เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 58.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 58.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 58

“ฮ่าฮ่าไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ ท่านป้า”

ท่านพ่อยิ้มอย่างคนพ่ายแพ้

“แน่นอนสิ คนแก่เปลี่ยนไปง่ายๆ มีที่ไหนกัน”

ท่านหญิงเซอเชาว์เองก็มีสีหน้าหยอกล้อเล่นมุกกับท่านพ่อ

“พี่น้องของเจ้าไม่มาร่วมงานด้วยหรือ”

เบเจอร์กับลอเรนซ์ไม่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้

ได้ยินว่าระยะหลังมานี่ ทั้งสองคนกำลังยุ่งอยู่กับการร่วมมือกันลองทำธุรกิจใหม่

แน่นอนว่ายังไม่มีใครทราบว่าธุรกิจที่ว่านั่นคือกิจการใด

ชานาเนสอยากจะมาร่วมงานเลี้ยงด้วยกัน แต่สองแฝดดันป่วยเป็นไข้พร้อมกันทั้งคู่ ทำให้ไม่อาจมาร่วมงานได้แต่ก็ยังส่งกระดุมสำหรับตกแต่งซึ่งเข้ากับชุดที่ท่านพ่อสวมมาวันนี้ให้แทน

“ฮ่าฮ่า พวกเขายุ่งกันอยู่ไม่ใช่หรือครับ”

ท่านพ่อตอบเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ท่านหญิงเซอเชาว์กลับเดาะลิ้นเสียงดังจิจ๊ะในลำคอ

“ตั้งแต่เด็กก็ไม่เอาไหนอยู่แล้ว พี่ชายของเจ้าน่ะ ลอเรนซ์เจ้าโง่นั่นเอาแต่ยุ่งอยู่กับการเกาะขากางเกงของเบเจอร์ ไล่ตามต้อยๆ”

“อย่างนั้นหรือครับ”

“ใช่ เบเจอร์เองก็เป็นพวกโลภมากเหลือเกิน เคยกระทั่งยัดคุกกี้ส่วนที่ต้องมอบให้เจ้ากับลอเรนซ์ยัดใส่ปากในคราวเดียวจนคางยื่นด้วยนะ เป็นพวกโลภเสียจนท้องแตกก็คงยังไม่รู้ตัว”

“อุ๊ปส์!”

ให้ตายเถอะ เผลอหลุดหัวเราะออกไปซะเสียงดังเลย

“ฮึ่ม อะแฮ่ม!”

เธอรีบกระแอมไอแสร้งทำเป็นไม่ได้หัวเราะอะไร แต่แววตาของท่านหญิงเซอเชาว์ช่างร้อนแรงเหลือเกิน

ท่านหญิงเป็นคนไม่ชอบพวกไร้มารยาทหรือพวกบุ่มบ่ามเลือดร้อนเป็นไฟ

รู้สึกเหมือนหยาดเหงื่อไหลท่วมแผ่นหลัง

เธอรีบเอ่ยพูดกับท่านพ่อ

“ข้าขอไปเดินเล่นในงานหน่อยได้มั้ยคะ”

“หืม เอาสิ เทียของพ่อคงจะเบื่อแล้วสินะ ยังไงก็อย่าไปที่มืดๆ อยู่แต่ในโถงงานเลี้ยงนี้เท่านั้นล่ะ”

“ค่ะ พ่อ!”

เธอไม่ลืมกล่าวลาท่านหญิงเซอเชาว์อย่างสุภาพ แล้วเดินมุ่งไปทางอื่น

คงต้องใช้กลยุทธ์ล่าถอยเสียก่อน

“เทียของพวกเรางดงามมากเลยไม่ใช่หรือครับ ท่านป้า”

เบทริกซ์ เซอเชาว์มองแคลอฮันที่กำลังยิ้มเหมือนเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปี ในขณะเดียวกันนางก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย

ช่วงวัยเยาว์ ความสัมพันธ์ระหว่างเบทริกซ์กับนาตาเลียนั้นค่อนข้างสนิทสนมกันเป็นพิเศษ

ถึงแม้ความสัมพันธ์ของพวกนางจะเป็นพี่สะใภ้กับน้องสาวของสามีที่อาจจะกระอักกระอ่วนใจกันได้ แต่ทั้งคู่กลับใกล้ชิดกันมากจนเหมือนพี่สาวน้องสาวที่คลานตามกันมาจริงๆ

นาตาเลียเป็นฝ่ายจากโลกนี้ไปก่อน ใบหน้าที่นางแสนอาลัยนั้นเริ่มจางหายไปจากความทรงจำ ทำให้นางรู้สึกอ้างว้างเหลือเกินแต่ภาพลักษณ์อันแสนอ่อนโยนของนาตาเลียกลับยังคงมีชีวิตอยู่ราวกับโกหกยามนางมองใบหน้ายามยิ้มแย้มของแคลอฮัน

แคลอฮันได้รับนิสัยนุ่มนวลและค่อนข้างเงียบไม่พูดไม่จามาจากนาตาเลีย ทำให้นางเป็นกังวลอยู่เรื่อยว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางพี่น้องที่มีนิสัยรุนแรงพวกนั้นได้หรือเปล่า

“ดูเอื่อยเฉื่อยไม่น่ามองเท่าไหร่”

“อย่างนั้นหรือครับ แต่ออกจะน่ารักนะครับ…”

ในนัยน์ตาของแคลอฮันยามมองศีรษะทุยของลูกสาวที่เดินห่างออกไปไกลนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่

“ข้าไม่ได้พูดเพราะนางเป็นลูกสาวหรอกนะครับ เทียน่ะเป็นเด็กที่ฉลาดมากจริงๆ ครับ อันที่จริงชุดที่สวมมาวันนี้เทียก็เป็นคนตกแต่งด้วยตัวเอง ติดอัญมณีตามที่นางต้องการ และก็เสริมแต่งด้วยผ้าชนิดอื่นเข้าไปด้วยน่ะครับ”

“โอ้ว อย่างนั้นหรือ”

นัยน์ตาเต็มไปด้วยริ้วรอยของเบทริกซ์หันไปมองเดรสของฟีเรนเทียอีกครั้ง

ในสายตาของนาง มันเป็นชุดที่งดงามและมีเสน่ห์มากจนทำให้ต้องเผลอมองตามอยู่เรื่อย

เรียกได้ว่านางเองก็ตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ถามชื่อของคนที่ดีไซน์เสื้อผ้าชุดนั้นอยู่เหมือนกัน

แต่เด็กที่เพิ่งจะอายุได้สิบเอ็ดปีกลับเป็นคนต้นคิดอย่างนั้นหรือ

ท่านหญิงเซอเชาว์มองภาพของฟีเรนเทียที่หายเข้าไปด้านในระเบียงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งใจพูดหยอกล้อ

“มีเซ้นส์ด้านความสวยความงามไม่เหมือนบิดา ค่อยโล่งอกหน่อยนะ”

“ทะ…ท่านป้า! ข้าไม่มีเซ้นส์ตรงไหน…”

เบทริกซ์กวาดสายตาไล่มองแคลอฮันจากบนลงล่างด้วยนัยน์ตาไม่พอใจแทนคำตอบ

“เกิดมาหน้าตาดีขนาดนั้น แต่กลับไม่อาจดึงเอาจุดเด่นนั่นมาใช้ แล้วยังจะพูดมากอีก”

ใบหน้าของแคลอฮันขึ้นสีแดงเรื่อเล็กน้อย เขาเปลี่ยนหัวข้อกลับมาสนทนาเรื่องฟีเรนเทียต่อ

“ทุกคนต่างก็บอกว่าเทียเหมือนข้ามาก…”

“เด็กคนนั้นเนี่ยนะ”

ท่านหญิงแสยะยิ้ม

“คนอ่อนปวกเปียกอย่างเจ้าน่ะ แตกต่างจากเด็กนั่นตั้งแต่รากเหง้าแล้ว”

“แต่ยังไงก็เป็นลูกสาวข้านะครับ ถ้าไม่เหมือนข้า…”

“ชาห์นหรือเปล่านะ ชื่อแม่ของเด็กคนนั้น”

แคลอฮันเม้มปากแน่น

เวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้วก็จริง แต่มันเป็นชื่อที่ยังคงทำให้เขาเจ็บปวดใจไม่เปลี่ยน

“ใช่แล้ว เด็กคนนั้นเหมือนแม่ของนางไม่มีผิด โดยเฉพาะนัยน์ตาแข็งกร้าวคู่นั้น”

นัยน์ตาสงบนิ่ง กระจ่างใส มีเป้าหมายชัดเจน เมินเฉยทุกสิ่ง

มันไม่ใช่นัยน์ตาที่เด็กอายุเพียงแค่สิบเอ็ดปีจะมีได้

แคลอฮันที่อ่อนแอแบบนี้ ทำไมถึงเลี้ยงเด็กคนนั้นให้โตขึ้นมาเป็นแบบนั้นได้กันเป็นเรื่องที่แม้แต่ท่านหญิงเซอเชาว์เองก็ยังรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ

“เชซายูไม่ใช่ที่ดินที่ใหญ่อะไรขนาดนั้นหรอก แต่รอบข้างมีแม่น้ำและภูเขาใหญ่ เป็นผืนดินที่อุดมสมบูรณ์มากพอทำให้ครอบครัวหนึ่งไม่ขาดแคลนเรื่องอาหารการกินเท่านั้นเอง”

ท่านหญิงพูดราวกับเชซายูเป็นแค่สวนเล็กๆ ในชนบท

เชซายูเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการคมนาคมที่เชื่อมต่อตั้งแต่อาณาจักรแลมบลู ผ่านตอนกลางของทวีป ลากยาวไปถึงทางตอนใต้ เป็นทั้งทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตอุณหภูมิอบอุ่น

ไม่ต่างอะไรจากเซอเชาว์เฉือนเนื้อชิ้นใหญ่แบ่งให้แคลอฮัน

“เดิมทีที่ดินผืนนั้นตั้งใจจะมอบให้นาตาเลียไว้เป็นสินเดิม แต่เพราะอดีตจักรพรรดิไม่ต้องการให้เขตแดนของลอมบาร์เดียเพิ่มมากขึ้นไปกว่านั้น ทำให้มันมาตกอยู่ในการครอบครองของเซอเชาว์แทนน่ะ”

“เรื่องนั้น…ไม่ทราบเลยครับ”

“บิดาของเจ้าเองก็ไม่ได้มีนิสัยพูดจาซอกแซกไปทั่ว ในเมื่อตอนนี้เจ้าเองก็มีเขตแดนในครอบครองแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจใครอีก”

ไหล่ของแคลอฮันสั่นสะท้านเล็กน้อย

“อย่างไรเบเจอร์ที่เป็นบุตรชายคนโตก็คงตั้งใจจะเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปสินะ ดังนั้นหากถึงตอนนั้น เจ้าก็พาบุตรสาวมายังเชซายูเสีย อย่างไรทางใต้ที่อบอุ่นก็เหมาะจะให้เด็กเติบโตมากกว่าอยู่แล้ว”

“ขอบคุณ…มากจริงๆ ครับ ท่านป้า”

แคลอฮันโค้งศีรษะขอบคุณ

เสียงพูดเจือเสียงหัวเราะของท่านหญิงเซอเชาว์ปักเข้าลงบนกลางศีรษะของแคลอฮันที่โค้งลงมา

“ไม่ได้ให้ฟรีๆ หรอกนะ”

“…ครับ?”

“หากรู้สึกขอบใจกันละก็ เปิดสาขาร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันที่เซอเชาว์ด้วยล่ะ”

แคลอฮันกะพริบตาปริบๆ

“เซอเชาว์ที่มีทั้งห้องเสื้อ ทั้งผ้าทอเติบใหญ่แพร่หลาย ย่อมต้องเหมาะสมกว่าที่ดินของเจ้าพวกนั้นอยู่แล้ว ไม่คิดเช่นนั้นหรือ”

แคลอฮันไม่อาจตอบอะไรออกไปได้ง่ายๆ เขาได้แต่หัวเราะ ‘ฮ่าฮ่า…’ ด้วยความลำบากใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 58.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 58.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 58

“ฮ่าฮ่าไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ ท่านป้า”

ท่านพ่อยิ้มอย่างคนพ่ายแพ้

“แน่นอนสิ คนแก่เปลี่ยนไปง่ายๆ มีที่ไหนกัน”

ท่านหญิงเซอเชาว์เองก็มีสีหน้าหยอกล้อเล่นมุกกับท่านพ่อ

“พี่น้องของเจ้าไม่มาร่วมงานด้วยหรือ”

เบเจอร์กับลอเรนซ์ไม่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้

ได้ยินว่าระยะหลังมานี่ ทั้งสองคนกำลังยุ่งอยู่กับการร่วมมือกันลองทำธุรกิจใหม่

แน่นอนว่ายังไม่มีใครทราบว่าธุรกิจที่ว่านั่นคือกิจการใด

ชานาเนสอยากจะมาร่วมงานเลี้ยงด้วยกัน แต่สองแฝดดันป่วยเป็นไข้พร้อมกันทั้งคู่ ทำให้ไม่อาจมาร่วมงานได้แต่ก็ยังส่งกระดุมสำหรับตกแต่งซึ่งเข้ากับชุดที่ท่านพ่อสวมมาวันนี้ให้แทน

“ฮ่าฮ่า พวกเขายุ่งกันอยู่ไม่ใช่หรือครับ”

ท่านพ่อตอบเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ท่านหญิงเซอเชาว์กลับเดาะลิ้นเสียงดังจิจ๊ะในลำคอ

“ตั้งแต่เด็กก็ไม่เอาไหนอยู่แล้ว พี่ชายของเจ้าน่ะ ลอเรนซ์เจ้าโง่นั่นเอาแต่ยุ่งอยู่กับการเกาะขากางเกงของเบเจอร์ ไล่ตามต้อยๆ”

“อย่างนั้นหรือครับ”

“ใช่ เบเจอร์เองก็เป็นพวกโลภมากเหลือเกิน เคยกระทั่งยัดคุกกี้ส่วนที่ต้องมอบให้เจ้ากับลอเรนซ์ยัดใส่ปากในคราวเดียวจนคางยื่นด้วยนะ เป็นพวกโลภเสียจนท้องแตกก็คงยังไม่รู้ตัว”

“อุ๊ปส์!”

ให้ตายเถอะ เผลอหลุดหัวเราะออกไปซะเสียงดังเลย

“ฮึ่ม อะแฮ่ม!”

เธอรีบกระแอมไอแสร้งทำเป็นไม่ได้หัวเราะอะไร แต่แววตาของท่านหญิงเซอเชาว์ช่างร้อนแรงเหลือเกิน

ท่านหญิงเป็นคนไม่ชอบพวกไร้มารยาทหรือพวกบุ่มบ่ามเลือดร้อนเป็นไฟ

รู้สึกเหมือนหยาดเหงื่อไหลท่วมแผ่นหลัง

เธอรีบเอ่ยพูดกับท่านพ่อ

“ข้าขอไปเดินเล่นในงานหน่อยได้มั้ยคะ”

“หืม เอาสิ เทียของพ่อคงจะเบื่อแล้วสินะ ยังไงก็อย่าไปที่มืดๆ อยู่แต่ในโถงงานเลี้ยงนี้เท่านั้นล่ะ”

“ค่ะ พ่อ!”

เธอไม่ลืมกล่าวลาท่านหญิงเซอเชาว์อย่างสุภาพ แล้วเดินมุ่งไปทางอื่น

คงต้องใช้กลยุทธ์ล่าถอยเสียก่อน

“เทียของพวกเรางดงามมากเลยไม่ใช่หรือครับ ท่านป้า”

เบทริกซ์ เซอเชาว์มองแคลอฮันที่กำลังยิ้มเหมือนเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปี ในขณะเดียวกันนางก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย

ช่วงวัยเยาว์ ความสัมพันธ์ระหว่างเบทริกซ์กับนาตาเลียนั้นค่อนข้างสนิทสนมกันเป็นพิเศษ

ถึงแม้ความสัมพันธ์ของพวกนางจะเป็นพี่สะใภ้กับน้องสาวของสามีที่อาจจะกระอักกระอ่วนใจกันได้ แต่ทั้งคู่กลับใกล้ชิดกันมากจนเหมือนพี่สาวน้องสาวที่คลานตามกันมาจริงๆ

นาตาเลียเป็นฝ่ายจากโลกนี้ไปก่อน ใบหน้าที่นางแสนอาลัยนั้นเริ่มจางหายไปจากความทรงจำ ทำให้นางรู้สึกอ้างว้างเหลือเกินแต่ภาพลักษณ์อันแสนอ่อนโยนของนาตาเลียกลับยังคงมีชีวิตอยู่ราวกับโกหกยามนางมองใบหน้ายามยิ้มแย้มของแคลอฮัน

แคลอฮันได้รับนิสัยนุ่มนวลและค่อนข้างเงียบไม่พูดไม่จามาจากนาตาเลีย ทำให้นางเป็นกังวลอยู่เรื่อยว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางพี่น้องที่มีนิสัยรุนแรงพวกนั้นได้หรือเปล่า

“ดูเอื่อยเฉื่อยไม่น่ามองเท่าไหร่”

“อย่างนั้นหรือครับ แต่ออกจะน่ารักนะครับ…”

ในนัยน์ตาของแคลอฮันยามมองศีรษะทุยของลูกสาวที่เดินห่างออกไปไกลนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่

“ข้าไม่ได้พูดเพราะนางเป็นลูกสาวหรอกนะครับ เทียน่ะเป็นเด็กที่ฉลาดมากจริงๆ ครับ อันที่จริงชุดที่สวมมาวันนี้เทียก็เป็นคนตกแต่งด้วยตัวเอง ติดอัญมณีตามที่นางต้องการ และก็เสริมแต่งด้วยผ้าชนิดอื่นเข้าไปด้วยน่ะครับ”

“โอ้ว อย่างนั้นหรือ”

นัยน์ตาเต็มไปด้วยริ้วรอยของเบทริกซ์หันไปมองเดรสของฟีเรนเทียอีกครั้ง

ในสายตาของนาง มันเป็นชุดที่งดงามและมีเสน่ห์มากจนทำให้ต้องเผลอมองตามอยู่เรื่อย

เรียกได้ว่านางเองก็ตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ถามชื่อของคนที่ดีไซน์เสื้อผ้าชุดนั้นอยู่เหมือนกัน

แต่เด็กที่เพิ่งจะอายุได้สิบเอ็ดปีกลับเป็นคนต้นคิดอย่างนั้นหรือ

ท่านหญิงเซอเชาว์มองภาพของฟีเรนเทียที่หายเข้าไปด้านในระเบียงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งใจพูดหยอกล้อ

“มีเซ้นส์ด้านความสวยความงามไม่เหมือนบิดา ค่อยโล่งอกหน่อยนะ”

“ทะ…ท่านป้า! ข้าไม่มีเซ้นส์ตรงไหน…”

เบทริกซ์กวาดสายตาไล่มองแคลอฮันจากบนลงล่างด้วยนัยน์ตาไม่พอใจแทนคำตอบ

“เกิดมาหน้าตาดีขนาดนั้น แต่กลับไม่อาจดึงเอาจุดเด่นนั่นมาใช้ แล้วยังจะพูดมากอีก”

ใบหน้าของแคลอฮันขึ้นสีแดงเรื่อเล็กน้อย เขาเปลี่ยนหัวข้อกลับมาสนทนาเรื่องฟีเรนเทียต่อ

“ทุกคนต่างก็บอกว่าเทียเหมือนข้ามาก…”

“เด็กคนนั้นเนี่ยนะ”

ท่านหญิงแสยะยิ้ม

“คนอ่อนปวกเปียกอย่างเจ้าน่ะ แตกต่างจากเด็กนั่นตั้งแต่รากเหง้าแล้ว”

“แต่ยังไงก็เป็นลูกสาวข้านะครับ ถ้าไม่เหมือนข้า…”

“ชาห์นหรือเปล่านะ ชื่อแม่ของเด็กคนนั้น”

แคลอฮันเม้มปากแน่น

เวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้วก็จริง แต่มันเป็นชื่อที่ยังคงทำให้เขาเจ็บปวดใจไม่เปลี่ยน

“ใช่แล้ว เด็กคนนั้นเหมือนแม่ของนางไม่มีผิด โดยเฉพาะนัยน์ตาแข็งกร้าวคู่นั้น”

นัยน์ตาสงบนิ่ง กระจ่างใส มีเป้าหมายชัดเจน เมินเฉยทุกสิ่ง

มันไม่ใช่นัยน์ตาที่เด็กอายุเพียงแค่สิบเอ็ดปีจะมีได้

แคลอฮันที่อ่อนแอแบบนี้ ทำไมถึงเลี้ยงเด็กคนนั้นให้โตขึ้นมาเป็นแบบนั้นได้กันเป็นเรื่องที่แม้แต่ท่านหญิงเซอเชาว์เองก็ยังรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ

“เชซายูไม่ใช่ที่ดินที่ใหญ่อะไรขนาดนั้นหรอก แต่รอบข้างมีแม่น้ำและภูเขาใหญ่ เป็นผืนดินที่อุดมสมบูรณ์มากพอทำให้ครอบครัวหนึ่งไม่ขาดแคลนเรื่องอาหารการกินเท่านั้นเอง”

ท่านหญิงพูดราวกับเชซายูเป็นแค่สวนเล็กๆ ในชนบท

เชซายูเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการคมนาคมที่เชื่อมต่อตั้งแต่อาณาจักรแลมบลู ผ่านตอนกลางของทวีป ลากยาวไปถึงทางตอนใต้ เป็นทั้งทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตอุณหภูมิอบอุ่น

ไม่ต่างอะไรจากเซอเชาว์เฉือนเนื้อชิ้นใหญ่แบ่งให้แคลอฮัน

“เดิมทีที่ดินผืนนั้นตั้งใจจะมอบให้นาตาเลียไว้เป็นสินเดิม แต่เพราะอดีตจักรพรรดิไม่ต้องการให้เขตแดนของลอมบาร์เดียเพิ่มมากขึ้นไปกว่านั้น ทำให้มันมาตกอยู่ในการครอบครองของเซอเชาว์แทนน่ะ”

“เรื่องนั้น…ไม่ทราบเลยครับ”

“บิดาของเจ้าเองก็ไม่ได้มีนิสัยพูดจาซอกแซกไปทั่ว ในเมื่อตอนนี้เจ้าเองก็มีเขตแดนในครอบครองแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจใครอีก”

ไหล่ของแคลอฮันสั่นสะท้านเล็กน้อย

“อย่างไรเบเจอร์ที่เป็นบุตรชายคนโตก็คงตั้งใจจะเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปสินะ ดังนั้นหากถึงตอนนั้น เจ้าก็พาบุตรสาวมายังเชซายูเสีย อย่างไรทางใต้ที่อบอุ่นก็เหมาะจะให้เด็กเติบโตมากกว่าอยู่แล้ว”

“ขอบคุณ…มากจริงๆ ครับ ท่านป้า”

แคลอฮันโค้งศีรษะขอบคุณ

เสียงพูดเจือเสียงหัวเราะของท่านหญิงเซอเชาว์ปักเข้าลงบนกลางศีรษะของแคลอฮันที่โค้งลงมา

“ไม่ได้ให้ฟรีๆ หรอกนะ”

“…ครับ?”

“หากรู้สึกขอบใจกันละก็ เปิดสาขาร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันที่เซอเชาว์ด้วยล่ะ”

แคลอฮันกะพริบตาปริบๆ

“เซอเชาว์ที่มีทั้งห้องเสื้อ ทั้งผ้าทอเติบใหญ่แพร่หลาย ย่อมต้องเหมาะสมกว่าที่ดินของเจ้าพวกนั้นอยู่แล้ว ไม่คิดเช่นนั้นหรือ”

แคลอฮันไม่อาจตอบอะไรออกไปได้ง่ายๆ เขาได้แต่หัวเราะ ‘ฮ่าฮ่า…’ ด้วยความลำบากใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+