เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 104 โทสะ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 104 โทสะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 104 โทสะ

 

 

ภายในพระราชวังถัง

 

องค์รัชทายาทถูกลอบสังหาร

 

คณะทูตจากหนานหมิงที่ดูไม่มีพิษมีภัยในตอนแรกพลันเปลี่ยนเป็นก้าวร้าวรุนแรง บรรยากาศโดยรอบอวลระอุไปด้วยจิตสังหารที่เย็นยะเยียบและน่าสยดสยอง

 

แทบจะในทันทีทันใด

 

รองแม่ทัพประจำประตูเต่าดำก็ลืมตาขึ้นและมองไปยังตำแหน่งขององค์รัชทายาท

 

รองแม่ทัพคนนี้เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งซึ่งรับผิดชอบในการป้องกันคุ้มกันวังหลวง มีประสาทสัมผัสไวมากต่อไอพลังต่างๆ ไม่ต้องพูดถึงจิตสังหารที่ไม่มีการซ่อนเร้นเช่นนี้

 

“ไม่ดีแล้ว”

 

“เกิดปัญหาขึ้นกับองค์รัชทายาท”

 

ใบหน้าของรองแม่ทัพตอนนี้บิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียด

 

องค์รัชทายาทอยู่ไม่ห่างจากประตูเต่าดำมากเท่าไหร่นัก หากมีอะไรเกิดขึ้นกับองค์รัชทายาทจริงๆ ความผิดทั้งหมดนั้นเขาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบและอาจโดนลงโทษ

 

ความเป็นความตายขององค์รัชทายาทถูกผูกไว้กับความไปของอาณาจักรถังทั้งหมด ในตอนนี้แม้ว่าเขาจะเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง แต่ย่อมมิอาจเลี่ยงโทษที่รุนแรงไปได้

 

“รวมกำลังพลแล้วตามข้ามา!”

 

รองแม่ทัพประจำประตูเต่าดำก้าวไปข้างหน้า ร่างทั้งร่างวูบไหวราวกับภูตผีมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่มีจิตสังหารพวยพุ่งออกมา

 

ความเร็วในการตอบสนองต่อทุกสิ่งของรองแม่ทัพนั้นเร็วมาก ยามที่เขารู้สึกถึงรังสีฆ่าฟันมันก็ใช้เวลาเพียงครู่เดียว

 

และออกจากจุดประจำการเพียงชั่วครู่หลังจากนั้น

 

หลังจากที่รีบออกจากประตูเต่าดำจนมาถึงสถานที่ที่องค์รัชทายาทอยู่ก็ใช้เวลาไปสามช่วงลมหายใจ

 

จากช่วงเริ่มต้นของการลอบสังหารจนถึงเวลานี้ รองแม่ทัพของวังหลวงใช้เวลาถึงห้าลมหายใจเพื่อเดินทาง

 

ห้าลมหายใจทำอะไรได้บ้าง?

 

สำหรับคนทั่วไปอาจจะกะพริบตาได้สองสามครั้งหรือบางทีอาจจะเป็นสิบครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม

 

ช่วงเวลาห้าลมหายใจนี้เปรียบเสมือนยาวนานนับปีในความรู้สึกของรองแม่ทัพที่วิตกกังวลอยู่ในขณะนี้

 

รองแม่ทัพแห่งวังหลวงรู้ดีว่าการที่จะลอบสังหารองค์รัชทายาทภายในวังหลวงได้ ต้องมีแผนการที่รอบคอบ ถ้าไม่มีแผนการที่แน่นอนแล้วละก็ มือสังหารพวกนี้จะไม่แอบซ่อนเข้ามาในวังเป็นแน่

 

ในเมื่อพวกมันกล้าลงมือ หมายความว่ามือสังหารเหล่านี้คิดว่าการลอบสังหารจะต้องสำเร็จลุล่วง

 

“ฝ่าบาทองค์รัชทายาท”

 

“หวังว่าท่านจะยังมีชีวิตรอดตอนที่ข้าไปถึง”

 

ความคิดของรองแม่ทัพแห่งวังหลวงแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กำลังภายในที่โคจรในร่างแทบจะเดือดพล่าน

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

รองแม่ทัพแห่งวังหลวงมาถึงและกำลังจะลงมือหยุดยั้งการลอบสังหาร

 

เขาก็พบเห็นฉากอันน่าประทับใจมิรู้ลืม

 

เขาเห็นมือสังหารที่แต่เดิมเต็มไปด้วยจิตสังหารเปลี่ยนเป็นตกตะลึง จากนั้นร่างกายของมันก็เริ่มลุกไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงกรีดร้อง

 

“นี่คือ?”

 

รองแม่ทัพตกใจ ร่างสั่นสะท้าน

 

ก่อนที่เขาจะมาถึงที่นี่ เขาคาดเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้มากมายหลายรูปแบบ และยังคิดว่าองค์รัชทายาทอาจจะตกตายไปแล้วด้วยน้ำมือของมือสังหาร

 

แต่ไม่เคยคิดว่าภาพที่ได้เห็นจะเป็นเช่นนี้

 

เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้หากมือสังหารถูกหั่นหรือผ่าออกเป็นสองท่อน แต่สภาพที่โดนเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านนี่มันเหนือจินตนาการของรองแม่ทัพเกินไป

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงรู้สึกประหลาดใจไม่แพ้กัน รวมถึงเหล่าคนสนิทอีกหลายคน

 

เมื่อครู่ที่ผ่านมา พวกเขายังตกอยู่ท่ามกลางอันตรายถึงแก่ชีวิตอยู่เลย สามารถตกตายด้วยน้ำมือของมือสังหารได้ทุกเมื่อ แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดคิดเช่นนี้ขึ้น

 

ขณะนั้นเอง

 

กองทหารแห่งวังหลวงก็เดินทางมาถึง

 

รองแม่ทัพระงับความตกใจของตนเองและตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ปกป้ององค์รัชทายาท”

 

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ ความปลอดภัยขององค์รัชทายาทเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง

 

“พี่สาม ท่านสบายดีหรือไม่?”

 

ซูเยว่หยุนค่อยๆ ฟื้นคืนสติกลับมาได้ จึงดึงแขนของซูฉินมาถามด้วยเสียงต่ำ

 

“ข้าสบายดี”

 

ซูฉินส่ายหัวและมองไปยังกองขี้เถ้าที่เคยเป็นร่างของมือสังหาร

 

เขาค้นพบตั้งแต่แรกแล้วว่าคณะทูตจากหนานหมิงพวกนี้เข้ามาในวังเพราะมีแผนการแอบแฝง

 

อย่างไรก็ตามซูฉินนั้นคิดว่าตราบใดที่มือสังหารพวกนี้ไม่กระทบต่อชีวิตในพระราชวังตะวันออกของเขา ขององค์รัชทายาท หรือน้องสาวคนเล็กของเขา เขาก็จะไม่เข้าไปแทรกแซงแต่อย่างใด

 

ในทั้งวังหลวงซูฉินรู้จักเพียง ซูเยว่หยุน หลี่เชิง และคนอื่นอีกแค่ไม่กี่คน

 

สำหรับคนอื่นนั้น ซูฉินไม่ได้สนใจว่าจะอยู่หรือตาย ไม่ว่าจะพวกขันทีหรือเหล่าองค์ชายก็ตาม

 

แต่สิ่งที่ซูฉินไม่คาดคิดก็คือเป้าหมายของมือสังหารพวกนี้กลับเป็นองค์รัชทายาทหลี่เชิง

 

“จักรพรรดิหมิง…”

 

ท่าทีของซูฉินยังคงสงบนิ่ง ดวงตาของเขาเริ่มฉายแววครุ่นคิด

 

“พี่สาม ไม่เป็นอะไรแล้ว ทุกอย่างจบลงแล้ว….”

 

ซูเยว่หยุนคิดว่าซูฉินตกใจจึงรีบเข้ามาปลอบโยน

 

“คณะทูตจากหนานหมิง?”

 

“ไอ้พวกเวร!!!”

 

ในเวลานี้รองแม่ทัพของวังหลวงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดโดยคร่าวๆ แล้ว และรู้ว่ากลุ่มมือสังหารที่ออกมานั้นเป็นส่วนหนึ่งของคณะทูตจากหนานหมิง

 

“ฝ่าบาทองค์รัชทายาท ข้าจะพาท่านกลับไปพระราชวังตะวันออกด้วยตัวของข้าเอง”

 

รองแม่ทัพภายในวังหลวง โค้งคารวะต่อหน้าองค์รัชทายาทหลี่เชิง

 

“ได้”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อยในขณะนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจเรื่องออกนอกวังแล้ว และรีบกลับพระราชวังตะวันออกในทันทีพร้อมกับซูเยว่หยุน ซูฉิน และคนอื่นๆ

 

พระราชวังตะวันออกเป็นที่ประทับขององค์รัชทายาท มีกองทหารของวังหลวงจำนวนมากคอยเฝ้าระวัง

 

แม้จะเป็นคณะทูตของอาณาจักรใดก็ตาม ไม่สามารถเข้าไปในพระราชวังตะวันออกได้แน่ นับประสาอะไรกับพวกมือลอบสังหาร

 

หลังจากนั้นไม่นาน

 

ภายในห้องโถงชีวิตนิรันดร์

 

เมื่อได้ฟังรายงานจากรองแม่ทัพแห่งวังหลวง จักรพรรดิถังก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกไป

 

ห้องโถงชีวิตนิรันดร์เป็นวังของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังซึ่งหมายถึงอายุที่ยืนยาวและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล

 

“ข้าเข้าใจแล้ว”

 

“เจ้าออกไปได้”

 

จักรพรรดิถังโบกมือและกล่าวคำเบาๆ

 

“ตามพระบัญชา”

 

รองแม่ทัพแห่งวังหลวงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

 

แม้ว่าองค์รัชทายาทจะไม่ได้สิ้นพระชนม์ แต่มือสังหารทุกคนก็ต้องได้รับโทษและดูเหมือนว่าเรื่องราวจะคลี่คลาย เป็นที่น่าพอใจ

 

อย่างไรก็ตาม ข้อผิดพลาดครั้งใหญ่ในวังหลวงที่เปิดโอกาสให้มือสังหารจากอาณาจักรอื่นเข้ามาลอบสังหารองค์รัชทายาทนั้น ในฐานะรองแม่ทัพที่เฝ้าประตูเต่าดำ เขาต้องรับผิดชอบทุกสิ่ง

 

แต่ตอนนี้จักรพรรดิถังให้เขาออกไปได้ เห็นได้ชัดว่าพระองค์ขี้เกียจเกินกว่าจะดำเนินการสิ่งใด

 

รอจนกระทั่งรองแม่ทัพจากไปอย่างสมบูรณ์

 

สีหน้าขององค์จักรพรรดิถังค่อยๆ ทะมึนขึ้นมา

 

“จักรพรรดิหมิงช่างกล้าหาญเสียจริง นี่คิดว่าข้าไม่กล้าเผชิญหน้ากับมันงั้นหรือ?”

 

ร่องรอยความโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าขององค์จักรพรรดิถัง

 

“ฝ่าบาท อย่าเพิ่งมีโทสะไป…”

 

จ้าวกงกงในชุดคลุมสีม่วงเดินออกมาแล้วกล่าวว่า “การลอบสังหารองค์รัชทายาทเป็นเรื่องสำคัญมาก ในตอนนี้จะต้องมีบุคคลจากหนานหมิงที่มีอำนาจเพียงพอจะควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดอยู่ภายในเมืองฉางอันเป็นแน่”

 

“ตอนนี้การลอบสังหารล้มเหลว ข่าวคราวก็ยังไม่ได้รั่วไหลออกไป ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะคว้าตัวบุคคลนั้นมา มิดีกว่าหรือ…”

 

จ้าวกงกงเอ่ยกล่าวอย่างช้าๆ

 

“ไม่เลว”

 

จักรพรรดิถังเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าเล็กน้อย

 

หากสามารถจับตัวคนสั่งการใหญ่จากหนานหมิงที่อยู่ภายในเมืองฉางอันได้สำเร็จ สิ่งนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาพรวมการรบระหว่างอาณาจักรถังและอาณาจักรหมิง

 

“เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้ารับใช้เฒ่าผู้นี้ ทั่วทั้งเมืองฉางอันนี้ ตราบใดที่อีกฝ่ายยังคงอยู่ที่นี่ มันจะไม่มีทางหนีไปไหนรอด”

 

เมื่อจ้าวกงกงพูดเช่นนั้นเขาก็หยุดพูดแล้วจึงพูดต่อว่า “ฝ่าบาท ท่านไม่อยากรู้สักหน่อยหรือว่าใครเป็นผู้ที่ช่วยองค์รัชทายาทเอาไว้?”

 

ตามสิ่งที่รองแม่ทัพจากวังหลวงได้กล่าวเอาไว้ เมื่อเขามาถึงมือสังหารก็ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านและหายไปเสียแล้ว

 

เห็นได้ชัดว่า

 

ก่อนที่ตัวเขาจะมาถึง มีคนชิงลงมือไปก่อนแล้ว

 

คนที่สามารถลงมือเผามือสังหารได้อย่างเงียบเชียบ ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้อาจจะเหนือกว่ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั่วๆ ไป แม้ว่าอาจจะไม่เก่งกาจเท่าจ้าวกงกงแต่ฝีมือคงไม่ห่างไกลนัก

 

“อยากรู้?”

 

เมื่อได้ยินดังนั้นจักรพรรดิถังก็ส่ายหัวและพูดเบาๆ “ทุกคนต่างก็มีความลับเป็นของตัวเอง เด็กๆ นั้นโตแล้ว เป็นเรื่องปกติที่จะมีความลับเป็นของตัวเอง”

 

“ทำไมข้าจะต้องไปอยากรู้ด้วยเล่า?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 104 โทสะ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 104 โทสะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 104 โทสะ

 

 

ภายในพระราชวังถัง

 

องค์รัชทายาทถูกลอบสังหาร

 

คณะทูตจากหนานหมิงที่ดูไม่มีพิษมีภัยในตอนแรกพลันเปลี่ยนเป็นก้าวร้าวรุนแรง บรรยากาศโดยรอบอวลระอุไปด้วยจิตสังหารที่เย็นยะเยียบและน่าสยดสยอง

 

แทบจะในทันทีทันใด

 

รองแม่ทัพประจำประตูเต่าดำก็ลืมตาขึ้นและมองไปยังตำแหน่งขององค์รัชทายาท

 

รองแม่ทัพคนนี้เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งซึ่งรับผิดชอบในการป้องกันคุ้มกันวังหลวง มีประสาทสัมผัสไวมากต่อไอพลังต่างๆ ไม่ต้องพูดถึงจิตสังหารที่ไม่มีการซ่อนเร้นเช่นนี้

 

“ไม่ดีแล้ว”

 

“เกิดปัญหาขึ้นกับองค์รัชทายาท”

 

ใบหน้าของรองแม่ทัพตอนนี้บิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียด

 

องค์รัชทายาทอยู่ไม่ห่างจากประตูเต่าดำมากเท่าไหร่นัก หากมีอะไรเกิดขึ้นกับองค์รัชทายาทจริงๆ ความผิดทั้งหมดนั้นเขาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบและอาจโดนลงโทษ

 

ความเป็นความตายขององค์รัชทายาทถูกผูกไว้กับความไปของอาณาจักรถังทั้งหมด ในตอนนี้แม้ว่าเขาจะเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง แต่ย่อมมิอาจเลี่ยงโทษที่รุนแรงไปได้

 

“รวมกำลังพลแล้วตามข้ามา!”

 

รองแม่ทัพประจำประตูเต่าดำก้าวไปข้างหน้า ร่างทั้งร่างวูบไหวราวกับภูตผีมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่มีจิตสังหารพวยพุ่งออกมา

 

ความเร็วในการตอบสนองต่อทุกสิ่งของรองแม่ทัพนั้นเร็วมาก ยามที่เขารู้สึกถึงรังสีฆ่าฟันมันก็ใช้เวลาเพียงครู่เดียว

 

และออกจากจุดประจำการเพียงชั่วครู่หลังจากนั้น

 

หลังจากที่รีบออกจากประตูเต่าดำจนมาถึงสถานที่ที่องค์รัชทายาทอยู่ก็ใช้เวลาไปสามช่วงลมหายใจ

 

จากช่วงเริ่มต้นของการลอบสังหารจนถึงเวลานี้ รองแม่ทัพของวังหลวงใช้เวลาถึงห้าลมหายใจเพื่อเดินทาง

 

ห้าลมหายใจทำอะไรได้บ้าง?

 

สำหรับคนทั่วไปอาจจะกะพริบตาได้สองสามครั้งหรือบางทีอาจจะเป็นสิบครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม

 

ช่วงเวลาห้าลมหายใจนี้เปรียบเสมือนยาวนานนับปีในความรู้สึกของรองแม่ทัพที่วิตกกังวลอยู่ในขณะนี้

 

รองแม่ทัพแห่งวังหลวงรู้ดีว่าการที่จะลอบสังหารองค์รัชทายาทภายในวังหลวงได้ ต้องมีแผนการที่รอบคอบ ถ้าไม่มีแผนการที่แน่นอนแล้วละก็ มือสังหารพวกนี้จะไม่แอบซ่อนเข้ามาในวังเป็นแน่

 

ในเมื่อพวกมันกล้าลงมือ หมายความว่ามือสังหารเหล่านี้คิดว่าการลอบสังหารจะต้องสำเร็จลุล่วง

 

“ฝ่าบาทองค์รัชทายาท”

 

“หวังว่าท่านจะยังมีชีวิตรอดตอนที่ข้าไปถึง”

 

ความคิดของรองแม่ทัพแห่งวังหลวงแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กำลังภายในที่โคจรในร่างแทบจะเดือดพล่าน

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

รองแม่ทัพแห่งวังหลวงมาถึงและกำลังจะลงมือหยุดยั้งการลอบสังหาร

 

เขาก็พบเห็นฉากอันน่าประทับใจมิรู้ลืม

 

เขาเห็นมือสังหารที่แต่เดิมเต็มไปด้วยจิตสังหารเปลี่ยนเป็นตกตะลึง จากนั้นร่างกายของมันก็เริ่มลุกไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงกรีดร้อง

 

“นี่คือ?”

 

รองแม่ทัพตกใจ ร่างสั่นสะท้าน

 

ก่อนที่เขาจะมาถึงที่นี่ เขาคาดเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้มากมายหลายรูปแบบ และยังคิดว่าองค์รัชทายาทอาจจะตกตายไปแล้วด้วยน้ำมือของมือสังหาร

 

แต่ไม่เคยคิดว่าภาพที่ได้เห็นจะเป็นเช่นนี้

 

เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้หากมือสังหารถูกหั่นหรือผ่าออกเป็นสองท่อน แต่สภาพที่โดนเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านนี่มันเหนือจินตนาการของรองแม่ทัพเกินไป

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงรู้สึกประหลาดใจไม่แพ้กัน รวมถึงเหล่าคนสนิทอีกหลายคน

 

เมื่อครู่ที่ผ่านมา พวกเขายังตกอยู่ท่ามกลางอันตรายถึงแก่ชีวิตอยู่เลย สามารถตกตายด้วยน้ำมือของมือสังหารได้ทุกเมื่อ แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดคิดเช่นนี้ขึ้น

 

ขณะนั้นเอง

 

กองทหารแห่งวังหลวงก็เดินทางมาถึง

 

รองแม่ทัพระงับความตกใจของตนเองและตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ปกป้ององค์รัชทายาท”

 

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ ความปลอดภัยขององค์รัชทายาทเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง

 

“พี่สาม ท่านสบายดีหรือไม่?”

 

ซูเยว่หยุนค่อยๆ ฟื้นคืนสติกลับมาได้ จึงดึงแขนของซูฉินมาถามด้วยเสียงต่ำ

 

“ข้าสบายดี”

 

ซูฉินส่ายหัวและมองไปยังกองขี้เถ้าที่เคยเป็นร่างของมือสังหาร

 

เขาค้นพบตั้งแต่แรกแล้วว่าคณะทูตจากหนานหมิงพวกนี้เข้ามาในวังเพราะมีแผนการแอบแฝง

 

อย่างไรก็ตามซูฉินนั้นคิดว่าตราบใดที่มือสังหารพวกนี้ไม่กระทบต่อชีวิตในพระราชวังตะวันออกของเขา ขององค์รัชทายาท หรือน้องสาวคนเล็กของเขา เขาก็จะไม่เข้าไปแทรกแซงแต่อย่างใด

 

ในทั้งวังหลวงซูฉินรู้จักเพียง ซูเยว่หยุน หลี่เชิง และคนอื่นอีกแค่ไม่กี่คน

 

สำหรับคนอื่นนั้น ซูฉินไม่ได้สนใจว่าจะอยู่หรือตาย ไม่ว่าจะพวกขันทีหรือเหล่าองค์ชายก็ตาม

 

แต่สิ่งที่ซูฉินไม่คาดคิดก็คือเป้าหมายของมือสังหารพวกนี้กลับเป็นองค์รัชทายาทหลี่เชิง

 

“จักรพรรดิหมิง…”

 

ท่าทีของซูฉินยังคงสงบนิ่ง ดวงตาของเขาเริ่มฉายแววครุ่นคิด

 

“พี่สาม ไม่เป็นอะไรแล้ว ทุกอย่างจบลงแล้ว….”

 

ซูเยว่หยุนคิดว่าซูฉินตกใจจึงรีบเข้ามาปลอบโยน

 

“คณะทูตจากหนานหมิง?”

 

“ไอ้พวกเวร!!!”

 

ในเวลานี้รองแม่ทัพของวังหลวงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดโดยคร่าวๆ แล้ว และรู้ว่ากลุ่มมือสังหารที่ออกมานั้นเป็นส่วนหนึ่งของคณะทูตจากหนานหมิง

 

“ฝ่าบาทองค์รัชทายาท ข้าจะพาท่านกลับไปพระราชวังตะวันออกด้วยตัวของข้าเอง”

 

รองแม่ทัพภายในวังหลวง โค้งคารวะต่อหน้าองค์รัชทายาทหลี่เชิง

 

“ได้”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อยในขณะนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจเรื่องออกนอกวังแล้ว และรีบกลับพระราชวังตะวันออกในทันทีพร้อมกับซูเยว่หยุน ซูฉิน และคนอื่นๆ

 

พระราชวังตะวันออกเป็นที่ประทับขององค์รัชทายาท มีกองทหารของวังหลวงจำนวนมากคอยเฝ้าระวัง

 

แม้จะเป็นคณะทูตของอาณาจักรใดก็ตาม ไม่สามารถเข้าไปในพระราชวังตะวันออกได้แน่ นับประสาอะไรกับพวกมือลอบสังหาร

 

หลังจากนั้นไม่นาน

 

ภายในห้องโถงชีวิตนิรันดร์

 

เมื่อได้ฟังรายงานจากรองแม่ทัพแห่งวังหลวง จักรพรรดิถังก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกไป

 

ห้องโถงชีวิตนิรันดร์เป็นวังของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังซึ่งหมายถึงอายุที่ยืนยาวและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล

 

“ข้าเข้าใจแล้ว”

 

“เจ้าออกไปได้”

 

จักรพรรดิถังโบกมือและกล่าวคำเบาๆ

 

“ตามพระบัญชา”

 

รองแม่ทัพแห่งวังหลวงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

 

แม้ว่าองค์รัชทายาทจะไม่ได้สิ้นพระชนม์ แต่มือสังหารทุกคนก็ต้องได้รับโทษและดูเหมือนว่าเรื่องราวจะคลี่คลาย เป็นที่น่าพอใจ

 

อย่างไรก็ตาม ข้อผิดพลาดครั้งใหญ่ในวังหลวงที่เปิดโอกาสให้มือสังหารจากอาณาจักรอื่นเข้ามาลอบสังหารองค์รัชทายาทนั้น ในฐานะรองแม่ทัพที่เฝ้าประตูเต่าดำ เขาต้องรับผิดชอบทุกสิ่ง

 

แต่ตอนนี้จักรพรรดิถังให้เขาออกไปได้ เห็นได้ชัดว่าพระองค์ขี้เกียจเกินกว่าจะดำเนินการสิ่งใด

 

รอจนกระทั่งรองแม่ทัพจากไปอย่างสมบูรณ์

 

สีหน้าขององค์จักรพรรดิถังค่อยๆ ทะมึนขึ้นมา

 

“จักรพรรดิหมิงช่างกล้าหาญเสียจริง นี่คิดว่าข้าไม่กล้าเผชิญหน้ากับมันงั้นหรือ?”

 

ร่องรอยความโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าขององค์จักรพรรดิถัง

 

“ฝ่าบาท อย่าเพิ่งมีโทสะไป…”

 

จ้าวกงกงในชุดคลุมสีม่วงเดินออกมาแล้วกล่าวว่า “การลอบสังหารองค์รัชทายาทเป็นเรื่องสำคัญมาก ในตอนนี้จะต้องมีบุคคลจากหนานหมิงที่มีอำนาจเพียงพอจะควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดอยู่ภายในเมืองฉางอันเป็นแน่”

 

“ตอนนี้การลอบสังหารล้มเหลว ข่าวคราวก็ยังไม่ได้รั่วไหลออกไป ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะคว้าตัวบุคคลนั้นมา มิดีกว่าหรือ…”

 

จ้าวกงกงเอ่ยกล่าวอย่างช้าๆ

 

“ไม่เลว”

 

จักรพรรดิถังเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าเล็กน้อย

 

หากสามารถจับตัวคนสั่งการใหญ่จากหนานหมิงที่อยู่ภายในเมืองฉางอันได้สำเร็จ สิ่งนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาพรวมการรบระหว่างอาณาจักรถังและอาณาจักรหมิง

 

“เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้ารับใช้เฒ่าผู้นี้ ทั่วทั้งเมืองฉางอันนี้ ตราบใดที่อีกฝ่ายยังคงอยู่ที่นี่ มันจะไม่มีทางหนีไปไหนรอด”

 

เมื่อจ้าวกงกงพูดเช่นนั้นเขาก็หยุดพูดแล้วจึงพูดต่อว่า “ฝ่าบาท ท่านไม่อยากรู้สักหน่อยหรือว่าใครเป็นผู้ที่ช่วยองค์รัชทายาทเอาไว้?”

 

ตามสิ่งที่รองแม่ทัพจากวังหลวงได้กล่าวเอาไว้ เมื่อเขามาถึงมือสังหารก็ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านและหายไปเสียแล้ว

 

เห็นได้ชัดว่า

 

ก่อนที่ตัวเขาจะมาถึง มีคนชิงลงมือไปก่อนแล้ว

 

คนที่สามารถลงมือเผามือสังหารได้อย่างเงียบเชียบ ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้อาจจะเหนือกว่ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั่วๆ ไป แม้ว่าอาจจะไม่เก่งกาจเท่าจ้าวกงกงแต่ฝีมือคงไม่ห่างไกลนัก

 

“อยากรู้?”

 

เมื่อได้ยินดังนั้นจักรพรรดิถังก็ส่ายหัวและพูดเบาๆ “ทุกคนต่างก็มีความลับเป็นของตัวเอง เด็กๆ นั้นโตแล้ว เป็นเรื่องปกติที่จะมีความลับเป็นของตัวเอง”

 

“ทำไมข้าจะต้องไปอยากรู้ด้วยเล่า?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+