เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 113 การสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิถัง

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 113 การสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิถัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 113 การสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิถัง

 

“บทเพลงชีวิตหลังความตาย?”

 

ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

จริงๆ แล้ว ‘บทเพลงชีวิตหลังความตาย‘ ควรจะเป็นบทเพลงหนึ่งที่เล่นโดยนักดนตรีหรือผู้ที่มีรสนิยมอันสูงส่ง

 

“น่าเสียดายที่ข้าไม่น่าจะต้องใช้มัน…”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย เขาไม่ได้เป็นนักดนตรีหรือจอมเสเพลแต่อย่างใด ที่สำคัญเขาไม่ได้มีความสนใจด้านดนตรี แม้ว่าจะมีผลงานที่ล้ำค่าอย่างมิอาจเทียบ เขาก็จะไม่เปลืองพลังงานไปกับมันมากนัก

 

“อย่างไรก็ตาม ในเมื่อได้รับมาแล้วก็ไม่เสียหายที่จะลองดูเสียหน่อย”

 

ซูฉินเพียงคิด เขาก็ได้รับการฝังข้อมูลจากระบบ

 

หวึ่ง!

 

ทันใดนั้นความลับทั้งหมดของ ‘บทเพลงชีวิตหลังความตาย‘ ก็ไหลเข้ามาภายในจิตของซูฉินอย่างช้าๆ

 

ซูฉินรู้สึกได้ถึงเสียงบรรเลงอยู่ภายในใจ มีเสียงเพลงครวญคร่ำออกมาอย่างแผ่วเบา สื่อความหมายถึงการพลัดพรากจากชีวิตเดิม

 

หลังจากนั้นไม่นาน

 

ซูฉินก็ลืมตาขึ้นโดยพลัน

 

“ บทเพลงชีวิตหลังความตายนี้ ไม่ง่ายดั่งตาเห็นเลย…”

 

เค้าลางความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

 

เดิมทีเขาคิดว่า ‘บทเพลงชีวิตหลังความตาย‘ เป็นเพียงบทเพลงธรรมดาๆ แต่หลังจากได้รับการ ‘ฝังข้อมูล‘ จากระบบ เขาก็พบว่า ‘บทเพลงชีวิตหลังความตาย‘ ไม่ใช่แค่บทเพลงธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นการผสานระหว่างดนตรีและศิลปะการต่อสู้

เมื่อบทเพลงชีวิตหลังความตายสามารถสังหารคนด้วยคลื่นเสียง ซึ่งคล้ายคลึงกับวิธีการอันลึกลับของมีดบินน้อยเสียวหลี่

 

ภายในขอบเขตของเสียงดนตรี ถ้าจิตวิญญาณหรือจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไม่แข็งแกร่งเท่าซูฉิน ก็มีแต่จะต้องตกตายลงเท่านั้น!

 

ซูฉินลงชื่อเข้าใช้ที่วัดเส้าหลิน ได้รับทักษะวิชามามากมายนับไม่ถ้วน รวมไปถึงวิธีการสังหารด้วยการใช้เสียงเช่นนี้

 

แต่จิตสังหารที่เปิดเผยออกมามันดูจงใจเกินไป

 

ตัวอย่างเช่น ‘วิชาสิงโตคำราม‘ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของวัดเส้าหลิน ก็ใช้คลื่นเสียงเป็นอาวุธ

 

แต่เพลงที่ฟังดูเป็นธรรมชาติเหมือนกับ ‘บทเพลงชีวิตหลังความตาย‘ นั้นหาได้ยากยิ่งหรืออาจจะหาไม่พบเลยก็ได้

 

“ไม่เลวไม่เลว”

 

ใบหน้าของซูฉินเต็มไปด้วยความยินดี

 

 

จากนั้นซูฉินก็กลับสู่คืนวันอันสงบสุขและผ่อนคลายอีกครั้ง

 

แม้ว่าพระราชวังถังจะเป็นสถานที่ห่างไกลจากความเงียบสงบเฉกเช่นวัดเส้าหลิน แต่สำหรับซูฉินมันแทบจะเหมือนกัน สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรั้วในวังแทบจะไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขาเลย

 

ในฐานะ ‘พี่เขย‘ ขององค์รัชทายาท คนอื่นๆ ต่างก็เกรงกลัวซูฉินกันทั้งนั้น ใครจะไปกล้ายั่วโมโหเขากัน?

 

ในวันนี้ หลังจากที่ซูฉินลงชื่อเข้าใช้เรียบร้อยแล้ว เขาก็มองไปยังทิศทางของห้องโถงชีวิตนิรันดร์

 

ห้องโถงชีวิตนิรันดร์เป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถัง

 

“จักรพรรดิถังกำลังจะตายแล้วรึ…”

 

ดวงตาของซูฉินยังคงสงบนิ่ง ไม่ว่าจะด้วยดวงตาแห่งสัจจะหรือจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ตรวจจับปราณชีวิตของจักรพรรดิถังที่นอนเอนหลังอยู่บนบัลลังก์มังกรภายในห้องโถงชีวิตนิรันดร์ได้ว่ามันเหมือนกับเทียนดวงน้อยที่อยู่ท่ามกลางสายลมพัด สามารถดับลงได้ทุกเมื่อ

 

“คนที่น่าสนใจกำลังจะหายไปอีกคน…”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อยและถอนหายใจออกมา

 

แม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้เข้าไปภายในวังส่วนพระองค์มานาน แต่เขาก็ติดต่อกับจักรพรรดิถังมาหลายครั้งจนรู้จักอีกฝ่ายดีพอสมควร อย่างน้อยเขาก็ใจดีกับซูฉิน ทั้งยังตอบแทนกลับมาด้วยสมบัติและทองคำจำนวนมาก

 

เขายังต้องการย้ายซูฉินไปยังหน่วยแพทย์หลวงด้วยซ้ำ

 

แม้ซูฉินจะไม่ได้พึงใจกับสิ่งเหล่านี้เลย แต่ก็ยังนับว่าจักรพรรดิถังใจดีอยู่

 

แน่นอนว่าซูฉินเพียงแค่คิดว่าจักรพรรดิถังน่าสนใจ ไม่ได้มีเหตุผลอื่น

 

การสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิถังนั้นเกิดมาจากการที่อายุขัยถูกใช้ไปหมดสิ้น แม้แต่ตัวตนระดับอรหันต์หรือตำนานยุทธก็ไม่สามารถยื้อเอาไว้ได้

 

“มันไม่เป็นอะไรหรอกถ้าจะต้องตายไป เป็นการทรมานเสียเปล่าถ้ายังมีชีวิตอยู่”

 

ซูฉินคิดในใจตนอยู่เงียบๆ

แม้ว่าจ้าวกงกงซึ่งเป็นยอดปรมาจารย์ระดับแนวหน้า ยินดีที่จะยื้อชีวิตของจักรพรรดิถังด้วยพลังชีวิตของตนเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถช่วยให้จักรพรรดิถังใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย

 

การตายในตอนนี้ ก็เป็นเหมือนการ ‘ปลดปล่อย‘ ชนิดหนึ่ง

 

“อย่างไรก็ตาม จ้าวกงกงผู้นี้ก็ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวนัก…”

 

ซูฉินขยับความคิด รับรู้ไปถึงไอพลังของจ้าวกงกงอย่างระมัดระวัง

 

จ้าวกงกงเป็นผู้ที่มีความสามารถที่สูงลิ่ว แม้เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสองร้อยปี แต่ยังไงก็ต้องมีช่วงอายุขัยยาวนานร้อยแปดสิบถึงร้อยเก้าสิบปีเป็นแน่

 

ช่างน่าเสียดาย เพื่อทดแทนในส่วนที่เสื่อมถอยของร่างกายในตัวองค์จักรพรรดิถัง จ้าวกงกงยินดีที่จะใช้พลังชีวิตของตนเองยืดชีวิตขององค์จักรพรรดิถังต่อไป

 

ถ้าจ้าวกงกงเป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่มีการแปรสภาพร่างกายมาแล้ว ด้วยร่างกายที่ทรงพลังเขาจะสามารถยื้อมันต่อไปได้อีกหลายปี

 

อย่างไรก็ตาม ร่างกายของจ้าวกงกงนั้นสูญเสียคุณสมบัติไปเสียแล้วจึงไม่สามารถแปรสภาพกายเนื้อของตนได้ ทำให้เวลานี้เขาใกล้จะหมดแรงเต็มทน

 

ตอนนี้จักรพรรดิถังกำลังจะสิ้นพระชนม์ ส่วนจ้าวกงกงก็คงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน

 

“จักรพรรดิถังกำลังจะตาย เขาก็ควรเรียกองค์รัชทายาทมาอธิบายเรื่องการจัดเตรียมพิธีศพใช่ไหมนะ?”

 

ซูฉินกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ ก็พบว่าขันทีชุดแดงได้เดินออกมาจากห้องโถงชีวิตนิรันดร์และร่างก็วูบไหวไปราวกับภูตผีพุ่งเข้าไปในห้องโถงเฉิงเอินแห่งพระราชวังตะวันออก

 

ไม่นานหลังจากนั้น องค์รัชทายาทหลี่เชิงก็เดินออกมาด้วยความตื่นตระหนกและรีบเดินทางไปยังห้องโถงแห่งชีวิตนิรันดร์

 

 

ภายในห้องโถงชีวิตนิรันดร์

 

จักรพรรดิถังเอนกายลงอย่างเงียบเชียบบนบัลลังก์มังกร ท่าทางของเขาดูไม่ได้เหมือนกับคนที่กำลังเผชิญหน้ากับความตาย

 

“ฝ่าบาท ข้ารับใช้ชราผู้นี้ไร้ประโยชน์ยิ่ง ไม่สามารถยืดอายุขัยของท่านได้…”

 

จ้าวกงกงคุกเข่าลงกับพื้น กระซิบกล่าวคำ

 

“เจ้าทำได้ดีที่สุดแล้ว…” จักรพรรดิถังฝืนยิ้มก่อนจะพูดออกมาเบาๆ “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงจะต้องตายไปตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว…”

 

ในตอนนั้นเอง

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงเดินเข้ามาภายในห้องโถงชีวิตนิรันดร์อย่างรวดเร็ว คุกเข่าลงหน้าบัลลังก์มังกร กล่าวคำออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ “เสด็จพ่อ ท่านสบายดีหรือไม่?”

 

“ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร ข้าจะไปเรียกหมอหลวงมา”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ถูกจักรพรรดิถังรั้งเอาไว้

 

“ไม่จำเป็น” องค์จักรพรรดิถังมองไปที่องค์รัชทายาทหลี่เชิงพร้อมทั้งส่ายหัว จากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า “ข้ารู้ร่างกายตัวเองดี เป็นเรื่องไม่คาดฝันมากแล้วที่ข้ายังมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้….”

 

เมื่อองค์จักรพรรดิถังพูดขึ้น เขาก็ไอออกมาอย่างรุนแรง หลังจากนั้นจึงได้พูดต่อ “ก่อนที่เจ้าจะเข้ามายังฉางอัน ข้าจงใจให้เหล่าพี่น้องของเจ้าต่อสู้กันเพื่อแบ่งอำนาจสภาขุนนางและราชสำนัก”

 

“ตอนนี้ข้าได้กวาดล้างเหล่าข้าราชบริพารที่คิดเห็นเป็นอื่นไปหมดแล้ว พวกที่ยังอยู่ในสภาขุนนางตอนนี้ไม่ต้องถึงขนาดจะต้องภักดีต่อเจ้า แต่อย่างน้อยพวกนั้นก็ภักดีต่ออาณาจักรถัง”

 

“หลังจากที่ข้าตายไป เจ้าจะได้ครอบครองราชสำนักที่ใสสะอาดและสว่างไสว มันจะเป็นของเจ้าโดยสมบูรณ์ ในเวลานั้นเจ้าสามารถทะเยอทะยานในทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่…”

 

“อย่างไรก็ตาม ข้าคงมิอาจได้เห็นช่วงเวลานั้น…”

 

เมื่อองค์จักรพรรดิกล่าวเช่นนี้ เสียงของเขาก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

 

“เสด็จพ่อ!”

 

ดวงตาขององค์รัชทายาทหลี่เชิงกลายเป็นสีแดงก่ำ

 

เขาไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่องค์จักรพรรดิถังทำลงไปก็เพื่อตน

 

นับตั้งแต่ที่เขายังอยู่ข้างนอกเมือง องค์จักรพรรดิถังก็ได้เริ่มดำเนินการปูทางให้กับตัวเขาและกำจัดผู้คนที่ต่อต้านออกไปอย่างสมบูรณ์หลังจากที่เขาได้รับการสืบทอดตำแหน่งมา

 

“แต่ก็เท่านั้น ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังเป็นจุดอ่อนของข้า…”

 

จักรพรรดิถังเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปที่องค์รัชทายาทหลี่เชิง “นั่นคือพี่น้องของเจ้า ข้าควรจะสังหารพวกเขาให้สิ้น ยามที่เจ้าได้บัลลังก์ไป เช่นนั้นก็จะไม่มีปัญหาอีกในอนาคต…”

 

ร่องรอยของความซับซ้อนสะท้อนใจซ่อนอยู่ในน้ำเสียงขององค์จักรพรรดิถัง

 

แม้ตัวเขาจะกวาดล้างราชสำนักด้วยมาตรการรุนแรงหลายต่อหลายครั้ง แต่เขาก็เลือกที่จะเนรเทศองค์ชายทั้งหลายออกไปแทนที่จะสังหารพวกเขาเสีย

 

“ถ้าพวกเขาทำอะไรขึ้นมาในอนาคต และไม่เต็มใจที่จะอยู่อย่างไร้ศักดิ์ เจ้าก็ไม่ต้องกังวลไป เพียงเรียกตัวพวกเขากลับมาแล้วสังหารพวกเขาทิ้งซะ”

 

จักรพรรดิถังถอนหายใจเล็กน้อยราวกับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าของเขาอ่อนลง “ชีวิตข้าไม่ติดค้างสิ่งใดแล้ว แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ข้ายังเสียใจอยู่จนถึงตอนนี้ก็คือเรื่องแม่ของเจ้า…”

 

จักรพรรดิถังเอนกายลงบนบัลลังก์มังกร สีหน้าของเขาแสดงความคิดถึง เสียงที่เปล่งออกมาเบาราวกับยุงบิน

 

“หลิงเอ๋อ ข้าได้ทำตามที่ได้ให้สัญญาไว้แล้ว…”

 

“เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ!” องค์รัชทายาทหลี่เชิงมองไปที่องค์จักรพรรดิถังซึ่งตอนนี้พลังชีวิตหายไปอย่างสมบูรณ์ น้ำตาของเขาไม่สามารถหยุดไหลได้ เขาร้องไห้คร่ำครวญออกมาเสียงดัง

 

“ฝ่าบาท….”

 

จ้าวกงกงเงยหน้าขึ้นแล้วกระซิบคำด้วยเสียงต่ำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 113 การสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิถัง

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 113 การสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิถัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 113 การสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิถัง

 

“บทเพลงชีวิตหลังความตาย?”

 

ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

จริงๆ แล้ว ‘บทเพลงชีวิตหลังความตาย‘ ควรจะเป็นบทเพลงหนึ่งที่เล่นโดยนักดนตรีหรือผู้ที่มีรสนิยมอันสูงส่ง

 

“น่าเสียดายที่ข้าไม่น่าจะต้องใช้มัน…”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย เขาไม่ได้เป็นนักดนตรีหรือจอมเสเพลแต่อย่างใด ที่สำคัญเขาไม่ได้มีความสนใจด้านดนตรี แม้ว่าจะมีผลงานที่ล้ำค่าอย่างมิอาจเทียบ เขาก็จะไม่เปลืองพลังงานไปกับมันมากนัก

 

“อย่างไรก็ตาม ในเมื่อได้รับมาแล้วก็ไม่เสียหายที่จะลองดูเสียหน่อย”

 

ซูฉินเพียงคิด เขาก็ได้รับการฝังข้อมูลจากระบบ

 

หวึ่ง!

 

ทันใดนั้นความลับทั้งหมดของ ‘บทเพลงชีวิตหลังความตาย‘ ก็ไหลเข้ามาภายในจิตของซูฉินอย่างช้าๆ

 

ซูฉินรู้สึกได้ถึงเสียงบรรเลงอยู่ภายในใจ มีเสียงเพลงครวญคร่ำออกมาอย่างแผ่วเบา สื่อความหมายถึงการพลัดพรากจากชีวิตเดิม

 

หลังจากนั้นไม่นาน

 

ซูฉินก็ลืมตาขึ้นโดยพลัน

 

“ บทเพลงชีวิตหลังความตายนี้ ไม่ง่ายดั่งตาเห็นเลย…”

 

เค้าลางความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

 

เดิมทีเขาคิดว่า ‘บทเพลงชีวิตหลังความตาย‘ เป็นเพียงบทเพลงธรรมดาๆ แต่หลังจากได้รับการ ‘ฝังข้อมูล‘ จากระบบ เขาก็พบว่า ‘บทเพลงชีวิตหลังความตาย‘ ไม่ใช่แค่บทเพลงธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นการผสานระหว่างดนตรีและศิลปะการต่อสู้

เมื่อบทเพลงชีวิตหลังความตายสามารถสังหารคนด้วยคลื่นเสียง ซึ่งคล้ายคลึงกับวิธีการอันลึกลับของมีดบินน้อยเสียวหลี่

 

ภายในขอบเขตของเสียงดนตรี ถ้าจิตวิญญาณหรือจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไม่แข็งแกร่งเท่าซูฉิน ก็มีแต่จะต้องตกตายลงเท่านั้น!

 

ซูฉินลงชื่อเข้าใช้ที่วัดเส้าหลิน ได้รับทักษะวิชามามากมายนับไม่ถ้วน รวมไปถึงวิธีการสังหารด้วยการใช้เสียงเช่นนี้

 

แต่จิตสังหารที่เปิดเผยออกมามันดูจงใจเกินไป

 

ตัวอย่างเช่น ‘วิชาสิงโตคำราม‘ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของวัดเส้าหลิน ก็ใช้คลื่นเสียงเป็นอาวุธ

 

แต่เพลงที่ฟังดูเป็นธรรมชาติเหมือนกับ ‘บทเพลงชีวิตหลังความตาย‘ นั้นหาได้ยากยิ่งหรืออาจจะหาไม่พบเลยก็ได้

 

“ไม่เลวไม่เลว”

 

ใบหน้าของซูฉินเต็มไปด้วยความยินดี

 

 

จากนั้นซูฉินก็กลับสู่คืนวันอันสงบสุขและผ่อนคลายอีกครั้ง

 

แม้ว่าพระราชวังถังจะเป็นสถานที่ห่างไกลจากความเงียบสงบเฉกเช่นวัดเส้าหลิน แต่สำหรับซูฉินมันแทบจะเหมือนกัน สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรั้วในวังแทบจะไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขาเลย

 

ในฐานะ ‘พี่เขย‘ ขององค์รัชทายาท คนอื่นๆ ต่างก็เกรงกลัวซูฉินกันทั้งนั้น ใครจะไปกล้ายั่วโมโหเขากัน?

 

ในวันนี้ หลังจากที่ซูฉินลงชื่อเข้าใช้เรียบร้อยแล้ว เขาก็มองไปยังทิศทางของห้องโถงชีวิตนิรันดร์

 

ห้องโถงชีวิตนิรันดร์เป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถัง

 

“จักรพรรดิถังกำลังจะตายแล้วรึ…”

 

ดวงตาของซูฉินยังคงสงบนิ่ง ไม่ว่าจะด้วยดวงตาแห่งสัจจะหรือจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ตรวจจับปราณชีวิตของจักรพรรดิถังที่นอนเอนหลังอยู่บนบัลลังก์มังกรภายในห้องโถงชีวิตนิรันดร์ได้ว่ามันเหมือนกับเทียนดวงน้อยที่อยู่ท่ามกลางสายลมพัด สามารถดับลงได้ทุกเมื่อ

 

“คนที่น่าสนใจกำลังจะหายไปอีกคน…”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อยและถอนหายใจออกมา

 

แม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้เข้าไปภายในวังส่วนพระองค์มานาน แต่เขาก็ติดต่อกับจักรพรรดิถังมาหลายครั้งจนรู้จักอีกฝ่ายดีพอสมควร อย่างน้อยเขาก็ใจดีกับซูฉิน ทั้งยังตอบแทนกลับมาด้วยสมบัติและทองคำจำนวนมาก

 

เขายังต้องการย้ายซูฉินไปยังหน่วยแพทย์หลวงด้วยซ้ำ

 

แม้ซูฉินจะไม่ได้พึงใจกับสิ่งเหล่านี้เลย แต่ก็ยังนับว่าจักรพรรดิถังใจดีอยู่

 

แน่นอนว่าซูฉินเพียงแค่คิดว่าจักรพรรดิถังน่าสนใจ ไม่ได้มีเหตุผลอื่น

 

การสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิถังนั้นเกิดมาจากการที่อายุขัยถูกใช้ไปหมดสิ้น แม้แต่ตัวตนระดับอรหันต์หรือตำนานยุทธก็ไม่สามารถยื้อเอาไว้ได้

 

“มันไม่เป็นอะไรหรอกถ้าจะต้องตายไป เป็นการทรมานเสียเปล่าถ้ายังมีชีวิตอยู่”

 

ซูฉินคิดในใจตนอยู่เงียบๆ

แม้ว่าจ้าวกงกงซึ่งเป็นยอดปรมาจารย์ระดับแนวหน้า ยินดีที่จะยื้อชีวิตของจักรพรรดิถังด้วยพลังชีวิตของตนเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถช่วยให้จักรพรรดิถังใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย

 

การตายในตอนนี้ ก็เป็นเหมือนการ ‘ปลดปล่อย‘ ชนิดหนึ่ง

 

“อย่างไรก็ตาม จ้าวกงกงผู้นี้ก็ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวนัก…”

 

ซูฉินขยับความคิด รับรู้ไปถึงไอพลังของจ้าวกงกงอย่างระมัดระวัง

 

จ้าวกงกงเป็นผู้ที่มีความสามารถที่สูงลิ่ว แม้เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสองร้อยปี แต่ยังไงก็ต้องมีช่วงอายุขัยยาวนานร้อยแปดสิบถึงร้อยเก้าสิบปีเป็นแน่

 

ช่างน่าเสียดาย เพื่อทดแทนในส่วนที่เสื่อมถอยของร่างกายในตัวองค์จักรพรรดิถัง จ้าวกงกงยินดีที่จะใช้พลังชีวิตของตนเองยืดชีวิตขององค์จักรพรรดิถังต่อไป

 

ถ้าจ้าวกงกงเป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่มีการแปรสภาพร่างกายมาแล้ว ด้วยร่างกายที่ทรงพลังเขาจะสามารถยื้อมันต่อไปได้อีกหลายปี

 

อย่างไรก็ตาม ร่างกายของจ้าวกงกงนั้นสูญเสียคุณสมบัติไปเสียแล้วจึงไม่สามารถแปรสภาพกายเนื้อของตนได้ ทำให้เวลานี้เขาใกล้จะหมดแรงเต็มทน

 

ตอนนี้จักรพรรดิถังกำลังจะสิ้นพระชนม์ ส่วนจ้าวกงกงก็คงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน

 

“จักรพรรดิถังกำลังจะตาย เขาก็ควรเรียกองค์รัชทายาทมาอธิบายเรื่องการจัดเตรียมพิธีศพใช่ไหมนะ?”

 

ซูฉินกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ ก็พบว่าขันทีชุดแดงได้เดินออกมาจากห้องโถงชีวิตนิรันดร์และร่างก็วูบไหวไปราวกับภูตผีพุ่งเข้าไปในห้องโถงเฉิงเอินแห่งพระราชวังตะวันออก

 

ไม่นานหลังจากนั้น องค์รัชทายาทหลี่เชิงก็เดินออกมาด้วยความตื่นตระหนกและรีบเดินทางไปยังห้องโถงแห่งชีวิตนิรันดร์

 

 

ภายในห้องโถงชีวิตนิรันดร์

 

จักรพรรดิถังเอนกายลงอย่างเงียบเชียบบนบัลลังก์มังกร ท่าทางของเขาดูไม่ได้เหมือนกับคนที่กำลังเผชิญหน้ากับความตาย

 

“ฝ่าบาท ข้ารับใช้ชราผู้นี้ไร้ประโยชน์ยิ่ง ไม่สามารถยืดอายุขัยของท่านได้…”

 

จ้าวกงกงคุกเข่าลงกับพื้น กระซิบกล่าวคำ

 

“เจ้าทำได้ดีที่สุดแล้ว…” จักรพรรดิถังฝืนยิ้มก่อนจะพูดออกมาเบาๆ “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงจะต้องตายไปตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว…”

 

ในตอนนั้นเอง

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงเดินเข้ามาภายในห้องโถงชีวิตนิรันดร์อย่างรวดเร็ว คุกเข่าลงหน้าบัลลังก์มังกร กล่าวคำออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ “เสด็จพ่อ ท่านสบายดีหรือไม่?”

 

“ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร ข้าจะไปเรียกหมอหลวงมา”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ถูกจักรพรรดิถังรั้งเอาไว้

 

“ไม่จำเป็น” องค์จักรพรรดิถังมองไปที่องค์รัชทายาทหลี่เชิงพร้อมทั้งส่ายหัว จากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า “ข้ารู้ร่างกายตัวเองดี เป็นเรื่องไม่คาดฝันมากแล้วที่ข้ายังมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้….”

 

เมื่อองค์จักรพรรดิถังพูดขึ้น เขาก็ไอออกมาอย่างรุนแรง หลังจากนั้นจึงได้พูดต่อ “ก่อนที่เจ้าจะเข้ามายังฉางอัน ข้าจงใจให้เหล่าพี่น้องของเจ้าต่อสู้กันเพื่อแบ่งอำนาจสภาขุนนางและราชสำนัก”

 

“ตอนนี้ข้าได้กวาดล้างเหล่าข้าราชบริพารที่คิดเห็นเป็นอื่นไปหมดแล้ว พวกที่ยังอยู่ในสภาขุนนางตอนนี้ไม่ต้องถึงขนาดจะต้องภักดีต่อเจ้า แต่อย่างน้อยพวกนั้นก็ภักดีต่ออาณาจักรถัง”

 

“หลังจากที่ข้าตายไป เจ้าจะได้ครอบครองราชสำนักที่ใสสะอาดและสว่างไสว มันจะเป็นของเจ้าโดยสมบูรณ์ ในเวลานั้นเจ้าสามารถทะเยอทะยานในทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่…”

 

“อย่างไรก็ตาม ข้าคงมิอาจได้เห็นช่วงเวลานั้น…”

 

เมื่อองค์จักรพรรดิกล่าวเช่นนี้ เสียงของเขาก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

 

“เสด็จพ่อ!”

 

ดวงตาขององค์รัชทายาทหลี่เชิงกลายเป็นสีแดงก่ำ

 

เขาไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่องค์จักรพรรดิถังทำลงไปก็เพื่อตน

 

นับตั้งแต่ที่เขายังอยู่ข้างนอกเมือง องค์จักรพรรดิถังก็ได้เริ่มดำเนินการปูทางให้กับตัวเขาและกำจัดผู้คนที่ต่อต้านออกไปอย่างสมบูรณ์หลังจากที่เขาได้รับการสืบทอดตำแหน่งมา

 

“แต่ก็เท่านั้น ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังเป็นจุดอ่อนของข้า…”

 

จักรพรรดิถังเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปที่องค์รัชทายาทหลี่เชิง “นั่นคือพี่น้องของเจ้า ข้าควรจะสังหารพวกเขาให้สิ้น ยามที่เจ้าได้บัลลังก์ไป เช่นนั้นก็จะไม่มีปัญหาอีกในอนาคต…”

 

ร่องรอยของความซับซ้อนสะท้อนใจซ่อนอยู่ในน้ำเสียงขององค์จักรพรรดิถัง

 

แม้ตัวเขาจะกวาดล้างราชสำนักด้วยมาตรการรุนแรงหลายต่อหลายครั้ง แต่เขาก็เลือกที่จะเนรเทศองค์ชายทั้งหลายออกไปแทนที่จะสังหารพวกเขาเสีย

 

“ถ้าพวกเขาทำอะไรขึ้นมาในอนาคต และไม่เต็มใจที่จะอยู่อย่างไร้ศักดิ์ เจ้าก็ไม่ต้องกังวลไป เพียงเรียกตัวพวกเขากลับมาแล้วสังหารพวกเขาทิ้งซะ”

 

จักรพรรดิถังถอนหายใจเล็กน้อยราวกับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าของเขาอ่อนลง “ชีวิตข้าไม่ติดค้างสิ่งใดแล้ว แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ข้ายังเสียใจอยู่จนถึงตอนนี้ก็คือเรื่องแม่ของเจ้า…”

 

จักรพรรดิถังเอนกายลงบนบัลลังก์มังกร สีหน้าของเขาแสดงความคิดถึง เสียงที่เปล่งออกมาเบาราวกับยุงบิน

 

“หลิงเอ๋อ ข้าได้ทำตามที่ได้ให้สัญญาไว้แล้ว…”

 

“เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ!” องค์รัชทายาทหลี่เชิงมองไปที่องค์จักรพรรดิถังซึ่งตอนนี้พลังชีวิตหายไปอย่างสมบูรณ์ น้ำตาของเขาไม่สามารถหยุดไหลได้ เขาร้องไห้คร่ำครวญออกมาเสียงดัง

 

“ฝ่าบาท….”

 

จ้าวกงกงเงยหน้าขึ้นแล้วกระซิบคำด้วยเสียงต่ำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+