม่สามารถตามหาได้เลยว่าจักรพรรดินีเอาตัวเจ้าชายลำดับที่สองไปซ่อนไว้ที่ไหน

รูลลักขมวดคิ้วแน่น

“หรือจะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว…”

ได้ยินว่าวังแยกเล็กๆ ในป่าลึกที่เจ้าชายลำดับที่สองเคยอาศัยอยู่ด้วยกันกับพระมารดานั้นก็ว่างลงไปนานแล้ว

วังเล็กที่ถูกปล่อยทิ้งร้างผุพังไม่ต่างจากถูกทำลายลงไปนั่นไม่มีทั้งร่องรอยของเจ้าชาย และยังไม่มีข้ารับใช้คอยปรนนิบัติให้เห็นเลยสักคน

เพราะอย่างนั้นรูลลักจึงได้ออกคำสั่ง ให้แคทเธอรีนรวมถึงนักเรียนทุนคนอื่นๆ ที่ทำงานในพระราชวัง ช่วยสืบข่าวคราวแม่นมของเจ้าชายลำดับที่สองแทน

เขาคิดว่าบางทีจักรพรรดินีอาจจะส่งตัวเจ้าชายลำดับที่สองกับแม่นมไปยังผืนดินที่อังเกนัสเป็นเจ้าของที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้

แต่จู่ๆ ก็กลับพบว่าแม่นมคนนั้นกลายเป็นศพอยู่ทางใต้เสียแล้ว

มีโอกาสสูงมากที่พวกเขาไม่สามารถหาศพของเจ้าชายลำดับที่สองได้เจอ เพราะมันอาจจะล่องลอยไปกับสายน้ำ

“ในพระราชวังที่มีแต่พวกผู้ใหญ่ การตามหาตัวข้ารับใช้กับเด็กตัวเล็กๆ คนเดียวย่อมไม่มีทางเป็นเรื่องยากขนาดนี้อยู่แล้ว”

รูลลักถอนหายใจพลางส่ายหน้า

เด็กที่อาศัยอยู่ในพระราชวังมีเพียงแค่เหล่าเจ้าชายเท่านั้น

รูลลักคิดว่าบางทีคราวนี้อาจจะถึงเวลาล้มเลิกความตั้งใจในการตามหาตัวเจ้าชายลำดับที่สองได้แล้ว

“เด็กตัวเล็กๆ …”

ในหัวสมองของแคทเธอรีนที่ได้ยินคำพูดนั่น จู่ๆ ก็มีบางสิ่งวาบผ่านเข้ามา

“ค่ะ! แต่ไม่สนุกเลยสักนิดค่ะ ยกเว้นที่ได้เพื่อนใหม่มานะคะ!”

นั่นคือคำพูดของฟีเรนเทียที่นางได้พบเมื่อครู่นี้

แคทเธอลีนลองทบทวนคำพูดที่ได้ยินมา

“เขาบอกว่าป่วย บอกว่าอยู่คนเดียว…”

คนเดียว

ตามคำสั่งของรูลลัก จนถึงตอนนี้พวกนางกำลังตามหาเจ้าชายลำดับที่สองโดยเน้นเป้าไปที่เด็กตัวเล็กๆ กับเหล่านางกำนัลข้ารับใช้

เป็นเพราะพวกนางไม่คิดว่าจักรพรรดินีจะปล่อยเจ้าชายลำดับที่สองทิ้งไว้ตามลำพัง

แต่ถ้าหากจักรพรรดินีซ่อนตัวเจ้าชายลำดับที่สองเอาไว้คนเดียวที่ไหนสักแห่งล่ะ

ถ้าหากแม่นมคนนั้นเป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวเพื่อตบตาเท่านั้นล่ะ

แคทเธอรีนตกอยู่ในภวังค์ความคิด ก่อนที่นางจะเปิดปากพูดกับรูลลักอย่างระมัดระวัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+