เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 111 เจตจำนงแห่งดาบอันนี้

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 111 เจตจำนงแห่งดาบอันนี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 111 เจตจำนงแห่งดาบอันนี้

 

 

แม้ว่าศิลปะการต่อสู้วิทยายุทธจะได้รับความนิยมอย่างมากในโลกนี้ แต่นอกจากวิทยายุทธแล้วก็ยังมีร่องรอยของพลังพิเศษชนิดอื่นๆ ให้เห็นอยู่อีก

 

เช่น คาถา คำสาป และอื่นๆ

มนต์คาถาและคำสาปส่วนใหญ่แล้วจะมาจากอาณาจักรหนานจ้าว

 

อาณาจักรหนานจ้าวตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นพื้นที่กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยกลุ่มชนที่ยังคงไร้วัฒนธรรมจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ใต้การปกครองของ ‘ลัทธิบูชาจันทร์‘

 

แม้แต่จ้าวครองอาณาจักรหนานจ้าวก็ยังเป็นสาวกของ ‘ลัทธิบูชาจันทร์‘

 

ผู้นำของลัทธิบูชาจันทร์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมและคำสาป เขามีพลังที่แข็งแกร่ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งไม่เชื่อเรื่องพวกนี้และต้องการจะลอบเข้าไปภายในลัทธิบูชาจันทร์ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเจอเข้ากับไอพลังที่อธิบายไม่ได้

 

ไม่ว่าจะเป็นคาถาหรือคำสาป พวกมันล้วนแปลกประหลาดและคาดเดาไม่ได้ มักจะฆ่าคนไปได้โดยที่มองไม่เห็นด้วยซ้ำ

 

อย่างไรก็ตาม มันมีข้อบกพร่องร้ายแรงอยู่บางประการ นั่นคือคาถาและคำสาปนั้นถูกจำกัดด้วยพลังฉีและเลือดเนื้อ

 

ผู้ที่เลือดเนื้อแข็งแกร่งมั่นคงแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากมนต์คาถาส่วนใหญ่เลย

 

แต่เดิมจอมยุทธที่ขัดเกลาร่างกายและเลือดเนื้อของตนเอง พวกเขาล้วนเป็นคราวเคราะห์ของผู้ที่ฝึกฝนมนต์คาถาและคำสาป

 

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมลัทธิบูชาจันทร์จึงครอบคลุมอยู่เพียงแค่หนานจ้าว

 

ซูฉินไม่คิดว่าจะได้เห็นร่องรอยของมนต์คาถาภายในเมืองฉางอัน

 

“ฉินน้อย เจ้าพบอะไรพิเศษในจี้หยกชิ้นนี้งั้นหรือ?” ซูเฉิงฮ่าวสังเกตเห็นการจับจ้องของซูฉิน และหยิบจี้หยกขึ้นมาแนะนำในทันที

 

“เป็นเรื่องแปลกๆ แต่ที่จะบอกคือเมื่อเช้าข้าออกไปข้างนอกและหยกชิ้นนี้ก็ตกลงที่เท้าข้าด้วยความบังเอิญ”

 

เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ ซูเฉิงฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่า “ดูเหมือนว่า เวลาคนเราจะโชคดี มันก็ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งได้”

 

“ตามการคะเนของข้า หยกชิ้นนี้มีค่าอย่างน้อยก็หลายพันตำลึงเงินเข้าไปแล้ว”

 

ซูเฉิงฮ่าวกล่าว

 

ตำลึงเงินของอาณาจักรถังมีมูลค่าไม่น้อย ค่าใช้จ่ายของครอบครัวธรรมดาที่มีสมาชิกสี่คนปกติจะอยู่ที่ไม่กี่ตำลึงเงินต่อปี

 

สำหรับหนึ่งพันตำลึงเงินก็เพียงพอให้คนคนหนึ่งซื้อบ้านในเมืองฉางอันและใช้ชีวิตเยี่ยงคนรวย

 

แม้แต่ตระกูลซูในปัจจุบัน เงินหนึ่งพันตำลึงเงินก็ไม่ใช่จำนวนที่เล็กน้อย

 

“เป็นจริงดังว่า คุณภาพของจี้หยกชิ้นนี้ดีมาก เรียกได้ว่าหายากมาก” ซูเยว่หยุนเหลือบมองไปที่จี้หยกในมือของซูเฉิงฮ่าวแล้วจึงพยักหน้า

สมบัติหายากอะไรบ้างที่นางไม่เคยพบเห็นในรั้วในวัง? แค่มองแวบแรกนางก็มั่นใจว่ามันมีค่ามาก

 

“บังเอิญเจออย่างนั้นหรือ?”

 

ร่องรอยความเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

 

เขาค่อนข้างแน่ใจว่ามีคนมุ่งเป้าไปที่ซูเฉิงฮ่าว

 

ไม่ต้องพูดถึงคุณค่าของหยกชิ้นนี้ แค่คำสาปที่ติดอยู่กับตัวหยกเพียงอย่างเดียวก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาๆ ทำขึ้นมาได้

 

ที่บอกว่า ‘บังเอิญหยิบได้‘ จากปากคำของซูเฉิงฮ่าว เกรงว่ามันจะห่างไกลจากเรื่องราวที่แท้จริงไปไกล

 

“เหมือนจี้หยกนี้จะมีปัญหาอยู่นะ”

 

ซูฉินกล่าวออกมาตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม

 

“มีปัญหา?”

 

ซูเฉิงฮ่าวตกใจ

 

เมื่อตอนที่เขาหยิบจี้หยกนี้ขึ้นมา เขาก็รู้สึกงงงวยเช่นกัน แต่ตอนนี้เขารู้สึกเพียงว่าตนเองคงโชคดี จึงไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

เมื่อได้ยินคำพูดของซูฉินยามนี้ สีหน้าของเขาก็กลายเป็นจริงจัง

 

“ฉินน้อย ลองตรวจสอบมันอีกที”

 

ซูเฉิงฮ่าวถอดจี้หยกแล้วส่งมอบให้ซูฉินในทันที

 

ซูฉินถือจี้หยกเอาไว้และมองมันอย่างพินิจพิเคราะห์

 

เรื่องของคำสาปนั้น เขาได้เห็นมาแค่ข้อความบางส่วนที่บันทึกไว้ภายในศาลาพระคัมภีร์ของวัดเส้าหลินเท่านั้น

 

สำหรับคำสาปของจริง นี่เป็นครั้งแรกที่ซูฉินได้เห็นมันกับตา

 

ซูฉินลูบจี้หยกเบาๆ เบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะ พร้อมทั้งบรรจุจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ลงไปในจี้หยก

 

ทันใดนั้นภาพหญิงสาวผู้บอบบาง มีผ้าผืนบางคลุมบนใบหน้าก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพของซูฉิน

 

“นางน่าจะเป็นเจ้าของที่แท้จริงของจี้หยกชิ้นนี้ นางเป็นผู้ใส่คำสาปเอาไว้ด้วยหรือ?”

 

ความคิดของซูฉินพลิกผัน

 

ซูเฉิงฮ่าวได้จี้หยกชิ้นนี้มา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่มีจุดประสงค์แอบแฝง

 

คาถาที่ติดอยู่กับจี้หยกนี้ ไม่เชิงว่าเป็นคำสาปโดยตรง แต่เป็นพลังอันละเอียดอ่อนที่ใช้ในการควบคุม

 

มีคนต้องการควบคุมซูเฉิงฮ่าวผ่านการใช้จี้หยกชิ้นนี้

 

ตั้งแต่ซูฉินมาที่ฉางอัน แม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่ภายในพระราชวังตะวันออก เขาก็จะตรวจสอบตระกูลซูด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เป็นระยะๆ

 

ดังนั้นแม้ว่าซูฉินจะไม่ได้กลับมาในวันนี้ แต่อย่างช้าที่สุดก็คือพรุ่งนี้ เขาคงใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมพื้นที่ของคฤหาสน์และรับรู้ความผิดปกติของจี้หยกชิ้นนี้

 

ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ซูเฉินฮ่าวก็จะไม่ถูกควบคุม

 

แต่อย่างไรก็ตาม กลับมีใครบางคนคิดลงมือกับตระกูลซู

 

ซูฉินใช้ดวงตาแห่งสัจจะจับไปยังหญิงสาวรูปร่างบอบบางที่ใส่ผ้าคลุมหน้า ซึ่งเป็นไอพลังที่อยู่ลึกภายในจี้หยก

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

ซูฉินเดินออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลซู เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปทั่วเมืองฉางอัน

 

เห็นไอพลังฉีจำนวนนับไม่ถ้วนทั้งใกล้ไกล แข็งแกร่งและอ่อนแอ ในที่สุดดวงตาแห่งสัจจะก็จับจ้องไปที่มุมหนึ่งในทิศตะวันออกของเมืองฉางอัน

 

“เจอตัวเจ้าแล้ว…”

 

ซูฉินดูสงบนิ่ง ยกมือขวาชูนิ้วในลักษณะคล้ายดาบแล้วค่อยๆ วาดมือลง

 

หวึ่ง!

 

เจตจำนงดาบไร้ลักษณ์พุ่งหายไปภายในพริบตา

 

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ด้านในห้องพักของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองฉางอัน

 

หญิงสาวแปลกหน้าที่มีผ้าคลุมบางเบาสวมไว้บนใบหน้ากำลังนั่งอยู่บนเตียงด้วยความเงียบ

 

“พระแม่”

 

“จี้หยกถูกส่งออกไปแล้วเมื่อเช้านี้”

 

“ซูเฉิงฮ่าวจากตระกูลซูนำติดตัวไปด้วยราวสมบัติล้ำค่า”

 

หญิงชราผมขาวเดินเข้ามาในห้องแล้วหยุดอยู่ไม่ไกลจากหญิงสาวที่คลุมหน้ามากนัก จากนั้นจึงกระซิบบอก

 

“ทราบแล้ว”

หญิงสาวคลุมหน้ากล่าวตอบเบาๆ

 

“พระแม่…”

 

หญิงชราผมขาวลังเลอยู่พักหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า “คำสาปสะกดใจเป็นทักษะลับของลัทธิอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา ต้องใช้แก่นพลังและเลือดเนื้อถึงสามในสิบของตัวท่านเพื่อใช้งาน”

 

“จอมยุทธที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตสามระดับบนแทบจะไม่สามารถต่อต้านมันได้เลย”

 

“พวกเราใช้มันกับซูเฉิงฮ่าวจากตระกูลซูมันจะคุ้มหรือไม่?”

 

หญิงชราผมขาวกระซิบถาม

 

ในความคิดของนาง ซูเฉิงฮ่าวเป็นแค่จอมยุทธในระดับชั้นที่เจ็ด ไม่ได้อยู่ในขอบเขตสามระดับกลางด้วยซ้ำ ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องใช้ ‘คำสาปสะกดใจ‘

 

“มันคุ้มค่า”

 

หญิงสาวที่คลุมใบหน้ามองไปที่หญิงชราผมขาว “ตระกูลซูเป็นตระกูลของพระชายาในรัชทายาทองค์ปัจจุบัน ตราบใดที่ลัทธิอันศักดิ์สิทธิ์ของข้าเข้าควบคุมตระกูลซูได้แล้วละก็ เทียบเท่ากับตอกตะปูเข้ามาในอาณาจักรถังได้”

 

“ในเวลานั้นลัทธิอันศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะหยั่งรากลึกเข้ามาในที่ราบภาคกลางนี้อย่างแท้จริง”

 

เมื่อหญิงสาวที่คลุมหน้าอยู่พูดออกมา ร่องรอยของความมุ่งมั่นก็ปรากฏอยู่ในดวงตาของนาง

 

“หลังจากเสร็จงานแล้ว พวกเราจะทำอย่างไรกับตระกูลซู?” หญิงชราผมขาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงไถ่ถาม

 

“หลังจากเสร็จงานแล้ว?”

 

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ใต้ผ้าคลุมหน้า “หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว ข้าจะสังเวยชีวิตซูเฉิงฮ่าวและตระกูลซูทั้งหมดให้กับเทพจันทรา”

 

ลัทธิบูชาจันทร์เชื่อว่ามีเทพจันทราอยู่บนดวงจันทร์ บ่อยครั้งที่จะต้องสังเวยสิ่งมีชีวิตให้กับเทพจันทรา

 

“เป็นเช่นนี้นี่เอง”

 

หญิงชราผมขาวโค้งคำนับ

 

“ออกไปข้างนอกพร้อมกับข้าหน่อย”

 

หญิงสาวที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ค่อยๆ ลุกขึ้น เตรียมจะเดินออกไปจากโรงเตี๊ยม

 

ทันใดนั้น

 

ในชั่วขณะนั้นเอง

 

ร่างกายของหญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าก็แข็งทื่อไป

 

เธอรู้สึกอย่างชัดเจนว่าหนอนกู่[1]ภายในร่างของนางกำลังร้องเตือนอย่างบ้าคลั่งราวกับกำลังเผชิญอันตรายถึงแก่ชีวิต

 

“เกิดอะไรขึ้น”

 

“เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น”

 

หญิงสาวภายใต้ผ้าคลุมหน้าตกใจและกระวนกระวายใจ แต่นางก็หาแหล่งที่มาของอันตรายไม่พบ

 

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา เมื่อหญิงสาวเดินไปที่หน้าต่างและบังเอิญมองไปบนท้องฟ้า ท่าทีของนางก็กลายเป็นแข็งค้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกทึ่ง

 

“นี่คือ?!!”

 

ในสายตาของหญิงสาวภายใต้ผ้าคลุมหน้า เจตจำนงแห่งดาบที่ไม่สามารถมองเห็นดูเหมือนจะอยู่ด้านนอกนั่น มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ราวกับได้รับการเสริมพลังจากพลังฟ้าดิน ปิดกั้นทุกทางเดินของนาง

 

———————————————————-

[1] หนอนกู่เป็นหมอนแมลงพิษที่ใช้กรรมวิธีการเลี้ยงดูที่พิเศษ คนที่เลี้ยงหนอนกู่ไว้มักจะเป็นพวกที่เล่นของ มีคาถาอาคม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 111 เจตจำนงแห่งดาบอันนี้

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 111 เจตจำนงแห่งดาบอันนี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 111 เจตจำนงแห่งดาบอันนี้

 

 

แม้ว่าศิลปะการต่อสู้วิทยายุทธจะได้รับความนิยมอย่างมากในโลกนี้ แต่นอกจากวิทยายุทธแล้วก็ยังมีร่องรอยของพลังพิเศษชนิดอื่นๆ ให้เห็นอยู่อีก

 

เช่น คาถา คำสาป และอื่นๆ

มนต์คาถาและคำสาปส่วนใหญ่แล้วจะมาจากอาณาจักรหนานจ้าว

 

อาณาจักรหนานจ้าวตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นพื้นที่กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยกลุ่มชนที่ยังคงไร้วัฒนธรรมจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ใต้การปกครองของ ‘ลัทธิบูชาจันทร์‘

 

แม้แต่จ้าวครองอาณาจักรหนานจ้าวก็ยังเป็นสาวกของ ‘ลัทธิบูชาจันทร์‘

 

ผู้นำของลัทธิบูชาจันทร์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมและคำสาป เขามีพลังที่แข็งแกร่ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งไม่เชื่อเรื่องพวกนี้และต้องการจะลอบเข้าไปภายในลัทธิบูชาจันทร์ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเจอเข้ากับไอพลังที่อธิบายไม่ได้

 

ไม่ว่าจะเป็นคาถาหรือคำสาป พวกมันล้วนแปลกประหลาดและคาดเดาไม่ได้ มักจะฆ่าคนไปได้โดยที่มองไม่เห็นด้วยซ้ำ

 

อย่างไรก็ตาม มันมีข้อบกพร่องร้ายแรงอยู่บางประการ นั่นคือคาถาและคำสาปนั้นถูกจำกัดด้วยพลังฉีและเลือดเนื้อ

 

ผู้ที่เลือดเนื้อแข็งแกร่งมั่นคงแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากมนต์คาถาส่วนใหญ่เลย

 

แต่เดิมจอมยุทธที่ขัดเกลาร่างกายและเลือดเนื้อของตนเอง พวกเขาล้วนเป็นคราวเคราะห์ของผู้ที่ฝึกฝนมนต์คาถาและคำสาป

 

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมลัทธิบูชาจันทร์จึงครอบคลุมอยู่เพียงแค่หนานจ้าว

 

ซูฉินไม่คิดว่าจะได้เห็นร่องรอยของมนต์คาถาภายในเมืองฉางอัน

 

“ฉินน้อย เจ้าพบอะไรพิเศษในจี้หยกชิ้นนี้งั้นหรือ?” ซูเฉิงฮ่าวสังเกตเห็นการจับจ้องของซูฉิน และหยิบจี้หยกขึ้นมาแนะนำในทันที

 

“เป็นเรื่องแปลกๆ แต่ที่จะบอกคือเมื่อเช้าข้าออกไปข้างนอกและหยกชิ้นนี้ก็ตกลงที่เท้าข้าด้วยความบังเอิญ”

 

เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ ซูเฉิงฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่า “ดูเหมือนว่า เวลาคนเราจะโชคดี มันก็ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งได้”

 

“ตามการคะเนของข้า หยกชิ้นนี้มีค่าอย่างน้อยก็หลายพันตำลึงเงินเข้าไปแล้ว”

 

ซูเฉิงฮ่าวกล่าว

 

ตำลึงเงินของอาณาจักรถังมีมูลค่าไม่น้อย ค่าใช้จ่ายของครอบครัวธรรมดาที่มีสมาชิกสี่คนปกติจะอยู่ที่ไม่กี่ตำลึงเงินต่อปี

 

สำหรับหนึ่งพันตำลึงเงินก็เพียงพอให้คนคนหนึ่งซื้อบ้านในเมืองฉางอันและใช้ชีวิตเยี่ยงคนรวย

 

แม้แต่ตระกูลซูในปัจจุบัน เงินหนึ่งพันตำลึงเงินก็ไม่ใช่จำนวนที่เล็กน้อย

 

“เป็นจริงดังว่า คุณภาพของจี้หยกชิ้นนี้ดีมาก เรียกได้ว่าหายากมาก” ซูเยว่หยุนเหลือบมองไปที่จี้หยกในมือของซูเฉิงฮ่าวแล้วจึงพยักหน้า

สมบัติหายากอะไรบ้างที่นางไม่เคยพบเห็นในรั้วในวัง? แค่มองแวบแรกนางก็มั่นใจว่ามันมีค่ามาก

 

“บังเอิญเจออย่างนั้นหรือ?”

 

ร่องรอยความเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

 

เขาค่อนข้างแน่ใจว่ามีคนมุ่งเป้าไปที่ซูเฉิงฮ่าว

 

ไม่ต้องพูดถึงคุณค่าของหยกชิ้นนี้ แค่คำสาปที่ติดอยู่กับตัวหยกเพียงอย่างเดียวก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาๆ ทำขึ้นมาได้

 

ที่บอกว่า ‘บังเอิญหยิบได้‘ จากปากคำของซูเฉิงฮ่าว เกรงว่ามันจะห่างไกลจากเรื่องราวที่แท้จริงไปไกล

 

“เหมือนจี้หยกนี้จะมีปัญหาอยู่นะ”

 

ซูฉินกล่าวออกมาตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม

 

“มีปัญหา?”

 

ซูเฉิงฮ่าวตกใจ

 

เมื่อตอนที่เขาหยิบจี้หยกนี้ขึ้นมา เขาก็รู้สึกงงงวยเช่นกัน แต่ตอนนี้เขารู้สึกเพียงว่าตนเองคงโชคดี จึงไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

เมื่อได้ยินคำพูดของซูฉินยามนี้ สีหน้าของเขาก็กลายเป็นจริงจัง

 

“ฉินน้อย ลองตรวจสอบมันอีกที”

 

ซูเฉิงฮ่าวถอดจี้หยกแล้วส่งมอบให้ซูฉินในทันที

 

ซูฉินถือจี้หยกเอาไว้และมองมันอย่างพินิจพิเคราะห์

 

เรื่องของคำสาปนั้น เขาได้เห็นมาแค่ข้อความบางส่วนที่บันทึกไว้ภายในศาลาพระคัมภีร์ของวัดเส้าหลินเท่านั้น

 

สำหรับคำสาปของจริง นี่เป็นครั้งแรกที่ซูฉินได้เห็นมันกับตา

 

ซูฉินลูบจี้หยกเบาๆ เบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะ พร้อมทั้งบรรจุจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ลงไปในจี้หยก

 

ทันใดนั้นภาพหญิงสาวผู้บอบบาง มีผ้าผืนบางคลุมบนใบหน้าก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพของซูฉิน

 

“นางน่าจะเป็นเจ้าของที่แท้จริงของจี้หยกชิ้นนี้ นางเป็นผู้ใส่คำสาปเอาไว้ด้วยหรือ?”

 

ความคิดของซูฉินพลิกผัน

 

ซูเฉิงฮ่าวได้จี้หยกชิ้นนี้มา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่มีจุดประสงค์แอบแฝง

 

คาถาที่ติดอยู่กับจี้หยกนี้ ไม่เชิงว่าเป็นคำสาปโดยตรง แต่เป็นพลังอันละเอียดอ่อนที่ใช้ในการควบคุม

 

มีคนต้องการควบคุมซูเฉิงฮ่าวผ่านการใช้จี้หยกชิ้นนี้

 

ตั้งแต่ซูฉินมาที่ฉางอัน แม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่ภายในพระราชวังตะวันออก เขาก็จะตรวจสอบตระกูลซูด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เป็นระยะๆ

 

ดังนั้นแม้ว่าซูฉินจะไม่ได้กลับมาในวันนี้ แต่อย่างช้าที่สุดก็คือพรุ่งนี้ เขาคงใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมพื้นที่ของคฤหาสน์และรับรู้ความผิดปกติของจี้หยกชิ้นนี้

 

ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ซูเฉินฮ่าวก็จะไม่ถูกควบคุม

 

แต่อย่างไรก็ตาม กลับมีใครบางคนคิดลงมือกับตระกูลซู

 

ซูฉินใช้ดวงตาแห่งสัจจะจับไปยังหญิงสาวรูปร่างบอบบางที่ใส่ผ้าคลุมหน้า ซึ่งเป็นไอพลังที่อยู่ลึกภายในจี้หยก

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

ซูฉินเดินออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลซู เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปทั่วเมืองฉางอัน

 

เห็นไอพลังฉีจำนวนนับไม่ถ้วนทั้งใกล้ไกล แข็งแกร่งและอ่อนแอ ในที่สุดดวงตาแห่งสัจจะก็จับจ้องไปที่มุมหนึ่งในทิศตะวันออกของเมืองฉางอัน

 

“เจอตัวเจ้าแล้ว…”

 

ซูฉินดูสงบนิ่ง ยกมือขวาชูนิ้วในลักษณะคล้ายดาบแล้วค่อยๆ วาดมือลง

 

หวึ่ง!

 

เจตจำนงดาบไร้ลักษณ์พุ่งหายไปภายในพริบตา

 

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ด้านในห้องพักของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองฉางอัน

 

หญิงสาวแปลกหน้าที่มีผ้าคลุมบางเบาสวมไว้บนใบหน้ากำลังนั่งอยู่บนเตียงด้วยความเงียบ

 

“พระแม่”

 

“จี้หยกถูกส่งออกไปแล้วเมื่อเช้านี้”

 

“ซูเฉิงฮ่าวจากตระกูลซูนำติดตัวไปด้วยราวสมบัติล้ำค่า”

 

หญิงชราผมขาวเดินเข้ามาในห้องแล้วหยุดอยู่ไม่ไกลจากหญิงสาวที่คลุมหน้ามากนัก จากนั้นจึงกระซิบบอก

 

“ทราบแล้ว”

หญิงสาวคลุมหน้ากล่าวตอบเบาๆ

 

“พระแม่…”

 

หญิงชราผมขาวลังเลอยู่พักหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า “คำสาปสะกดใจเป็นทักษะลับของลัทธิอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา ต้องใช้แก่นพลังและเลือดเนื้อถึงสามในสิบของตัวท่านเพื่อใช้งาน”

 

“จอมยุทธที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตสามระดับบนแทบจะไม่สามารถต่อต้านมันได้เลย”

 

“พวกเราใช้มันกับซูเฉิงฮ่าวจากตระกูลซูมันจะคุ้มหรือไม่?”

 

หญิงชราผมขาวกระซิบถาม

 

ในความคิดของนาง ซูเฉิงฮ่าวเป็นแค่จอมยุทธในระดับชั้นที่เจ็ด ไม่ได้อยู่ในขอบเขตสามระดับกลางด้วยซ้ำ ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องใช้ ‘คำสาปสะกดใจ‘

 

“มันคุ้มค่า”

 

หญิงสาวที่คลุมใบหน้ามองไปที่หญิงชราผมขาว “ตระกูลซูเป็นตระกูลของพระชายาในรัชทายาทองค์ปัจจุบัน ตราบใดที่ลัทธิอันศักดิ์สิทธิ์ของข้าเข้าควบคุมตระกูลซูได้แล้วละก็ เทียบเท่ากับตอกตะปูเข้ามาในอาณาจักรถังได้”

 

“ในเวลานั้นลัทธิอันศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะหยั่งรากลึกเข้ามาในที่ราบภาคกลางนี้อย่างแท้จริง”

 

เมื่อหญิงสาวที่คลุมหน้าอยู่พูดออกมา ร่องรอยของความมุ่งมั่นก็ปรากฏอยู่ในดวงตาของนาง

 

“หลังจากเสร็จงานแล้ว พวกเราจะทำอย่างไรกับตระกูลซู?” หญิงชราผมขาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงไถ่ถาม

 

“หลังจากเสร็จงานแล้ว?”

 

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ใต้ผ้าคลุมหน้า “หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว ข้าจะสังเวยชีวิตซูเฉิงฮ่าวและตระกูลซูทั้งหมดให้กับเทพจันทรา”

 

ลัทธิบูชาจันทร์เชื่อว่ามีเทพจันทราอยู่บนดวงจันทร์ บ่อยครั้งที่จะต้องสังเวยสิ่งมีชีวิตให้กับเทพจันทรา

 

“เป็นเช่นนี้นี่เอง”

 

หญิงชราผมขาวโค้งคำนับ

 

“ออกไปข้างนอกพร้อมกับข้าหน่อย”

 

หญิงสาวที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ค่อยๆ ลุกขึ้น เตรียมจะเดินออกไปจากโรงเตี๊ยม

 

ทันใดนั้น

 

ในชั่วขณะนั้นเอง

 

ร่างกายของหญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าก็แข็งทื่อไป

 

เธอรู้สึกอย่างชัดเจนว่าหนอนกู่[1]ภายในร่างของนางกำลังร้องเตือนอย่างบ้าคลั่งราวกับกำลังเผชิญอันตรายถึงแก่ชีวิต

 

“เกิดอะไรขึ้น”

 

“เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น”

 

หญิงสาวภายใต้ผ้าคลุมหน้าตกใจและกระวนกระวายใจ แต่นางก็หาแหล่งที่มาของอันตรายไม่พบ

 

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา เมื่อหญิงสาวเดินไปที่หน้าต่างและบังเอิญมองไปบนท้องฟ้า ท่าทีของนางก็กลายเป็นแข็งค้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกทึ่ง

 

“นี่คือ?!!”

 

ในสายตาของหญิงสาวภายใต้ผ้าคลุมหน้า เจตจำนงแห่งดาบที่ไม่สามารถมองเห็นดูเหมือนจะอยู่ด้านนอกนั่น มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ราวกับได้รับการเสริมพลังจากพลังฟ้าดิน ปิดกั้นทุกทางเดินของนาง

 

———————————————————-

[1] หนอนกู่เป็นหมอนแมลงพิษที่ใช้กรรมวิธีการเลี้ยงดูที่พิเศษ คนที่เลี้ยงหนอนกู่ไว้มักจะเป็นพวกที่เล่นของ มีคาถาอาคม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+