เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 125 แฝดหญิงชาย

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 125 แฝดหญิงชาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

Sign in Buddha’s palm 125 แฝดหญิงชาย

 

“อย่างน้อยก็ก้าวหน้าขึ้น แม้จะเป็นการพัฒนาเพียงเล็กน้อยก็ตามที่”

 

“หนทางยังอีกยาวไกลกว่าจะถึงขั้นสมบูรณ์ของระดับนภาชั้นที่สี่….”

 

ซูฉินเดินออกจากตําหนักขุนฝั่งขวาอย่างช้าๆ ความคิดของเขาประเดี๋ยวขึ้นประเดี๋ยวลงครุ่นคิดอยู่ภายในใจ

 

ในตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความยากลําบากในการฝึกฝนบ่มเพาะ แม้แต่การใช้โอสถศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงนั้น การบ่มเพาะก็ยังเป็นไปด้วยความเชื่องช้าไม่ต้องพูดถึงอรหันต์หรือตํานานยุทธคนอื่นๆเลย

 

หากไม่มีโอกาสที่ดี เกรงว่าตลอดทั้งชีวิตของพวกเขาคงจะต้องชะงักอยู่ที่ระดับนภาชั้นที่หนึ่งนภาชั้นที่สอง และอย่างมากที่สุดก็เป็นได้แค่ระดับนภาชั้นที่สาม

 

“แม้จะยังห่างไกลจากนภาชั้นที่สี่ขั้นสมบูรณ์ แต่จากความเร็วในการบ่มเพาะในปัจจุบันของข้า อย่างมากที่สุดก็คงจะอีกสิบปีจึงจะไปถึงได้”

 

ซูฉันคิดในใจ

 

การบรรลุถึงระดับนภาชั้นที่สี่ขั้นสมบูรณ์ในระยะเวลาสิบปีคือกรณีที่ซูฉินไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้แล้วได้รับสมบัติที่สูงล้ํากว่าโลหิตรู้แจ้งหรือหยดนจิตวิญญาณธรรมชาติภายในช่วงเวลาสิบปีนี้

 

หากสามารถลงชื่อได้รับโอสถที่มีระดับสูงกว่านี้ ระยะเวลาสิบปีที่ว่าคงจะหดสั้นลงกว่านั้นมาก

 

“น่าเสียดายนัก ไม่ว่าจะเป็นหยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติหรือโลหิตรู้แจ้งล้วนเป็นสมบัติระดับอรหันต์ คนที่อยู่ในขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นไม่สามารถเอาไปใช้ได้เลย…”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย

 

แม้ว่าจะเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง แต่หากเร่งร้อนเกินไปที่จะใช้หยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติหรือโลหิตรู้แจ้ง ชะตาที่คอยอยู่มีเพียงจะต้องตายเพราะร่างระเบิดเท่านั้น

 

เนื่องจากพลังงานภายในหยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติและโลหิตรู้แจ้งนั้นมีมากเกินไปจน เกินขีดจํากัดที่เหล่าจอมยุทธในขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นจะทานทนได้

 

เวลาผ่านพ้นไปอย่างเชื่องช้า

 

ซูฉินกลับสู่ช่วงชีวิตอันปกติอีกครั้งหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ ฝึกฝนทุกวี่วัน และสนทนากับองค์จักรพรรดิหลี่เชิงเป็นครั้งคราว

 

สําหรับครอบครัวตระกูลซู ไม่ว่าจะเป็นซูชื่อหมิน ซูเฉิงฮ่าว หรือซูเฉิงยู่ ซูฉินก็แอบใช้แก่นแท้แห่งพลังของระดับอรหันต์คอยเสริมแกร่งกายเนื้อให้ทุกคน

 

ในยุทธภพ ทรัพยากรมิใช่ปัจจัยเดียวที่จําเป็นในการบ่มเพาะ นอกเหนือจากนั้นเรื่องของจิตใจเองก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งหลายสิบคนในวังหลวง ที่ประสบความสําเร็จเช่นนี้ได้ไม่ใช่เพียงเพราะทรัพยากรภายในพระราชวังถังเท่านั้น แต่เป็นเพราะความสามารถในการเข้าใจและจิตใจของพวกเขานั้นยอดเยี่ยมด้วย จึงสามารถพาตนเองมาถึงระดับชั้นที่หนึ่งกันได้

 

ในบรรดาบุคคลในตระกูลซู พลังชีวิตและเลือดเนื้อของซูชื่อหมินเริ่มลดลงไปแล้ว รวมถึงเริ่มสูญเสียจิตใจแห่งความมุ่งมั่นไปแล้ว แม้ว่าซูฉินจะจัดหาทรัพยากรในการบ่มเพาะให้มากขึ้นอีก แต่ก็คงจะยากที่จะเข้าสู่ขอบเขตสามระดับบนได้

 

สําหรับซูเฉิงฮ่าวและซูเฉิงยู่ พวกเขาต่างก็ไม่มีจิตใจแห่งความมุ่งมั่นในการบ่มเพาะ เพราะฉะนั้นความสําเร็จในด้านการฝึกฝนย่อมมีจํากัดไม่ต่างกันแม้ว่าจะได้รับทรัพยากรสําหรับการบ่มเพาะเพิ่มก็ตาม

 

เมื่อตระหนักรู้ถึงสิ่งเหล่านั้น ซูฉินไม่คิดว่าตระกูลซูจะมีความหวังที่จะสามารถไปต่อใน เส้นทางการฝึกยุทธจึงใช้แก่นแท้แห่งพลังของตนไปเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้

 

เมื่อเปรียบเทียบกับยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้สองร้อยปี ด้วยการเสริมแกร่งกายเนื้อให้กับครอบครัวตระกูลซู พวกเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้มากกว่าหนึ่งร้อยปี ซึ่งความแตกต่างนั้นไม่ได้ต่างกันมากเลย

 

ในวันนั้นเอง

 

ตอนที่ซูฉินฝึกฝนเสร็จสิ้น จักรพรรดิถังหลี่เชิงและซูเยว่หยุนก็เดินมาถึงด้านนอกของตําหนัก ชุนฝั่งขวาด้วยความยินดี

 

“หือ?”

 

ซูฉินเหลือบมองไปที่ซูเยว่หยุน รอยยิ้มก็ปรากฎบนหน้าของเขา

 

“พี่สาม หยุนเหนียงมี” จักรพรรดิถังหลี่เชิงพูดออกมาอย่างตื่นเต้น แทบจะกระโดด โลดเต้นอยู่แล้ว

 

“ข้ารู้แล้วล่ะ”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

 

ครั้งแรกที่เขาเห็นซูเยว่หยุน เขาก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอีกแห่งหนึ่งภายในร่างกายของฝ่ายตรงข้าม

“ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สาม ข้ากลัวว่าทั้งหยุนเหนียงและข้าคง” องค์จักรพรรดิถังหลี่เชิงมองไปที่ซูฉินด้วยความขอบคุณ

 

ตั้งแต่แรกที่ซูเยว่หยุนเข้าวังมา ก็พบว่ามีพลังธาตุหยินอยู่ภายในร่างกายของนาง เป็นการยากที่จะให้กําเนิดบุตรแห่งมังกร

 

หากไม่ใช่เพราะใบสั่งยาที่ซูฉินเขียนมาให้เพื่อกําจัดธาตุหยินภายในร่าง เกรงว่าองค์จักรพรรดิราชวงศ์ถังอย่างหลี่เชิงคงทําได้เพียงรับบุตรบุญธรรมมาจากราชนิกุลคนอื่นเท่านั้น

 

แม้ทายาทบุญธรรมจะเป็นสายเลือดตระกูลหลี่ แต่ก็ไม่ใช่สายเลือดของตัวเขาเองโดยตรง

 

มันมีความแตกต่างกันอย่างมากอยู่

 

ไม่นานหลังจากที่ทั้งสามคนพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จักรพรรดิถังหลี่เชิงก็พาซูเยว่หยุนกลับไปเพื่อเตรียมให้หมอหลวงต้มยาสําหรับบํารุงร่างกาย

 

ซูฉินทําเพียงแค่ยิ้มออกมา

 

แม้ว่าตอนนี้ซูเยว่หยุนจะอยู่ในวัยอายุสามสิบ แต่ก็มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์เป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับสตรีอื่นที่อายุน้อยกว่า

 

แต่สุดท้ายแล้ว อย่างไรซูเยว่หยุนก็เป็นถึงผู้ฝึกยุทธมีพลังและเลือดเนื้อที่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ซูฉินเองก็ช่วยล้างไขกระดูกให้อย่างลับๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้น

 

เวลาค่อยๆ ผ่านไป

 

สิบเดือนก็ผ่านเลยไปในพริบตา

 

ในวันนี้มีนางกํานัลและขันที่เข้าออกพระราชวังคุนหนิงไม่ขาดสาย

 

องค์จักรพรรดิถังหลี่เชิงรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ

 

“ฝ่าบาท”

 

“พระนางจะต้องสบายดี”

 

หลิวกงกงที่อยู่ด้านข้างกระซิบบอกเบาๆ

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงได้ยินแต่ไม่ได้พูดตอบกลับไป เพียงแต่ส่ายหัว

 

แม้ว่าหมอหลวงจะบอกว่าซูเยว่หยุนมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง พลังงานและเลือดเนื้อก็มีเพียงพอ ไม่มีปัญหาในการให้กําเนิดทายาทแห่งมังกร

 

แต่จักรพรรดิถังหลี่เชิงก็ยังเต็มไปด้วยความกังวล

 

“เป็นอย่างไรบ้าง ต้องรออีกนานเท่าไหร่?”

 

องค์จักรพรรดิถังหลี่เชิงมองไปที่นางกํานัลที่เพิ่งออกมาแล้วจึงเอ่ยถาม

 

นางกํานัลผู้นั้นมีท่าที่ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด นางไม่คาดคิดว่าองค์จักรพรรดิถังจะตรัสถามกับนางด้วยพระองค์เอง จึงพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “ฝ่าฝ่าบาทวางใจเถิดเพคะ พระ..พระนาง ภายในนั้นราบรื่นมากเพคะ…”

 

“ราบรื่นมาก”

 

จักรพรรดิหลี่เชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

“ข้าจะได้เป็นพ่อคนเร็วๆ นี้แล้ว?”

 

จักรพรรดิถังกําหมัดแน่น เต็มไปด้วยความสุข

 

และในขณะนั้นเอง

 

ซูฉินก็เดินออกมาจากตําหนักขุนฝั่งขวา และมองไปยังพระราชวังคุนหนึ่ง

 

“น้องเล็ก…”

 

ซูฉินก้าวเท้าไปข้างหน้าแล้วหายวับไปจากสถานที่แห่งนั้น

 

เมื่อซูฉินปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ที่หน้าพระราชวังคุนหนิงแล้ว

 

“ฝ่าบาท…”

 

หลิวกงกงพยายามจะปลอบหลีเชิงอีกครั้ง แต่หางตาเหลือบไปเห็นซูฉันยืนอยู่เงียบๆ ในที่ที่ไม่ไกลนักเสียก่อน

 

“นี่คือ?”

 

หน้าผากของหลิวกงกงมีเหงื่อไหลซึมออกมาอย่างรวดเร็ว

 

เพราะก่อนที่ซูฉินจะปรากฏตัวออกมา เขาไม่ได้รู้สึกตัวมาก่อนเลย

 

ในฐานะที่เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง หลิวกงกงรับรู้สภาพแวดล้อมภายนอกอยู่เสมอไม่มีอะไรที่ซุ่มซ่อนไปจากตัวเขาได้

 

ทว่า ตั้งแต่ตอนที่ซูฉินปรากฏตัวออกมาจนถึงปัจจุบันนี้ หลิวกงกงยังไม่สังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นเลย ราวกับว่าซูฉันยืนอยู่ตรงนั้นมาตั้งนานแล้วโดยไม่ได้มีใครเข้าไปยุ่งราวกับภูตผี

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

 

หลิวกงกงสับสนกับตนเอง และเกือบจะคิดไปแล้วว่ามีปัญหาในการบ่มเพาะของตนเอง

 

“มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”

 

องค์จักรพรรดิถังหลี่เชิงสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงไปของหลิวกงกงและกําลังจะเอ่ยถาม แต่พบซูฉินที่ยืนอยู่ไม่ไกลออกไปเท่าไรเสียก่อน

 

“พี่สาม”

 

“ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ….”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงเดินเข้าไปหาซูฉินแล้วพูดขึ้นทันที “เมื่อครู่ นางกํานัลได้บอกว่าด้านในเป็นไปอย่างราบรื่นมาก และจะเสร็จในเร็วๆ นี้”

 

“ข้าทราบแล้ว”

 

ซูฉินพยักหน้า

 

ในตอนนั้นเอง

 

นางกํานัลรีบเดินออกมาแล้วพูดเสียงดัง “ฝ่าบาท พระนางให้กําเนิดทายาทแฝดสองพระองค์ เป็นหญิงหนึ่ง ชายหนึ่ง”

 

“แล้วหยุนเหนียงเล่า เป็นอะไรไหม?”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จักรพรรดิหลี่เชิงก็เดินเข้าไปในพระราชวังคุนหนิงอย่างรวดเร็ว

 

ซูฉินก็เดินตามเข้าไป

 

ภายในพระราชวังคุนหนิง

 

ซูเยว่หยุนนอนอยู่บนแท่นบรรทมด้วยใบหน้าซีดเซียว

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงได้มาอยู่เคียงข้างซูเยว่หยุนในขณะนี้

 

“พี่สาม..”

 

เมื่อซูเยว่หยุนเห็นซูฉิน นางก็ยิ้มและกําลังจะพูด

 

“อย่าเพิ่งขยับ”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อยปรามซูเยว่หยุนเอาไว้แล้วจึงเดินไปยังแท่นบรรทม

 

ในเวลาต่อมา ซูฉินก็สะบัดนิ้วของตนออกไป สายใยแก่นแท้แห่งพลังระดับอรหันต์ก็ได้หลอมรวมเข้ากับร่างกายของซูเยว่หยุน ค่อยๆปลอบประโลมและหล่อเลี้ยงร่างกายของนาง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 125 แฝดหญิงชาย

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 125 แฝดหญิงชาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

Sign in Buddha’s palm 125 แฝดหญิงชาย

 

“อย่างน้อยก็ก้าวหน้าขึ้น แม้จะเป็นการพัฒนาเพียงเล็กน้อยก็ตามที่”

 

“หนทางยังอีกยาวไกลกว่าจะถึงขั้นสมบูรณ์ของระดับนภาชั้นที่สี่….”

 

ซูฉินเดินออกจากตําหนักขุนฝั่งขวาอย่างช้าๆ ความคิดของเขาประเดี๋ยวขึ้นประเดี๋ยวลงครุ่นคิดอยู่ภายในใจ

 

ในตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความยากลําบากในการฝึกฝนบ่มเพาะ แม้แต่การใช้โอสถศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงนั้น การบ่มเพาะก็ยังเป็นไปด้วยความเชื่องช้าไม่ต้องพูดถึงอรหันต์หรือตํานานยุทธคนอื่นๆเลย

 

หากไม่มีโอกาสที่ดี เกรงว่าตลอดทั้งชีวิตของพวกเขาคงจะต้องชะงักอยู่ที่ระดับนภาชั้นที่หนึ่งนภาชั้นที่สอง และอย่างมากที่สุดก็เป็นได้แค่ระดับนภาชั้นที่สาม

 

“แม้จะยังห่างไกลจากนภาชั้นที่สี่ขั้นสมบูรณ์ แต่จากความเร็วในการบ่มเพาะในปัจจุบันของข้า อย่างมากที่สุดก็คงจะอีกสิบปีจึงจะไปถึงได้”

 

ซูฉันคิดในใจ

 

การบรรลุถึงระดับนภาชั้นที่สี่ขั้นสมบูรณ์ในระยะเวลาสิบปีคือกรณีที่ซูฉินไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้แล้วได้รับสมบัติที่สูงล้ํากว่าโลหิตรู้แจ้งหรือหยดนจิตวิญญาณธรรมชาติภายในช่วงเวลาสิบปีนี้

 

หากสามารถลงชื่อได้รับโอสถที่มีระดับสูงกว่านี้ ระยะเวลาสิบปีที่ว่าคงจะหดสั้นลงกว่านั้นมาก

 

“น่าเสียดายนัก ไม่ว่าจะเป็นหยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติหรือโลหิตรู้แจ้งล้วนเป็นสมบัติระดับอรหันต์ คนที่อยู่ในขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นไม่สามารถเอาไปใช้ได้เลย…”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย

 

แม้ว่าจะเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง แต่หากเร่งร้อนเกินไปที่จะใช้หยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติหรือโลหิตรู้แจ้ง ชะตาที่คอยอยู่มีเพียงจะต้องตายเพราะร่างระเบิดเท่านั้น

 

เนื่องจากพลังงานภายในหยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติและโลหิตรู้แจ้งนั้นมีมากเกินไปจน เกินขีดจํากัดที่เหล่าจอมยุทธในขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นจะทานทนได้

 

เวลาผ่านพ้นไปอย่างเชื่องช้า

 

ซูฉินกลับสู่ช่วงชีวิตอันปกติอีกครั้งหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ ฝึกฝนทุกวี่วัน และสนทนากับองค์จักรพรรดิหลี่เชิงเป็นครั้งคราว

 

สําหรับครอบครัวตระกูลซู ไม่ว่าจะเป็นซูชื่อหมิน ซูเฉิงฮ่าว หรือซูเฉิงยู่ ซูฉินก็แอบใช้แก่นแท้แห่งพลังของระดับอรหันต์คอยเสริมแกร่งกายเนื้อให้ทุกคน

 

ในยุทธภพ ทรัพยากรมิใช่ปัจจัยเดียวที่จําเป็นในการบ่มเพาะ นอกเหนือจากนั้นเรื่องของจิตใจเองก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งหลายสิบคนในวังหลวง ที่ประสบความสําเร็จเช่นนี้ได้ไม่ใช่เพียงเพราะทรัพยากรภายในพระราชวังถังเท่านั้น แต่เป็นเพราะความสามารถในการเข้าใจและจิตใจของพวกเขานั้นยอดเยี่ยมด้วย จึงสามารถพาตนเองมาถึงระดับชั้นที่หนึ่งกันได้

 

ในบรรดาบุคคลในตระกูลซู พลังชีวิตและเลือดเนื้อของซูชื่อหมินเริ่มลดลงไปแล้ว รวมถึงเริ่มสูญเสียจิตใจแห่งความมุ่งมั่นไปแล้ว แม้ว่าซูฉินจะจัดหาทรัพยากรในการบ่มเพาะให้มากขึ้นอีก แต่ก็คงจะยากที่จะเข้าสู่ขอบเขตสามระดับบนได้

 

สําหรับซูเฉิงฮ่าวและซูเฉิงยู่ พวกเขาต่างก็ไม่มีจิตใจแห่งความมุ่งมั่นในการบ่มเพาะ เพราะฉะนั้นความสําเร็จในด้านการฝึกฝนย่อมมีจํากัดไม่ต่างกันแม้ว่าจะได้รับทรัพยากรสําหรับการบ่มเพาะเพิ่มก็ตาม

 

เมื่อตระหนักรู้ถึงสิ่งเหล่านั้น ซูฉินไม่คิดว่าตระกูลซูจะมีความหวังที่จะสามารถไปต่อใน เส้นทางการฝึกยุทธจึงใช้แก่นแท้แห่งพลังของตนไปเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้

 

เมื่อเปรียบเทียบกับยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้สองร้อยปี ด้วยการเสริมแกร่งกายเนื้อให้กับครอบครัวตระกูลซู พวกเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้มากกว่าหนึ่งร้อยปี ซึ่งความแตกต่างนั้นไม่ได้ต่างกันมากเลย

 

ในวันนั้นเอง

 

ตอนที่ซูฉินฝึกฝนเสร็จสิ้น จักรพรรดิถังหลี่เชิงและซูเยว่หยุนก็เดินมาถึงด้านนอกของตําหนัก ชุนฝั่งขวาด้วยความยินดี

 

“หือ?”

 

ซูฉินเหลือบมองไปที่ซูเยว่หยุน รอยยิ้มก็ปรากฎบนหน้าของเขา

 

“พี่สาม หยุนเหนียงมี” จักรพรรดิถังหลี่เชิงพูดออกมาอย่างตื่นเต้น แทบจะกระโดด โลดเต้นอยู่แล้ว

 

“ข้ารู้แล้วล่ะ”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

 

ครั้งแรกที่เขาเห็นซูเยว่หยุน เขาก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอีกแห่งหนึ่งภายในร่างกายของฝ่ายตรงข้าม

“ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สาม ข้ากลัวว่าทั้งหยุนเหนียงและข้าคง” องค์จักรพรรดิถังหลี่เชิงมองไปที่ซูฉินด้วยความขอบคุณ

 

ตั้งแต่แรกที่ซูเยว่หยุนเข้าวังมา ก็พบว่ามีพลังธาตุหยินอยู่ภายในร่างกายของนาง เป็นการยากที่จะให้กําเนิดบุตรแห่งมังกร

 

หากไม่ใช่เพราะใบสั่งยาที่ซูฉินเขียนมาให้เพื่อกําจัดธาตุหยินภายในร่าง เกรงว่าองค์จักรพรรดิราชวงศ์ถังอย่างหลี่เชิงคงทําได้เพียงรับบุตรบุญธรรมมาจากราชนิกุลคนอื่นเท่านั้น

 

แม้ทายาทบุญธรรมจะเป็นสายเลือดตระกูลหลี่ แต่ก็ไม่ใช่สายเลือดของตัวเขาเองโดยตรง

 

มันมีความแตกต่างกันอย่างมากอยู่

 

ไม่นานหลังจากที่ทั้งสามคนพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จักรพรรดิถังหลี่เชิงก็พาซูเยว่หยุนกลับไปเพื่อเตรียมให้หมอหลวงต้มยาสําหรับบํารุงร่างกาย

 

ซูฉินทําเพียงแค่ยิ้มออกมา

 

แม้ว่าตอนนี้ซูเยว่หยุนจะอยู่ในวัยอายุสามสิบ แต่ก็มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์เป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับสตรีอื่นที่อายุน้อยกว่า

 

แต่สุดท้ายแล้ว อย่างไรซูเยว่หยุนก็เป็นถึงผู้ฝึกยุทธมีพลังและเลือดเนื้อที่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ซูฉินเองก็ช่วยล้างไขกระดูกให้อย่างลับๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้น

 

เวลาค่อยๆ ผ่านไป

 

สิบเดือนก็ผ่านเลยไปในพริบตา

 

ในวันนี้มีนางกํานัลและขันที่เข้าออกพระราชวังคุนหนิงไม่ขาดสาย

 

องค์จักรพรรดิถังหลี่เชิงรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ

 

“ฝ่าบาท”

 

“พระนางจะต้องสบายดี”

 

หลิวกงกงที่อยู่ด้านข้างกระซิบบอกเบาๆ

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงได้ยินแต่ไม่ได้พูดตอบกลับไป เพียงแต่ส่ายหัว

 

แม้ว่าหมอหลวงจะบอกว่าซูเยว่หยุนมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง พลังงานและเลือดเนื้อก็มีเพียงพอ ไม่มีปัญหาในการให้กําเนิดทายาทแห่งมังกร

 

แต่จักรพรรดิถังหลี่เชิงก็ยังเต็มไปด้วยความกังวล

 

“เป็นอย่างไรบ้าง ต้องรออีกนานเท่าไหร่?”

 

องค์จักรพรรดิถังหลี่เชิงมองไปที่นางกํานัลที่เพิ่งออกมาแล้วจึงเอ่ยถาม

 

นางกํานัลผู้นั้นมีท่าที่ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด นางไม่คาดคิดว่าองค์จักรพรรดิถังจะตรัสถามกับนางด้วยพระองค์เอง จึงพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “ฝ่าฝ่าบาทวางใจเถิดเพคะ พระ..พระนาง ภายในนั้นราบรื่นมากเพคะ…”

 

“ราบรื่นมาก”

 

จักรพรรดิหลี่เชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

“ข้าจะได้เป็นพ่อคนเร็วๆ นี้แล้ว?”

 

จักรพรรดิถังกําหมัดแน่น เต็มไปด้วยความสุข

 

และในขณะนั้นเอง

 

ซูฉินก็เดินออกมาจากตําหนักขุนฝั่งขวา และมองไปยังพระราชวังคุนหนึ่ง

 

“น้องเล็ก…”

 

ซูฉินก้าวเท้าไปข้างหน้าแล้วหายวับไปจากสถานที่แห่งนั้น

 

เมื่อซูฉินปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ที่หน้าพระราชวังคุนหนิงแล้ว

 

“ฝ่าบาท…”

 

หลิวกงกงพยายามจะปลอบหลีเชิงอีกครั้ง แต่หางตาเหลือบไปเห็นซูฉันยืนอยู่เงียบๆ ในที่ที่ไม่ไกลนักเสียก่อน

 

“นี่คือ?”

 

หน้าผากของหลิวกงกงมีเหงื่อไหลซึมออกมาอย่างรวดเร็ว

 

เพราะก่อนที่ซูฉินจะปรากฏตัวออกมา เขาไม่ได้รู้สึกตัวมาก่อนเลย

 

ในฐานะที่เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง หลิวกงกงรับรู้สภาพแวดล้อมภายนอกอยู่เสมอไม่มีอะไรที่ซุ่มซ่อนไปจากตัวเขาได้

 

ทว่า ตั้งแต่ตอนที่ซูฉินปรากฏตัวออกมาจนถึงปัจจุบันนี้ หลิวกงกงยังไม่สังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นเลย ราวกับว่าซูฉันยืนอยู่ตรงนั้นมาตั้งนานแล้วโดยไม่ได้มีใครเข้าไปยุ่งราวกับภูตผี

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

 

หลิวกงกงสับสนกับตนเอง และเกือบจะคิดไปแล้วว่ามีปัญหาในการบ่มเพาะของตนเอง

 

“มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”

 

องค์จักรพรรดิถังหลี่เชิงสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงไปของหลิวกงกงและกําลังจะเอ่ยถาม แต่พบซูฉินที่ยืนอยู่ไม่ไกลออกไปเท่าไรเสียก่อน

 

“พี่สาม”

 

“ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ….”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงเดินเข้าไปหาซูฉินแล้วพูดขึ้นทันที “เมื่อครู่ นางกํานัลได้บอกว่าด้านในเป็นไปอย่างราบรื่นมาก และจะเสร็จในเร็วๆ นี้”

 

“ข้าทราบแล้ว”

 

ซูฉินพยักหน้า

 

ในตอนนั้นเอง

 

นางกํานัลรีบเดินออกมาแล้วพูดเสียงดัง “ฝ่าบาท พระนางให้กําเนิดทายาทแฝดสองพระองค์ เป็นหญิงหนึ่ง ชายหนึ่ง”

 

“แล้วหยุนเหนียงเล่า เป็นอะไรไหม?”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จักรพรรดิหลี่เชิงก็เดินเข้าไปในพระราชวังคุนหนิงอย่างรวดเร็ว

 

ซูฉินก็เดินตามเข้าไป

 

ภายในพระราชวังคุนหนิง

 

ซูเยว่หยุนนอนอยู่บนแท่นบรรทมด้วยใบหน้าซีดเซียว

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงได้มาอยู่เคียงข้างซูเยว่หยุนในขณะนี้

 

“พี่สาม..”

 

เมื่อซูเยว่หยุนเห็นซูฉิน นางก็ยิ้มและกําลังจะพูด

 

“อย่าเพิ่งขยับ”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อยปรามซูเยว่หยุนเอาไว้แล้วจึงเดินไปยังแท่นบรรทม

 

ในเวลาต่อมา ซูฉินก็สะบัดนิ้วของตนออกไป สายใยแก่นแท้แห่งพลังระดับอรหันต์ก็ได้หลอมรวมเข้ากับร่างกายของซูเยว่หยุน ค่อยๆปลอบประโลมและหล่อเลี้ยงร่างกายของนาง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+