เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 101 พลังฉีธาตุหยินเข้าสู่ร่างกาย

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 101 พลังฉีธาตุหยินเข้าสู่ร่างกาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 101 พลังฉีธาตุหยินเข้าสู่ร่างกาย

 

“น่าสนใจ”

 

สายตาของซูฉินกวาดมองด้านหลังของกลุ่มทูตสองสามคนจากอาณาจักรหนานหมิง

 

สองสามคนนี้ไม่ได้โดดเด่นมากนัก พวกเขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยราวกับกลัวว่าจะไปสร้างความขุ่นเคืองให้กับเหล่าขุนนางภายในรั้วในวัง

 

แต่มีเพียงซูฉินเท่านั้นที่สังเกตเห็นจิตสังหารได้อย่างชัดเจน

 

จิตสังหารนี้เป็นสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ลึกภายในจิตใจ แม้ว่าจะเป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดอย่างจ้าวกงกงก็ไม่อาจตรวจพบได้

 

แต่โชคไม่ดีที่คนกลุ่มนี้มาพบเข้ากับซูฉิน

 

จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ระดับอรหันต์นั้นเป็นสิ่งที่ละเอียดลออแม้จะไม่ดีเท่าทิพยอำนาจ ‘รู้วาระจิต‘ ของทางพุทธ แต่หากคนกลุ่มนี้ต้องการซ่อนความปรารถนาเบื้องลึกต่อหน้าซูฉินก็เหมือนเป็นเพียงฝัน

 

“จิตสังหาร?”

 

“ทั้งยังซุกซ่อนความแข็งแกร่งของตน?”

 

“ดูเหมือนคณะทูตจากหนานหมิงจะมีจุดประสงค์แอบแฝงในการมาวังหลวงครั้งนี้…”

 

ดวงตาของซูฉินฉายแววขบคิด

 

เป็นไปไม่ได้ที่จักรพรรดิหมิงจะไม่รู้ว่ามีคนเหล่านี้ปะปนเข้ามาในคณะทูตจากหนานหมิง และทั้งหมดนี่ก็เป็นพระราชประสงค์ของจักรพรรดิหมิง กล่าวอีกนัยหนึ่งจักรพรรดิหนานหมิงอาจจะเตรียมพร้อมที่จะดำเนินการบางสิ่งกับราชวงศ์ถัง?

 

ในความเป็นจริงจักรพรรดิหมิงย่อมมีแผนการ

 

ตอนนี้จักรพรรดิถังอายุมากแล้ว แม้ว่าจะมีการแต่งตั้งรัชทายาทเรียบร้อย แต่เหล่าองค์ชายต่างก็มีความเห็นที่แตกต่างกันออกไป

 

ราชสำนักจะเข้าสู่ความวุ่นวาย

 

หากจักรพรรดิหมิงไม่ใช้โอกาสนี้ในการเคลื่อนไหว ฉายาที่ว่าเป็นยอดคนของยุคนี้ย่อมไร้ประโยชน์

 

ไม่มีความยุติธรรมใดในการสู้รบระหว่างอาณาจักร ผู้ชนะคือราชัน ผู้พ่ายแพ้ก็เป็นได้แค่กลุ่มโจร

 

“คนเหล่านี้วางแผนที่จะลอบสังหารองค์จักรพรรดิหรือเปล่า?”

 

ซูฉินคาดเดาอยู่ในใจ แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขนาดนั้น

 

ควรรู้ว่ามีจ้าวกงกงอยู่ข้างกายองค์จักรพรรดิ คอยปกป้องพระองค์ทุกย่างก้าว มือสังหารเหล่านี้มีจิตสังหารที่ซ่อนเร้นอยู่ หากพวกมันไม่ลงมือทำอะไร จ้าวกงกงย่อมไม่รู้

 

แต่เมื่อมันพร้อมที่จะลงมือเมื่อไหร่แล้วละก็ กลิ่นอายย่อมรั่วไหลออกมา ด้วยตำแหน่งของยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด คนเหล่านี้จะต้องตกตายในทันที

 

เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นภัยร้ายต่อองค์จักรพรรดิ

 

ถ้าองค์จักรพรรดิถูกลอบสังหารได้ง่ายดายเพียงนั้น พระองค์คงสิ้นพระชนม์ไปเสียนานแล้ว

 

ด้วยพระปรีชาของจักรพรรดิหมิง เป็นไปมิได้ที่แผนการจะธรรมดาและหยาบขนาดนี้

 

“แต่มันเกี่ยวอะไรกับข้าเล่า?”

 

“แม้ว่าจะมีมือสังหารจากหนานหมิงมาก่อความวุ่นวายในวังหลวง ตราบใดที่มันไม่ส่งผลกระทบต่อพระราชวังตะวันออก ก็ย่อมไม่มีผลมาถึงข้า”

 

“ไม่ว่าเรื่องราวภายนอกนั่นจะรุนแรงสักแค่ไหน ข้าก็แค่ต้องลงชื่อเข้าใช้ให้ทันเวลา…”

 

ซูฉินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้คิดมากจนเกินไป

 

ด้วยภูมิหลังของพระราชวังถัง เป็นไปได้อย่างไรที่มือสังหารจากนอกอาณาจักรเพียงไม่กี่คนจะสามารถจัดการได้?

 

ต่อมา ซูฉินก็กลับมาที่ตำหนักชุนฝั่งขวาอีกครั้ง พบว่าสาวใช้จากพระราชวังตะวันออกรออยู่ด้านนอกนานแล้ว

 

“นายท่าน พระชายาต้องการให้ท่านไปหาที่โถงเฉิงเอิน…”

 

สาวใช้โค้งคำนับซูฉินเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงต่ำ

 

“ข้าเข้าใจแล้ว”

 

ซูฉินมองไปบนท้องฟ้าและรู้ดีว่าองค์รัชทายาทหลี่เชิงคงต้องการจะชวนเขาไปลิ้มชิมอาหารอันเลิศรสที่ปรุงอย่างพิถีพิถันโดยพ่อครัวของวัง

 

ไม่นาน

ซูฉินก็มาถึงห้องโถงเฉิงเอิน

 

เป็นไปตามที่คาดการณ์

 

บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะหอมกรุ่นจรุงใจ

 

“พี่เขยสาม นั่งลงโดยเร็วเถิด”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงยิ้มให้ซูฉิน

 

หลังจากที่ทั้งสามคนกินไปได้สักพัก ซูฉินก็เหลือบมองไปที่ซูเยว่หยุนอย่างสบายๆ “นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว เจ้ายังมิได้มีครรภ์อีกหรือ?”

 

ซูฉินกล่าวเช่นนี้

 

สีหน้าของซูเยว่หยุนถึงกับเปลี่ยนไป

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงที่กำลังรับประทานอาหารอย่างมีความสุขก็ก้มหน้าลงเช่นกัน

 

“พี่สาม สุขภาพของข้าไม่ค่อยดีนัก ท่านหมอมาดูอาการหลายครั้งแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้…”

 

หลังจากหยุดนิ่งกันไปพักหนึ่ง ซูเยว่หยุนจึงกล่าวขึ้นมา

 

ในความเป็นจริงที่ซูเยว่หยุนมิได้ให้กำเนิดทายาทมาเป็นเวลาหลายปีนั้นสร้างความไม่พอใจให้ราชสำนักและเหล่าขุนนางมานานแล้วและแม้แต่ข้าราชการชั้นพิเศษยังออกมาฟ้องร้องเรื่องนี้

 

ทางราชวงศ์ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสืบทอดสายเลือดต่อไป ในฐานะที่เป็นพระชายาหากไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้ก็อาจส่งผลต่อความมั่นคงในตำแหน่งขององค์รัชทายาทไปด้วย

 

ถ้าไม่ใช่จักรพรรดิถังออกมาปราม เกรงว่าเรื่องนี้คงกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเสียนานแล้ว

 

“หยุนเหนียง ไม่ต้องกังวลใจไป มันจะต้องมีวิธีแน่”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงมองไปที่ซูเยว่หยุน อดไม่ได้ที่จะปลอบโยนนาง

 

ซูเยว่หยุนส่ายหัวเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยินประโยคนั้น

 

วิธี?

 

ถ้ามันมีวิธีจริงๆ ไยตอนนี้ถึงยังไม่เจอหนทางใดเลยเล่า?

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามิรู้ว่ามีหมอเทวดากี่คนต่อกี่คนแล้วที่มาตรวจเยี่ยมและแม้แต่หมอประจำตัวองค์จักรพรรดิถังก็มาตรวจเยี่ยมซูเยว่หยุนด้วยตนเอง ในที่สุดจึงได้ข้อสรุปว่า ‘พลังฉีธาตุหยิน‘ เจาะทะลวงเข้าไปในร่างกายมากเกินไปและไม่สามารถดึงมันกลับออกมาได้

 

โชคดีที่หมอประจำตัวขององค์จักรพรรดินั้นภักดีต่อจักรพรรดิถังจึงไม่ได้แพร่กระจายเรื่องนี้ออกไป

 

“ถ้าเจ้าเชื่อใจข้า ลองให้ข้าตรวจสอบดู”

 

ซูฉินมองไปที่สีหน้าขององค์รัชทายาทหลี่เชิงและซูเยว่หยุน แล้วจึงพูดออกมาอย่างสบายๆ

 

“พี่สามอยากจะลองตรวจสอบดู?”

 

ซูเยว่หยุนงงงวย

 

แม้ว่านางจะเชื่อในตัวของซูฉินมาก ทว่าแม้แต่หมอเทวดาหลายคนก็ยังไม่พบเงื่อนงำใดเลย ซูฉินจะตรวจดูได้หรือ

 

“หยุนเหนียงให้พี่สามได้ตรวจสอบเถอะ”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงที่อยู่ข้างๆ ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ ตอนแรกเขาก็ตกใจแต่รีบกระตุ้นเตือนให้นางตอบรับทันที

 

เขานั้นพลันคิดขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ ซูฉินเพียงเห็นองค์จักรพรรดิถังก็สามารถสรุปอาการได้แล้วว่าชะตากรรมคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน

 

แม้จะไม่รู้ว่าคำพูดของซูฉินเป็นจริงหรือเท็จ แต่อย่างน้อยจักรพรรดิถังก็ไม่ได้ตำหนิอะไรในเวลานั้น

 

“ได้…”

 

ซูเยว่หยุนพยักหน้า

 

ในทันทีหลังจากนั้น

 

ซูฉินวางมือสัมผัสชีพจรของซูเยว่หยุน อันที่จริงเขากวาดผ่านร่างกายของซูเยว่หยุนทุกตารางนิ้วแล้วด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ เหตุผลที่เขาต้องตรวจสอบชีพจรก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเพื่อยืนยันได้แน่ใจ

 

“พลังฉีธาตุหยินเข้าสู่ร่างกาย…”

 

ซูฉินปล่อยมือแล้วส่ายหัว

 

คำที่กล่าวออกมา

 

แววตาของซูเยว่หยุนกลายเป็นว่างเปล่าอย่างเห็นได้ชัด

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงที่อยู่ด้านข้างก็ถอนหายใจเช่นกัน

 

เขาจำได้แม่นว่าหมอประจำตัวขององค์จักรพรรดิถังก็พูดสิ่งเดียวกันนี้

 

จากนั้นประโยคต่อมาคือ ‘ไม่สามารถชักนำกลับมาได้‘

 

อย่างไรก็ตาม

 

ในเวลาต่อมา

 

ซูฉินกล่าวคำแผ่วเบา “แค่ปัญหาเล็กๆ”

 

หลังจากลงชื่อเข้าใช้ที่วัดเส้าหลินมาเกือบสามสิบปี นอกเหนือจากเคล็ดวิชาลับทั้งหลาย ซูฉินยังได้รับคัมภีร์ทางการแพทย์มาอีกมากมาย

 

ในทางหนึ่ง ซูฉินในขณะนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าหมอจากอาณาจักรไหนๆ ในโลกในแง่ของทักษะทางการแพทย์

 

เมื่อเทียบกับเหล่าหมอประจำตัวของจักรพรรดิแต่ละพระองค์ ซูฉินยังสามารถรักษาอาการในจุดที่ละเอียดอ่อนบอบบางที่สุดได้ด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์

 

ดังนั้นสำหรับหมอเทวดาคนอื่นๆ ด้วยธาตุหยินที่ซึมลึกอยู่ภายในกายของซูเยว่หยุนนั้นไม่สามารถนำออกมาได้ แต่ในสายตาของซูฉินมันเป็นเพียงปัญหาเล็กๆ

 

“อะไรนะ?”

 

ทันทีที่เสียงของซูฉินเงียบลง องค์รัชทายาทหลี่เชิงก็ลืมตาขึ้น เกือบจะคิดไปแล้วว่าตนได้ยินผิดไป

 

“พี่สาม ท่านว่าอะไรนะ?”

 

ซูเยว่หยุนก็ไม่เชื่อเหมือนกันและมองไปที่ซูฉินอย่างเหลือเชื่อ

 

“ข้าบอกว่าข้ารักษาได้”

 

เมื่อซูฉินพูดเช่นนี้ เขาก็หยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ขอพู่กันกับกระดาษให้ข้าหน่อย”

 

“มานี่”

 

“เร็วเข้า จงไปเตรียมพู่กันกับกระดาษมา”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงลุกขึ้นยืนในทันทีและกล่าวกับขันทีที่ยืนรออยู่ด้านข้าง

 

“ขอรับ”

 

ขันทีรีบถอยออกไป

 

จากนั้นไม่นานเขาก็นำกระดาษกับพู่กันมาวางไว้ตรงหน้าซูฉินอย่างนอบน้อม

 

ซูฉินเขียนวัตถุดิบตัวยากว่าครึ่งโหลเพื่อจดใบสั่งยา จากนั้นจึงวางพู่กันไว้ด้านข้าง

 

“ตามวัตถุดิบพวกนี้ให้ต้มเป็นซุปดื่มหนึ่งชามตอนเช้าและตอนเย็นอีกหนึ่งชาม จัดหามาให้เพียงพอสำหรับสามสิบวัน”

 

ซูฉินกล่าวคำเบาๆ

 

ความจริงใบสั่งยานี้ก็เป็นเพียงของบังหน้า เมื่อซูฉินตรวจสอบชีพจรของซูเยว่หยุนเมื่อครู่เขาก็ได้ใช้แก่นแท้แห่งพลังขับไล่พลังฉีธาตุหยินส่วนใหญ่ออกจากร่างกายนางไปเรียบร้อยแล้ว

 

หากไม่ใช่เพราะกังวลว่าร่างกายของซูเยว่หยุนจะไม่สามารถทานทนได้ ซูฉินจะรักษาอย่างตรงจุดไปเลยโดยที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งยานี้เพื่อกำจัดพลังหยินที่เหลืออยู่อย่างช้าๆ เช่นนี้หรอก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 101 พลังฉีธาตุหยินเข้าสู่ร่างกาย

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 101 พลังฉีธาตุหยินเข้าสู่ร่างกาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 101 พลังฉีธาตุหยินเข้าสู่ร่างกาย

 

“น่าสนใจ”

 

สายตาของซูฉินกวาดมองด้านหลังของกลุ่มทูตสองสามคนจากอาณาจักรหนานหมิง

 

สองสามคนนี้ไม่ได้โดดเด่นมากนัก พวกเขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยราวกับกลัวว่าจะไปสร้างความขุ่นเคืองให้กับเหล่าขุนนางภายในรั้วในวัง

 

แต่มีเพียงซูฉินเท่านั้นที่สังเกตเห็นจิตสังหารได้อย่างชัดเจน

 

จิตสังหารนี้เป็นสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ลึกภายในจิตใจ แม้ว่าจะเป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดอย่างจ้าวกงกงก็ไม่อาจตรวจพบได้

 

แต่โชคไม่ดีที่คนกลุ่มนี้มาพบเข้ากับซูฉิน

 

จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ระดับอรหันต์นั้นเป็นสิ่งที่ละเอียดลออแม้จะไม่ดีเท่าทิพยอำนาจ ‘รู้วาระจิต‘ ของทางพุทธ แต่หากคนกลุ่มนี้ต้องการซ่อนความปรารถนาเบื้องลึกต่อหน้าซูฉินก็เหมือนเป็นเพียงฝัน

 

“จิตสังหาร?”

 

“ทั้งยังซุกซ่อนความแข็งแกร่งของตน?”

 

“ดูเหมือนคณะทูตจากหนานหมิงจะมีจุดประสงค์แอบแฝงในการมาวังหลวงครั้งนี้…”

 

ดวงตาของซูฉินฉายแววขบคิด

 

เป็นไปไม่ได้ที่จักรพรรดิหมิงจะไม่รู้ว่ามีคนเหล่านี้ปะปนเข้ามาในคณะทูตจากหนานหมิง และทั้งหมดนี่ก็เป็นพระราชประสงค์ของจักรพรรดิหมิง กล่าวอีกนัยหนึ่งจักรพรรดิหนานหมิงอาจจะเตรียมพร้อมที่จะดำเนินการบางสิ่งกับราชวงศ์ถัง?

 

ในความเป็นจริงจักรพรรดิหมิงย่อมมีแผนการ

 

ตอนนี้จักรพรรดิถังอายุมากแล้ว แม้ว่าจะมีการแต่งตั้งรัชทายาทเรียบร้อย แต่เหล่าองค์ชายต่างก็มีความเห็นที่แตกต่างกันออกไป

 

ราชสำนักจะเข้าสู่ความวุ่นวาย

 

หากจักรพรรดิหมิงไม่ใช้โอกาสนี้ในการเคลื่อนไหว ฉายาที่ว่าเป็นยอดคนของยุคนี้ย่อมไร้ประโยชน์

 

ไม่มีความยุติธรรมใดในการสู้รบระหว่างอาณาจักร ผู้ชนะคือราชัน ผู้พ่ายแพ้ก็เป็นได้แค่กลุ่มโจร

 

“คนเหล่านี้วางแผนที่จะลอบสังหารองค์จักรพรรดิหรือเปล่า?”

 

ซูฉินคาดเดาอยู่ในใจ แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขนาดนั้น

 

ควรรู้ว่ามีจ้าวกงกงอยู่ข้างกายองค์จักรพรรดิ คอยปกป้องพระองค์ทุกย่างก้าว มือสังหารเหล่านี้มีจิตสังหารที่ซ่อนเร้นอยู่ หากพวกมันไม่ลงมือทำอะไร จ้าวกงกงย่อมไม่รู้

 

แต่เมื่อมันพร้อมที่จะลงมือเมื่อไหร่แล้วละก็ กลิ่นอายย่อมรั่วไหลออกมา ด้วยตำแหน่งของยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด คนเหล่านี้จะต้องตกตายในทันที

 

เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นภัยร้ายต่อองค์จักรพรรดิ

 

ถ้าองค์จักรพรรดิถูกลอบสังหารได้ง่ายดายเพียงนั้น พระองค์คงสิ้นพระชนม์ไปเสียนานแล้ว

 

ด้วยพระปรีชาของจักรพรรดิหมิง เป็นไปมิได้ที่แผนการจะธรรมดาและหยาบขนาดนี้

 

“แต่มันเกี่ยวอะไรกับข้าเล่า?”

 

“แม้ว่าจะมีมือสังหารจากหนานหมิงมาก่อความวุ่นวายในวังหลวง ตราบใดที่มันไม่ส่งผลกระทบต่อพระราชวังตะวันออก ก็ย่อมไม่มีผลมาถึงข้า”

 

“ไม่ว่าเรื่องราวภายนอกนั่นจะรุนแรงสักแค่ไหน ข้าก็แค่ต้องลงชื่อเข้าใช้ให้ทันเวลา…”

 

ซูฉินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้คิดมากจนเกินไป

 

ด้วยภูมิหลังของพระราชวังถัง เป็นไปได้อย่างไรที่มือสังหารจากนอกอาณาจักรเพียงไม่กี่คนจะสามารถจัดการได้?

 

ต่อมา ซูฉินก็กลับมาที่ตำหนักชุนฝั่งขวาอีกครั้ง พบว่าสาวใช้จากพระราชวังตะวันออกรออยู่ด้านนอกนานแล้ว

 

“นายท่าน พระชายาต้องการให้ท่านไปหาที่โถงเฉิงเอิน…”

 

สาวใช้โค้งคำนับซูฉินเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงต่ำ

 

“ข้าเข้าใจแล้ว”

 

ซูฉินมองไปบนท้องฟ้าและรู้ดีว่าองค์รัชทายาทหลี่เชิงคงต้องการจะชวนเขาไปลิ้มชิมอาหารอันเลิศรสที่ปรุงอย่างพิถีพิถันโดยพ่อครัวของวัง

 

ไม่นาน

ซูฉินก็มาถึงห้องโถงเฉิงเอิน

 

เป็นไปตามที่คาดการณ์

 

บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะหอมกรุ่นจรุงใจ

 

“พี่เขยสาม นั่งลงโดยเร็วเถิด”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงยิ้มให้ซูฉิน

 

หลังจากที่ทั้งสามคนกินไปได้สักพัก ซูฉินก็เหลือบมองไปที่ซูเยว่หยุนอย่างสบายๆ “นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว เจ้ายังมิได้มีครรภ์อีกหรือ?”

 

ซูฉินกล่าวเช่นนี้

 

สีหน้าของซูเยว่หยุนถึงกับเปลี่ยนไป

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงที่กำลังรับประทานอาหารอย่างมีความสุขก็ก้มหน้าลงเช่นกัน

 

“พี่สาม สุขภาพของข้าไม่ค่อยดีนัก ท่านหมอมาดูอาการหลายครั้งแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้…”

 

หลังจากหยุดนิ่งกันไปพักหนึ่ง ซูเยว่หยุนจึงกล่าวขึ้นมา

 

ในความเป็นจริงที่ซูเยว่หยุนมิได้ให้กำเนิดทายาทมาเป็นเวลาหลายปีนั้นสร้างความไม่พอใจให้ราชสำนักและเหล่าขุนนางมานานแล้วและแม้แต่ข้าราชการชั้นพิเศษยังออกมาฟ้องร้องเรื่องนี้

 

ทางราชวงศ์ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสืบทอดสายเลือดต่อไป ในฐานะที่เป็นพระชายาหากไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้ก็อาจส่งผลต่อความมั่นคงในตำแหน่งขององค์รัชทายาทไปด้วย

 

ถ้าไม่ใช่จักรพรรดิถังออกมาปราม เกรงว่าเรื่องนี้คงกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเสียนานแล้ว

 

“หยุนเหนียง ไม่ต้องกังวลใจไป มันจะต้องมีวิธีแน่”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงมองไปที่ซูเยว่หยุน อดไม่ได้ที่จะปลอบโยนนาง

 

ซูเยว่หยุนส่ายหัวเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยินประโยคนั้น

 

วิธี?

 

ถ้ามันมีวิธีจริงๆ ไยตอนนี้ถึงยังไม่เจอหนทางใดเลยเล่า?

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามิรู้ว่ามีหมอเทวดากี่คนต่อกี่คนแล้วที่มาตรวจเยี่ยมและแม้แต่หมอประจำตัวองค์จักรพรรดิถังก็มาตรวจเยี่ยมซูเยว่หยุนด้วยตนเอง ในที่สุดจึงได้ข้อสรุปว่า ‘พลังฉีธาตุหยิน‘ เจาะทะลวงเข้าไปในร่างกายมากเกินไปและไม่สามารถดึงมันกลับออกมาได้

 

โชคดีที่หมอประจำตัวขององค์จักรพรรดินั้นภักดีต่อจักรพรรดิถังจึงไม่ได้แพร่กระจายเรื่องนี้ออกไป

 

“ถ้าเจ้าเชื่อใจข้า ลองให้ข้าตรวจสอบดู”

 

ซูฉินมองไปที่สีหน้าขององค์รัชทายาทหลี่เชิงและซูเยว่หยุน แล้วจึงพูดออกมาอย่างสบายๆ

 

“พี่สามอยากจะลองตรวจสอบดู?”

 

ซูเยว่หยุนงงงวย

 

แม้ว่านางจะเชื่อในตัวของซูฉินมาก ทว่าแม้แต่หมอเทวดาหลายคนก็ยังไม่พบเงื่อนงำใดเลย ซูฉินจะตรวจดูได้หรือ

 

“หยุนเหนียงให้พี่สามได้ตรวจสอบเถอะ”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงที่อยู่ข้างๆ ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ ตอนแรกเขาก็ตกใจแต่รีบกระตุ้นเตือนให้นางตอบรับทันที

 

เขานั้นพลันคิดขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ ซูฉินเพียงเห็นองค์จักรพรรดิถังก็สามารถสรุปอาการได้แล้วว่าชะตากรรมคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน

 

แม้จะไม่รู้ว่าคำพูดของซูฉินเป็นจริงหรือเท็จ แต่อย่างน้อยจักรพรรดิถังก็ไม่ได้ตำหนิอะไรในเวลานั้น

 

“ได้…”

 

ซูเยว่หยุนพยักหน้า

 

ในทันทีหลังจากนั้น

 

ซูฉินวางมือสัมผัสชีพจรของซูเยว่หยุน อันที่จริงเขากวาดผ่านร่างกายของซูเยว่หยุนทุกตารางนิ้วแล้วด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ เหตุผลที่เขาต้องตรวจสอบชีพจรก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเพื่อยืนยันได้แน่ใจ

 

“พลังฉีธาตุหยินเข้าสู่ร่างกาย…”

 

ซูฉินปล่อยมือแล้วส่ายหัว

 

คำที่กล่าวออกมา

 

แววตาของซูเยว่หยุนกลายเป็นว่างเปล่าอย่างเห็นได้ชัด

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงที่อยู่ด้านข้างก็ถอนหายใจเช่นกัน

 

เขาจำได้แม่นว่าหมอประจำตัวขององค์จักรพรรดิถังก็พูดสิ่งเดียวกันนี้

 

จากนั้นประโยคต่อมาคือ ‘ไม่สามารถชักนำกลับมาได้‘

 

อย่างไรก็ตาม

 

ในเวลาต่อมา

 

ซูฉินกล่าวคำแผ่วเบา “แค่ปัญหาเล็กๆ”

 

หลังจากลงชื่อเข้าใช้ที่วัดเส้าหลินมาเกือบสามสิบปี นอกเหนือจากเคล็ดวิชาลับทั้งหลาย ซูฉินยังได้รับคัมภีร์ทางการแพทย์มาอีกมากมาย

 

ในทางหนึ่ง ซูฉินในขณะนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าหมอจากอาณาจักรไหนๆ ในโลกในแง่ของทักษะทางการแพทย์

 

เมื่อเทียบกับเหล่าหมอประจำตัวของจักรพรรดิแต่ละพระองค์ ซูฉินยังสามารถรักษาอาการในจุดที่ละเอียดอ่อนบอบบางที่สุดได้ด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์

 

ดังนั้นสำหรับหมอเทวดาคนอื่นๆ ด้วยธาตุหยินที่ซึมลึกอยู่ภายในกายของซูเยว่หยุนนั้นไม่สามารถนำออกมาได้ แต่ในสายตาของซูฉินมันเป็นเพียงปัญหาเล็กๆ

 

“อะไรนะ?”

 

ทันทีที่เสียงของซูฉินเงียบลง องค์รัชทายาทหลี่เชิงก็ลืมตาขึ้น เกือบจะคิดไปแล้วว่าตนได้ยินผิดไป

 

“พี่สาม ท่านว่าอะไรนะ?”

 

ซูเยว่หยุนก็ไม่เชื่อเหมือนกันและมองไปที่ซูฉินอย่างเหลือเชื่อ

 

“ข้าบอกว่าข้ารักษาได้”

 

เมื่อซูฉินพูดเช่นนี้ เขาก็หยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ขอพู่กันกับกระดาษให้ข้าหน่อย”

 

“มานี่”

 

“เร็วเข้า จงไปเตรียมพู่กันกับกระดาษมา”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงลุกขึ้นยืนในทันทีและกล่าวกับขันทีที่ยืนรออยู่ด้านข้าง

 

“ขอรับ”

 

ขันทีรีบถอยออกไป

 

จากนั้นไม่นานเขาก็นำกระดาษกับพู่กันมาวางไว้ตรงหน้าซูฉินอย่างนอบน้อม

 

ซูฉินเขียนวัตถุดิบตัวยากว่าครึ่งโหลเพื่อจดใบสั่งยา จากนั้นจึงวางพู่กันไว้ด้านข้าง

 

“ตามวัตถุดิบพวกนี้ให้ต้มเป็นซุปดื่มหนึ่งชามตอนเช้าและตอนเย็นอีกหนึ่งชาม จัดหามาให้เพียงพอสำหรับสามสิบวัน”

 

ซูฉินกล่าวคำเบาๆ

 

ความจริงใบสั่งยานี้ก็เป็นเพียงของบังหน้า เมื่อซูฉินตรวจสอบชีพจรของซูเยว่หยุนเมื่อครู่เขาก็ได้ใช้แก่นแท้แห่งพลังขับไล่พลังฉีธาตุหยินส่วนใหญ่ออกจากร่างกายนางไปเรียบร้อยแล้ว

 

หากไม่ใช่เพราะกังวลว่าร่างกายของซูเยว่หยุนจะไม่สามารถทานทนได้ ซูฉินจะรักษาอย่างตรงจุดไปเลยโดยที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งยานี้เพื่อกำจัดพลังหยินที่เหลืออยู่อย่างช้าๆ เช่นนี้หรอก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+