เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 114 องค์ชายวางแผนก่อกบฏ เมืองหลวงตกอยู่ในความวุ่นวาย

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 114 องค์ชายวางแผนก่อกบฏ เมืองหลวงตกอยู่ในความวุ่นวาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 114 องค์ชายวางแผนก่อกบฏ เมืองหลวงตกอยู่ในความวุ่นวาย

 

องค์จักรพรรดิถังสิ้นพระชนม์

 

ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วเมืองฉางอันราวกับพายุพัดผ่าน ข่าวไปถึงแม้แต่อาณาจักรข้างเคียง และกระจายไปทั่วดินแดนอย่างรวดเร็ว

 

“ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แล้ว?”

 

“เห้อ ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกฎหมายฉบับใหม่ขององค์จักรพรรดิถัง ครอบครัวข้าคงจะถูกส่งไปเมืองหน้าด่านเป็นแน่แล้ว…”

 

“จักรพรรดินักบุญเช่นนี้ พระองค์ตายได้เช่นไรกัน?”

 

 

มีอีกหลายร้อยครัวเรือนในเมืองฉางอันที่เศร้าโศกเสียใจอย่างสุดซึ้ง

 

จักรพรรดิถังได้สร้าง ‘ผลงานทรงคุณค่า‘ ไว้มากมายในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ครองราชย์ ยามนี้เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ผู้คนต่างก็ซาบซึ้งในพระเมตตาเป็นธรรมดา

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ภายในหุบเขาแห่งหนึ่งนอกเมืองฉางอัน

 

“ไอ้แก่นั่นในที่สุดก็ตายแล้ว”

 

องค์ชายเฉินอยู่ในอาการตกใจและพึมพำอยู่กับตนเอง

 

จักรพรรดิถังได้ส่งองค์ชายทั้งหลายออกไปยังภูมิภาคชายแดน แต่องค์ชายเฉินกลับได้หักลำกลับมากลางคัน และจงใจรั้งรออยู่นอกเมืองฉางอัน

 

เพียงเพื่อรอคอยฟังข่าวนี้

 

ตอนที่จักรพรรดิถังยังคงมีพระชนม์ชีพอยู่ เขาไม่กล้ากระทำการอันใดเลย แต่ตอนนี้พระองค์ตายไปแล้ว องค์ชายเฉินก็ไม่มีพันธนาการอีกต่อไป

 

ความคิดขององค์ชายเฉินเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นเดินไปยังส่วนลึกของหุบเขา

 

“จักรพรรดิถังสิ้นพระชนม์แล้ว”

 

องค์ชายเฉินมองดูร่างคนสองคนที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในของหุบเขา เขาเปล่งเสียงที่แสดงออกถึงความเคารพ

 

กลิ่นอายของทั้งสองไม่อาจหยั่งถึงได้ มันถูกผสานกลืนไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ พวกเขาต่างก็เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งที่ผ่านการแปรสภาพพลังมาแล้ว

 

คนทางด้านซ้ายมือแต่งกายด้วยชุดคลุมที่มีผ้าคาดอก ดูมีสง่าราศี เขาคือราชาหวู่หยางจากอาณาจักรหนานหมิง

 

ราชาหวู่หยางเป็นพระปิตุลาของจักรพรรดิหมิงในสมัยปัจจุบัน เขาเข้าสู่วิถีทางแห่งวิทยายุทธตั้งแต่ยังเด็กและด้วยการจัดสรรทรัพยากรอันมากมายของอาณาจักรหนานหมิงในที่สุดเขาก็ได้กลายเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดและกลายเป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญของอาณาจักรหนานหมิง

 

เพื่อที่จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ องค์ชายเฉินไม่ลังเลที่จะร่วมมือกับกองกำลังของจักรพรรดิหมิง

 

หลังจากที่องค์จักรพรรดิหมิงตกลง เขาก็ได้ปล่อยให้ราชาหวู่หยางมาที่นี่ด้วยตนเองเพื่อป้องกันความผิดพลาด

 

นอกจากนี้จักรพรรดิหมิงยังส่งยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งจากอาณาจักรหนานหมิงแปดคนติดตามมาด้วย

 

ส่วนคนทางขวามือ เป็นชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำ มีไอพลังมืดมนแปลกๆ

 

ชายชราผู้นี้มีชื่อว่าอินจิ่วฝูและเขายังเป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดด้วย แต่ทักษะการบ่มเพาะของเขาค่อนข้างมีอันตรายแอบแฝง เขาจำเป็นตั้งดื่มเลือดมนุษย์เข้าไปด้วยเป็นครั้งคราว

 

ครั้งนี้ องค์ชายเฉินได้ติดต่อกับอินจิ่วฝูและตกลงเงื่อนไขว่าจะมอบเลือดมนุษย์ให้เป็นเวลายี่สิบปีแลกกับการช่วยเหลือเขาในการใหญ่นี้

 

แม้ว่าในยุทธภพนี้จะมียอดปรมาจารย์อยู่มากมาย แต่พวกเขาต่างก็อยู่กระจัดกระจายกันไป และพวกเขาไม่จำเป็นต้องมาสนใจองค์ชายเฉินอีกด้วย

 

อินจิ่วฝูเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดเพียงคนเดียวที่องค์ชายเฉินชักชวนมาได้

 

เพื่อให้อินจิ่วฝูยอมลงมือ องค์ชายเฉินได้ทำสัญญาจะมอบเลือดมนุษย์ให้เป็นเวลายี่สิบปี อีกฝ่ายจึงยอมออกมาจากภูเขาที่พำนัก

 

“ฝ่าบาทเฉินอย่าลืมนะว่าเลือดมนุษย์ที่ชายชราผู้นี้ต้องการก็คือเลือดของจอมยุทธน่ะ”

 

อินจิ่วฝูมองไปทางองค์ชายเฉิน

 

“เลือดของจอมยุทธ?”

 

มุมปากขององค์ชายเฉินกระตุก

ตอนที่เขาสัญญากับอินจิ่วฝูไว้ เขาไม่ได้บอกว่าจะมอบเลือดของจอมยุทธให้

 

แต่ก็เท่านั้น เมื่อนึกถึงความยิ่งใหญ่ตอนที่ตนขึ้นครองบัลลังก์ด้วยความช่วยเหลือของอินจิ่วฝู ไม่ว่าเรื่องไหนก็ยอมรับได้ทั้งนั้น

 

“เรื่องนี้ข้าตกลง”

 

“แต่จ้าวกงกงที่อยู่ในวังน่ะ…”

 

เมื่อองค์ชายเฉินกล่าวออกมาเช่นนั้นเขาก็หยุดพูดแล้วมองไปยังอินจิ่วฝูและราชาหวู่หยาง

 

“อย่าได้กังวล ปล่อยไอ้แก่นั่นให้ข้าจัดการเอง” อินจิ่วฝูไม่ได้สนใจอะไร

 

เมื่อองค์ชายเฉินได้ยินดังนั้นเขาก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย

 

ภายในวังหลวง คนที่เขาหวาดกลัวที่สุดคงต้องเป็นจ้าวกงกง

 

ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจากราชาหวู่หยางแห่งหนานหมิงผู้เป็นถึงยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง องค์ชายเฉินก็ยังไม่สบายใจและไม่ลังเลเลยที่จะยอมจ่ายราคาแสนแพงเพื่อชักชวนอินจิ่วฝูให้มาช่วย

 

“องค์ชายเฉิน หลังจากที่สังหารองค์รัชทายาทได้แล้ว เจ้าจะขึ้นครองบัลลังก์ได้อย่างไร?” ในตอนนั้นเอง ราชาหวู่หยางที่ไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่ต้นก็เริ่มเปิดปากพูดขึ้นอย่างกะทันหัน

 

แม้ว่าองค์ชายเฉินจะเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ยามนี้องค์รัชทายาทกำลังจะได้ขึ้นครองราชย์กลายเป็นจักรพรรดิ แม้องค์ชายเฉินจะสังหารองค์รัชทายาทไป เขาจะโน้มน้าวใจประชาชนได้เยี่ยงไร?

 

“มั่นใจได้เลย”

 

“ข้าได้ติดต่อกับขุนนางที่พ่อของพวกเขาถูกลิดรอนยศตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ ข้าจะพาพวกเขากลับมาที่ฉางอันและเข้าไปในเขตพระราชฐานส่วนกลาง”

 

องค์ชายเฉินได้คิดหาทางออกเอาไว้ได้อย่างชัดเจน

 

ในเมื่อเหล่าขุนนางไม่เชื่อฟัง ก็ต้องเอากลุ่มคนที่ไม่เชื่อฟังนั่นออกไปเสีย

 

แม้ว่านี่จะกลายเป็นปัญหาระยะยาว แต่อย่างน้อยก็สามารถช่วยให้องค์ชายเฉินแก้ปัญหาเร่งด้วยตอนนี้ได้ก่อน

 

“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”

 

ราชาหวู่หยางพยักหน้าเล็กน้อยและมองไปยังเมืองฉางอัน

 

 

ด้านนอกห้องโถงชีวิตนิรันดร์

ขุนนางฝั่งพลเรือนและเหล่าทหารหาญร่วมร้อยชีวิตพากันคุกเข่าลงบนพื้นด้วยสีหน้าเศร้าสลด

 

เช่นเดียวกับองค์รัชทายาทหลี่เชิง ตั้งแต่จักรพรรดิถังสิ้นพระชนม์ไปเมื่อคืน เขาก็ยืนอยู่ตรงนี้จ้องมองไปที่องค์จักรพรรดิถังภายในห้องโถงชีวิตนิรันดร์

 

“ฝ่าบาท ดูแลพระวรกายด้วย…”

 

ขันทีเดินมาหาหลี่เชิงแล้วกระซิบเบาๆ

 

“ข้ารู้แล้ว”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงค่อยๆ นั่งลง เขารู้ว่าสิ่งที่ควรทำที่สุดตอนนี้ก็คือควบคุมยึดครองทุกสิ่งที่จักรพรรดิถังได้ส่งต่อให้เขา

 

หลี่เชิงหันไปมองเหล่าขุนนางพลเรือนและขุนนางทหารที่คุกเข่าอยู่

 

ทันใดนั้น

 

ชั่ววินาทีนั้นเอง

 

พลันปรากฏเสียงคำรามก้องมาแต่ไกล

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงตกตะลึงและมองออกไปนอกพระราชวัง

 

ไม่นานหลังจากนั้น

 

แม่ทัพประจำวังหลวงรีบเข้ามา โค้งคำนับเล็กน้อยมาทางองค์รัชทายาทหลี่เชิงพร้อมกล่าวรายงาน “ฝ่าบาท องค์ชายเฉินอยู่ด้านนอกนั่น…เขา…เข้ามาแล้ว…”

 

“อะไรนะ?!”

 

ม่านตาขององค์รัชทายาทหรี่แคบลง

 

หลังจากนั้นไม่นาน องค์รัชทายาทหลี่เชิงก็ตัดสินใจได้

 

“เจ้าตามข้ามา”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงรีบออกไปจากเขตพระราชฐานส่วนกลางในทันที

 

ขุนนางในราชสำนักคนอื่นต่างมองหน้ากันและรีบเดินตามองค์รัชทายาทหลี่เชิงไป

 

 

ในตอนนี้

 

นอกเขตพระราชฐานส่วนกลาง

 

องค์ชายเฉินยืนอยู่แถวนั้นอย่างเงียบๆ

 

อินจิ่วฝูก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย รอบตัวของเขามียอดปรมาจารย์ของราชวงศ์ถังหลายสิบคนยืนประจันหน้าราวกับเผชิญศัตรู

 

“จ้าวกงกงอยู่ที่ไหน ถ้าไอ้แก่นั่นไม่ลงมือละก็ ลำพังพวกเจ้าหยุดชายชราผู้ได้ด้วยหรือ?”

 

อินจิ่วฝูไพล่มือไปด้านหลัง ยกยิ้มอย่างดูถูก

 

แม้ว่าการบ่มเพาะของเขาจะมีอันตรายแฝงอยู่และจำเป็นต้องดื่มเลือดมนุษย์เป็นระยะๆ แต่ไม่ว่าด้วยกรณีใด เขาก็เป็นถึงจุดสูงสุดของระดับชั้นที่หนึ่ง ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งสักหนึ่งโหลหรือมากกว่านั้นจะมาหยุดยั้งเขาได้อย่างไร?

 

เหตุผลที่เขายังไม่ลงมือสังหารก็เป็นเพราะคอยระวังตัวจากจ้าวกงกงผู้นั้นอยู่

 

แม้ว่าต่อหน้าองค์ชายเฉิน อินจิ่วฝูจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจในตัวของจ้าวกงกง แต่ความเป็นจริงเขาระมัดระวังอย่างยิ่งในหัวใจ

 

ยอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดไม่มีใครเป็นคนโง่ เขาจะดูหมิ่นตัวตนในระดับเดียวกันได้อย่างไร?

 

ขณะที่สองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากันอยู่นั้น

ในที่สุดองค์รัชทายาทหลี่เชิงก็รีบเร่งมาจนถึงเขตพระราชฐานส่วนหน้า

 

“หลี่เฉิน เสด็จพ่อเพิ่งสิ้นพระชนม์ ตอนนี้เจ้ามาที่นี่เพื่อกระทำการอันใด?”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงจ้องมองไปที่องค์ชายเฉินและเน้นคำพูดทุกคำ

 

“โอ้?”

 

“งั้นข้าก็มีเรื่องที่อยากรู้เช่นกัน”

 

องค์ชายเฉินเดินเข้ามาช้าๆ มองไปที่องค์รัชทายาทหลี่เชิงด้วยท่าทีเย็นชา “ทำไมไอ้ลูกนอกคอกเช่นเจ้าถึงได้บัลลังก์ไปครองกัน?”

 

“วันนี้ข้าอยากให้ท่านพ่อรู้ว่าพระองค์นั้นเลือกผิดมหันต์!!”

 

เมื่อองค์ชายเฉินกล่าวเช่นนี้

 

เบื้องหลังของเขาก็ปรากฏยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งแปดคนที่มาจากอาณาจักรหนานหมิง ก้าวเดินเข้ามา

 

ราชาหวู่หยางเงยหน้าขึ้นและมององค์รัชทายาทหลี่เชิงพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “องค์ชายเฉิน เจ้าต้องการให้ข้าสังหารเขาเลยหรือไม่?”

 

“เจ้าคือ?”

 

ช่วงเวลาที่องค์รัชทายาทหลี่เชิงเห็นราชาหวู่หยาง เขาก็แสดงอาการออกมาทันที

 

“ราชาหวู่หยางแห่งหนานหมิง?”

 

“หลี่เฉิน นี่เจ้าร่วมมือกับอาณาจักรอื่นอย่างนั้นหรือ?”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าองค์ชายหลี่เฉินแห่งอาณาจักรถังจะไปขอความร่วมมือจากอาณาจักรหนานหมิง?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 114 องค์ชายวางแผนก่อกบฏ เมืองหลวงตกอยู่ในความวุ่นวาย

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 114 องค์ชายวางแผนก่อกบฏ เมืองหลวงตกอยู่ในความวุ่นวาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 114 องค์ชายวางแผนก่อกบฏ เมืองหลวงตกอยู่ในความวุ่นวาย

 

องค์จักรพรรดิถังสิ้นพระชนม์

 

ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วเมืองฉางอันราวกับพายุพัดผ่าน ข่าวไปถึงแม้แต่อาณาจักรข้างเคียง และกระจายไปทั่วดินแดนอย่างรวดเร็ว

 

“ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แล้ว?”

 

“เห้อ ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกฎหมายฉบับใหม่ขององค์จักรพรรดิถัง ครอบครัวข้าคงจะถูกส่งไปเมืองหน้าด่านเป็นแน่แล้ว…”

 

“จักรพรรดินักบุญเช่นนี้ พระองค์ตายได้เช่นไรกัน?”

 

 

มีอีกหลายร้อยครัวเรือนในเมืองฉางอันที่เศร้าโศกเสียใจอย่างสุดซึ้ง

 

จักรพรรดิถังได้สร้าง ‘ผลงานทรงคุณค่า‘ ไว้มากมายในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ครองราชย์ ยามนี้เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ผู้คนต่างก็ซาบซึ้งในพระเมตตาเป็นธรรมดา

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ภายในหุบเขาแห่งหนึ่งนอกเมืองฉางอัน

 

“ไอ้แก่นั่นในที่สุดก็ตายแล้ว”

 

องค์ชายเฉินอยู่ในอาการตกใจและพึมพำอยู่กับตนเอง

 

จักรพรรดิถังได้ส่งองค์ชายทั้งหลายออกไปยังภูมิภาคชายแดน แต่องค์ชายเฉินกลับได้หักลำกลับมากลางคัน และจงใจรั้งรออยู่นอกเมืองฉางอัน

 

เพียงเพื่อรอคอยฟังข่าวนี้

 

ตอนที่จักรพรรดิถังยังคงมีพระชนม์ชีพอยู่ เขาไม่กล้ากระทำการอันใดเลย แต่ตอนนี้พระองค์ตายไปแล้ว องค์ชายเฉินก็ไม่มีพันธนาการอีกต่อไป

 

ความคิดขององค์ชายเฉินเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นเดินไปยังส่วนลึกของหุบเขา

 

“จักรพรรดิถังสิ้นพระชนม์แล้ว”

 

องค์ชายเฉินมองดูร่างคนสองคนที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในของหุบเขา เขาเปล่งเสียงที่แสดงออกถึงความเคารพ

 

กลิ่นอายของทั้งสองไม่อาจหยั่งถึงได้ มันถูกผสานกลืนไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ พวกเขาต่างก็เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งที่ผ่านการแปรสภาพพลังมาแล้ว

 

คนทางด้านซ้ายมือแต่งกายด้วยชุดคลุมที่มีผ้าคาดอก ดูมีสง่าราศี เขาคือราชาหวู่หยางจากอาณาจักรหนานหมิง

 

ราชาหวู่หยางเป็นพระปิตุลาของจักรพรรดิหมิงในสมัยปัจจุบัน เขาเข้าสู่วิถีทางแห่งวิทยายุทธตั้งแต่ยังเด็กและด้วยการจัดสรรทรัพยากรอันมากมายของอาณาจักรหนานหมิงในที่สุดเขาก็ได้กลายเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดและกลายเป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญของอาณาจักรหนานหมิง

 

เพื่อที่จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ องค์ชายเฉินไม่ลังเลที่จะร่วมมือกับกองกำลังของจักรพรรดิหมิง

 

หลังจากที่องค์จักรพรรดิหมิงตกลง เขาก็ได้ปล่อยให้ราชาหวู่หยางมาที่นี่ด้วยตนเองเพื่อป้องกันความผิดพลาด

 

นอกจากนี้จักรพรรดิหมิงยังส่งยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งจากอาณาจักรหนานหมิงแปดคนติดตามมาด้วย

 

ส่วนคนทางขวามือ เป็นชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำ มีไอพลังมืดมนแปลกๆ

 

ชายชราผู้นี้มีชื่อว่าอินจิ่วฝูและเขายังเป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดด้วย แต่ทักษะการบ่มเพาะของเขาค่อนข้างมีอันตรายแอบแฝง เขาจำเป็นตั้งดื่มเลือดมนุษย์เข้าไปด้วยเป็นครั้งคราว

 

ครั้งนี้ องค์ชายเฉินได้ติดต่อกับอินจิ่วฝูและตกลงเงื่อนไขว่าจะมอบเลือดมนุษย์ให้เป็นเวลายี่สิบปีแลกกับการช่วยเหลือเขาในการใหญ่นี้

 

แม้ว่าในยุทธภพนี้จะมียอดปรมาจารย์อยู่มากมาย แต่พวกเขาต่างก็อยู่กระจัดกระจายกันไป และพวกเขาไม่จำเป็นต้องมาสนใจองค์ชายเฉินอีกด้วย

 

อินจิ่วฝูเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดเพียงคนเดียวที่องค์ชายเฉินชักชวนมาได้

 

เพื่อให้อินจิ่วฝูยอมลงมือ องค์ชายเฉินได้ทำสัญญาจะมอบเลือดมนุษย์ให้เป็นเวลายี่สิบปี อีกฝ่ายจึงยอมออกมาจากภูเขาที่พำนัก

 

“ฝ่าบาทเฉินอย่าลืมนะว่าเลือดมนุษย์ที่ชายชราผู้นี้ต้องการก็คือเลือดของจอมยุทธน่ะ”

 

อินจิ่วฝูมองไปทางองค์ชายเฉิน

 

“เลือดของจอมยุทธ?”

 

มุมปากขององค์ชายเฉินกระตุก

ตอนที่เขาสัญญากับอินจิ่วฝูไว้ เขาไม่ได้บอกว่าจะมอบเลือดของจอมยุทธให้

 

แต่ก็เท่านั้น เมื่อนึกถึงความยิ่งใหญ่ตอนที่ตนขึ้นครองบัลลังก์ด้วยความช่วยเหลือของอินจิ่วฝู ไม่ว่าเรื่องไหนก็ยอมรับได้ทั้งนั้น

 

“เรื่องนี้ข้าตกลง”

 

“แต่จ้าวกงกงที่อยู่ในวังน่ะ…”

 

เมื่อองค์ชายเฉินกล่าวออกมาเช่นนั้นเขาก็หยุดพูดแล้วมองไปยังอินจิ่วฝูและราชาหวู่หยาง

 

“อย่าได้กังวล ปล่อยไอ้แก่นั่นให้ข้าจัดการเอง” อินจิ่วฝูไม่ได้สนใจอะไร

 

เมื่อองค์ชายเฉินได้ยินดังนั้นเขาก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย

 

ภายในวังหลวง คนที่เขาหวาดกลัวที่สุดคงต้องเป็นจ้าวกงกง

 

ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจากราชาหวู่หยางแห่งหนานหมิงผู้เป็นถึงยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง องค์ชายเฉินก็ยังไม่สบายใจและไม่ลังเลเลยที่จะยอมจ่ายราคาแสนแพงเพื่อชักชวนอินจิ่วฝูให้มาช่วย

 

“องค์ชายเฉิน หลังจากที่สังหารองค์รัชทายาทได้แล้ว เจ้าจะขึ้นครองบัลลังก์ได้อย่างไร?” ในตอนนั้นเอง ราชาหวู่หยางที่ไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่ต้นก็เริ่มเปิดปากพูดขึ้นอย่างกะทันหัน

 

แม้ว่าองค์ชายเฉินจะเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ยามนี้องค์รัชทายาทกำลังจะได้ขึ้นครองราชย์กลายเป็นจักรพรรดิ แม้องค์ชายเฉินจะสังหารองค์รัชทายาทไป เขาจะโน้มน้าวใจประชาชนได้เยี่ยงไร?

 

“มั่นใจได้เลย”

 

“ข้าได้ติดต่อกับขุนนางที่พ่อของพวกเขาถูกลิดรอนยศตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ ข้าจะพาพวกเขากลับมาที่ฉางอันและเข้าไปในเขตพระราชฐานส่วนกลาง”

 

องค์ชายเฉินได้คิดหาทางออกเอาไว้ได้อย่างชัดเจน

 

ในเมื่อเหล่าขุนนางไม่เชื่อฟัง ก็ต้องเอากลุ่มคนที่ไม่เชื่อฟังนั่นออกไปเสีย

 

แม้ว่านี่จะกลายเป็นปัญหาระยะยาว แต่อย่างน้อยก็สามารถช่วยให้องค์ชายเฉินแก้ปัญหาเร่งด้วยตอนนี้ได้ก่อน

 

“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”

 

ราชาหวู่หยางพยักหน้าเล็กน้อยและมองไปยังเมืองฉางอัน

 

 

ด้านนอกห้องโถงชีวิตนิรันดร์

ขุนนางฝั่งพลเรือนและเหล่าทหารหาญร่วมร้อยชีวิตพากันคุกเข่าลงบนพื้นด้วยสีหน้าเศร้าสลด

 

เช่นเดียวกับองค์รัชทายาทหลี่เชิง ตั้งแต่จักรพรรดิถังสิ้นพระชนม์ไปเมื่อคืน เขาก็ยืนอยู่ตรงนี้จ้องมองไปที่องค์จักรพรรดิถังภายในห้องโถงชีวิตนิรันดร์

 

“ฝ่าบาท ดูแลพระวรกายด้วย…”

 

ขันทีเดินมาหาหลี่เชิงแล้วกระซิบเบาๆ

 

“ข้ารู้แล้ว”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงค่อยๆ นั่งลง เขารู้ว่าสิ่งที่ควรทำที่สุดตอนนี้ก็คือควบคุมยึดครองทุกสิ่งที่จักรพรรดิถังได้ส่งต่อให้เขา

 

หลี่เชิงหันไปมองเหล่าขุนนางพลเรือนและขุนนางทหารที่คุกเข่าอยู่

 

ทันใดนั้น

 

ชั่ววินาทีนั้นเอง

 

พลันปรากฏเสียงคำรามก้องมาแต่ไกล

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงตกตะลึงและมองออกไปนอกพระราชวัง

 

ไม่นานหลังจากนั้น

 

แม่ทัพประจำวังหลวงรีบเข้ามา โค้งคำนับเล็กน้อยมาทางองค์รัชทายาทหลี่เชิงพร้อมกล่าวรายงาน “ฝ่าบาท องค์ชายเฉินอยู่ด้านนอกนั่น…เขา…เข้ามาแล้ว…”

 

“อะไรนะ?!”

 

ม่านตาขององค์รัชทายาทหรี่แคบลง

 

หลังจากนั้นไม่นาน องค์รัชทายาทหลี่เชิงก็ตัดสินใจได้

 

“เจ้าตามข้ามา”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงรีบออกไปจากเขตพระราชฐานส่วนกลางในทันที

 

ขุนนางในราชสำนักคนอื่นต่างมองหน้ากันและรีบเดินตามองค์รัชทายาทหลี่เชิงไป

 

 

ในตอนนี้

 

นอกเขตพระราชฐานส่วนกลาง

 

องค์ชายเฉินยืนอยู่แถวนั้นอย่างเงียบๆ

 

อินจิ่วฝูก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย รอบตัวของเขามียอดปรมาจารย์ของราชวงศ์ถังหลายสิบคนยืนประจันหน้าราวกับเผชิญศัตรู

 

“จ้าวกงกงอยู่ที่ไหน ถ้าไอ้แก่นั่นไม่ลงมือละก็ ลำพังพวกเจ้าหยุดชายชราผู้ได้ด้วยหรือ?”

 

อินจิ่วฝูไพล่มือไปด้านหลัง ยกยิ้มอย่างดูถูก

 

แม้ว่าการบ่มเพาะของเขาจะมีอันตรายแฝงอยู่และจำเป็นต้องดื่มเลือดมนุษย์เป็นระยะๆ แต่ไม่ว่าด้วยกรณีใด เขาก็เป็นถึงจุดสูงสุดของระดับชั้นที่หนึ่ง ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งสักหนึ่งโหลหรือมากกว่านั้นจะมาหยุดยั้งเขาได้อย่างไร?

 

เหตุผลที่เขายังไม่ลงมือสังหารก็เป็นเพราะคอยระวังตัวจากจ้าวกงกงผู้นั้นอยู่

 

แม้ว่าต่อหน้าองค์ชายเฉิน อินจิ่วฝูจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจในตัวของจ้าวกงกง แต่ความเป็นจริงเขาระมัดระวังอย่างยิ่งในหัวใจ

 

ยอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดไม่มีใครเป็นคนโง่ เขาจะดูหมิ่นตัวตนในระดับเดียวกันได้อย่างไร?

 

ขณะที่สองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากันอยู่นั้น

ในที่สุดองค์รัชทายาทหลี่เชิงก็รีบเร่งมาจนถึงเขตพระราชฐานส่วนหน้า

 

“หลี่เฉิน เสด็จพ่อเพิ่งสิ้นพระชนม์ ตอนนี้เจ้ามาที่นี่เพื่อกระทำการอันใด?”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงจ้องมองไปที่องค์ชายเฉินและเน้นคำพูดทุกคำ

 

“โอ้?”

 

“งั้นข้าก็มีเรื่องที่อยากรู้เช่นกัน”

 

องค์ชายเฉินเดินเข้ามาช้าๆ มองไปที่องค์รัชทายาทหลี่เชิงด้วยท่าทีเย็นชา “ทำไมไอ้ลูกนอกคอกเช่นเจ้าถึงได้บัลลังก์ไปครองกัน?”

 

“วันนี้ข้าอยากให้ท่านพ่อรู้ว่าพระองค์นั้นเลือกผิดมหันต์!!”

 

เมื่อองค์ชายเฉินกล่าวเช่นนี้

 

เบื้องหลังของเขาก็ปรากฏยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งแปดคนที่มาจากอาณาจักรหนานหมิง ก้าวเดินเข้ามา

 

ราชาหวู่หยางเงยหน้าขึ้นและมององค์รัชทายาทหลี่เชิงพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “องค์ชายเฉิน เจ้าต้องการให้ข้าสังหารเขาเลยหรือไม่?”

 

“เจ้าคือ?”

 

ช่วงเวลาที่องค์รัชทายาทหลี่เชิงเห็นราชาหวู่หยาง เขาก็แสดงอาการออกมาทันที

 

“ราชาหวู่หยางแห่งหนานหมิง?”

 

“หลี่เฉิน นี่เจ้าร่วมมือกับอาณาจักรอื่นอย่างนั้นหรือ?”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าองค์ชายหลี่เฉินแห่งอาณาจักรถังจะไปขอความร่วมมือจากอาณาจักรหนานหมิง?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+