เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 49.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 49.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้ากินด้วยสักชิ้นก็แล้วกัน อ่า หิวจัง”

เธอยัดคุกกี้อีกชิ้นใส่มืออีกข้างของเฟเรส หลังจากนั้นก็กัดคุกกี้ชิ้นหนึ่งเสียงดังกรอบ

เนื้อสัมผัสหนุบหนับรสหวานละมุนกลมกล่อมแผ่ซ่านไปทั่วปาก ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลย

“มื้อเช้าก็ยังไม่ได้กิน แถมยังต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดอีก หาว ง่วงจะตายอยู่แล้ว”

ว่ากันตามตรงนอกจาก ‘รสหวาน’ เธอก็ไม่รู้แล้วว่าคุกกี้มีรสชาติแบบไหน

เธอยัดที่เหลือใส่ปากลวกๆ แล้วกลิ้งตัวลงนอนมันข้างๆ เฟเรส

เฟเรสกินหมดไปแล้วหนึ่งชิ้น และกำลังจะกินอีกชิ้นพอดี เขาเหลือบมองเธอที่นอนกลิ้งอยู่แบบนั้น

“หาว ไม่ต้องสนใจข้าหรอก กินไปเถอะ ข้าว่าจะ…งีบสักแป๊บ”

ทั้งเหนื่อย ทั้งง่วง เปลือกตาเริ่มรู้สึกหนัก ความง่วงคืบคลานเข้ามา

ฟีเรนเทียปรือตาที่เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เงยขึ้นมองเฟเรสที่กำลังกินคุกกี้เห็นเศษช็อกโกแลตเลอะติดมุมปาก

แม้ว่าอยากบอกให้เขาเช็ดมัน แต่กลับง่วงจนเผลอหลับไปโดยไม่มีโอกาสให้บอกเสียได้

นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นที่จับจ้องอยู่ที่เธอที่กำลังนอน และปากที่เคี้ยวหงุบหงับนั่นมันเหมือนกับกระต่ายมากเลย

เด็กที่น่ารักน่าเอ็นดูถึงขนาดนี้ ช่างน่าขบขันเสียจริงที่ต่อไปในอนาคตเขาจะกลายเป็นองค์รัชทายาทเลือดเย็นคนนั้น

แต่ถึงยังไงด้านหนึ่งก็รู้สึกโล่งใจเหมือนกัน ที่เด็กคนนี้จะไม่ต้องทนลำบากอีกต่อไปแล้ว

เธอเหม่อมองนัยน์ตาสีแดงที่จับจ้องมาที่เธอพลางครุ่นคิด

ยังไงเธอก็ทำเพื่อเขาขนาดนี้แล้ว ต่อไปคงจะไม่แสร้งทำเป็นไม่รู้จักกันหรอกใช่มั้ย

อย่างน้อยเมื่อตอนที่เขาได้เป็นองค์รัชทายาท และเธอตั้งใจจะเป็นเจ้าตระกูล เขาก็คงจะไม่ยื่นมือเข้ามาขัดขวางกันหรอกมั้ง

ใช่แล้ว ขอแค่นั้นก็พอ

ในตอนที่ช่วงเวลาในการหลับตาเริ่มยืดยาวมากกว่าช่วงเวลาในการลืมตาทีละน้อย

เธอก็รู้สึกได้ว่าเตียงสั่นเล็กน้อย พร้อมกับเห็นว่าเฟเรสล้มตัวลงมานอนข้างเธอ

นายเองก็เหนื่อยเหมือนกันสินะ

แต่ก็นะ ตอนนี้พระอาทิตย์เพิ่งจะขึ้นเอง

มันเป็นเวลาที่ยังเช้ามากเกินกว่าที่เด็กตัวเล็กๆ จะตื่นขึ้นมาทำโน่นนี่

ถ้าอย่างนั้นก็หลับสักงีบแล้วค่อยตื่นก็แล้วกัน

สิ่งที่เธอเห็นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะผล็อยหลับไปคือใบหน้าขาวเนียนของเฟเรสที่เหม่อมองเธอทั้งๆ ที่มีเศษคุกกี้เลอะริมฝีปาก

“ทำยังไงดีครับ”

เสียงที่เอ่ยถามนั้นปรับให้แผ่วเบามากที่สุดราวกับกำลังกลัวจะรบกวน

“ทั้งสองท่านหลับสนิทเลย…”

หลังจากนั้นใครอีกคนก็พูดต่อด้วยเสียงแผ่วเบาเช่นกัน

“พวกเจ้าลงไปข้างล่างก่อน ไปเก็บข้าวของของเจ้าชายให้เรียบร้อย”

คำสั่งแผ่วเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ ทำให้คนหลายคนเริ่มขยับฝีเท้าเบาโหยงกันอย่างพร้อมเพรียง

“แต่จะว่าไปก็ดูน่ารักกันมากเสียจนหากมีความสามารถมากพอ ก็อยากจะวาดภาพนี้เก็บไว้เลยนะครับ”

คนที่ยกมือขึ้นปิดปากด้วยไม่อาจต้านทานความน่ารักตรงหน้าได้คนนี้คือ คาอิลรัส เฮย์ลิ่ง ผู้ดูแลชายประจำวังองค์จักรพรรดิ

คาอิลรัสผู้เป็นเจ้าของผมสีบลอนด์เข้มและนัยน์ตาสีฟ้าอบอุ่นคนนี้ เป็นบุตรชายคนที่สองของตระกูลเฮย์ลิ่งซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลใต้บังคับบัญชาของตระกูลลอมบาร์เดีย

เขาเป็นชายหนุ่มอายุยังน้อยที่เข้าวังมาได้สิบปีแล้ว ทั้งยังเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะที่ได้รับตำแหน่งผู้ดูแลชั้นสูงระดับหนึ่ง และอีกคนที่มองภาพบนเตียงด้วยนัยน์ตาเปี่ยมรักเหมือนกันกับเขาอยู่ด้านข้างก็คือหัวหน้านางกำนัลประจำวังองค์จักรพรรดิ แคทเธอรีน บราวน์นั่นเอง

เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ทั้งสองคนได้ย้ายตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยสถานที่ที่พวกเขาได้รับตำแหน่งให้ย้ายไปทำงานด้วยความยินดีก็คือ วังของเจ้าชายลำดับที่สองที่นอนอยู่ตรงหน้านั่นเอง

“ปล่อยให้หลับกันไปก่อนเถอะค่ะ ยังไงก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะจัดการเก็บของชั้นล่างเสร็จอยู่ดีนี่คะ”

“ครับ ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับบุตรสาวของท่านแคลอฮันมามากก็จริง แต่เพิ่งเคยได้พบแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยครับ ทั้งเจ้าชายก็ด้วย”

คาอิลรัสเป็นคนชอบเด็กอยู่แล้ว เขาจึงไม่อาจละสายตาออกไปจากภาพตรงหน้าได้ง่ายๆ

“แต่ทำไมถึงได้น่ารักกันขนาดนี้นะคะ ทั้งสองท่านเลย”

อาจจะฟังดูเกินไปหน่อย แต่แคทเธอรีนเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของคาอิลรัสหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์

เด็กสองคนที่นอนหลับไปทั้งๆ มองหน้ากันโดยมีขนมหวานกองอยู่บนเตียง ต่างก็กำลังหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องรู้ราว

ไม่ว่าจะเป็นฟีเรนเทียที่ผมหยักศกสีน้ำตาลยุ่งกระเซอะกระเซิงไปหมด หรือเฟเรสเจ้าของผมสีดำสนิทดั่งท้องฟ้ายามค่ำคืน ทั้งสองคนดูน่ารักมากเสียจนไม่ว่าใครต่างก็ต้องเหลียวหลังกลับมามองอีกครั้งกันทั้งนั้น

อีกหนึ่งสิ่งที่ทิ่มแทงใจของคาอิลรัสกับแคทเธอรีนเข้าอย่างจังนั่นคือ เด็กน้อยทั้งสองคนกำลังห่มผ้าคลุมสีดำผืนหนึ่งด้วยกัน

“ต้องช่วยห่มให้ดีหน่อย…”

คาอิลรัสค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้เพราะกลัวว่าจะเผลอไปปลุกเด็กๆ ตื่นเข้า เขาตั้งใจจะช่วยห่มผ้าคลุมให้ดีๆ แต่แล้วก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง มุมปากจึงกระตุกยิ้มอีกครั้ง

แคทเธอรีนรู้สึกสงสัยขึ้นมา จึงย่องตามเข้าไป แล้วก็ได้เห็นว่ามือของเฟเรสกำลังกุมมือของฟีเรนเทียเอาไว้แน่น

“โอ้ว…”

คาอิลรัสทำท่าราวกับคนที่บาดเจ็บหนักได้รับแผลฉกรรจ์ เขาหลับตาแน่น พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่เผลอส่งเสียงดังออกไป

มันเป็นความผิดของความน่ารักที่จู่ๆ ก็โถมเข้าใส่เกินกว่าจะต้านทานไหว

คาอิลรัสสูดลมหายใจเข้าลึกอยู่หลายครั้ง ก่อนจะช่วยห่มผ้าคลุมให้ถึงไหล่ของฟีเรนเทีย

หมับ

ถ้าหากไม่มีแรงหนึ่งที่คว้าแขนของตนเอาไว้แล้วละก็

“เจ้าชายลำดับที่สอง…”

เฟเรสที่จนถึงเมื่อครู่ยังหลับครอกอยู่กลับลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าเขา ทั้งยังบีบข้อมือของคาอิลรัสอย่างแรง

“ใคร”

“อ่า คือ…กระหม่อม…”

ความรู้สึกรวดร้าวราวกับข้อมือจะหักทำให้คาอิลรัสถึงกับพูดอะไรไม่ออก

พระองค์เป็นแค่เด็กอายุสิบเอ็ดขวบไม่ใช่หรือแต่เรี่ยวแรงมหาศาลนี่มันอะไรกัน

แคทเธอรีนช่วยตอบด้วยเสียงสงบแทนคาอิลรัสที่กำลังตื่นตระหนก

“ยินดีที่ได้พบกันครั้งแรกเพคะ เจ้าชายลำดับที่สอง พวกหม่อมฉันเป็นคนที่จะคอยรับใช้ข้างกายเจ้าชายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หม่อมฉันแคทเธอรีน บราวน์เพคะ”

“กระ…กระหม่อม…คาอิลรัส คาอิลรัส เฮย์ลิ่งพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย”

คาอิลรัสเกือบตอบออกไปแทบไม่ทัน

แต่ความหวาดระแวงยังคงไม่จางหายไปจากใบหน้าของเฟเรสเลยแม้แต่น้อย

และในตอนนั้นเอง

“งื้อ…”

ฟีเรนเทียค่อยๆ ลืมตาอย่างเชื่องช้าในขณะที่ส่งเสียงครางแผ่วเบา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 49.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 49.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้ากินด้วยสักชิ้นก็แล้วกัน อ่า หิวจัง”

เธอยัดคุกกี้อีกชิ้นใส่มืออีกข้างของเฟเรส หลังจากนั้นก็กัดคุกกี้ชิ้นหนึ่งเสียงดังกรอบ

เนื้อสัมผัสหนุบหนับรสหวานละมุนกลมกล่อมแผ่ซ่านไปทั่วปาก ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลย

“มื้อเช้าก็ยังไม่ได้กิน แถมยังต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดอีก หาว ง่วงจะตายอยู่แล้ว”

ว่ากันตามตรงนอกจาก ‘รสหวาน’ เธอก็ไม่รู้แล้วว่าคุกกี้มีรสชาติแบบไหน

เธอยัดที่เหลือใส่ปากลวกๆ แล้วกลิ้งตัวลงนอนมันข้างๆ เฟเรส

เฟเรสกินหมดไปแล้วหนึ่งชิ้น และกำลังจะกินอีกชิ้นพอดี เขาเหลือบมองเธอที่นอนกลิ้งอยู่แบบนั้น

“หาว ไม่ต้องสนใจข้าหรอก กินไปเถอะ ข้าว่าจะ…งีบสักแป๊บ”

ทั้งเหนื่อย ทั้งง่วง เปลือกตาเริ่มรู้สึกหนัก ความง่วงคืบคลานเข้ามา

ฟีเรนเทียปรือตาที่เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เงยขึ้นมองเฟเรสที่กำลังกินคุกกี้เห็นเศษช็อกโกแลตเลอะติดมุมปาก

แม้ว่าอยากบอกให้เขาเช็ดมัน แต่กลับง่วงจนเผลอหลับไปโดยไม่มีโอกาสให้บอกเสียได้

นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นที่จับจ้องอยู่ที่เธอที่กำลังนอน และปากที่เคี้ยวหงุบหงับนั่นมันเหมือนกับกระต่ายมากเลย

เด็กที่น่ารักน่าเอ็นดูถึงขนาดนี้ ช่างน่าขบขันเสียจริงที่ต่อไปในอนาคตเขาจะกลายเป็นองค์รัชทายาทเลือดเย็นคนนั้น

แต่ถึงยังไงด้านหนึ่งก็รู้สึกโล่งใจเหมือนกัน ที่เด็กคนนี้จะไม่ต้องทนลำบากอีกต่อไปแล้ว

เธอเหม่อมองนัยน์ตาสีแดงที่จับจ้องมาที่เธอพลางครุ่นคิด

ยังไงเธอก็ทำเพื่อเขาขนาดนี้แล้ว ต่อไปคงจะไม่แสร้งทำเป็นไม่รู้จักกันหรอกใช่มั้ย

อย่างน้อยเมื่อตอนที่เขาได้เป็นองค์รัชทายาท และเธอตั้งใจจะเป็นเจ้าตระกูล เขาก็คงจะไม่ยื่นมือเข้ามาขัดขวางกันหรอกมั้ง

ใช่แล้ว ขอแค่นั้นก็พอ

ในตอนที่ช่วงเวลาในการหลับตาเริ่มยืดยาวมากกว่าช่วงเวลาในการลืมตาทีละน้อย

เธอก็รู้สึกได้ว่าเตียงสั่นเล็กน้อย พร้อมกับเห็นว่าเฟเรสล้มตัวลงมานอนข้างเธอ

นายเองก็เหนื่อยเหมือนกันสินะ

แต่ก็นะ ตอนนี้พระอาทิตย์เพิ่งจะขึ้นเอง

มันเป็นเวลาที่ยังเช้ามากเกินกว่าที่เด็กตัวเล็กๆ จะตื่นขึ้นมาทำโน่นนี่

ถ้าอย่างนั้นก็หลับสักงีบแล้วค่อยตื่นก็แล้วกัน

สิ่งที่เธอเห็นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะผล็อยหลับไปคือใบหน้าขาวเนียนของเฟเรสที่เหม่อมองเธอทั้งๆ ที่มีเศษคุกกี้เลอะริมฝีปาก

“ทำยังไงดีครับ”

เสียงที่เอ่ยถามนั้นปรับให้แผ่วเบามากที่สุดราวกับกำลังกลัวจะรบกวน

“ทั้งสองท่านหลับสนิทเลย…”

หลังจากนั้นใครอีกคนก็พูดต่อด้วยเสียงแผ่วเบาเช่นกัน

“พวกเจ้าลงไปข้างล่างก่อน ไปเก็บข้าวของของเจ้าชายให้เรียบร้อย”

คำสั่งแผ่วเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ ทำให้คนหลายคนเริ่มขยับฝีเท้าเบาโหยงกันอย่างพร้อมเพรียง

“แต่จะว่าไปก็ดูน่ารักกันมากเสียจนหากมีความสามารถมากพอ ก็อยากจะวาดภาพนี้เก็บไว้เลยนะครับ”

คนที่ยกมือขึ้นปิดปากด้วยไม่อาจต้านทานความน่ารักตรงหน้าได้คนนี้คือ คาอิลรัส เฮย์ลิ่ง ผู้ดูแลชายประจำวังองค์จักรพรรดิ

คาอิลรัสผู้เป็นเจ้าของผมสีบลอนด์เข้มและนัยน์ตาสีฟ้าอบอุ่นคนนี้ เป็นบุตรชายคนที่สองของตระกูลเฮย์ลิ่งซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลใต้บังคับบัญชาของตระกูลลอมบาร์เดีย

เขาเป็นชายหนุ่มอายุยังน้อยที่เข้าวังมาได้สิบปีแล้ว ทั้งยังเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะที่ได้รับตำแหน่งผู้ดูแลชั้นสูงระดับหนึ่ง และอีกคนที่มองภาพบนเตียงด้วยนัยน์ตาเปี่ยมรักเหมือนกันกับเขาอยู่ด้านข้างก็คือหัวหน้านางกำนัลประจำวังองค์จักรพรรดิ แคทเธอรีน บราวน์นั่นเอง

เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ทั้งสองคนได้ย้ายตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยสถานที่ที่พวกเขาได้รับตำแหน่งให้ย้ายไปทำงานด้วยความยินดีก็คือ วังของเจ้าชายลำดับที่สองที่นอนอยู่ตรงหน้านั่นเอง

“ปล่อยให้หลับกันไปก่อนเถอะค่ะ ยังไงก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะจัดการเก็บของชั้นล่างเสร็จอยู่ดีนี่คะ”

“ครับ ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับบุตรสาวของท่านแคลอฮันมามากก็จริง แต่เพิ่งเคยได้พบแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยครับ ทั้งเจ้าชายก็ด้วย”

คาอิลรัสเป็นคนชอบเด็กอยู่แล้ว เขาจึงไม่อาจละสายตาออกไปจากภาพตรงหน้าได้ง่ายๆ

“แต่ทำไมถึงได้น่ารักกันขนาดนี้นะคะ ทั้งสองท่านเลย”

อาจจะฟังดูเกินไปหน่อย แต่แคทเธอรีนเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของคาอิลรัสหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์

เด็กสองคนที่นอนหลับไปทั้งๆ มองหน้ากันโดยมีขนมหวานกองอยู่บนเตียง ต่างก็กำลังหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องรู้ราว

ไม่ว่าจะเป็นฟีเรนเทียที่ผมหยักศกสีน้ำตาลยุ่งกระเซอะกระเซิงไปหมด หรือเฟเรสเจ้าของผมสีดำสนิทดั่งท้องฟ้ายามค่ำคืน ทั้งสองคนดูน่ารักมากเสียจนไม่ว่าใครต่างก็ต้องเหลียวหลังกลับมามองอีกครั้งกันทั้งนั้น

อีกหนึ่งสิ่งที่ทิ่มแทงใจของคาอิลรัสกับแคทเธอรีนเข้าอย่างจังนั่นคือ เด็กน้อยทั้งสองคนกำลังห่มผ้าคลุมสีดำผืนหนึ่งด้วยกัน

“ต้องช่วยห่มให้ดีหน่อย…”

คาอิลรัสค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้เพราะกลัวว่าจะเผลอไปปลุกเด็กๆ ตื่นเข้า เขาตั้งใจจะช่วยห่มผ้าคลุมให้ดีๆ แต่แล้วก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง มุมปากจึงกระตุกยิ้มอีกครั้ง

แคทเธอรีนรู้สึกสงสัยขึ้นมา จึงย่องตามเข้าไป แล้วก็ได้เห็นว่ามือของเฟเรสกำลังกุมมือของฟีเรนเทียเอาไว้แน่น

“โอ้ว…”

คาอิลรัสทำท่าราวกับคนที่บาดเจ็บหนักได้รับแผลฉกรรจ์ เขาหลับตาแน่น พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่เผลอส่งเสียงดังออกไป

มันเป็นความผิดของความน่ารักที่จู่ๆ ก็โถมเข้าใส่เกินกว่าจะต้านทานไหว

คาอิลรัสสูดลมหายใจเข้าลึกอยู่หลายครั้ง ก่อนจะช่วยห่มผ้าคลุมให้ถึงไหล่ของฟีเรนเทีย

หมับ

ถ้าหากไม่มีแรงหนึ่งที่คว้าแขนของตนเอาไว้แล้วละก็

“เจ้าชายลำดับที่สอง…”

เฟเรสที่จนถึงเมื่อครู่ยังหลับครอกอยู่กลับลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าเขา ทั้งยังบีบข้อมือของคาอิลรัสอย่างแรง

“ใคร”

“อ่า คือ…กระหม่อม…”

ความรู้สึกรวดร้าวราวกับข้อมือจะหักทำให้คาอิลรัสถึงกับพูดอะไรไม่ออก

พระองค์เป็นแค่เด็กอายุสิบเอ็ดขวบไม่ใช่หรือแต่เรี่ยวแรงมหาศาลนี่มันอะไรกัน

แคทเธอรีนช่วยตอบด้วยเสียงสงบแทนคาอิลรัสที่กำลังตื่นตระหนก

“ยินดีที่ได้พบกันครั้งแรกเพคะ เจ้าชายลำดับที่สอง พวกหม่อมฉันเป็นคนที่จะคอยรับใช้ข้างกายเจ้าชายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หม่อมฉันแคทเธอรีน บราวน์เพคะ”

“กระ…กระหม่อม…คาอิลรัส คาอิลรัส เฮย์ลิ่งพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย”

คาอิลรัสเกือบตอบออกไปแทบไม่ทัน

แต่ความหวาดระแวงยังคงไม่จางหายไปจากใบหน้าของเฟเรสเลยแม้แต่น้อย

และในตอนนั้นเอง

“งื้อ…”

ฟีเรนเทียค่อยๆ ลืมตาอย่างเชื่องช้าในขณะที่ส่งเสียงครางแผ่วเบา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+